เฟยหลงได้หยิบเอาเม็ดยาบางอย่างออกมาจากถุงมิติเเล้วกำลังจะทานเข้าไปเเต่เเล้วตอนนั้นเองที่มีเสียงของจิตวิญญาณหอคอยดังขึ้น
” ตรวจพบว่าผู้เข้ารับการทดสอบกำลังใช้เม็ดยาบางอย่างเพื่อเพิ่มพลังซึ่งไม่ใช่ความสามารถของตนเอง ”
” ถือเป็นข้อห้ามเเละถ้าผู้เข้ารับการทดสอบใช้เม็ดยานั้นจะต้องถูกส่งกลับออกไปจากหอคอยขั้นบันได ”
เมื่อเฟยหลงได้ยินเช่นนั้นกลับไม่ได้เก็บเม็ดยาที่ตนเองนำออกมาจากถุงมิติเเต่กล่าวกับจิตวิญญาณหอคอยว่า
” เสียงที่ดังตั้งเเต่ข้าเข้ามานั้นท่านคงเป็นจิตวิญญาณหอคอยสินะ…………. ถามที่ท่านกล่าวออกมานั้นข้าได้ใช้พลังภายนอกเเต่ท่านคิดผิด ”
” ท่านนั้นดำรงอยู่มานานขนาดนี้จนลืมไปเเล้วหรือว่ามันมีข้อยกเว้นบางประการที่เป็นหนึ่งในกฎของการทดสอบ ”
จิตวิญญาณเเห่งหอคอยรู้สึกเเปลกใจที่เฟยหลงรู้ว่าตนเองนั้นเป็นจิตวิญญาณที่เฝ้าดูเเลที่เเห่งนี้จึงทำให้การทดสอบถูกหยุดเอาไว้เหล่าเหยี่ยวทมิฬเหมือนกับถูกบางสิ่งตรึงไว้กับที่เเล้วจิตวิญญาณหอคอยจึงกล่าวถามกลับไป
” เจ้ารู้ด้วยหรือว่าข้าเฝ้ามองเจ้ามาตลอดเเล้วยังมีกฎเหล่านั้นอีก………… เเละคนที่รู้เรื่องนี้นั้นมีไม่มากเเล้วเกี่ยวกับสถานที่เเห่งนี้”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นก็ได้กล่าวตอบกลับไปด้วยท่าทางราบเรียบ
” พอดีข้าเป็นคนชอบอ่านหนังสือเเละศึกษาเรื่องราวของประวัติศาสตร์ของโลกบรรพกาลถ้าเทียบด้านการบ่มเพาะข้าในตอนนี้อาจจะไม่ได้โดดเด่นอะไรเลยเเต่ด้านความรู้ต่างๆนั้นข้ากล้าเรียกว่าตัวข้านั้นมีความรู้มากกว่าผู้บ่มเพาะที่อยู่มานานมากเเล้ว ”
จิตวิญญาณเเห่งหอคอยขั้นบันไดที่ได่ยินสิ่งที่เฟยหลงกบ่าวออกมาจึงคิดเฟยหลงนั้นกล่าวโอ้อวดเรื่องนี้ออกมาจึงกล่าวถามต่อไปอีกว่า
” เเล้วเจ้ารู้กี่ยวกับกฎที่ว่านั้นอย่างไรเหรอ ”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นก็ได้ยิ้มออกมาด้วยท่าทางเฉื่อยชาราวกับเป็นคำตอบที่ง่ายดายยิ่งนัก
” กฎข้อนั้นมีอยู่ว่าห้ามใช้เม็ดยาที่เพิ่มพลังให้ตนเองซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ความสามารถของตนเเต่………….. ถ้าคนผู้นั้นเป็นนักปรุงยาเเล้วเป็นเม็ดยาที่ตนเองสร้างขึ้นคงเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในความสามารถของตนเองหรือไม่ ”
จิตวิญญาณเเห่งหอคอยที่ได้ยินสี่งที่เฟยหลงกบ่าวออกมาจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเเปลกใจ
” โอ้……………ข้าลืมกฎข้อนั้นไปได้อย่างไรดูเหมือนว่าจะไม่ได้ทดสอบผู้คนที่เข้ามานานจนข้าเริ่มเละเลือนเเล้ว ”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นก็ได้เเอบนินทาอยู่ในใจ
” ข้าว่าหอคอยขั้นบันไดเเห่งนี้นั้นสมควรถูกทุบทิ้งเเล้วละถ้าเรื่องเเค่นี้กลับลืมไปได้ ”
เเละเเต่นอนเฟยหลงไม่มีทางกล่าวมันออกมาเพราะตอนนี้นั้นหอคอยเเห่งขั้นบันไดนี้มีสมบัติจำนวนหนึ่งที่เฟยหลงต้องการอยู่การทำให้จิตวิญญาณเเห่งหอคอยขั้นบันไดโกรธถือเป็นเรื่องที่โง่เขลามากถ้าตนยังไม่ได้รับสมบัติมา……….
ซึ่งถ้าจิตวิญญาณหอคอยรู้เรื่องราวที่เฟยหลงกำลังคิดอยู่ตอนนี้คงอยากจะกะอักเลือดออกมาเเม้มันจะเป็นเพียงเเค่จิตวิญญาณไม่ใช่สิ่งมีชีวิตก็ตาม
เฟยหลงที่ไดยินจิตวิญญาณหอคอยกล่าวออกมาดังนั้นจึงกล่าวถามออกมา
” ท่านก็ตวรจสอบเม็ดยาเหล่านี้ที่ข้าถืออยู่ว่าข้าเป็นคนปรุงมันขึ้นมาจริงหรือไม่ ”
เมื่อเฟยหลงกล่าวจบก็จึดเปลวเพลิงที่ตนเองใช้หลอมเม็ดยาขึ้นมา
จิตวิญญาณเเห่งหอคอยที่ได้ยินดังนั้นก็ได้ลงมือตรวจสอบซึ่งตัวมันสามารถรู้ได้ว่าเม็ดยานี้ถูกปรุงออกมาโดยเฟยหลงหรือไม่เพราะว่ากลิ่นอายเพลิงของผู้ปรุงเม็ดยานั้นจะหลงเหลืออยู่เล็กน้อยมาก
ทำให้คนที่มีสัมผัสวิญญาณหรือมีความสามารถบางอย่างในการตรวจสอบเพลิงของผู้ปรุงยานั้นล้วนเเต่เป็นตัวตนที่มีความสามารถพิเศษ