ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม – ตอนที่ 224 มาชมภาพวาดกันหน่อย

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

ฟากฟ้ามีแสงอรุณสาดรำไร แสงแดดฉาบให้ชั้นเมฆเป็นสีทอง

รองผู้อำนวยการอวี้หัวในจัตุรัสฟ้าคราม ประกาศผลลัพธ์สุดท้ายของการประลองต่อหน้าผู้ชมหลายหมื่นชีวิต

กลุ่มตัวแทนของสรวงสวรรค์ได้รางวัลชนะเลิศจากงานแลกเปลี่ยนมรรคเทศนาสี่ทิศในครั้งนี้ ด้วยคะแนนสูงถึงแปดสิบสามจุดเจ็ดคะแนน เมืองพุทธได้ที่สองไป สวนเอเดนเป็นที่สาม หอสร้างโลกที่โหล่

หลังผ่านการพักรักษาระยะหนึ่งแล้ว อันหลิน หวังเสวียนจ้านกับหลิวเชียนฮ่วนยืนอยู่บนเวทีเพื่อรับรางวัล

อันหลินถือถ้วยรางวัลที่จะถูกเก็บในหอรำลึกของสำนักในอีกไม่กี่วันข้างหน้า มองเสียงโห่ร้องอันคึกคักของหลายหมื่นชีวิตตรงหน้า ในใจตื้นตันยิ่งนัก ก่อนเข้าร่วมการแข่งขัน เขาไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเดินมาถึงจุดนี้ได้

ทว่าตอนนี้ เพราะเขาเป็นคนที่เคยได้ลงแรง เคยทำความดีความชอบ เขาคิดว่าตอนนี้สามารถถือถ้วยรางวัลใบนี้ได้อย่างไม่ละอายใจ!

นอกจากนักเรียนในจัตุรัสฟ้าครามแล้ว ตัวแทนของอีกสามอิทธิพลที่เหลือก็ปรบมือขึ้นมาด้วยใจจริง

การประลองในครั้งนี้ตื่นตาตื่นใจมากจริงๆ และได้แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของเยาวชนของแต่ละอิทธิพลได้อย่างเต็มเปี่ยม ชื่อของอันหลินผู้เคลื่อนย้ายปรมาณู หลิวเชียนฮ่วนสาวน้อยบ้าอินเตอร์เน็ตและหหวังเสวียนจ้านผู้เล่นดีเด่นคนที่สี่ สร้างความทรงจำให้พวกเขาอย่างลึกซึ้งยิ่ง วีรกรรมของผู้เข้าแข่งขันเหล่านี้ก็จะดังกระฉ่อนไปทั่วจตุรทิศเช่นกัน

หลังประกาศผลลัพธ์แล้ว ก็เข้าสู่ช่วงการมอบรางวัล

สรวงสวรรค์คว้ารางวัลชนะเลิศ รางวัลนานาชนิดตามกันมาไม่ขาดสาย เพียงแต่ผู้ที่ทำหน้าที่มอบรางวัลเหล่านี้ ทำให้อันหลินสะดุ้งโหยงอีกครั้ง

หญิงสวมชุดสีอ่อนคนหนึ่งเดินนวยนาดมา ปรากฏกายตรงหน้าอันหลิน

นางงดงามเหนือธรรมดา เป็นดุจเทพธิดาที่ออกมาจากภาพวาดน้ำหมึก คิ้วโก่งเลิกขึ้นเล็กน้อย มุมปากเผยรอยยิ้มมีเลศนัย

“นักเรียนอันหลิน เจ้าทำได้ไม่เลวนี่นา เปิดประสบการณ์ใหม่ให้ข้าอีกครั้ง” หญิงสาวยิ้มกริ่ม เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

“แหะๆ ขอบคุณใต้เท้าเทียนอวี่ที่ชม” อันหลินสะกดกลั้นอารมณ์ พูดพลางยิ้มหวาน

เทพธิดาเทียนอวี่มอบยี่สิบหินปราณ บัตรกำนัลแลกยาเซียนและบัตรกำนัลแลกอาวุธวิเศษให้อันหลิน จากนั้นก็พูดว่า “หลังจบพิธีมอบรางวัล มารอข้าที่ศาลากระเรียนขาว”

ใบหน้าของอันหลินชะงักเล็กน้อย “ข้าปฏิเสธได้ไหม”

“ไม่ได้!” เทียนอวี่ตอบอย่างหนักแน่น

อันหลินถอนหายใจอย่างแรงเมื่อได้ยิน ใบหน้ามีแต่ความระอาใจ

เทพธิดาเทียนอวี่เบือนหน้าหนี จากไปด้วยท่าทางของผู้ชนะ มอบรางวัลให้คนอื่นต่อไป

ไม่นานพิธีมอบรางวัลก็สิ้นสุดลง งานแลกเปลี่ยนมรรคเทศนาสี่ทิศปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์

ผ่านการประลองมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนของแต่ละฝ่าย หรือผู้ชมแต่ละคนในจัตุรัสฟ้าคราม ใบหน้าล้วนแสดงอาการอิดโรย พากันแยกย้ายกลับไปพักผ่อน

ครั้งนี้อันหลินได้ประโยชน์มหาศาล และไปจากจัตุรัสฟ้าครามอย่างอิ่มอกอิ่มใจเช่นกัน

หลังได้มายี่สิบหินปราณแล้ว ทรัพย์สินของเขาก็ทะลุหนึ่งล้านหินวิญญาณอีกครั้ง

นอกจากนี้ เขายังได้รับสิทธิ์ไปแลกอาวุธวิเศษขั้นกลางที่หอสมบัติหนึ่งชิ้น และแลกยาเซียนขั้นหกหนึ่งเม็ดที่ราชวังดุสิต แค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว

แต่ทว่า ต่อไปต้องไปศาลากระเรียนขาว เกรงว่าจะไม่ง่ายดายขนาดนั้นแล้ว

ความจริงแล้วในใจเขาก็วิตกกังวลอยู่เหมือนกัน ไม่รู้เช่นกันว่าหลินจวิ้นจวิ้นเชื้อเชิญครั้งนี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่

อืม หากสาเหตุที่เชื้อเชิญเป็นเพราะรวบรวมของมีค่าครบแล้ว จึงตั้งใจมาเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลของสถาบันวิจัยดาวม่วงกับเขาละก็ มันจะเป็นเรื่องดีที่ยิ่งนัก…

เดินเลียบไปตามเส้นทางคดเคี้ยวอย่างต่อเนื่อง ไม่นานก็เจอศาลาที่สร้างจากหินสีขาว

ข้างศาลาเป็นทะเลสาบ ลมอ่อนโชยผ่าน เกิดริ้วคลื่นขึ้นมาระลอกหนึ่ง

หญิงชุดสีอ่อนนั่งอยู่ในศาลากระเรียนขาวเงียบๆ ใบหน้าขาวปลอดกำลังจดจ่อ

เรียวนิ้วดุจต้นหอมถือพู่กัน ทว่าไม่ได้จรดพู่กัน แต่กำลังจดจ้องภาพตรงเบื้องหน้าอย่างใจจดใจจ่อ

เมื่ออันหลินเห็นมุมที่อ่อนโยนเรียบร้อยของหลินจวิ้นจวิ้น ก็เดินเข้าไปด้วยความโล่งใจนิดหน่อย

“ใต้เท้าเทียนอวี่ ข้ามาแล้ว” เขาก้าวเข้าไปในศาลา เอื้อนเอ่ยเสียงเบา ด้วยเกรงว่าจะรบกวนหญิงสาวตรงหน้า

หญิงสาวเงยหน้าแล้วยิ้มบางๆ “ครั้งแรกที่เจอเจ้า เหมือนว่าจะไม่ได้สุภาพขนาดนี้นะ”

อันหลินยิ้มเขินๆ ไม่ตอบโต้

“รู้ไหมว่าข้าเรียกเจ้ามาทำไม” หลินจวิ้นจวิ้นพูดต่อ

“ไม่รู้” อันหลินส่ายหน้าอย่างสงบเสงี่ยม

ความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงของพลังยุทธ์และสถานะ ทำให้เขาตัดสินใจว่าจะเป็นคนซื่อตรง ถามคำตอบคำ ไม่พูดมาก ไม่หาเรื่องเด็ดขาด

หลินจวิ้นจวิ้นถอนหายใจ จู่ๆ พลังปราณก็กระเพื่อมในศาลากระเรียนขาว จากนั้นทัศนียภาพรอบตัวก็เริ่มเลือนราง

เมื่อเห็นท่าทางกระวนกระวายของอันหลิน หลินจวิ้นจวิ้นยิ้มบางๆ อธิบายว่า “นี่เป็นค่ายกลซ่อนเร้นตัดขาดจากโลกภายนอก ข้าเชิญเจ้ามาที่นี่ เพราะอยากให้เจ้ามาชื่นชมภาพวาดของข้าหน่อย…”

มุมปากของอันหลินกระตุก “ข้าเรียนมาน้อย ท่านอย่าหลอกข้าเลย ชื่นชมภาพวาด…ต้องใช้ค่ายกลซ่อนเร้นด้วยหรือ ชมภาพอนาจารหรือ”

“หึๆ…” ใบหน้าของหลินจวิ้นจวิ้นขึงขังขึ้นมา นัยน์ตาเป็นประกาย

อันหลินรู้ตัวว่าพลั้งปากอีกแล้ว จึงรีบปิดปากอย่างรวดเร็ว

“เจ้ามาดูนี่สิ ภาพนี้ของข้าเป็นอย่างไร” โชคดีที่หลินจวิ้นจวิ้นฝึกสมาธิมาดี เพียงครู่เดียวก็สงบจิตสงบใจ เอ่ยถามพลางชี้ภาพวาดตรงหน้า

อันหลินได้ฟังดังนั้นก็เดินเข้าไป จ้องมองภาพวาด

นางวาดรูปของดวงไฟ มันสมจริงปานมีชีวิต เปลวไฟเคลื่อนไหวราวกับจะทะลุกระดาษออกมา

“โอ้โห ภาพนี้พึงมีแต่ในสวรรค์ สุดยอด สุดยอด!” อันหลินเอ่ยปากชมทันที

การชื่นชมภาพนั้นเขาไม่เข้าใจ ทำได้เพียงชมให้ดีๆ สักหน่อยก็พอแล้ว เรื่องนี้ง่ายเลย

“สหายอันหลินชมเกินไปแล้ว” ใบหน้าของหลินจวิ้นจวิ้นฉายรอยยิ้มมีเลศนัย “แต่ว่านะ ทักษะการวาดของข้าก็แค่บรรลุระดับภาพวาดเป็นจริงก็เท่านั้น ขอให้สหายอันหลินรับชมให้ดี”

ขณะที่พูด นางก็ใช้พู่กันจรดภาพวาดตรงหน้า ปลายพู่กันมีลำแสงเล็กๆ กะพริบแปลบปลาบ

อันหลินเห็นดังนั้นก็สะดุ้ง เกิดสังหรณ์ใจไม่ดี “ท่าน…ท่านอย่าทำอะไรมั่ว…”

เขายังพูดไม่ทันจบ ภาพที่ถูกปลายพู่กันของหลินจวิ้นจวิ้นแตะสาดแสงเจิดจ้าทันใด

ตูม!

เปลวไฟที่ร้อนระอุอย่างยิ่งพุ่งทะลักออกมา แผ่คลุมอันหลินตั้งแต่หัวจรดเท้าจนลุกโหม

ผ่านไปครู่หนึ่ง อันหลินที่ดำเกรียมทั้งตัวก็ยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ที่เดิม

แค่อ้าปาก ควันขาวก็ลอยออกมา

“สหายอันหลิน ภาพนี้ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง” หลินจวิ้นจวิ้นยังคงสงบเรียบร้อย แม้แต่น้ำเสียงก็ปราศจากคลื่นอารมณ์

“ภาพนี้ของเทพธิดาเทียนอวี่งดงามไร้ที่สอง ความหมายลึกล้ำ เปลวไฟแฝงความเร่าร้อน มีแรงดึงดูด เปี่ยมด้วยการแสวงหาหนทางอันแรงแกล้า…”

อันหลินกระจ่างใจโดยพลัน เริ่มพูดจาฉะฉาน หยุดไม่ได้เลยสักนิด

หลินจวิ้นจวิ้นพูดยิ้มๆ อีกครั้งเมื่อเห็นท่าทางของอันหลิน “เอาละ ข้ารู้แล้ว ข้ายังมีภาพธารน้ำแข็งให้สหายอันหลินชื่นชมอีกนะ!”

“ไม่นะ ให้ข้าบอกความรู้สึกจบก่อน ข้าสามารถพูดได้อีกล้านปี!” อันหลินเห็นหลินจวิ้นจวิ้นเปลี่ยนภาพ ปลายพู่กันจรดลงไป จึงตะโกนลั่นขึ้นมาทันที

ทันใดนั้น หอกระเรียนขาวก็ถูกน้ำค้างแข็งปกคลุม

“อ๊าก…”

อันหลินหนาวเหน็บจนแผดเสียงลั่น แต่น่าเสียดาย เสียงนั่นวนเวียนอยู่ภายในหอกระเรียนขาวเท่านั้น

บัดนี้เขาเข้าใจแล้วว่า ทำไมหลินจวิ้นจวิ้นต้องวางค่ายกลซ่อนเร้น นี่มันขังเขาแล้วทารุณกรรมชัดๆ!

“สหายอันหลิน ข้ายังมีภาพของเงามีดบินอีก ขอเชิญเจ้ารับชม…”

“อ๊าก…”

“สหายอันหลิน ข้ายังมีภาพพิษร้ายอหังการ ขอเชิญเจ้ารับชม…”

“อ๊าก…”

“สหายอันหลิน…”

วันนั้น อันหลินหวนนึกถึงความน่ากลัวที่เคยประสบ รวมถึงความอัปยศที่เคยถูกจัดการจนนอนหมอบด้วยฝีมือของหลินจวิ้นจวิ้นผู้แข็งแกร่งชอบใช้ความรุนแรง

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

Status: Ongoing
ในโลกมนุษย์ อันหลินดูเหมือนจะถูกพระเจ้าทอดทิ้งเมื่อจู่ๆ พ่อของเขาก็หายตัวไปพร้อมทิ้งหนี้ก้อนโตไว้ให้ ทำให้ชีวิตเขาตกอยู่ในอันตรายหลังจากถูกเจ้าหนี้บีบจนต้องขึ้นไปถึงดาดฟ้าตึก อันหลินกลับถูกลมประหลาดพัดออกจากดาดฟ้าและดิ่งลงพื้นแต่เขากลับไม่ตาย แถมยังรอดพ้นจากเจ้าหนี้ จากนั้นจึงพบว่าผู้ที่ช่วยตนไว้คือท่านเซียนคนหนึ่งท่านเซียนยังได้มอบของขวัญที่ดูเหมือนมาจากความเมตตาอันบริสุทธิ์ให้กับเขานั่นคือ ‘ระบบเทพสงคราม’ พร้อมกับจดหมายรับรองเพื่อมุ่งหน้าไปบำเพ็ญเพียรบนสวรรค์!?มาร่วมเดินทางในโลกอันเป็นตำนานใบใหม่ไปพร้อมกับอันหลินพบปะเพื่อนใหม่มากมาย ได้รับอาวุธและเครื่องไม้เครื่องมือในตำนานและเริ่มต้นเส้นทางการกลายเป็นผู้บำเพ็ญเซียนที่แข็งแกร่งที่สุด…ชีวิตใหม่ของอันหลินพร้อมกับระบบที่ ‘ยอดเยี่ยม’ ของเขาจะไม่มีช่วงเวลาให้เงียบเหงาอย่างแน่นอน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท