ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม ตอนที่ 102 ไต้อ๋องสั่งให้ข้ามาลาดตระเวน
ตอนที่ 102 ไต้อ๋องสั่งให้ข้ามาลาดตระเวน
เมื่อลั่วจื่อผิงได้ยินประโยคนี้หน้าก็พลันซีดเผือด
ให้เขาจัดการราชาวานรงั้นหรือ แน่ใจว่าไม่ใช่ราชาวานรจัดการเขา
“ฮ่าๆ ๆ ข้าแค่ล้อเล่น ไยต้องเครียดขนาดนั้น”
อันหลินเห็นปฏิกิริยาของลั่วจื่อผิง ก็พูดอย่างเริงร่า
เดิมทีเขาแค่อยากทำให้บรรยากาศครื้นเครงก็เท่านั้น ใครจะรู้ว่าลั่วจื่อผิงจะคิดจริง
“ฟู่…พี่อัน พูดแต่ทีแรกสิ อย่าทำให้ข้าตกใจได้ไหม หัวใจดวงน้อยๆ ของข้ารับไม่ไหวหรอกนะ” ลั่วจื่อผิงลูบหน้าอกกำยำของตัวเองด้วยท่าทางหวาดผวา
อีกสามคนกลับถอนหายใจอย่างนึกเสียดาย
เสียดายนัก ทำไมเป็นแค่การล้อเล่นนะ…
“เหอะๆ สหายอันหลินช่างมีอารมณ์ขันเสียจริง” ชายชุดหนังแค่นยิ้ม
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ดูฝืนอย่างยิ่งของชายชุดหนัง อันหลินก็หงุดหงิดใจเล็กน้อย เขาสร้างบรรยากาศไม่สำเร็จงั้นเหรอ
…
หลังทุกคนได้พักผ่อนแล้ว ก็เริ่มออกเดินทางไปยังภูเขาวิเศษที่ชายฉกรรจ์กล่าวถึง
จากการไถ่ถาม อันหลินได้ทราบว่าชายชุดหนังคนนั้นชื่อเซวียนจั๋วหมิง เป็นหัวหน้ากลุ่มล่าสัตว์กลุ่มนี้ ระดับพลังยุทธ์กายแห่งมรรคขั้นสิบเช่นกัน
เดิมทีกลุ่มล่าสัตว์มีสมาชิกทั้งหมดยี่สิบคน นับว่าเป็นกลุ่มล่าสัตว์ที่มากความสามารถในเมืองติ้งอัน
แต่พบเจอกับยุงยักษ์ดูดเลือดเป็นฝูง กลุ่มล่าสัตว์สูญเสียอย่างมหาศาล ตอนนี้เหลือเพียงหกคน
การตายของพวกพ้องทำให้สมาชิกกลุ่มล่าสัตว์จมกับความเศร้า ตลอดทางไม่ค่อยพูดค่อยจามากนัก
ภูเขาวิเศษลูกนั้นอยู่ลึกเข้าไปในบึง บึงแห่งนี้เป็นกำแพงธรรมชาติที่ทำให้นักพรตมากมายหยุดเดิน และเป็นเพราะเหตุนี้เอง ผลเซียนเหล่านั้นถึงเจริญเติบโตได้อย่างราบรื่น
ณ ตีนเขาวิเศษ วานรถือกระบี่ตัวหนึ่งร้องเพลงขับขานอย่างบันเทิงใจ “ไต้อ๋องให้ข้ามาลาดตระเวน ข้าจะท่องโลกมนุษย์สักครา ตีกลองของข้า ตีฆ้องของข้า ให้ชีวิตเต็มไปด้วยท่วงทำนอง! ไต้อ๋องให้ข้ามาลาดตระเวน จับพระรูปนั้นมาเป็นมื้อเย็น…”
จากนั้น…
วานรก็เห็นชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งปรากฏตัว ปิดล้อมมันไว้ จึงแสยะยิ้มชั่วร้ายออกมา
เมื่อวานรถูกล้อม ใบหน้าก็ไร้ความกลัวเกรง กลับกันมันยกกระบี่ขึ้นตั้งท่าอย่างดงาม
“เจี๊ยก! ปีศาจจากแห่งหนใด อาจหาญมาเหิมเกริมที่เขาดอกผล!”
อันหลินก้าวออกมา ประกายสีทองฉายวาบในดวงตา เปิดวิชาแห่งอานุภาพ!
จากนั้น วานรก็สั่นระริก ใบหน้าฉายความหวาดกลัว ราวกับเห็นอะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่เป็นที่สุด
ตุบ!
วานรคุกเข่าร้องลั่นว่า “ใต้ๆ ๆ…เท้า ขอร้องท่านไว้ชีวิตข้าเถอะ!”
อันหลินกระแอมไอ “ไว้ชีวิตเจ้าได้ แต่บอกความลับของเขาดอกผลที่เจ้ารู้มาให้หมด”
วานรได้ฟังก็ออกอาการขัดขืน แต่เมื่อมันเห็นประกายสีทองในดวงตาของอันหลิน ก็ตกใจกลัวจนพรั่งพรูทุกอย่างที่รู้ออกมาทันที
คนในกลุ่มล่าสัตว์เห็นอันหลินถลึงตาใส่วานร ก็ทำให้ศัตรูเป็นฝ่ายเผยความลับออกมาเอง จึงอดตกใจไม่ได้ ความนับถือที่อยู่ในแววตายามมองอันหลินเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
มีเพียงสมาชิกสี่คนของกลุ่มที่คิดว่าควรเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว แม้แต่บุคคลระดับหวนสู่ความว่างเปล่า ลูกพี่อันหลินก็สังหารได้ ฝีมือแค่นี้ไม่มีอะไรน่าแปลกเลย
หลังจากที่ถูกคนซักถามแล้ว มันก็สลบเหมือดไป
“รอต่อไปไม่ได้แล้ว พวกเจ้าจำต้องรีบไปทันที!” ใบหน้าของเซวียจั๋วหมิงมีอาการร้อนใจ
พวกเขาได้รับข้อมูลที่ระทึกขวัญมาก นั่นก็คือผลเซียนจะถูกกินแล้ว!
วันนี้มีราชาวัวตนหนึ่งมาเยือนเขาดอกผล จะร่วมแบ่งปันผลเซียนกับราชาวานรอัปลักษณ์!
ทุกคนต่างก็พยักหน้าอย่างจริงจัง จะปล่อยให้พวกมันแย่งเนื้อที่จวนจะได้มาครองไปไม่ได้
บนเขาดอกผลมีพลังปราณหนาแน่น เป็นภูเขาวิเศษที่ได้รับการหล่อเลี้ยงจากฟ้าดินอย่างแท้จริง
ทหารวานรคอยเฝ้าตามเส้นทางหลักของภูเขา แต่เซวียจั๋วหมิงรู้จักทางลัดที่น้อยคนจะรู้จัก แน่นอนว่าพวกเขาเข้ามาจากทางลัดทางนั้น
ข้างๆ ธารน้ำตก มีต้นไม้ที่มีลำต้นแดงดุจโมรา ใบไม้เขียวชอุ่มดั่งหยกมรกต
บนต้นไม้มีผลเซียนสีแดงฉานเก้าผล กำลังขยับตามแรงลม แลดูน่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง
มันคือต้นภูตชิงเสวียนและผลเซียนเก้าลูกนั่นเอง
“ฮ่าๆ ๆ สหาย ไม่คิดเลยว่าผลเซียนจะสุกไวเช่นนี้ หากเราได้กินผลไม้พวกนี้ พลังต้องเพิ่มขึ้นหลายเท่าแน่!” เสียงของปีศาจวัวที่มีเขาสีดำขลับบนหัว นัยน์ตาสุกใสดุจลูกแก้วดังก้องปานระฆัง กำลังหัวเราะอย่างสุขอุรา
“หึๆ สรรพคุณของผลเซียนไม่ได้มีเพียงเท่านี้ หากโชคดีละก็ อาจจะได้พลังวิเศษมาด้วย” วานรที่สวมเกราะสีทอง องอาจผึ่งผายแสยะยิ้ม
สมกับเป็นราชาวานรเนตรทองที่เรียกตัวเองว่า ราชาวานรอัปลักษณ์
“แต่ตกลงกันก่อนนะ ตอนนี้กินผลเซียนได้แค่ลูกเดียว เจ้าข้าคนละครึ่ง” วานรอัปลักษณ์กล่าว
ราชาวัวแสดงสีหน้าลำบากใจ “แต่ข้าเรียกราชาปีกเงินกับกบยักษ์บงกชมาด้วย ผลเซียนลูกเดียวเกรงว่าจะไม่พอกินหรอกกระมัง”
ราชาวานรอัปลักษณ์ชะงักงัน จากนั้นก็พูดเสียงกร้าวว่า “เจ้าเรียกพวกเขามาทำไม ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่า ห้ามบอกความลับของผลเซียนกับสัตว์ประหลาดตนอื่น!”
ราชาวัวแค่นยิ้ม “แต่ว่านะสหาย ข้าคำนวณดูแล้ว หากเราสองคนกิน จะได้กินผลเซียนแค่คนละครึ่งลูก แต่หากว่าแบ่งกับราชาปีกเงิน กบยักษ์บงกชละก็ เราได้จะกินคนละสามลูกเชียวนะ…”
ราชาวานรอัปลักษณ์มองราชาวัวอึ้งๆ ไยเขาจะไม่รู้ความนัยของประโยคนี้
สิ่งที่ทำให้มันตะลึงจนยืนนิ่งกับที่ ไม่ใช่เพราะผลเซียนของมันถูกสัตว์ตัวอื่นแย่ง แต่เป็นเพราะว่ามันถูกสหายที่ตนเชื่อใจที่สุดทรยศหักหลัง!
มีเสียงต่อสู้และเสียงตะโกนของเหล่าทหารวานรทั้งหลายดังมาจากตีนเขา ยืนยันคำพูดของราชาวานร
“เจ้าวัวเส็งเคร็ง วันนี้ข้าไม่ไว้ชีวิตเจ้าแน่!” ราชาวานรอัปลักษณ์ตะโกนลั่น มีกระบองสีเงินปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ ยกขึ้นจะฟาดราชาวัว
ราชาวัวหัวเราะเยาะ ชักกระบองสีเงินออกมาต่อสู้กับราชาวานรอัปลักษณ์เช่นกัน
พลังต่อสู้ของทั้งคู่ล้วนแก่กล้า คลื่นพลังม้วนตัวไปทั่วทุกสารทิศ เศษหินดินทรายปลิวว่อน
ขณะนั้นเอง อินทรีสีเงินตัวหนึ่งก็โฉบผ่านภูเขาวิเศษ ก่อให้เกิดลมพัดกรรโชก ทำให้วานรบนพื้นล้มระเนระนาด
กบยักษ์สีดำสนิทขนาดสามจั้งตัวหนึ่งก็ปรากฏกายตรงตีนเขาเช่นกัน
ทุกครั้งที่มันกระทืบเท้า ผิวดินก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทุกครั้งที่กระโดด สามารถลอยตัวได้สูงร่วมร้อยเมตร วานรนับไม่ถ้วนถูกฝ่าเท้าขนาดใหญ่ของมันเหยียบย่ำจนบาดเจ็บล้มตาย
ราชาปีกเงินและกบยักษ์บงกชมาถึงแล้ว พวกมันเป็นสัตว์ภูตที่มีพลังแก่กล้ายิ่งนัก วานรทั่วไปจะต้านทานฝีก้าวของพวกมันได้อย่างไร
ไม่นาน สัตว์ภูตสองตัวนี้ก็มาถึงสมรภูมิรบของราชาวานรอัปลักษณ์
พวกมันแปลงร่างเป็นมนุษย์ เดินไปยังต้นภูตชิงเสวียน
“ลูกพี่วัว ข้าขอเด็ดผลเซียนนี่ก่อนนะ ประเดี๋ยวเราแบ่งกันคนละสามลูก” ราชาปีกเงินกล่าว
“บังอาจ!” ราชาวานรอัปลักษณ์ตะคอกเสียงดัง ยกกระบองเงินในมือจะฟาดชายผู้มีผิวสีเงินคนนั้น
แต่ทว่า การโจมตีของมันกลับถูกราชาวัวที่แสยะยิ้มขวางไว้ ขัดขวางการเคลื่อนไหวของมัน
กบยักษ์บงกชปราบทหารวานรที่พุ่งเข้ามาอยู่อีกทางหนึ่ง ส่วนราชาปีกเงินกลับจ้องต้นภูตชิงเสวียนด้วยสายตาเร่าร้อน ยื่นมือออกไปจะคว้าผลเซียน
ขณะนั้นเอง จู่ๆ ก็มีหมัดสีทองพุ่งมา
ราชาปีกเงินตกใจ ยกฝ่ามือขึ้นรับหมัดสีทองไว้
ปึก!
ราชาปีกเงินถูกแรงมหาศาลทำให้ถอยหลังสองก้าว สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตวาดว่า “ใครกัน!”
“หึๆ ขออภัย ผลเซียนพวกนี้เป็นของพวกเรา!”
อันหลินพุ่งไปหาราชาปีกเงินอย่างรวดเร็ว
สมาชิกสิบกว่าคนด้านหลังเขาก็ระเบิดพลังอันยิ่งใหญ่ กระโจนใส่ราชาปีกเงินเช่นกัน!
…………………
Related