ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง – ตอนที่ 97 เจ้าต้องบอกข้า

ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง

จมูกของกู้จิ้งคัดแน่น น้ำตาไหลพราก เธอยื่นมือไปรับจอกหยกมรกตหลิงหลงมา “ชอบ…ชอบ…”

เซียวเถี่ยเฟิงกอดเธอเอาไว้อีกพลางกล่าวพึมพำ “คืนวันที่เจ้าจากไป ข้าเห็นเจ้าพูดกับจ้าวจิ้งเทียนก็เลยไม่พอใจ ส่วนเรื่องลูก ข้าอยากมีลูกจริง เจ้าโกรธข้าเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม ตอนนี้ข้าไม่อยากได้ลูกอีกแล้ว ไม่อยากได้สักนิด ต่อไปข้าจะไม่คิดเล็กคิดน้อยแบบนี้อีกแล้ว”

“ถ้าข้าทำอะไรผิด เจ้าต้องบอกข้า ขอเพียงเจ้าบอกข้า จะให้ทำยังไงก็ได้ทั้งนั้น อย่าจากไปโดยไม่บอกกล่าวอีก”

ชีวิตนี้ เขาไม่มีวันลืมความรู้สึกในตอนที่หานางไม่พบได้เลย

บ้านว่างเปล่า ไม่มีนาง มันก็ไม่ใช่บ้านของเขาอีก

เขาไม่มีญาติคนอื่น บนโลกนี้เขาไม่มีอะไรเลย เขามีเพียงแค่นาง แต่นางก็ยังจากเขาไป

กู้จิ้งเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม ฟังเสียงแผ่วเบาจนแทบเป็นกระซิบของเขาแล้ว กู้จิ้งยังจะพูดอะไรได้อีก ทันใดนั้น เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของเธอก็เปลี่ยนเป็นเสียงร้องไห้โฮเหมือนเด็กๆ

เธอกอดเซียวเถี่ยเฟิงไว้พลางร้องไห้เสียงดัง “เราจะอยู่ด้วยกันสองคน อยู่ด้วยกันสองคนตลอดไป! นายอย่าไปจากฉัน ฉันก็จะไม่ไปจากนายอีก!”

เซียวเถี่ยเฟิงกอดเธอเอาไว้พลางกล่าวเสียงหนัก “ตกลง ชาตินี้เราจะไม่พรากจากกันอีก! ตกลงแล้วนะ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต”

คำพูดนี้ทำให้กู้จิ้งรู้สึกเหมือนกับว่า กำแพงที่ขวางกั้นอยู่ในใจมานานกำลังพังทลายลง

เมื่อก่อนตอนที่เขาพูดแบบนี้ เธอมักจะคิดว่าเขาแค่พูดเอาใจ คิดว่าช้าเร็วพวกเขาก็ต้องแยกจากกัน แต่ตอนนี้ เธอกลับเชื่อแล้วว่าพวกเขาจะได้อยู่ด้วยกัน คำพูดของเขามาจากใจจริง

ต่อให้วันไหนกฎเกณฑ์ประวัติศาสตร์ทำให้พวกเขาต้องพรากจากกัน เขาก็จะพยายามตามหาเธอสุดความสามารถ จนกระทั่งถึงวันที่ได้พบเธออีกครั้ง

ปมในใจถูกคลายออก จู่ๆ เธอก็รู้สึกทั้งอ่อนล้าทั้งปลื้มใจ เธอซุกหน้าเข้ากับอกของเขาแล้วร้องไห้หนักกว่าเดิม

เซียวเถี่ยเฟิงกอดหญิงสาวในอ้อมอกเอาไว้ เห็นเธอร้องไห้น้ำตานอง หัวใจของเขาก็บีบตัวแน่น ใจคิดว่าตอนนั้นนางคงต้องมีความจำเป็นอะไรบางอย่างถึงได้ทิ้งเขาไปโดยไม่บอกกล่าว นางไม่ได้อยากทิ้งเขาไปจริงๆ

นับแต่นี้ไปหากนางไม่พูดถึง เขาก็แค่คอยเฝ้าดูนางอยู่เงียบๆ เท่านั้น ห้ามถามถึงเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะทำให้นางเสียใจได้

กำลังคิดอยู่ จู่ๆ กู้จิ้งก็เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาคลอน้ำตา “พี่ล่ำ เรารับเด็กๆ มาเลี้ยงกันเถอะ”

“หืม?”

กู้จิ้งกอดคอเขาเอาไว้พลางโยกตัวไปมา “เราต้องรับเด็กมาเลี้ยง ไม่อย่างนั้นฉันกลัวว่าฉันจะอยู่ข้างกายนายตลอดไปไม่ได้”

“ทำไมเล่า?”

กู้จิ้งเชิดปากพลางกล่าวเสียงออดอ้อน “นายไม่ต้องถาม สรุปแล้วเราต้องรับเด็กมาเลี้ยง”

รีบรับบรรพบุรุษรุ่นต่อไปมาเลี้ยง แบบนี้พวกเขาก็จะอยู่ด้วยกันตลอดไปได้แล้วสินะ

“ได้ ตามใจเจ้าเถอะ”

ไม่ว่ากู้จิ้งขออะไร เซียวเถี่ยเฟิงก็ไม่มีเหตุผลจะไม่รับปาก ดังนั้นเขาจึงรีบรับปากแต่โดยดี

“ยังมีอีกเรื่องที่ฉันต้องพูดให้นายรู้ก่อน…”

“บอกมาสิ” ชั่วขณะนี้อย่าว่าแต่เรื่องเดียว ต่อให้มีร้อยเรื่องหมื่นเรื่อง เขาก็จะรับปากนาง

“ฉันมีลูกไม่ได้จริงๆ” กู้จิ้งพูดเปิดอก “หากนายอยู่กับฉัน นายจะมีได้แค่ลูกบุญธรรมเท่านั้น”

เซียวเถี่ยเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงขมวดคิ้วแล้วก้มลงมองเธอ

“ทำไม เสียดายอย่างนั้นหรือ?”

เซียวเถี่ยเฟิงถอนใจ จากนั้นจึงกระชับแขนกอดหญิงสาวเอาไว้แน่นแล้วใช้ปลายจมูกถูไถกับแก้มของเธอเบาๆ

“ยัยโง่ คิดว่าข้ายังสนใจเรื่องพรรค์นั้นอยู่อีกหรือ?”

นับแต่นี้ไป ระหว่างนางกับเขาไม่จำเป็นต้องมีลูก พวกเขาไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนี้กันอีก

มีนาง เขาก็พอใจแล้ว

คืนนี้ ทั้งสองนอนกอดกันอยู่บนเตียงอยู่ครึ่งค่อนคืน

กู้จิ้งเกาะกอดร่างแข็งแกร่งปานศิลาของชายหนุ่มเอาไว้แน่นราวกับตัวเองเป็นเถาวัลย์ ผู้ชายที่เธอคิดถึงอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก เธอไม่อยากจากเขาไปแม้แต่วินาทีเดียว คืนนี้เธอจึงไม่ต่างอะไรจากเปลวไฟที่แทบจะเผาผลาญเขาให้กลายเป็นเถ้าถ่าน

กู้จิ้งที่เป็นแบบนี้จะไม่ทำให้เซียวเถี่ยเฟิงบ้าคลั่งได้อย่างไร อย่าว่าแต่พวกเขายังพลัดพรากกันมานานถึงสี่ปี เขาจึงมีสภาพไม่ต่างจากฟืนแห้งๆ

เขาต้องการความชุ่มชื้นจากเธอเหลือเกิน

ค่ำคืนอันบ้าคลั่งผ่านพ้นไป วันรุ่งขึ้นกู้จิ้งรู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างกลายเป็นดินโคลน ทำให้เธอได้แต่นอนตัวอ่อนอยู่ตรงนั้น ขยับไปไหนไม่ได้ พอเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเซียวเถี่ยเฟิงซึ่งนั่งเอนกายอยู่บนเตียงกำลังมองเธอด้วยสีหน้าสดใส

“นาย…” เมื่อวานพวกเขาพูดเปิดเผยความในใจกันบนเตียง จากนั้นก็เล่นจ้องตากันอยู่ครึ่งค่อนคืน ตอนนี้จู่ๆ ได้เห็นเขาก็รู้สึกเหมือนเวลาผ่านมานานแล้วไม่มีผิด

นึกถึงช่วงเวลาที่พวกเขาเคยใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์ถ้ำอยู่บนเขา ตอนนั้นพวกเขาอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน แทบจะไม่เคยแยกจากกันไปไหนเลย

“ข้าทำไมหรือ?” เซียวเถี่ยเฟิงกุมมือเธอเอาไว้พลางเอ่ยถาม

“หลายปีมานี้นายเป็นยังไงบ้าง แล้วไปเอาของมากมายเหล่านี้มาจากไหน?”

กู้จิ้งย่อมไม่ลืมสมบัติกองนั้น เขาไปเอามาจากไหนกันนะ? ยังมีบ้านกับเสื้อผ้าแพรพรรณเหล่านี้อีก ช่างดูใหญ่โตโอ่อ่าเหลือเกิน ใครไม่รู้คงคิดว่าเขาเป็นขุนนางใหญ่ผู้ร่ำรวยแน่ๆ

เซียวเถี่ยเฟิงรวบร่างเธอมากอดแนบอก จากนั้นก็ใช้มือข้างหนึ่งหนุนไว้ใต้ศีรษะพลางกล่าวช้าๆ ว่า

“หลายปีมานี้ ตอนแรกข้าตามหาเจ้าไปทั่วแต่หาไม่เจอ ข้าก็เลยคิดว่าต้องหาเงินมาเก็บไว้ก่อน ยังมีจอกหยกมรกตหลิงหลงนั่นก็ต้องเอามาให้ได้ แบบนี้ถ้าได้พบเจ้าเมื่อไหร่ เจ้าได้เห็นก็ต้องดีใจแน่ บังเอิญมีเพื่อนเก่าคนหนึ่งอยากทำอะไรบางอย่าง ข้าก็เลยไปออกแรงช่วยเขานิดหน่อย”

ฟังจากคำพูดและน้ำเสียงของเขาแล้ว เหมือนเพื่อนคนนี้อยากเปิดร้านขายเกี๊ยว เขาก็เลยไปช่วยทำงานเป็นพนักงานในร้าน แต่ทำไมถึงรู้สึกแปลกๆ นะ?

“เพื่อนคนนั้นเป็นใครหรือ? นายไปช่วยเขาทำอะไรล่ะ?”

แค่ออกแรงนิดหน่อยก็มีเงินมากขนาดนี้? เธอไปช่วยบ้างได้ไหม?

“จะว่าไป เจ้าน่าจะเคยพบเขามาก่อน เขาก็คืออู่อ๋องอย่างไรเล่า”

“หา?” กู้จิ้งตกใจ

“ข้าช่วยชิงแผ่นดินให้เขา”

“หา!” กู้จิ้งตกใจมาก

ก่อนหน้านี้เธอเคยได้ยินเขาพูดว่า ตัวเขาเองนับเป็นผู้ที่มีอิทธิพลคนหนึ่งในแผ่นดิน แต่ตอนนั้นเธอก็แค่ฟังๆ ไปเท่านั้น ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ตอนนี้ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ เธอก็รู้สึกเหมือนกำลังฟังนิทานแฟนตาซีไม่มีผิด ช่างไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ

“อู่อ๋องที่แสนดุร้ายคนนั้นน่ะหรือ? อู่อ๋องที่เมืองปิ้งโจว?”

“ดุร้าย?” เซียวเถี่ยเฟิงขมวดคิ้ว “เขาข่มขู่เจ้าอย่างนั้นหรือ?”

ก็ข่มขู่นิดหน่อย แต่กู้จิ้งคร้านจะคิด เธอจึงพูดสั้นๆ ว่า “ไม่มีอะไร ลวี่ฮูหยินป่วยไม่ใช่หรือ ฉันก็เลยไปรักษาให้”

เซียวเถี่ยเฟิงเงียบไปครู่หนึ่ง “ข้ารู้แล้ว ได้ยินพวกเขาบอกว่าท่านหมอแซ่เฉินคนหนึ่งเป็นคนรักษาอาการป่วยให้ลวี่หลัว เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าคนคนนั้นจะเป็นเจ้า”

เรื่องนี้จะว่าไปก็ยาว กู้จิ้งจึงเล่าเรื่องที่ตัวเองพยายามขอติดตามท่านหมอเฉินเข้าไปในจวนอู่อ๋อง จนเป็นเหตุให้ตัวเองอยู่ดีๆ ก็มีพ่อเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่งให้เซียวเถี่ยเฟิงฟัง

เซียวเถี่ยเฟิงเห็นเธอเล่าอย่างออกรสออกชาติก็ยิ้มพลางตบศีรษะเธอเบาๆ

“ไม่เสียทีที่เป็นเสี่ยวจิ้งเอ๋อของข้า”

กู้จิ้งลุกขึ้นนั่งพลางถูไถแก้มกับแผงอกแข็งแกร่งของเขา “ฉันอยู่ที่ปิ้งโจวมาระยะหนึ่งแล้ว ไม่เคยได้ยินชื่อของนายเลย นายไปอยู่ที่ไหนมาหรือ? ใช่แล้ว นายรู้จักคนที่ชื่อเซียวชูอวิ๋นไหม ใครๆ ต่างก็พูดว่าเขาเป็นเทพแห่งความตาย รบเก่งมาก ท่าทางจะร้ายกาจมากเลย นายรู้จักเขาไหม เขาเองก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของอู่อ๋อง ถ้านายเจอเขาต้องระวังตัวหน่อยนะ จะให้ดีก็พยายามอยู่ห่างๆ เขาหน่อย”

“…ทำไมล่ะ?”

“ได้ยินว่าคนคนนี้โหดเหี้ยมอำมหิตฆ่าคนไม่กะพริบตาสักนิด!”

“…”

กู้จิ้งเงยหน้ามองใบหน้าไร้ความรู้สึกของเซียวเถี่ยเฟิงพลางกล่าวเสียงออดอ้อน

“ทำไมหรือพี่ล่ำ ทำไมสีหน้าไม่ดีเหมือนกำลังท้องผูกแบบนี้?”

“เซียวชูอวิ๋นนั่นน่ากลัวมากเลยหรือ?”

“ใช่!”

“เจ้าเคยเห็น?”

“เปล่า แต่ฉันได้ยินชื่อเสียงความโหดเหี้ยมของเขา!”

“อ้อ”

“นายเป็นอะไรไปกันแน่?”

“เซียวชูอวิ๋นคือข้า”

“หา?”

“หลังออกจากเขาเว่ยอวิ๋น ข้าเปลี่ยนชื่อเป็นเซียวชูอวิ๋น เพื่อเหลือทางหนีทีไล่ให้ตัวเอง”

คนซื่อที่ถูกคนอื่นแย่งที่นา ถูกอาสะใภ้ข่มเหงแต่ไม่เคยกล้าตอบโต้ คือเซียวเถี่ยเฟิงแห่งเขาเว่ยอวิ๋น

แม่ทัพไร้พ่ายที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วแผ่นดิน เทพแห่งความตายผู้เคยใช้กลยุทธ์อันแยบคายนำทหารสามพันสังหารกองทัพห้าหมื่นของศัตรู คือเซียวชูอวิ๋น

กู้จิ้งตะลึงงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็โผเข้าไปกอดคอเขาเอาไว้แล้วจูบปลายคางของเขา “จุ๊ๆๆ ที่แท้พี่ล่ำของฉันก็เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ฉันเคยได้ยินวีรกรรมอันห้าวหาญของนายมาแล้ว นายเป็นคนที่เก่งจริงๆ!”

“งั้นหรือ แต่เมื่อครู่เจ้าพูดว่า…”

“นั่นคนอื่นเป็นคนพูด! ฉันไม่มีทางว่าพี่ล่ำของฉันแบบนี้แน่ๆ!”

ระหว่างที่พูด กู้จิ้งก็จูบแก้มเขาแรงๆ อีกครั้ง

เปลือกนอกออดอ้อนเต็มที่ แต่ในใจกลับแอบนินทาว่า ฮึ! ตานี่ไม่ได้โกนหนวดมานานแค่ไหนแล้ว ทิ่มหน้าเป็นบ้า…

เซียวเถี่ยเฟิงหากู้จิ้งพบ เรื่องแรกที่ทำย่อมเป็นการจัดพิธีแต่งงานใหญ่โตให้ทุกคนรับรู้

เขาไม่มีประสบการณ์ในการจัดงานแต่งงาน ดังนั้นจึงพากู้จิ้งไปขอร้องอู่อ๋อง ยามนี้เขาไม่ยอมให้กู้จิ้งจากเขาไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว กู้จิ้งไม่มีทางเลือกจึงจำต้องยอมตามไปด้วย

ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง

ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง

Status: Ongoing
ในถุงหนังนั่นมีอะไร? เขาคิดจะเปิด แต่จู่ ๆ ปากถุงก็คลี่ออกเองเสียอย่างนั้น จากนั้นศีรษะของใครบางคนก็โผล่ขึ้นมา ถึงตอนนี้ เซียวเถี่ยเฟิงถึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วบนโลกนี้มีปีศาจอยู่จริง ที่แท้ปีศาจก็ไม่จำเป็นต้องงามหยาดเยิ้มเหมือนชุนเถาเอ๋อผู้งามล้ำในหมู่บ้าน ไม่จำเป็นต้องมากรักเหมือนแม่ม่ายซิ่วเฟิน นางเพียงแค่นั่งอยู่ตรงนั้น แล้วมองมาด้วยสายตาเรียบเฉยก็สามารถทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงได้แล้ว เขารู้ว่าตัวเองกำลังจะสูญเสียการควบคุม ตรงหน้าคือหุบเหวลึก หากยังคงก้าวเดินต่อคงไม่เหลือแม้แต่ซาก ดังนั้นเขาจะต้องควบคุมตัวเองให้ได้ ทว่าจู่ ๆ นางก็เลียริมฝีปาก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท