ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม – ตอนที่ 167 การตัดสินใจของของเล่น

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

เฉินชิงหางถูกจับตัวเข้าหอสยบปีศาจ ส่วนความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับแดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์ และความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับเมิ่งจือก็ถูกลบเลือนไปช้าๆ

ภายในหอไม่มีสิ่งใดเลย มีเพียงความมืดสลัว

เขาทำอะไรไม่ได้เลย ทำได้เพียงนอนหลับใหล

เมื่อหลับไป ตื่นมาคราวหน้า เขาก็คือเฉินชิงหางอย่างแท้จริงแล้วสินะ…ไม่ใช่ปิงฝู ไม่ใช่ของเล่นของเมิ่งจู แต่มีชีวิตอยู่ต่อไปในฐานะความภาคภูมิใจของสำนักเซียนหมื่นชีวิต

ไม่รู้ว่าผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด

เขาได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว สติเริ่มคืนกลับมาช้าๆ…

เฉินชิงหางฟื้นแล้ว ลุกขึ้นจากกองผลึกสีขาวที่แตกละเอียด

จากนั้นเขาก็เห็นยอดเขาแสงสวรรค์ที่ถูกพายุหิมะถล่ม ซากศพมากเหลือคณานับที่นอนเกลื่อนกลาด เห็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่มากมายกำลังจดจ้องเขา

เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้า เมื่อเห็นร่างที่กำลังรบราฆ่าฟันกันเหล่านั้น ในที่สุดก็ตื่นจากภวังค์ ยิ้มอย่างขมขื่น “ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง…”

ไม่นาน ผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักเซียนหมื่นชีวิตก็ก้าวออกมา ตะโกนถามเขาเสียงดังว่า

“เจ้าคือเฉินชิงหางหรือปิงฝู!”

เฉินชิงหางหรือ…ปิงฝูงั้นหรือ

ความทรงจำค่อยๆ ผุดขึ้นมาในสมอง อดีตเหล่านั้นยังคงชัดเจนแจ่มแจ้ง

เขานิ่งงัน จากนั้นก็เบิกตากว้าง จ้องเหล่าผู้อาวุโสของสำนัก ตะโกนเสียงดังลั่นเช่นเดียวกันว่า “พวกท่านทำงานกันอย่างไร ไหนเล่าที่บอกว่าจะลบความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับแดนศักดิ์สิทธิ์แดนเหมันต์ให้ข้า ทำไมตอนนี้ข้าถึงยังจำได้ชัดเจนเช่นนี้!”

เหล่าผู้อาวุโสของสำนัก “…”

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีธารน้ำแข็งยาวสุดลูกหูลูกตาโอบล้อมเจ้าแห่งยอดเขาสามคนไว้

หญิงผมงามที่มีรูปโฉมสะคราญคนหนึ่งเหาะลงมาจากท้องนภา มาโผล่ตรงหน้าเฉินชิงหางแล้วกอดเขาไว้แน่น

นางก็คือเมิ่งจือ สังฆราชินีองค์ปัจจุบันของแดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์

“ของเล่น ข้ามารับเจ้ากลับไปแล้ว ไปกันข้าเถอะ ได้ไหม…”

สังฆราชินีที่ยืนตระหง่าน ณ ขอบฟ้า ประมือกับยอดฝีมือระดับหวนสู่ความว่างเปล่าสามคนเพียงลำพังก่อนหน้านี้ บัดนี้กลับทึ้งเสื้อของเฉินชิงหางแน่นประหนึ่งหญิงสาวคนหนึ่ง ทั้งตื่นเต้นและกระวนกระวาย

เฉินชิงหางได้สติ ผลักเมิ่งจือออก “ไม่…พ่อข้ายังอยู่ที่นี่ ข้ารับปากเขาแล้วว่าจะไม่ไปจากสำนักเซียนหมื่นชีวิต”

“ใครบอกว่าพ่อเจ้าอยู่ที่นี่ ตอนนี้พ่อเจ้าถูกข้าจับไปยังวังเทพหิมะแล้ว” เมิ่งจือหลบสายตา พูดด้วยความรู้สึกผิด

“หา” เฉินชิงหางเบิกตากว้างอีกครั้ง

“อืม…คราแรกข้าตั้งใจจะใช้พ่อเจ้ามาแลกกับตัวเจ้า แต่สำนักเซียนหมื่นชีวิตไม่ยอม ข้าจึงขังพ่อเจ้ามาตลอด…” ยิ่งพูดเสียงของเมิ่งจือก็ยิ่งอ่อนลง ราวกับเป็นเด็กผู้หญิงที่กระทำความผิดอย่างไรอย่างนั้น

มุมปากของเฉินชิงหางกระตุก หากความทรงจำของเขาถูกลบล้าง ต้องลงมือจัดการสังฆราชินีองค์นี้โดยไม่ลังเลแน่นอน เพียงแต่ว่าตอนนี้…

“เอาเถอะ ข้ายอมกลับไปกับเจ้า แต่เจ้าต้องรับปากข้าว่า เมื่อถึงแดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์แล้ว จะปล่อยตัวพ่อข้า” เฉินชิงหางพูดเสียงเข้ม

“มันแน่นอนอยู่แล้ว ตอนนี้ในแดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์ นอกจากจักรพรรดินีแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับข้า!” เมิ่งจือยิ้มหวานหยด ดวงตาจับจ้องชายคนตรงหน้า ยังเป็นเฉกเช่นเมื่อหลายร้อยปีก่อน

ตูม!

เจ้าแห่งยอดเขาทั้งสามบนนภาทลายธารน้ำแข็ง ได้เห็นเฉินชิงหางกับเมิ่งจือ อากัปกิริยาก็เริ่มถมึงทึงขึ้นมา

“ชิงหาง อย่าหลงงมงายอีกเลย เจ้าต้องรู้ว่า หากเจ้ายังตัดสินใจผิดพลาดอีก ต่อไปสำนักเซียนหมื่นชีวิตก็ไม่มีที่ให้เจ้าอยู่อีกแล้ว!” หญิงชราแห่งยอดเขาแสงสวรรค์กำคทาแน่น กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

คนที่นางชื่นชมมากที่สุดในสำนักเซียนหมื่นชีวิตก็คือเฉินชิงหาง คนที่รู้สึกปวดใจที่สุดก็เป็นเขาเช่นกัน

เฉินชิงหางเงยหน้ามองหญิงชรา ส่งยิ้มอ่อนโยน “ยายเฒ่าเซียว ขอบคุณที่ท่านคอยดูแลเสมอมา เพียงแต่ว่าครั้งนี้ ข้าจำต้องเลือกทางนี้”

“ไปกันเถอะ…” เขาหันหน้ามองเมิ่งจือ

เมิ่งจือพยักหน้ารัวๆ เรียกมังกรน้ำแข็งทั้งเก้าที่กำลังต่อสู้กับภูตพิทักษ์ค่ายกลกลับมา พาเฉินชิงหางพุ่งทะลุค่ายกล หลบหนีไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียว ผู้ที่ติดตามอยู่ข้างหลัง คือเจ้าแห่งวังระดับหวนสู่ความว่างเปล่าสองนาง รวมถึงสาวหิมะที่ยิ่งใหญ่สมคำร่ำลืออีกหลายสิบชีวิต

เจ้าแห่งยอดเขาและเหล่าผู้อาวุโสไม่ได้ตามล่า หากพ้นจากอาณาเขตคุ้มกันของค่ายกล พวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเมิ่งจือ

ศึกครานี้ พวกเขาปราชัย…

ดวงอาทิตย์ลาลับเส้นขอบฟ้าแล้ว ดวงดาราพร่างพรายเต็มนภาเริ่มปรากฏให้เห็น

ยอดเขาแสงสวรรค์ถูกสงครามใหญ่ทำลายราบเป็นหน้ากลอง ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยหลุมและรอยแตก รอยแยกอันน่าตะลึงทั้งหลายแหล่ชวนให้รู้สึกเหมือนจะตกลงไป

หากเหล่าเจ้าสำนักระดับหวนสู่ความว่างเปล่าไม่ชักนำศึกขึ้นฟ้า เกรงว่ายอดเขาแสงสวรรค์ต้องสูญสิ้นเป็นแน่แท้

อันหลินในฐานะผู้สัญจรได้สัมผัสกับสงครามที่น่าสะพรึงกลัวครั้งนี้ มันเป็นความรู้สึกราวกับจะตายให้ได้ทุกเมื่อ

โชคดีที่สังฆราชินีเพียงแค่มาชิงตัว ไม่ได้รบให้ตายกันไปข้างหนึ่ง มิเช่นนั้นไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น

หลังสงครามสิ้นสุดลง ลูกศิษย์บางส่วนของสำนักทำหน้าที่เก็บกวาดความพินาศย่อยยับ

อันหลินทำหน้าที่ส่งเซวียนหยวนเฉิงกับทังซือหยวนไปที่สถานพยาบาลของสำนัก พวกเขาทั้งสองบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส จำต้องใช้ค่ายกลเฉพาะในการรักษา

เมื่อเห็นทุกคนเข้าสู่สถานพยาบาลแล้ว อันหลินถึงหายใจได้เต็มปอด ออกจากสถานพยาบาล

จากนั้นเขาก็เจอเจ้าอัปลักษณ์กับต้าไป๋ ยังดีที่ไม่เกิดอะไรขึ้นกับพวกมัน

ต้าไป๋นอนสลบไสล ไม่รู้เรื่องสงครามสะท้านปฐพีเลยสักนิด ส่วนเจ้าอัปลักษณ์ไม่ได้รับคำสั่งจากอันหลิน จึงไม่ได้ลงมือตามอำเภอใจ

หลังรู้ว่าสัตว์เลี้ยงของเขาไม่เป็นอะไร อันหลินก็เริ่มเที่ยวเตร่

เขากลับมายังยอดเขาแสงสวรรค์อีกครั้งโดยไม่รู้ตัว

บ่ายวันนี้ยังเที่ยวชมทิวทัศน์ ชื่นชมว่ายอดเขาแสงสวรรค์สมกับเป็นยอดเขาที่งามที่สุดในบรรดายอดเขาทั้งห้า ไม่คิดเลยว่าเวลาสั้นๆ ไม่ถึงครึ่งวัน ที่นี่จะกลายเป็นซากปรักหักพัง กลายเป็นยอดเขาที่อัปลักษณ์ที่สุดในบรรดาห้ายอดเขา

เขานอนอยู่บนเนินหินขนาดใหญ่ ทอดมองดวงดาวพราวระยับบนท้องฟ้า ปล่อยให้ความคิดโลดแล่นไปไกล

ทำไมชายผมเงินต้องบอกเรื่องระเบิดพลีชีพกับตนด้วย ทำไมความทรงจำของเฉินชิงหางถึงไม่ถูกลบเลือน เรื่องพวกนี้เขาไม่อาจรู้ได้เลย

สงครามที่เกิดขึ้นกะทันหัน มีลูกศิษย์สำนักล้มตายกันระนาว แม้แต่ผู้อาวุโสก็สิ้นชีพไปหลายคน

จางเหยียน อัจฉริยะแห่งรุ่นหนุ่มสาวที่เขาเพิ่งรู้จัก ก็กลายเป็นเถ้าธุลีท่ามกลางระเบิดพลีชีพอันน่ากลัวนั่น

อดพูดไม่ได้ว่า นี่แหละหนอความโหดเหี้ยมของศึกแห่งวงการบำเพ็ญเซียน ไม่แน่ว่าอาจมียอดฝีมือคนหนึ่งโผล่พรวดออกมา ไม่ถูกชะตากับตน ฟาดตนให้ตายในฝ่ามือเดียวก็เป็นไปได้

“เฮ้อ…ทั้งๆ ที่อยู่ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณแล้ว ทำไมถึงยังรู้สึกอ่อนแออยู่ดี” อันหลินลอบรำพันกับตัวเอง

เขาคิดว่าตัวเองเหมือนโคนัน ไปที่ไหนเกิดเรื่องที่นั่น แถมส่วนใหญ่ก็เป็นเหตุการณ์ร้ายแรงถึงชีวิตอีกด้วย

ทั้งที่อยู่ในวัยข่มระดับกายแห่งมรรค แต่ศัตรูที่พบเจอกลับเป็นยอดฝีมือระดับแปลงจิตและหวนสู่ความว่างเปล่า จะให้มีชีวิตอยู่อย่างไร

พอคิดถึงปัญหาประการนี้ เขาก็อดทอดถอนใจไม่ได้

ไม่รู้เพราะเหตุใด แววตาของเขาเริ่มสังเกตเห็นดวงดาวที่ไม่กะพริบดวงหนึ่ง

ดาวดวงนั้นกลมกลึง แสงค่อนข้างนวลสว่าง ประดุจดวงจันทร์ดวงเล็กๆ มันประดับประดาอยู่บนท้องฟ้า นิ่งไม่ไหวติง

“ดาว…ดาวดวงนี้พิเศษมาก คงไม่ใช่ดาวปลอมหรอกนะ” อันหลินเผลอบ่นโดยไม่รู้ตัว

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

Status: Ongoing
ในโลกมนุษย์ อันหลินดูเหมือนจะถูกพระเจ้าทอดทิ้งเมื่อจู่ๆ พ่อของเขาก็หายตัวไปพร้อมทิ้งหนี้ก้อนโตไว้ให้ ทำให้ชีวิตเขาตกอยู่ในอันตรายหลังจากถูกเจ้าหนี้บีบจนต้องขึ้นไปถึงดาดฟ้าตึก อันหลินกลับถูกลมประหลาดพัดออกจากดาดฟ้าและดิ่งลงพื้นแต่เขากลับไม่ตาย แถมยังรอดพ้นจากเจ้าหนี้ จากนั้นจึงพบว่าผู้ที่ช่วยตนไว้คือท่านเซียนคนหนึ่งท่านเซียนยังได้มอบของขวัญที่ดูเหมือนมาจากความเมตตาอันบริสุทธิ์ให้กับเขานั่นคือ ‘ระบบเทพสงคราม’ พร้อมกับจดหมายรับรองเพื่อมุ่งหน้าไปบำเพ็ญเพียรบนสวรรค์!?มาร่วมเดินทางในโลกอันเป็นตำนานใบใหม่ไปพร้อมกับอันหลินพบปะเพื่อนใหม่มากมาย ได้รับอาวุธและเครื่องไม้เครื่องมือในตำนานและเริ่มต้นเส้นทางการกลายเป็นผู้บำเพ็ญเซียนที่แข็งแกร่งที่สุด…ชีวิตใหม่ของอันหลินพร้อมกับระบบที่ ‘ยอดเยี่ยม’ ของเขาจะไม่มีช่วงเวลาให้เงียบเหงาอย่างแน่นอน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท