ฝีมือเขาหรือ
ในใจทุกคนมีความคิดเช่นนี้ผุดวาบขึ้นมา
เฉินเหมิงลอบกลืนน้ำลาย ก่อนหน้านี้เขายังคิดจะโยนอันหลินลงจากขบวน มาย้อนคิดเอาตอนนี้เหมือนจะเป็นบ้าแล้ว! หากรู้ว่าอันหลินมีความสามารถน่ากลัวปานนี้ ต่อให้เขามีความกล้าหาญมากแค่ไหนก็ไม่กล้าทำ!
ลูกคณะพ่อค้าใช้เวลาอยู่นานกว่าจะยอมรับความจริงที่อันหลินเป็นยอดฝีมือผู้เร้นลับได้ ในเวลาต่อมาท่าทีกลับตาลปัตรหนึ่งร้อยแปดสิบองศา แต่ละคนต่างก็เปลี่ยนเป็นเคารพนบนอบอย่างยิ่ง
ของน่ากินน่าดื่มถูกส่งมอบมา สำหรับคณะพ่อค้าที่เดินทางข้ามทะเลทรายแล้ว ของเหล่านี้สำคัญยิ่งนัก แต่ก็ยังถูกส่งมอบมาให้ราวกับไม่ได้เสียเงินซื้อมา
เฉินเหมิงผู้เป็นหัวหน้า ก็ตั้งใจเดินมาหาอันหลินเพื่อก้มหัวขอโทษเป็นการเฉพาะอีกด้วย
อันหลินไม่ได้ถือสาท่าทีของคนเหล่านี้แต่แรกอยู่แล้ว จึงโบกมือปัดๆ ให้พวกเขาผละออกไปให้หมด
ไป๋ซูเยี่ยนเดินมาหาอันหลิน นัยน์ตาเป็นประกายแวววับ มีคำถามนับไม่ถ้วนอยากจะถาม แต่กลับไม่กล้าปริปาก
“ลองบอกเล่าเรื่องราวในโลกของพวกเจ้าหน่อยสิ ข้าจำต้องสร้างโลกทัศน์ใหม่”
“อืม เจ้าคิดถูกแล้ว ข้าเป็นมนุษย์ต่างดาว” อันหลินพูดอย่างสบายๆ
ไป๋ซูเยี่ยน “…”
นางรู้สึกปลงตกในใจ ยอดฝีมือก็เป็นยอดฝีมืออยู่วันยันค่ำ แม้แต่การกระทำคำพูดยังมีเอกลักษณ์ปานนี้
หลังสงบจิตสงบใจแล้ว ไป๋ซูเยี่ยนจึงแนะนำสภาพการณ์ของแผ่นดินปราณสงครามแห่งนี้แก่อันหลินโดยสังเขป
แดนดินที่พวกเขาอยู่คือทะเลทรายเมฆลอย เป็นอาณาเขตของแคว้นเมฆลอย
แผ่นดินปราณสงครามมีสามจักรวรรดิ สี่เพลิงเทวะ ห้าอาวุธเทวะ
แคว้นเมฆลอยก็คือแคว้นบริวารของจักรวรรดิอ้าวซิน และทุกจักรวรรดิจะมีจักรพรรดิสงครามนั่งบัลลังก์ ปกครองดินแดน ควบคุมแว่นแคว้น คณะพ่อค้าเป็นคณะส่งสินค้าสู่เมืองลั่วอวิ๋น เมืองหลวงของแคว้นเมฆลอย
อันหลินฟังไป๋ซูเยี่ยนบอกเล่า เอ่ยถามอย่างสงสัยว่า “ในสายตาเจ้า ข้าจัดอยู่ในผู้แข็งแกร่งระดับไหนของแผ่นดินปราณสงคราม”
ไป๋ซูเยี่ยนเมื่อได้ยินประโยคนี้ ดวงหน้ารูปงามก็พลันถอดสี รีบพูดอย่างร้อนรนว่า “ผู้อาวุโสมีพลังต่อสู้ล้นฟ้า ข้าไม่กล้าประเมินโดยพลการหรอก!”
แผ่นดินปราณสงครามยกย่องวรยุทธ์ ประเมินความสามารถของผู้แข็งแกร่งโดยพลการ เป็นการกระทำที่เสียมารยาทอย่างมหันต์ นางเคารพอันหลินจากใจจริง ย่อมไม่กล้าพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้า
“แล้วกระบี่เมื่อครู่นี้ของข้า เจ้าคิดว่าราชันสงครามทำได้ไหม” อันหลินเปลี่ยนวิธีถาม
ไป๋ซูเยี่ยนชะงักงัน ครุ่นคิดอยู่นานกว่าจะกล่าวว่า “โลกทัศน์ของข้าแคบ แต่ก็เคยเห็นศึกระหว่างราชันสงคราม ทว่าไม่เคยเห็นราชันสงครามคนไหนที่สามารถปล่อยการโจมตีได้น่าสะพรึงเช่นนี้เลย”
อันหลินพยักหน้า เพลงกระบี่เมื่อครู่เขาแค่สะบัดส่งๆ ไป พูดแบบนี้เท่ากับว่าเขามีพลังระดับกษัตริย์สงครามแล้ว
พลรบ ภูตสงคราม ราชันสงคราม กษัตริย์สงคราม อริยะสงครามและจักรพรรดิสงครามหกระดับ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นเมฆลอยอยู่ที่ระดับกษัตริย์สงคราม อริยะสงครามเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งของแผ่นดินนี้แล้ว ส่วนจักรพรรดิสงครามเป็นจุดสูงสุดของพีระมิด ทั่วทั้งแผ่นดินมีเพียงสามคนเท่านั้น ไม่รู้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน
ไป๋ซูเยี่ยนลังเลอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะพูดต่อว่า “พลังที่ผู้อาวุโสอันหลินใช้ ข้ารู้สึกว่า…ไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย”
“ไม่ใช่ปราณสงครามสินะ” อันหลินพูดพลางยิ้มมุมปาก
“อืม…” ไป๋ซูเยี่ยนพยักหน้าอย่างหวั่นวิตก เมื่อเห็นท่าทางอันหลินจะไม่ใส่ใจหัวข้อนี้มากนัก จึงพูดต่อไปว่า “คนที่ฝึกปราณสงครามอย่างพวกเรา จะสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวของปราณสงคราม แต่เพลงกระบี่ของท่าน พวกเราสัมผัสได้เพียงพลังงานมหาศาลเท่านั้น ไม่รู้สึกถึงคลื่นของปราณสงคราม”
อันหลินพูดยิ้มๆ ว่า “เรื่องนี้เจ้าอย่าคิดมากเลย”
ไป๋ซูเยี่ยนพยักหน้าอย่างว่าง่าย ไม่พูดเรื่องนี้อีก
อันหลินเริ่มเข้าใจแล้ว ปราณสงครามคงจะเป็นพลังงานไอออนที่มีเฉพาะในแผ่นดินนี้ แต่สิ่งที่เขาใช้คือพลังปราณ เป็นพลังงานที่แทรกซึมอยู่ทุกหนแห่งบนโลกใบนี้
เขาไม่รู้ว่าพลังงานทั้งสองชนิดอย่างไหนเหนือกว่ากัน แต่ปราณสงครามทำให้สรรพสิ่งวิวัฒนาการ และทำให้สิ่งที่มีชีวิตที่อยู่ในขั้นสูงกว่าก้าวล้ำ พลังงานแบบนี้ไม่ควรดูแคลน
วันต่อมา ถึงเมืองลั่วอวิ๋นแล้ว
มองดูเมืองที่ยิ่งใหญ่ตระการตา รวมถึงมวลชนที่คลาคล่ำ อันหลินตกอยู่ในภวังค์ทันใด รำพันในใจว่าทะลุมิติแล้วจริงๆ…
“ผู้อาวุโสอันหลิน ซูเยี่ยนขอตัวลาก่อน มีเรื่องอะไรท่านไปหาข้าที่จวนไป๋หวังได้เลย”
ไป๋ซูเยี่ยนถอนสายบัว เพื่ออำลาอันหลิน
แต่อันหลินกลับตาลุกวาว “มีธุระตอนนี้เลย เจ้ารู้ไหมว่าที่ไหนขายแผนที่ ยิ่งละเอียดยิ่งดี”
ไป๋ซูเยี่ยนแย้มสรวล “งั้นเชิญผู้อาวุโสที่จวนไป๋หวัง ที่นั่นมีแผนที่ทั้งแผ่นดินเลย แต่มีเพียงอาณาเขตของจักรวรรดิอ้าวซิน ค่อนข้างละเอียดทีเดียว”
อันหลินพยักหน้า ตามไป๋ซูเยี่ยนมาถึงจวนไป๋หวัง
ไป๋ซูเยี่ยนเป็นบุตรสาวของแม่ทัพท่านหนึ่งที่เป็นญาติกับจวนไป๋หวัง ศักดิ์ในจวนไป๋หวังไม่สูงไม่ต่ำ มีอำนาจพาอันหลินเข้าไปอ่านตำราในหอเทิดตำรา
ภายในหอเทิดตำรา อันหลินดูแผนที่ของแผ่นดินปราณสงครามแล้ว มีตั้งแต่การแบ่งแว่นแคว้น ละเอียดไปจนถึงทิศทางของสายน้ำและขุนเขา จักรวรรดิอ้าวซิน จักรวรรดิทีฆชาติและจักรวรรดิรุ้งอุดรแบ่งเป็นสามจักรวรรดิ และแคว้นเมฆลอยก็เป็นเพียงแคว้นบริวารชายขอบของจักรวรรดิอ้าวซิน เป็นแคว้นขนาดกลาง
สิ่งที่เลื่องชื่อที่สุดในแผ่นดินคือ สี่เพลิงเทวะ ห้าอาวุธเทวะ เล่าลือกันว่ากระจายตัวอยู่ในแดนโบราณรกร้าง
ว่ากันว่าจักรพรรดิสงครามซวีหมิงแห่งจักรวรรดิอ้าวซินได้อาวุธเทวะมาชิ้นหนึ่ง จักรพรรดิจื่อหยางแห่งจักรวรรดิรุ้งอุดรได้เพลิงเทวะมาครอง เพลิงเทวะและอาวุธเทวะที่เหลือไร้ร่องรอย
อันหลินค่อนข้างสนใจของจำพวกเพลิงเทวะกับอาวุธเทวะ ผู้ชายมักจะแสวงหาของที่สุดยอด เพื่อใช้มันแสดงออกถึงคุณค่าของตน เช่นการขี่ม้าที่แข็งแกร่งที่สุด ดื่มสุราที่แรงที่สุด กินอาหารที่แพงที่สุด จีบผู้หญิงที่…
เอาละ ลองไปท่องแดนโบราณรกร้างสักหน่อยแล้วกัน!
เมื่อเขาตัดสินใจแล้ว ก็เห็นชายวัยกลางคนไว้หนวดเคราคนหนึ่งก้าวเข้ามา ตรงไปหาไป๋ซูเยี่ยน
“เยี่ยนเอ๋อร์ เจ้ากลับมาสักทีนะ”
“ระยะนี้รอบๆ ไม่สงบ เจ้าอยู่แต่ในจวนเถอะ อย่าออกไปเก็บสมุนไพรเลย”
น้ำเสียงของชายวัยกลางคนราบเรียบ ทว่าแฝงกระแสออกคำสั่งที่ห้ามปฏิเสธ
“ท่านพ่อ ทำไมจู่ๆ ถึงพูดเรื่องนี้ ข้าเป็นหมอนะ” ไป๋ซูเยี่ยนโมโห
สิ่งที่สำคัญที่สุดในอาชีพนี้ก็คือการฝึกประสบการณ์ หมกตัวอยู่ในจวนเรียกได้ว่าไม่มีความก้าวหน้าเลยแม้แต่นิด
ชายวัยกลางคนส่ายหน้า “พ่อไม่ได้ไม่อยากให้เจ้าไป เจ้ารู้เรื่องแคว้นต้าโจวหรือยัง”
“เกิดอะไรกับแคว้นต้าโจวหรือ” ไป๋ซูเยี่ยนชะงัก
ชายวัยกลางคนพูดอย่างขึงขังว่า “เจ้าแคว้นต้าโจวถูกสังหาร! ได้ยินว่าแอบมองสตรีนางหนึ่ง หมายจะขืนใจ จากนั้นก็ถูกหญิงคนนั้นสังหารทันที การต่อสู้หลังจากนั้น ยอดฝีมือทั้งวังหลวงล้มตายเป็นเบือ… แคว้นต้าโจวในตอนนี้ตกอยู่ในภาวะอลหม่าน แคว้นของเราก็พลอยโดนลูกหลงไปด้วย รอบข้างไม่ปลอดภัย”
อันหลินตื่นตัวทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ แคว้นต้าโจวมีอาณาเขตติดต่อกับแคว้นเมฆลอยไม่ใช่เหรอ ศักยภาพใกล้เคียงกับแคว้นเมฆลอย เจ้าแคว้นก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับกษัตริย์สงคราม พอเทียบกันแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็แข็งแกร่งมากทีเดียว
เขาค่อนข้างสะใจ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่านารีเป็นเหตุ เจ้าแคว้นคนนี้นำหายนะมาสู่ตน เลยต้องแลกด้วยชีวิต
“หญิงคนนี้ร้ายกาจปานนี้เชียวหรือ นางเป็นใครกันแน่” ไป๋ซูเยี่ยนถามด้วยความตะลึงและใคร่รู้ สงสัยในตัวตนของหญิงคนนั้น
ชายวัยกลางคนย่นคิ้วเล็กน้อย ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “เรื่องนี้จะว่าไปก็แปลก หญิงคนนั้นไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งเอาแต่ใจที่เรารู้จัก อาวุธเป็นกงจักรจันทราสีน้ำเงินที่น่ากลัวอย่างยิ่ง เป็นบุคคลที่ลึกลับสุดแสน มีแหล่งข่าวกล่าวว่า ภาษาที่นางพูดก็เป็นภาษานิรนาม…ฉะนั้นเจ้าอย่าออกไปเลย รอให้มรสุมครั้งนี้ผ่านไปก่อนค่อยว่ากัน”
คำพูดของชายวัยกลางดังก้องสมองอันหลิน
กงจักรจันทราสีน้ำเงิน ภาษานิรนามงั้นเหรอ
ข้อสันนิษฐานหนึ่งผุดขึ้นในใจเขา ทำให้เขาตื่นเต้นจนสั่นระริก