“นางจะไปหาผู้ชายที่ไหน?”
คิดได้เช่นนี้ เซียวเถี่ยเฟิงก็เลิกค้นหาในป่าแล้วออกไปตามหาข้างนอกแทน
เขาได้พบตาเฒ่าซุนกับเมียที่มารับซื้อของแห้งที่เขาเว่ยอวิ๋นตรงเชิงเขา
“เมียเจ้า?”
“ผู้หญิงแบบนี้เราเจออยู่คนหนึ่ง ผมยาวสยายไม่ได้เกล้าเป็นมวย สวมเสื้อสีครามของผู้ชาย แถมยังสะพายถุงหนังสีดำใบหนึ่ง”
“นางอยู่ที่ไหน?” เซียวเถี่ยเฟิงรีบเอ่ยถาม
“เดินไปตามทางนี้ ใช่ๆๆ ทางสายนี้ล่ะ ข้าเห็นนางท่าทางเซื่องซึม แถมยังพูดจาไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอะไร”
เซียวเถี่ยเฟิงบอกลาตาเฒ่าซุนกับเมียแล้วรีบเดินไปตามทางเล็กๆ สายนั้น ระหว่างทางก็ถามผู้คนไปเรื่อยๆ ในที่สุด เขาก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนด้วยความโกรธแค้นดังมาจากด้านหน้า
“นังบ้า ปล่อยฮูหยินของข้านะ!”
“เร็วๆ เร็วๆ ตีนาง!”
“อาเจวียน อาเจวียน รีบคืนอาเจวียนมาให้ข้า!”
นังบ้า?
ได้ยินเช่นนี้ ลางสังหรณ์บางอย่างก็ผุดขึ้นในใจของเซียวเถี่ยเฟิง เขารีบเร่งฝีเท้าเดินไปดูทันที
ใครจะรู้ว่าพอมองไปเขาก็ต้องตกใจไม่น้อย ปีศาจสาวกำลังกอดผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้ ซ้ำยังประกบริมฝีปากกับริมฝีปากของอีกฝ่ายเหมือนกำลังดูดอะไรอยู่ ที่ด้านข้างมีผู้ชายหลายคน บางคนกำลังใช้กระบองตีนาง บางคนกำลังใช้ขาเตะนางอย่างเอาเป็นเอาตาย
เห็นเท้าของชายที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าปักดิ้นทองคนนั้นเตะโดนร่างของปีศาจสาว เขาก็รู้สึกลำคอตีบตัน ในอกปวดแปลบ เซียวเถี่ยเฟิงพุ่งเข้าไปยืนขวางหน้าปีศาจสาวเอาไว้ ปกป้องนางจากกระบองและเท้าทั้งหมดโดยไม่คิดอะไรทั้งสิ้น
ชายชุดปักดิ้นทองเห็นชายฉกรรจ์ท่าทางเหมือนชาวป่าชาวเขาโผล่ออกมาอีกคนก็ยิ่งโมโหหนัก “เจ้าเป็นใคร ยังไม่รีบถอยไปอีก นังผู้หญิงบ้านั่นแย่งอาเจวียนของข้าไป อาเจวียนของข้าไม่ไหวแล้ว แต่นางก็ยังแย่งอาเจวียนไปอีก!”
ชายชุดปักดิ้นทองโกรธแค้นมาก ฮูหยินของเขากำลังจะตาย เขากำลังกอดนางร้องไห้ แต่จู่ๆ กลับถูกผู้หญิงบ้าคนนี้แย่งไป แย่งไปยังพอว่า นังบ้านั่นยังทำนั่นทำนี่กับร่างฮูหยินของเขา แถมตอนนี้ยังประกบริมฝีปากของตัวเองกับริมฝีปากของนางอีก? นี่…นี่มันเรื่องอะไรกัน!
เห็นชายชุดปักดิ้นทองโกรธแค้นเช่นนี้ เซียวเถี่ยเฟิงก็หันกลับไปเหลือบมองปีศาจสาวแวบหนึ่ง เห็นนางไม่เพียงแต่กำลังดูดปากของผู้หญิงคนนั้น แต่ยังใช้มือทั้งสองกดทรวงอกของผู้หญิงคนนั้น ราวกับกำลังใช้อาคมอีกด้วย
เขากัดฟันแน่น ทั้งท้อแท้ทั้งจนใจ
ที่แท้นางไม่เพียงแต่ดูดไอหยางของบุรุษ แต่ยังดูดไอหยางของสตรีด้วย?
“ปล่อยนางเถอะ อย่าทำร้ายคนบริสุทธิ์เลย” เสียงของเขาแฝงด้วยแววจนปัญญา
แม้เขาจะเต็มใจปกป้องนางด้วยกำลังทั้งหมดที่มี แต่หากนางเข่นฆ่าผู้คน เขาจะต้านทานกฎหมายได้อย่างไร?
คิดไม่ถึงว่าปีศาจสาวไม่เหลือบตามองเขาเสียด้วยซ้ำ เพราะนางกำลังก้มหน้าก้มตาทำอะไรบางอย่างกับผู้หญิงคนนั้นจนเหงื่อตรงปลายจมูกแทบจะหยดลงมา
“ที่แท้เจ้าก็รู้จักผู้หญิงบ้าคนนี้? เป็นพวกเดียวกันงั้นรึ? พวกเรา ซ้อม ซ้อมพวกมันให้ตาย!”
ชายชุดปักดิ้นทองร้อนใจจนลำคอแดงก่ำ เขาพาคนบุกเข้ามาโจมตีต่อทันที
เซียวเถี่ยเฟิงไม่มีทางเลือก เขาไม่กล้าแตะต้องปีศาจสาวโดยพลการเพราะกลัวจะขัดจังหวะการใช้อาคมของนาง ซ้ำยังกลัวคนอื่นจะทำร้ายนาง เขาจึงได้แต่คอยคุ้มครองนางอยู่ข้างๆ ช่วยขวางกระบองและเท้าของคนเหล่านั้นให้
ชายชุดปักดิ้นทองเห็นตนเองมีพวกมาก ย่อมไม่กลัวชายบ้านนอกคนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะสามารถรับมือการโจมตีของพวกตนได้อย่างง่ายดายทั้งที่แทบจะไม่ได้ออกกระบวนท่าอะไร แถมยังมีเวลาหันไปเกลี้ยกล่อมผู้หญิงบ้าคนนั้นอีกด้วย “หากเจ้าต้องการ ข้าจะให้เจ้าเอง เจ้าตามข้ากลับบ้านเถิด”
ชายชุดปักดิ้นทองโจมตีไม่สำเร็จ ได้แต่เบิกตามองฮูหยินของตนถูกผู้อื่นจัดการตามใจชอบก็โกรธแค้นจนตาแดงก่ำ เขาทรุดลงคุกเข่าพลางร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวด “อาเจวียน อาเจวียน เจ้าตายอย่างอนาถ ข้าไร้สามารถ ปล่อยให้ศพของเจ้าถูกผู้อื่นลบหลู่เช่นนี้…อาเจวียน พวกเจ้าคืนอาเจวียนของข้ามา! พวกคนชั่วช้าสารเลว!”
ระหว่างที่เขากำลังร้องไห้คร่ำครวญอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงแผ่วเบาของผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “ท่านพี่… ข้า…ข้าไม่เป็นอะไร ท่าน…อย่าร้องไห้…”
ตอนแรกชายชุดปักดิ้นทองคิดว่าตนเองหูแว่วไป ภายหลังจึงค่อยๆ ตระหนักว่าตัวเองคิดผิด เขาเงยหน้าขึ้นพลางเช็ดน้ำตา ทันใดนั้น เขาก็พบว่าฮูหยินของเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาจริงๆ นางกำลังนอนอยู่ตรงนั้นพลางส่งยิ้มบางๆ มาให้เขา
“อา…อาเจวียน?!”
ชายชุดปักดิ้นทองแทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง เขารีบโผเข้าไปกอดภรรยาเอาไว้ทันที
ฮูหยินของเขาพยายามยิ้มอย่างอยากลำบาก “ท่านอย่าร้องไห้… ข้าไม่เป็นไร…”
เขากอดภรรยาร้องไห้ด้วยความดีใจ
เซียวเถี่ยเฟิงหันไปมองปีศาจสาวที่กำลังเช็ดเหงื่ออย่างอ่อนล้าแล้วก็หันไปมองสองสามีภรรยาที่กำลังกอดกันร้องไห้ ไม่รู้จะพูดอะไรดี
หรือเมื่อครู่ปีศาจสาวไม่ได้ดูดไอหยางของผู้หญิงคนนั้น แต่กำลังช่วยชีวิตนางต่างหาก?
ก็ใช่ ผู้หญิงมีไอหยางเสียที่ไหน…
ปีศาจสาวหันมาเห็นเขาแล้ว นางดูเหมือนจะประหลาดใจมาก หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง นางก็เบนสายตาหลบ
เขาเม้มปากพลางทรุดกายลงนั่งข้างๆ นางโดยไม่พูดอะไร
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดชายชุดปักดิ้นทองกับฮูหยินของเขาก็หยุดร้องไห้ พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองปีศาจสาวด้วยความซาบซึ้งใจ
ชายชุดปักดิ้นทองกับฮูหยินปรึกษากันครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นเดินมาตรงหน้าปีศาจสาวพลางกล่าวเสียงนอบน้อม “ผู้น้อยเฟิงจวิ้นหนาน ขอบคุณผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตฮูหยินของข้า โปรดรับการคารวะจากข้าด้วย!”
กล่าวจบก็คุกเข่าลง
ปีศาจสาวปรายตามองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย ไม่สนใจสักนิด
ชายชุดปักดิ้นทองนิ่งงันไป ก่อนจะหันไปมองเซียวเถี่ยเฟิง
“จอมยุทธ์รู้จักกับผู้มีพระคุณหรือ?”
เซียวเถี่ยเฟิงเงยหน้าขึ้นกล่าวเสียงเรียบ “ใช่”
ชายชุดปักดิ้นทองดีใจมาก เขารีบยกมือขึ้นประสานกันพลางกล่าวกับเซียวเถี่ยเฟิงว่า “ทำไมผู้มีพระคุณถึงไม่สนใจพวกข้าเลย หรือยังโกรธอยู่?”
เพราะเมื่อครู่เขาทั้งตะโกนก่นด่าทั้งทุบตีผู้อื่น
นึกถึงเรื่องนี้ เขาก็ละอายใจเหลือเกิน “ผู้น้อยสายตาแคบสั้น ไม่รู้ว่าบนโลกมีวิธีชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นเช่นนี้ เป็นเหตุให้เข้าใจผิดจนล่วงเกินผู้มีพระคุณไป หวังว่าท่านจอมยุทธ์จะช่วยพูดจาสักคำ ขอผู้มีพระคุณอย่าได้กล่าวโทษ ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตภรรยาของผู้น้อยไว้ ผู้น้อยยินดีมอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้เป็นการตอบแทน”
เซียวเถี่ยเฟิงได้ยินอีกฝ่ายพูดจาอย่างมีมารยาท ในที่สุดก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
“มอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้”
“ขอรับๆๆ ผู้น้อยมีที่นาสิบกว่าไร่กับบ้านสองหลัง ยินดีมอบให้ผู้มีพระคุณทั้งหมด”
“นางไม่สนใจบ้านหรือที่นาหรอก” นางเป็นงู ไม่ต้องการบ้านมากขนาดนั้น แถมยังทำนาไม่เป็นด้วย
“ถ้า…ถ้าอย่างนั้นควรทำอย่างไรดี?”
“นางช่วยเจ้า จะให้เจ้าทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นใช่ไหม?”
เฟิงจวิ้นหนานดีใจมาก เขารีบยกมือขึ้นประสานกัน “ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตภรรยาของผู้น้อย ผู้น้อยยินดีรับใช้สุดความสามารถ แม้ตายก็ไม่หวั่น!”
ภรรยาของเฟิงจวิ้นหนานเองก็ส่งยิ้มอ่อนระโหยมาให้ “ผู้น้อยเกือบต้องพลัดพรากจากสามีตลอดชีวิต ล้วนเป็นเพราะผู้มีพระคุณยื่นมือช่วยเหลือ ถึงได้รอดชีวิตมาได้ ขอเพียงผู้มีพระคุณพูดมาคำเดียว เราจะทำสุดความสามารถแน่”
เซียวเถี่ยเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้า จากนั้นจึงพูดกับเฟิงจวิ้นหนานด้วยเสียงดังฟังชัด “ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากให้คุณชายช่วยเหลือ ไม่ทราบว่าจะได้หรือไม่?”
เฟิงจวิ้นหนานยิ้ม “ท่านจอมยุทธ์โปรดบอกมาเถิด”
เซียวเถี่ยเฟิงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันไปมองแม่น้ำที่อยู่ข้างๆ แล้วก็หันมามองเฟิงจวิ้นหนาน
ทันใดนั้น เขาก็ยื่นเท้าไปเตะเฟิงจวิ้นหนานทีหนึ่ง
ร่างของเฟิงจวิ้นหนานพุ่งไปกลางอากาศเป็นเส้นโค้งราวกับกระสอบทราย สุดท้ายก็ตกลงในแม่น้ำ
ทุกคนตกใจมาก
ผ่านไปครู่หนึ่ง เฟิงจวิ้นหนานก็ตะเกียกตะกายขึ้นมาบนฝั่ง เขามองเซียวเถี่ยเฟิงซึ่งยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้นพลางเอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อ “จอมยุทธ์… จอมยุทธ์…ไยจึงทำเช่นนี้?”
เซียวเถี่ยเฟิงตบฝุ่นบนรองเท้าสานพลางอธิบายเสียงเรียบ “เจ้าเตะนาง ข้าก็เตะเจ้า”
ถ้ามีคนให้กู้จิ้งเลือกระหว่างเธอตาย หรือไม่ก็ผู้หญิงท้องโตคนนั้นตาย
เธอคงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เลือกให้คนอื่นตาย ส่วนตัวเองรอด เธอเป็นคนธรรมดา คนธรรมดาย่อมเห็นแก่ตัว
กู้จิ้งยอมรับว่าเธอเป็นคนเห็นแก่ตัว
แต่ถ้ามีคนให้เธอเลือกว่าจะช่วยหรือไม่ช่วย ถึงช่วยแล้วเธอต้องตาย เธอก็อาจจะโผเข้าไปช่วยโดยไม่ทันได้คิดเสียด้วยซ้ำ
เห็นคนกำลังจะตาย มีเวลาช่วยเหลือเพียงเสี้ยววินาที เธอเรียนวิชาแพทย์มาตั้งแต่เด็ก ระหว่างที่ติดตามฝึกฝนอยู่ข้างกายคุณพ่อ เธอเคยพบเห็นสถานการณ์คับขันเช่นนี้มานักต่อนัก การกระทำเช่นนี้จึงกลายเป็นสัญชาตญาณของเธอไปเสียแล้ว
ยามนี้ กู้จิ้งผู้เห็นแก่ตัวกำลังนั่งอยู่บนตอไม้ด้านข้าง เธอเพิ่งจะรู้สึกว่าตัวเองถูกทุบตี แถมยังไม่เบาอีกด้วย กำลังคิดว่าทำไมตัวเองถึงถูกทุบตี เธอก็หันไปเห็นตา卜ล่ำบึ้กกำลังพูด “%[email protected]#&%$” กับชายชุดปักดิ้นทองคนนั้น จากนั้น ตา卜ล่ำบึ้กก็เตะชายชุดปักดิ้นทองตกน้ำไป
เธออดปรบมือไม่ได้
ยอดเยี่ยมมาก!