อันหลิน ต้าไป๋กับเจ้าอัปลักษณ์เดินออกจากประตูเมืองโดยมีชาวไข่มุกกลุ่มใหญ่รุมล้อม
ฉีฉีหญิงงามแห่งเมืองริ้วคลื่นก็อยู่ในขบวนอำลาเช่นกัน โบกมือบอกลาพวกเขาเสียงดัง “ผู้อาวุโสอันหลิน ครั้งหน้ามาเที่ยวจักรวรรดิมุกดาอีกนะ ข้าจะนำเที่ยวโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย!”
อันหลินฉีกยิ้ม โบกมือ ขึ้นขี่สุนัข เหาะสู่ผืนทะเลท่ามกลางสายตาของสาธารณชน หายลับไปจากครรลองสายตาของชาวไข่มุก
สถานีแรกของพวกเขาคือ ละแวกเกาะมรกตของทะเลบูรพา ที่นั่นมีไม้จันทร์หลับใหลพันปีที่พวกเขาต้องการ
“ใต้ทะเลเหนือฝั่งตะวันออกของเกาะมรกตสิบสี่ลี้ มีต้นจันทร์หลับใหลอยู่ต้นหนึ่ง ตอนนั้นเสิ่นอิงคำนึงถึงความลำบากในการหล่อหลอมปัญญา จึงฆ่ามันไม่ลง เพียงแค่ตัดกิ่งไม้ท่อนหนึ่งของมันไป ตอนนี้ไม่รู้ว่ามันยังอยู่ตรงนั้นหรือไม่…” อันหลินถือแผนที่เดินเรือ พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เรียกว่าต้นจันทร์หลับใหลพันปี แต่ตอนนั้นอายุขัยของมันก็สูงถึงสองสามพันปีแล้ว ตอนนี้เกรงว่าคงจะเป็นปีศาจต้นหมื่นปีแล้วกระมัง หากว่าวิ่งหนีหรือถูกคนเอาไปแล้ว เราก็คงจะมาเสียเที่ยวแล้ว! โฮ่ง!” ต้าไป๋กังวลใจ
“มีความเป็นไปได้อีกประการหนึ่งคือ มันตายไปแล้ว แม้แต่ร่างกายก็ย่อยสลาย…” เจ้าอัปลักษณ์พูดแทงใจดำกว่าเดิม
อันหลิน “…”
เกาะมรกต ทะเลบูรพา
พลังปราณบนเกาะนี้หนาแน่น สิ่งมีชีวิตอุดมสมบูรณ์ มีแมกไม้เขียวขจี หมื่นไม้ชูสลอน ทอดมองจากที่ห่างไกล ประหนึ่งเพชรสีเขียวประดับผืนทะเล จึงถูกเรียกว่าเกาะมรกต
อันหลินเดินหน้าตามพิกัดบนแผนที่ ผ่านไปครู่หนึ่งก็เห็นเกาะที่เลื่องชื่อลือชา แต่ทุกคนไม่ได้มีความคิดจะไปท่องเที่ยวที่เกาะมรกต ทว่าเดินทางไปทางตะวันออกสิบสี่ลี้ จากนั้นกระโดดลงทะเลทันที
“เจ้าอัปลักษณ์ เปิดไฟ!”
พรึ่บ!
เจ้าอัปลักษณ์ใช้พลังเนตรทอง ไฟฉายเหนือชั้น
เสาแสงสีทองพุ่งตรงไปยังใต้ทะเลอันมืดมิดราวกับกระบี่คมที่แหวกความมืดมน
เจ้าอัปลักษณ์แผ่พลังอันยิ่งใหญ่ของระดับกึ่งแปลงจิตออกมา ไม่มีอสูรใต้ทะเลลึกหน้าไหนอาจหาญเข้าใกล้พวกเขา
ทุกคนดำลึกลงไปสองพันกว่าเมตร จนถึงก้นทะเลในที่สุด
“ข้าจำได้ว่าจะมีก้อนหินใหญ่สีเขียวอยู่ข้างต้นจันทร์หลับใหล” อันหลินกล่าว
“ข้าเจอหินก้อนนั้นแล้ว แต่ไม่เห็นต้นไม้…”
เจ้าอัปลักษณ์มองไปยังทิศทางนั้น เห็นก้อนหินยักษ์ที่เหมือนเคยพบเห็น มันยังคงตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้นมานานหมื่นปี เพียงแต่ว่าต้นจันทร์หลับใหลสีเหลืองข้างๆ มันกลับหายสาบสูญไปแล้ว
ใจของอันหลินวูบโหวง รีบตรงเข้าไปหาก้อนหินก้อนนั้น ค้นหาทุกซอกทุกมุม ถึงขั้นว่าใช้พลังเซียนขุดลึกลงไปสามเซี๊ยะ แต่ราวกับว่ามันอันตรธานหายไปเฉยๆ อย่างไรอย่างนั้น…
“เป็นไปไม่ได้…หากว่าไม้จันทร์หลับใหลเป็นของหายาก ต่อให้ตายแล้ว ต้นไม้ก็ไม่มีทางผุพังโดยง่าย ทำไมถึงไม่มีร่องรอยอะไรเลย…หนีเตลิดไปแล้ว หรือถูกสิ่งมีชีวิตตนอื่นเอาไปแล้วงั้นหรือ”
อันหลินไม่คิดเลยว่าการตามหาวัตถุดิบอย่างที่หนึ่งจะปิดฉากลงแบบนี้ มันทำให้ใจเขารับไม่ได้
…
บนเกาะมรกต ลมพัดกรรโชก สายฟ้าคำราม
เหนือแท่นหินสีขาว ภูตพฤกษาและอสูรวิญญาณกลุ่มหนึ่งหมอบอยู่บนพื้นอย่างสั่นระริก
“วันนี้ข้ากู่เยว่หวงจะสังหารชิงหวงที่นี่ พวกเจ้ามีความเห็นหรือไม่”
ภูตพฤกษาสีเขียวเหลืองถือกระบี่สีทองยืนตระหง่านกลางแท่นหิน ทรงพลังน่าเกรงขาม
ข้างๆ มันมีภูตพฤกษาสีเขียวอีกตัวถูกฟันเป็นสองท่อน สิ้นลมหายใจแล้ว
ภูตพฤกษากับเหล่าอสูรวิญญาณส่ายหน้าเป็นพัลวัน ไม่กล้าแม้แต่จะโต้แย้งเลยด้วยซ้ำ
ชิงหวงเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเกาะมรกต แม้แต่มันยังตายด้วยน้ำมือของกู่เยว่หวง อย่างพวกมันไหนเล่าจะกล้ามีความคิดต่อต้าน
เห็นผู้แข็งแกร่งทั้งเกาะมรกตคุกเข่าให้ตน กู่เยว่หวงระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น พลังของจอมราชาแผ่กระจายออกมาอย่างไม่เกรงกลัว สบายอุรายิ่งแล้ว เปี่ยมด้วยความฮึกเหิม
“ข้ากู่เยว่หวงบรรลุมรรคาใต้ทะเลสามพันปี กลับถูกคนชั่วใช้กระบี่ทำลายร่างอันงดงาม หนทางจึงขาดสะบั้น แต่ข้าไม่ยอมแพ้ สวรรค์เมตตา ได้ร่างอันสมบูรณ์แบบอีกครั้งหลังเก้าพันปี สร้างมรรคาขึ้นใหม่ จนกระทั่งบรรลุอย่างงดงาม”
“บัดนี้ข้าเป็นจักรพรรดิแห่งเกาะมรกต ใครหน้าไหนไม่พอใจบ้าง”
เสียงของมันเหมือนทะเลคลั่ง ซัดสาดอย่างโกรธเกรี้ยว ทรงพลัง สะเทือนต้นไม้ในรัศมีหลายร้อยจั้งให้สั่นเทา
กู่เยว่หวงดีใจยิ่งนัก เพราะวันนี้เป็นช่วงเวลาของการปกครองเกาะมรกต เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในหมื่นปีอันยาวนานของมัน
ดูเอาเถิด ไม่มีสิ่งมีชีวิตหน้าไหนในเกาะมรกตกล้าปริปากต่อต้านมัน
“ข้าไม่พอใจ!”
จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นจากฟากฟ้า
เสียงนี้เป็นเหมือนสายฟ้าคำราม ทำลายบรรยากาศเงียบงัน
ภูตพฤกษาและอสูรวิญญาณทั้งหลายต่างก็สะดุ้งโหยง เงยหน้าขึ้นมองฟ้า หมายอยากเห็นว่าใครกันที่ไม่กลัวตาย อาจหาญต่อต้านกู่เยว่หวงที่มีพลังแก่กล้า
กู่เยว่หวงเองก็ตกใจ แหงนหน้ามองฟ้าเช่นกัน มันไม่คิดว่าจะมีคนก่อกวนในขณะที่กำลังจะขึ้นนั่งบัลลังก์จักรพรรดิ บัดนี้มันตัดสินโทษประหารชีวิตให้กับผู้มาเยือนในใจแล้ว
จากนั้นสิ่งมีชีวิตบนเกาะมรกตก็เห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย มันเป็นวานรตัวหนึ่ง
มันถือกระบองเงิน มีเปลวเพลิงสีดำปกคลุมทั่วร่าง ชุดเกราะสีนิลบนตัวแลดูสง่างาม แต่ใบหน้าอัปลักษณ์ไปหน่อย
กู่เยว่หวงสัมผัสได้ว่าวานรตัวนี้มีพลังเพียงกึ่งแปลงจิต ส่วนสุนัขสีขาวกับนักพรตมนุษย์ที่ติดตามวานรก็มีพลังเพียงระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณเท่านั้น จึงหัวเราะเยาะทันที “เจ้าเป็นใคร! ไยจึงไม่พอใจ!”
สิ่งมีชีวิตของเกาะมรกตที่เหลือพบว่า ราชาวานรที่ลั่นวาจาต่อต้านยังไม่บรรลุระดับแปลงจิตเลยด้วยซ้ำ จึงหมดหวัง คิดว่าวานรตัวนี้เสียสติไปแล้ว
ต้องรู้ว่าชิงหวงแห่งเกาะมรกตเป็นยอดฝีมือระดับแปลงจิตขั้นต้น ยังถูกกู่เยว่หวงฟันเป็นสองท่อนด้วยซ้ำ วานรที่ยังไม่บรรลุระดับแปลงจิตตัวนั้น ตะโกนต่อหน้ากู่เยว่หวงว่าไม่พอใจ เท่ากับรนหาที่ตายไม่ใช่หรือไง
“อะแฮ่ม ข้าคือต้าซ่วย ราชันวานรเนตรทอง ทำไมข้าถึงไม่พอใจนั้น…”
“อย่างไรข้าก็ไม่พอใจ!”
ราชันวานรตอบอย่างฉะฉาน ทรงพลัง
ใช่แล้ว ผู้มาเยือนก็คือเจ้าอัปลักษณ์ ต้าไป๋และอันหลิน
เมื่อสิ้นเสียงของเจ้าอัปลักษณ์ ก็ทำให้สิ่งมีชีวิตทุกตัวบนเกาะตะลึงพรึงเพริด
กู่เยว่หวงก็ชะงักไป มันเพิ่งเคยเห็นวานรที่ไร้ความสามารถแต่อวดเก่งปานนี้เป็นครั้งแรก
ตอนนี้ต้าไป๋กำลังแอบส่งกระแสจิตกับอันหลินอย่างตื่นเต้น “เห็นไหมพี่อัน นอกจากต้นจันทร์หลับใหลจะมีหน้ากับสองแขนสองขาเพิ่มมาแล้ว ก็แทบจะเหมือนกับในภาพราวกับแกะ กลายเป็นภูตแล้ว! ข้าว่าแล้วมันอาจจะไปใช้เป็นใหญ่เป็นโตในเกาะสักแห่งก็ได้ หึๆ…ไม่คิดว่าจะบังเอิญขนาดนี้…”
อันหลินก็แสดงสีหน้าปลาบปลื้ม “ขุนเขาแม่น้ำไร้หนทาง พลันเห็นหมู่บ้านปรากฏตรงหน้า หากมันไม่ทำเรื่องให้เอิกเกริกปานนี้ พวกเราก็อาจจะไม่มาที่นี่ก็ได้ นี่แหละหนอพรหมลิขิต…”
เมื่อเห็นท่าทางอวดดีของเจ้าอัปลักษณ์ กู่เยว่หวงก็รู้แล้วว่าต้องเชือดไก่ให้ลิงดูแล้ว ถุย เชือดวานรให้สิ่งมีชีวิตตนอื่นดูต่างหาก
“ในเมื่อเจ้าไม่พอใจ เช่นนั้นก็ตายเสียเถอะ!”
กู่เยว่หวงไม่ใช่ต้นไม้ที่ชอบพล่ามให้เสียเวลา ดวงจันทร์ปรากฏให้เห็นด้านหลังตัวมัน แสงจันทร์สีขาวแผ่คลุมรัศมีสิบจั้ง
“มาแล้ว เขตอาคมแสงจันทร์พิทักษ์ของกู่เยว่หวง นี่เป็นการป้องกันขั้นสุดยอดเชียวนะ! ชิงหวงรบกับมันจนตัวตาย กลับทำลายเขตอาคมของมันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ก็ถูกสังหารแล้ว…” เมื่อเห็นฉากนี้ ก็มีภูตพฤกษาเบื้องล่างอุทานทันควัน
กู่เยว่หวงสังหารชิงหวงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย มันสะเทือนใจเหล่าผู้แข็งแกร่งของเกาะมรกตมากเหลือเกิน
การป้องกันที่น่ากลัวยิ่ง ทำให้กู่เยว่หวงไร้เทียมทาน และทำให้พวกมันละทิ้งความคิดจะต่อต้านไปอย่างสิ้นเชิง
กู่เยว่หวงหัวเราะด้วยความมั่นใจ ตั้งแต่ถูกผู้หญิงคนนั้นฟัน มันก็ให้คำสัตย์ว่าจะปกป้องตัวเองให้ดี เป็นต้นไม้ที่ไม่มีวันบาดเจ็บตลอดกาลนับจากนี้
เพราะความดื้อดึงเช่นนี้ สุดท้ายทำให้มันได้เขตอาคมแสงจันทร์พิทักษ์มาครอง
นับแต่นี้ไป มีเพียงมันข่มเหงรังแกผู้อื่น จะไม่มีใครรังแกมันได้!
“วานรอัปลักษณ์ ตายเสียเถอะ!”
กู่เยว่หวงกระทืบเท้า พุ่งขึ้นฟ้าด้วยพลังมหาศาล กระบี่สีทองตวัดลงมาหมายจะฟันเจ้าอัปลักษณ์อย่างไม่ปราณี!