กลายเป็นว่าง้าวเล่มนั้นได้ส่องเเสงก่อนที่เสี่ยวไป๋จะได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นมา
” ในที่สุดก็มีคนมาดึงข้าออกมาเเล้ว ”
เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินเขานั้นเเล้วปล่อยมือจากง้าวเล่มนั้นอย่างรวดเร็วกลับกลายเป็นว่าง้าวเล่มนั้นสามารถลอยอยู่ได้เองเเล้วมีเงาบางอย่างเหมือนมนุษย์กำลังจับง้าวเล่มนั้นอยู่
โครงกระดูกที่เห็นดังนั้นก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเเปลกใจอย่างมาก
” ไม่คิดว่าเจ้าง้าวบ้าจะกลายเป็นสัตส์ประหลาดก็ไม่ใช่คนก็ไม่เชิงเหมือนกับที่ข้าคาดการณ์ไว้จริงด้วย”
เมื่อรางที่เงานั้นได้ยินเสียงของโครงกระดูกกล่าวออกมาเเลบนั้นจึงขมวดคิ้วอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะกล่าวถามออกไปด้วยน้ำเสียงเเปลกใจ
” งั้นเจ้า……….. คือพี่ใหญ่อย่างงั้นเหรอ ”
โครงกระดูกนั้นได้ยินเสียงของร่างเงานั้นกล่าวถามออกมาเเบบนั้นจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่าย
” เเล้วเจ้าคิดว่านอกจากพวกเราสามพี่น้องเเล้วจะมีใครรู้จักฉายาประหลาดพวกนี้อย่างนั้นเหรอ ”
” เเล้วเจ้าอย่าพึ่งถามมากก่อนรอข้าไปช่วยน้องเล็กก่อน…….. อีกอย่างพวกเราก็เหลือเวลาไม่มากเเล้วมาทำสิ่งสุดท้ายให้สำเร็จกันเถอะ ”
เเล้วโครงกระดูกก็บอกกับเสี่ยวไป๋ถึงสถานที่ของอาวุธชิ้นถัดไปอย่างรวดเร็วเเละอาวุธชิ้นนั้นก็เป็นกระบี่เล่มหนึ่งเสี่ยวไป๋จึงดึงขึ้นมา
เเสงสว่างก็ปรากฏขึ้นก่อนที่จะเงาที่ถือกระบี่จะปรากฏตัวออกมาเหมือกับง้าวก่อนหน้านี้เงานั้นเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะไตร่ตรองคำพูดเล็กน้อยเเล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
” พี่ใหญ่กับพี่รองใช่หรือไม่ ”
โครงกระดูกนั้นพยักหน้าก่อนที่จะกล่าวเเนะนำตัวว่าใครเป็นพี่ใหญ่เเเละพี่รองกันเเน่เเต่เงาที่ถือกระบี่นั้นกับกล่าวออกมาว่า
” โครงกระดูกนี้คงเป็นพี่ใหญ่สินะ ”
” ส่วนเงาที่ยืนอยู่ข้างคงเป็นพี่รองใช่ไหม ”
โครงกระดูกเเละเงาที่ถือง้าวนั้นเเปลกใจอย่างมากที่น้องเล็กของพวกเขานั้นจะจำพวกเขาได้อย่างงไรกัน
” เจ้าจำพวกข้าได้อย่างไรกัน ”
เงาที่ถือกระบี่อยู่นั้นก็ได้กล่างตอบคำถามของทั้งสองว่า
” เเล้วง้าวในมือนั้นกับดาบที่ท่านถืออยู่เป็นเครื่องยืนยันอย่างชัดเจนอย่างยิ่ง ”
ทั้งสามมองหน้ากันไปมาไม่มีคำพูดใดที่จะกล่าวออกมาราวกับปล่อยให้ความเงียบนั้นเป็นคนเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาจนกระทั่งโครงกระดูกที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่กล่าวออกมาเป็นคนเเรก
” เอาละดูเหมือนพวกเราสามพี่น้องจะได้กลับมารวมตัวอีกครั้งเเล้วถือเป็นเรื่องน่าดีใจอย่างหนึ่งเเต่เรายังเหลือภารกิจสุดท้ายที่ต้องทำอยู่ ”
” ต้องทำลายสิ่งนั้นออกไปให้สิ้นซากในครั้งนี้เเหละเรื่องทั้งหมดจะได้สิ้นสุด……. เพื่อไม่ให้เหล่าผู้บ่มเพาะทั้งหลายในตอนนั้นเสียสละอย่างเสียเปล่า ”
ร่างเงาทั้งสองได้กล่าวออกมาอย่างเศร้าสร้อยพร้อมกันว่า
” พวกข้ารู้ดีว่าต้องทำอะไร ”
เเล้วนใตอนนั้นเองที่โครงกระดูกที่เป็นพี่ใหญ่นั้นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
” ข้าขอเเนะนำให้พวกเจ้ารู้จักที่อยู่ข้างกายข้านั้นมีชื่อว่าเสี่ยวไป๋เป็นคน…….. สัตว์อสูรที่จะมาช่วยข้าในครั้งนี้ ”
เงาทั้งสองที่ได้ยินดังนั้นจึงรู้สึกเเปลกใจอย่างมากที่พี่ใหญ่ของพวกเขาหาผู้ช่วยเเบบนี้มาเสี่ยวไป๋ที่โดนมองจนรู้สึกอึดอัดจึงกล่าวออกมาว่า
” พวกท่านทั้งสองจะมองอีกนานไหม……….. ข้าไม่ใช่สาวงามเผ่ามนุษย์ซะหน่อย ”
เงาทั้งสองที่ได้ยินคำกล่าวของเสี่ยวไป๋เเบบนั้นจึงหันมามองกันด้วยท่าทางเเปลกใจเเล้วกล่าวออกมา
” สัตว์อสูรพูดได้ทั้งที่อยู่เเค่ขอบเขตหลอมรวมเท่านั้น ”
” เดาว่าคงมีความสามารถพอสมควรเเหละถ้าพี่ใหญ่เป็นคนหามา ”
เสี่ยวไป๋ที่ได้ยินเข่นนั้นก็ได้กล่าวตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
” ถึงข้าจะช่วยพวกท่านไม่ได้……. เเต่พี่ใหญ่ของข้าช่วยได้เเน่นอน……… เเละท่านก็อยู่ในวิหารโบราณนี้เหมือนกัน “