ซูซ่านที่ปรากฏตัวอออกมานั้นได้อยุู่ตรงหน้าเฟยหลงเเล้วกล่าวถามเฟยหลงออกมา
” ท่านพี่เฟยหลงเป็นเพราะท่าน…………..ทุกคนเลยกลายเป็นเเบบนี้ ”
เฟยหลงที่เห็นซูซ่านในตอนเเรกนั้นก็ได้รู้สึกแปลกใจ
” นี่มัน……………ภาพลวงตาอีกเเล้วงั้นเหรอ ”
ซูซ่านที่อยู่ตรงหน้าเฟยหลงตอนนี้นั้นได้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
” ไม่ท่านพี่เฟยหลงทั้งหมดคือความจริงมันคือเรื่องจริงทั้งหมด ”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นก็ได้มองไปยังตัวเขาอีกคนหนึ่งมี่กำลังองยืนอยู่ข้างตัวซูซ่านที่อยู่ๆก็ปรากฏตัวออกมา
” ทุกอย่างจะเป็นความจริง……….. ถ้าเจ้าอยากให้มันเป็นความจริง ”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นก็ได้หัวเราะออกมาพร้อมกับยิ้มตรงมุมปากเเล้วกล่าวกับตัวเขาอีกคนเเละซูซ่านที่ยืนอยู่ข้างๆตัวเขาอีกคนว่า
” เจ้าจะเเสดงอะไรก็ให้มันเเนบเนียบหน่อย………..”
เฟยหลงอีกคนนั้นก็ได้กล่าวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอันเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
” เจ้าคิดผิดเเล้วพวกเรานั้นคืออีกตัวตนของมนุษย์ที่เเฝงตัวอยู่ยังส่วนลึกที่สุดของจิตใจยังไงละ ”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นก็ด้กล่าวตอบกลับไปด้วยท่าทางราบเรียบ
” ทุกคนล้วนเเต่มีอีกตัวตนที่ซ่อนอยู่นั้นคือสิ่งที่เจ้าต้องการบอกข้าเเละตัวตนนั้นคือตัวตนจริงของข้าใช่ไหม ”
เมื่อเฟยหลงกล่าวถึงตรงนี้ก็ได้มีดาบสีขาวปรากฏออกมาอยู่ในมือของเฟยหลงพร้อมกับกล่าวออกมา
” มนุษย์นั้นไม่ได้สมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่างทุกคนล้วนมีอีกตัวตนซ่อนอยู่ดังที่เจ้ากล่าวออกมาเเต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าตัวเขาคนนั้นจะยับยั้งมันเอาไว้ได้หรือไม่ ”
เฟยหลงได้พุ่งเข้าไปหาเฟยหลงอีกคนหนึ่งที่กำลังยืนอยู่ไม่ไกลเเล้วเหวี่ยงดาบสีขาวในมือพร้อมกับปะทุพลังปราณจำนวนมหาศาลเเล้วฟันลงมาใน
เฟยหลงที่มีตาสีเเดงนั้นกลับถุกตัวเฟยหลงใช้ดาบหักเล่มสีขาวในมือฟันอย่างรวดเร็ว
” สึบ ”
ประกายเเสงสีขาวที่ราวกับดาวตกได้ตัดสะบั้นร่างกายของเฟยหลงอีกคนที่มีดวงตาสีเเดงออกเป็นสองส่วน
เเต่เฟยหลงที่ดวงตาสีเเดงนั้นไม่ได้กลายเป็นซากศพที่ถูกผ่าออกเป็นสองส่วนเเต่กลับกลายเป็นควันสีดำเเล้วสูญสลายไปรอบด้านกลับสู่หอคอยขั้นบันได
เฟยหลงได้เห็นดังนั้นก็ผ่านการทดสอบอย่างเรียบร้อยเเล้ว
” ถ้าอย่างนั้นคงต้องเดินไปต่ออีกสินะ ”
เมื่อเฟยหลงกล่าวจบก็ได้เริ่มเดินต่อไป
ขั้นบันไดที่หกร้อย
ขั้นบันไดที่เจ็ดร้อย
ขั้นบันไดที่เเปดร้อย
ขั้นบันไดที่เก้าร้อย
เมื่อเฟยหลงก้าวขึ้นไปจนถึงขั้นบันที่เก้าร้อยเเล้วนั้นรอบตัวเฟยหลงนั้นมีเเรงกดดัยที่ยิ่งใหญ่หนักหน่วงดั่งภูเขาบรรพกาลกำลังกดทับลงบนไหล่ทั้งสองข้าง
เฟยหลงรับรู้ได้ถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมหาศาลในการก้าวเดินขึ้นไปในเเต่ละขั้น
ขั้นบันไดที่เก้าร้อยสิบ
ขั้นบันไดที่เก้าร้อบยี่สิบ
ขั้นบันไดที่เก้าร้อบสามสิบ
………………..
ขั้นบันไดที่เก้าร้อยห้าสิบ
น้ำหนักที่ส่งผ่านออกมานั้นราวกับจะบดขยี้ร่างกายของเฟยหลงเป็นชิ้นๆเสียงกระดูกในตัวเฟยหลงที่เริ่มดังขึ้น
” กร๊อบ ”
ราวกับกระดูกเริ่มมีสัญญาณของการทนรับน้ำหนักไม่ไหว
” เเรงกดดันขนานนี้นั้น………… จิตวิญญาณหอคอยนี้ประเมิณข้าไม่สูงพอควรสินะ ”
เฟยหลงได้ใช้ทักษะยุทธ์สี่สัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ออกมา
รูปแบบเต่าทมิฬ
เกราะสีดำทมิฬมีลวดลวยของเต่าสีดำมีหัวเหมือนมังกรมีหางเป็นงูเเฝงเอาไว้ด้วยอำนาจที่ไม่อาจสั่นคลอน
รูปแบบมังกรคราม
เกราะเเขนสีดำที่ปรากฏลวดลายมังกรขนาดใหญ่ที่แฝงไปด้วยความหยิ่งยะโสพร้อมกับเปลวเพลิงสีครามที่ลุกไหม้รอบตัวเฟยหลง
เเรงกดดันที่กดทับลงมานั้นลดลงอย่างมากเเม้ว่าเฟยหลงจะฝึกฝนทักษะบ่มเพาะเทพจักรพรรดิสงครามที่เสริมสร้างพลังปราณให้บริสุทธิ์เข้มข้น
ร่างกายที่เเข็งแกร่งกว่าคนที่อยู่ในขอบเขตเดียวกันในที่สุดด้วยพลังที่ราวกับสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์เฟยหลงก็สามารถเดินมาถึงสุดเส้นทาง
ขั้นบันไดที่หนึ่งพัน