ขณะที่อันหลินกำลังเพลิดเพลินกับร่างมนุษย์น้ำแข็งอยู่เพียงลำพัง ชายสวมชุดขาวงามสง่าคนหนึ่งก็เหาะลงมา หยุดลงข้างกายอันหลิน
“สหายอันหลิน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” ชายหนุ่มวางฝ่ามือบนแผ่นน้ำแข็ง ย่นคิ้วน้อยๆ
ได้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาเหนือสามัญ ได้ยินเสียงที่นุ่มนวลเปี่ยมด้วยความห่วงใย อันหลินอบอุ่นดุจอาบลมวสันต์
ผู้มาเยือนคือหัวหน้าห้องเซวียนหยวนเฉิงนั่นเอง เขายังคงอ่อนโยนเช่นเดิม
เซวียนหยวนเฉิงฉุกคิดขึ้นได้ ชักกระบี่ออกจากฝัก ภาพของมัจฉาหยินหยางปรากฏใต้ฝ่าเท้า
ชั่ววินาทีที่เมฆเคลื่อนตัว พลังธาตุแท้แห่งสรรพสิ่งก็ถูกเขากระตุ้นจนถึงขีดสุด
“สหายอันหลิน ข้าจะหั่นแผ่นน้ำแข็งแล้วช่วยเจ้าออกมาเดี๋ยวนี้!” เซวียนหยวนเฉิงถือกระบี่มือเดียว คมกระบี่สัมผัสชั้นน้ำแข็ง กระแสพลังงานแผ่กระจายออกไปกัดกร่อนน้ำแข็งอย่างต่อเนื่อง
“พี่เฉิงอย่าวู่วาม พี่อันกำลังฝึกยุทธ์อยู่! โฮ่ง!”
ต้าไป๋เห็นดังนั้นก็วิ่งออกจากศาลามาหยุดยั้ง
“ข้ารู้ว่าเขากำลังฝึกยุทธ์! แต่เจ้าไม่เห็นท่าทางที่ทุกข์ทรมานของเขาหรือ หากว่าทำได้ ข้าก็อยากพยายามช่วยเขา ไม่ปล่อยให้เขาทรมานมากปานนั้น!” เซวียนหยวนเฉิงพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
ฮือๆ ๆ…พี่เฉิงเป็นคนดีจริงๆ ด้วย
พออันหลินได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็ตื้นตันใจมากมายเหลือเกิน
“โธ่! หัวหน้าเซวียนหยวนเฉิงอย่าใจร้อน เกิดพลาดฟันสหายอันหลินเข้าจะแย่เอานะ!” ซูเฉี่ยนอวิ๋นรีบเข้ามาห้ามปรามเซวียนหยวนเฉิง
พอเซวียนหยวนเฉิงได้ฟัง ก็เหมือนจะมีเหตุผล
แม้เขาจะใช้กระแสพลังงานที่อ่อนโยน พยายามไม่ให้ส่งผลร้ายต่ออันหลิน แต่ใครจะรู้เล่าว่าท่าฟันเช่นนี้ จะส่งผลกระทบไม่ดีต่อวิชายุทธ์ที่อันหลินกำลังฝึกหรือไม่ เกิดพลังงานจากภายนอกทำให้ธาตุไฟเข้าแทรกจะทำอย่างไร เอาเท้าราน้ำเสียนี่ ครั้งนี้เขาใจร้อนเกินไปจริงๆ
อืม มีอีกประการหนึ่งก็คือ เมื่อครู่เขาฟันอย่างเต็มแรง แต่ชั้นน้ำแข็งไม่สะเทือนเลยสักนิด
“เฮ้อ สหายอันหลินช่างน่าเป็นห่วงจริงๆ…” เซวียนหยวนเฉิงส่ายหน้าอย่างนึกเสียดายแล้วเก็บกระบี่ใส่ฝัก
สวีเสี่ยวหลานก็เดินเข้ามามองอันหลินด้วยความโมโห พูดอย่างไม่พอใจว่า “เขาชอบรนหาที่ตายเช่นนี้อยู่เรื่อย ไม่คิดถึงจิตใจคนเป็นเพื่อนอย่างพวกเราเลย ตอนนี้เราจะทำอะไรได้อีก ทำได้แค่รอเท่านั้น”
อันหลินอึดอัดใจขึ้นมาทันทีที่ได้ยินสวีเสี่ยวหลานบ่น
เขาอยากบอกเซียนหญิงเสี่ยวหลานใจจะขาดว่า เพื่อรักษาความดีงามของบุรุษ เขาถึงได้มาอยู่ในสภาพแบบนี้ รนหาที่ตายที่ไหนกัน นี่เป็นการยึดมั่นอันยิ่งใหญ่! นี่เป็นคงไว้ซึ่งความรัก!
เซวียนหยวนเฉิง ซูเฉี่ยนอวิ๋นกับสวีเสี่ยวหลานมองหน้ากันเงียบๆ สุดท้ายก็ถูกคุณลุงอันเชิญชวนไปดื่มชาที่ศาลา
อันหลินใช้ชีวิตมนุษย์น้ำแข็งผู้โดดเดี่ยวของเขาต่อ
เพียงชั่วพริบตา พระอาทิตย์ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้า
ทั้งสามหารือกันแล้ว ตัดสินใจว่าจะพาอันหลินเข้าไปที่โถงภายในสวนวีไอพี
พวกเขาต่างก็สนิทสนมกับอันหลินเป็นอย่างมาก เห็นอันหลินในสภาพนี้ก็ทิ้งไม่ลง จึงอยู่ค้างที่เขาเป่ยอู้
ตกดึก ค่ายกลเมฆหมอกของเขาเป่ยอู้แยกโลกภายนอกกับที่นี่ออกจากกัน ตัดขาดความอึกทึก
ทุกอย่างช่างเงียบสงบ มีแสงดาวไม่กี่จุดแหวกม่านเมฆสาดกระทบสวนเป็นครั้งคราว
มนุษย์น้ำแข็งอันหลินหลับไม่ได้ เพราะดวงตาเบิกโพลง แถมสติสัมปชัญญะก็ชัดเจนแจ่มแจ้ง ไหนจะมีความเย็นจับขั้วหัวใจกัดกร่อนไม่หยุด เขาไม่มีทางนอนหลับได้เลย
ราตรีกาลยาวนาน แสงไฟภายในโถงปราศจากความอบอุ่น เพียงให้แสงสว่างแก่บริเวณนี้เท่านั้น
ไม่รู้ว่าเสียงฝีเท้าดังขึ้นตั้งแต่เมื่อใด
เห็นร่างที่สวมชุดสีมรกตปรากฏกายเบื้องหน้าอันหลิน เรือนคิ้วโก่ง เพ่งพิศใบหน้าของอันหลิน นัยน์ตาที่สุกใสเปี่ยมด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างสับสนวุ่นวาย
“ข้านอนไม่หลับ เลยมาดูเจ้า”
ผู้มาเยือนคือสวีเสี่ยวหลาน เพื่อนยากของอันหลิน
นางยกม้านั่งตัวหนึ่งมานั่งลงข้างกายอันหลิน มือข้างหนึ่งเท้าคาง ใบหน้าสะสวยเจือความกังวล
เมื่ออันหลินเห็นสวีเสี่ยวหลานก็ตื้นตันใจ เสียดายที่ขยับไม่ได้
“นี่ อันหลิน ตอนนี้เจ้าได้ยินที่ข้าพูดไหม ตอนนี้เจ้าตื่นหรือหลับอยู่กันนะ”
นางมองชายหนุ่มข้างกาย เสียงนุ่มนวลเสนาะหูดังขึ้นอีกครั้ง
อันหลินคิดในใจว่าข้าได้ยินที่เจ้าพูดอยู่แล้ว เสียดายที่ตัวข้าพูดไม่ได้
เฮ้อ สภาพแบบนี้มันทำให้เขาปวดกบาลขึ้นทุกที
น้ำแข็งอันหลินแผ่ไอเย็นอย่างต่อเนื่อง ทำให้อุณหภูมิภายในห้องโถงต่ำกว่าอุณหภูมิภายในห้องที่อยู่ห่างออกไป สวีเสี่ยวหลานที่อยู่ใกล้เขาที่สุดถูกอุณหภูมิต่ำของน้ำแข็งกระทบจนหนาวสั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
“อันหลิน เจ้าหนาวไหม”
“อยู่ในสภาพนี้คงทรมานแน่ๆ เลยใช่ไหม”
พูดพลางหยิบประคำสีทองเม็ดหนึ่งออกจากแหวนมิติ ข้างในมีมังกรทองเก้าตัวกำลังแหวกว่าย เมื่อกระตุ้นประคำ พลังเพลิงก็แผ่คลุ่มไปทั่วบริเวณ ทำให้ห้องโถงเหมือนฤดูร้อน!
“นี่เป็นประคำเพลิงเก้าสวรรค์ ข้าเติมพลังเพลิงให้มันทุกวัน พลังงานที่มันปล่อยออกมาในตอนนี้ เป็นพลังเพลิงที่บริสุทธิ์ที่สุด เจ้ารู้สึกดีขึ้นบ้างไหม”
สวีเสี่ยวหลานวางประคำสีทองเหนือชั้นน้ำแข็งของอันหลิน มืออีกข้างลูบน้ำแข็งที่แผ่ไอเย็นเยียบแผ่วเบา เนื้อตัวสั่นเทา
นางขี้หนาวมาก อาจเพราะพลังเพลิงสู้น้ำแข็งเย็นสุดขั้วไม่ได้ ยามนางสัมผัสมันมือถึงได้แข็งทื่อ นางคิดว่าอันหลินต้องทรมานมากเป็นแน่ จึงอยากแบ่งเบาอันหลินบ้าง
ไม่รู้เพราะเหตุใด อันหลินรู้สึกถึงความอบอุ่นขึ้นมาชั่วขณะ ราวกับถูกร่างที่อบอุ่นโอบกอดไว้
ไปสิ ไปจากที่นี่!
อันหลินไม่จมดิ่งอยู่ในภวังค์ของความอบอุ่น เขาอยากจะตะโกนออกมา ให้สวีเสี่ยวหลานกลับไป
เขาเห็นนิ้วมือของสวีเสี่ยวหลานที่หนาวเหน็บจนสั่นระริกลูบไล้น้ำแข็ง และเห็นความเด็ดเดี่ยวที่อบอวลในตาสวีเสี่ยวหลาน รวมถึงผมดำขลับที่มีน้ำค้างประดับประดา
นี่เป็นการเอาคืนของน้ำแข็งเหรอ
อันหลินนึกเสียใจ เขาไม่คิดว่าสวีเสี่ยวหลานจะทำเพื่อเขาถึงขนาดนี้
เขาควรจะบอกล่วงหน้า ไม่ให้คนอื่นรู้เรื่องนี้
อย่างที่คิดไว้…ถ้าออกไปได้จะกินเนื้อหมา!
สวีเสี่ยวหลานยิ้มบางๆ ประดุจลมวสันต์เดือนสาม กล่าวเสียงนุ่มว่า
“ในฐานะเพื่อนยากของเจ้า ไม่มีโอกาสทำอะไรเพื่อเจ้าเลย”
“เจ้าชอบหาเรื่องใส่ตัวอยู่เรื่อยเลย แต่ข้ากลับไม่มีสิทธิ์ไปห้ามปรามเจ้า เพราะเจ้าย่อมมีเหตุผลที่หาเรื่องใส่ตัวสินะ ครั้งนี้แช่แข็งสักหน่อยอาจจะได้วิชาแขนงน้ำแข็งมาก็ได้”
อันหลิน “…”
ครั้งนี้เจ้าทายผิดเสียแล้ว เป็นแค่การลงโทษเท่านั้น
“แต่ว่า แม้ข้าจะห้ามเจ้าไม่ได้ แต่ในยามที่เจ้าทุกข์ทรมาน ข้าก็อยากช่วยเจ้าได้บ้าง…”
“อืม…” สวีเสี่ยวหลานกะพริบตาปริบๆ ย่นจมูกขาวผุดผ่องสวยได้รูปเล็กน้อย ราวกับกำลังเรียงร้อยคำพูด “นี่คงเป็นสิ่งที่เพื่อนยากอย่างข้ายึดมั่นกระมัง…”
อันหลินฟังถ้อยคำเหล่านี้ด้วยความอุ่นใจและปวดใจ
ในใจพร่ำรำพันว่า ‘เซียนหญิงเสี่ยวหลาน ดึกดื่นอากาศเย็น รีบกลับไปเถอะ! คุยกับมนุษย์น้ำแข็งที่ไม่รู้ว่าได้สติหรือไม่คนหนึ่งมันสนุกตรงไหน’
สุดท้ายนางก็จากไป
จากไปในยามรุ่งสาง
นางย้ายอันหลินไปวางแถวศาลาบนยอดเขาอีกครั้ง
“เจ้าตากแดดต่อไปเถอะ ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อน”
ใบหน้าของสวีเสี่ยวหลานซีดเซียว แต่มันกลับดูงดงามสะดุดตาภายใต้แสงอาทิตย์ยามอรุณรุ่ง
อันหลินอุทานในใจว่า อย่างน้อยๆ เขาก็เป็นผู้ชายที่ได้โต้รุ่งกับเซียนหญิงเสี่ยวหลาน
เพียงแต่ว่าสภาพของทั้งคู่ค่อนข้างแปลกพิลึก ไม่ได้หลับกันทั้งคู่ คนหนึ่งมัวแต่กระตุ้นประคำเพลิงเก้าสวรรค์ อีกคนถูกแช่แข็งจนพูดไม่ได้
มันเป็นค่ำคืนที่พิสดารทว่าอบอุ่น
ผ่านไปครู่หนึ่ง ต้าไป๋วิ่งมาอย่างสบายอุรา
“คุณพระ พี่อัน เมื่อครู่ไม่เห็นเจ้าอยู่ในห้องโถง ทำข้าตกใจแทบแย่ โฮ่ง!”
ต้าไป๋จ้องอันหลินที่ถูกน้ำแข็งห่อหุ้มไม่กระดิกกระเดี้ยด้วยสีหน้าตกใจ “ใครย้ายเจ้าออกมาตรงนี้”
อันหลิน “…”
แน่นอนว่าคำตอบมีเพียงความเงียบ
ต้าไป๋ตบหัวตัวเองราวกับฉุกคิดได้ว่ามันช่างโง่งมสิ้นดี จากนั้นก็พูดต่อว่า “พี่อัน เจ้าหนาวหรือไม่”
อันหลิน “…”
ต้าไป๋พูดต่อว่า “ข้าขบคิดมาทั้งคืน หากเจ้ายังมองเห็นละก็ ข้ามีวิธีหนึ่งที่ทำให้เลือดของเจ้าพลุ่งพล่าน เร่าร้อนขึ้นมาได้”
อันหลินได้ยินคำพูดมั่นอกมั่นใจของต้าไป๋ ก็เริ่มสงสัยขึ้นมาบ้างแล้ว
จากนั้นเขาก็เห็นต้าไป๋หยิบหนังสือเล่มหนึ่งที่ไม่รู้ว่าได้มาจากไหนออกมา
เปิดแล้วยื่นมาตรงหน้าอันหลิน
ข้างในเป็นรูปของสาวๆ ที่เปลือยกายโพสต์ท่าเซ็กซี่เย้ายวนต่างๆ นานา…
แผนการในแต่ละวันเริ่มต้นจากยามเช้า เลือดลมพลุ่งพล่าน แบกรับภาระหนักอึ้งได้…
“ร้อนหรือไม่ พี่อันร้อนหรือไม่” ต้าไป๋ตะโกนอย่างตื่นเต้น
อันหลิน “…”
ตามที่คาดการณ์ เรื่องแรกที่จะทำหลังน้ำแข็งละลายแล้วก็คือกินหมา