อันหลินมองชายหัวโล้นแววตาหม่นแสง สิ้นลมหายใจ ยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่เดิม ก็อดหดหู่ใจไปชั่วขณะไม่ได้
สงครามที่ลำบากยากเข็ญที่สุดปิดฉากลงสักที
ปล่อยไพ่ตายจนหมด สุดท้ายเกือบจะแลกด้วยชีวิตของตัวเองแล้วด้วยซ้ำ ถึงเอาชนะชายหัวโล้นได้ ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ได้มาไม่ง่ายเลยจริงๆ!
อาจารย์ไซตามะสมคำร่ำลือจริงๆ!
อีกอย่างเขาไม่ใช่ไซตามะตัวจริงด้วยซ้ำ เป็นเพียงตัวละครคอสเพลย์ สุดยอดจริงๆ
จากนั้นอันหลินก็เห็นชายหัวโล้นกลายเป็นแสงทองระยิบระยับ จางหายไปในอากาศ
“อืม บอสใหญ่ก็คือบอสใหญ่ แม้แต่วิธีออกจากเกมยังมีคลาสขนาดนี้…”
อันหลินเห็นภาพนี้ก็อดอุทานออกมาอีกครั้งไม่ได้
จากนั้นเขาก็เห็นแสงทองค่อยๆ ก่อตัว กลายเป็นชายหัวโล้นอีกครั้ง
บนร่างกายยังเต็มไปด้วยคราบเลือดนับไม่ถ้วน มีเพียงแผลคร่าชีวิตบนลำคอเท่านั้นที่หายไป
ชายหัวโล้นกวาดตามองรอบกาย เกาหัวด้วยความงุนงง
“เอ๊ะ เมื่อครู่ข้าตายไปแล้วไม่ใช่หรือ” เขาโพล่งขึ้นมา
อันหลิน “…”
ซูเฉี่ยนอวิ๋น “…”
เซวียนหยวนเฉิง “…”
“ใช่ เจ้าตายไปแล้ว! เจ้ารีบนอนลงไปสิขอร้องละ!” หลิวเชียนฮ่วนหัวใจไม่แข็งแรง ถูกปริศนาการฟื้นคืนชีพของชายหัวโล้นทำเอาตกใจจนหน้าถอดสี ร้องลั่นทันที
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงที่ไพเราะดังขึ้นกลางอากาศ
“เจ้าตายไปแล้ว รบกวนเจ้าช่วยขับเรือเหาะล้อสวรรค์กลับมา”
ชายหัวโล้นตบหน้าผากฉาดหนึ่ง ได้สติโดยพลัน เขามองพวกอันหลินด้วยสีหน้าที่บอกไม่ถูก จากนั้นก็วิ่งกะแผลกไปที่วัตถุบินสีเงิน เปิดประตูแล้วกระโดดเข้าไป
พวกอันหลิน “…”
จากนั้นวัตถุบินสีเงินก็พุ่งขึ้นฟ้าท่ามกลางสายตาของทุกคน หายลับไปในรอยแยกของผืนฟ้า
“เฮ้อ พลิกผันครั้งแล้วครั้งเล่าจริงๆ…” เซวียนหยวนเฉิงสองขาอ่อนแรงทรุดลงกับพื้น
เขาคิดว่าตัวเองถูกความกลับตาลปัตรของเหตุการณ์ทั้งหลายสะเทือนจนสภาพจิตใจย่ำแย่แล้ว
อันหลินถึงกับนอนแผ่หลาบนพื้นเหมือนปลาตายตัวหนึ่ง ไม่อยากขยับเลยสักนิด
จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่ามีคนสะกิดที่เอวของตัวเอง
เมื่อเหลียวมองก็เห็นหลิวเชียนฮ่วนกำลังชี้จุดหนึ่งด้วยท่าทางกรุ้มกริ่ม แถมยังขยิบตาใส่เขาไม่หยุด
อันหลินมองไปทางจุดนั้น มันเป็นตำแหน่งที่จักรพรรดิเทียนเตาสู้รบ
“มีอะไรหรือ” เขาไม่ค่อยเข้าใจวัตถุประสงค์ของหลิวเชียนฮ่วน
“โธ่ เจ้าใช่ผู้ชายไหมเนี่ย จับจุดสำคัญไม่เป็นหรืออย่างไร!” หลิวเชียนฮ่วนถลึงตาใส่อันหลิน
ผู้ชาย จุดสำคัญงั้นเหรอ
อันหลินกะพริบตาปริบๆ มองไปทางจักรพรรดินีปี้ฉงผู้เลอโฉมที่อหังการไร้เทียมทาน
จักรพรรดินีปี้ฉงสมกับเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดินปราณสงคราม แม้จักรพรรดิเทียนเตาจะมีเกราะชีวะสีดำเพิ่มพลังต่อสู้ นางก็ยังสามารถกดจักรพรรดิคนนั้นกับพื้นแล้วซัดไม่หยุดได้
แต่ว่าพวกนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญเลย!
ประเด็นสำคัญคือตอนนี้จักรพรรดินีปี้ฉงอยู่ในร่างมนุษย์ ชุดสีเขียวบนกายค่อนข้างคล้ายกี่เพ้า ไม่เพียงโอบรัดจนเห็นรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของนางเท่านั้น แต่ยังแหวกสูงขึ้น ยามกระโปรงโบกสะบัดเวลารบ เผยให้เห็นเรียวขางามขาวผ่องอย่างเด่นชัดอีกด้วย!
อันหลินกลืนน้ำลายเอื๊อก
ตอนนี้เขานอนแผ่อยู่ แต่จักรพรรดินีปี้ฉงกับจักรพรรดิเทียนเตารบกันกลางนภา
เมื่อเป็นแบบนี้…นี่มันมุมสวรรค์ชัดๆ!
เขามองหลิวเชียนฮ่วนอย่างซาบซึ้ง หลิวเชียนฮ่วนกลับพยักหน้าอย่างปลาบปลื้ม เอ่ยเสียงเบาว่า “บางครั้งต้องมีดวงตาที่เชี่ยวชาญในการมองเห็นความงาม…”
พูดจบก็ล้วงมือถือออกมาเริ่มเล่นอย่างไม่สนใจใคร
ซูเฉี่ยนอวิ๋นเดินไปหาพวกอันหลิน คอยปกป้องคุ้มกันพวกเขา จะได้ไม่โดนลูกหลงจากการรบที่อยู่ไกลออกไป นางเป็นคนที่บาดเจ็บน้อยที่สุดจากสี่คน แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ ร่างกายของนางก็เหมือนจะแหลกสลายเสียให้ได้ ทุกครั้งที่ขยับตัวล้วนเจ็บปวดจนกัดฟันกรอด
การรบเริ่มเข้าสู่ช่วงปลาย สถานการณ์เริ่มชัดเจนแล้ว
จักรพรรดิเจินหงเก่งกาจเหลือเกิน ต่อให้จะมีสวีเสี่ยวหลานเพิ่มมาอีกคน เขาก็ยังเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด อีกอย่างหากไม่ใช่เพราะต๋าอีกับต๋าเอ้อร์คอยตรึงสุดชีวิต หูก้วนกับเหยาหมิงซีอาจถูกดินฝังกลบหน้าไปนานแล้ว
จากนั้นจักรพรรดิจื่อหยางก็เข้าร่วมสมรภูมิรบ เริ่มพลิกสถานการณ์ ทำให้จักรพรรดิเจินหงตกเป็นรอง
อันหลินเพิ่งเคยเห็นจักรพรรดิจื่อหยางรบจริงจังเป็นครั้งแรก ลูกไฟที่สะเทือนฟ้าดินถูกปล่อยออกจากมือเขาไม่หยุด อหังการและน่าเกรงขามอย่างยิ่ง อดพูดไม่ได้ว่าศึกนี้ได้กอบกู้ภาพลักษณ์จักรพรรดิสงครามของเขากลับคืนมาได้สำเร็จแล้ว
กระบี่เทวะสีมรกตตวัดลงมา ฟันชุดเกราะพร้อมกับร่างกายของจักรพรรดิเทียนเตาเป็นสองซีก
ลมหายใจของจักรพรรดิเทียนเตาดับสูญ ร่างกายกลายเป็นแสงทองระยิบระยับหายไปจากที่เดิม
จักรพรรดินีปี้ฉงเก็บกระบี่อย่างสง่างาม นัยน์ตาคู่งามตั้งใจตวัดมองทางอันหลิน
อันหลินรีบเบนสายตามองทางสวีเสี่ยวหลานทันที แววตาจริงใจเลื่อมใส
มีเพียงใจเขาที่ยังทอดถอนใจ ทำไมการรบของจักรพรรดินีปี้ฉงไม่ดำเนินให้นานกว่านี้หน่อย…
บัดนี้ จักรพรรดิเจินหงก็ส่อเค้าจะปราชัยภายใต้การรุมโจมตีของทุกคน
หลังเขาหลบกระบี่ของเหยาหมิงซีแล้ว ต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ก็ปล่อยค่ายกลสนามพลังอันทรงพลังออกมาทั้งหน้าหลังพร้อมกัน
ค่ายกลพันธนาการอันยิ่งใหญ่ทำให้จักรพรรดิเจินหงชะงักครู่หนึ่ง เมื่อหยุดเคลื่อนไหวท่ามกลางการโจมตีจากทุกคน เช่นนั้นสิ่งที่เขาต้องเผชิญก็คือการโจมตีประหนึ่งมรสุมก็ไม่ปาน!
หมัดแสงวายุของหูก้วนพุ่งมาปะทะหน้า คมกระบี่ของสวีเสี่ยวหลานวาดลำแสงสีทอง เพลิงพิพากษาของจักรพรรดิจื่อหยางก็ลอยลงมา…
ในตอนนี้ ท้องนภาถูกการระเบิดของมนตร์คาถาสาดส่องจนสว่างไสว
อันหลินเห็นเงาดำตกลงมาจากท้องฟ้า รวมถึงพวกสวีเสี่ยวหลานที่ไล่ตามหลังอย่างบ้าคลั่ง ก็รู้ตอนจบแล้ว จักรพรรดิเจินหงต้านได้อีกไม่นาน
ไม่ถึงสิบห้านาที หัวใจของจักรพรรดิเจินหงก็ถูกหอกชาดเพลิงของจื่อหยางทะลวง ศีรษะก็ถูกกระบี่อัสนีเหินเวหาของสวีเสี่ยวหลานบั่น
“ยินดีด้วย การทดสอบพิทักษ์แดนภาคจื่อซิงสำเร็จลุล่วง!”
เสียงดังกลางเวหา ยืนยันว่าสุดท้ายพวกอันหลินก็ผ่านการทดสอบแล้ว
เมื่อได้ยินคำว่าจื่อซิง ในใจทุกคนต่างก็สั่นสะท้าน ถึงว่ามีของอย่างเรือเหาะกับชุดเกราะ ที่แท้ก็หมายถึงอารยธรรมของจื่อซิง เช่นนี้ก็กระจ่างแจ้งแล้ว
แต่ทำไมพวกเขาถึงเป็นศัตรูของสิบเผ่าพันธุ์พิทักษ์แดนเล่า
ท้องนภาฉายภาพ ปรากฏเป็นคะแนนในการทดสอบครั้งนี้ของสมาชิกทุกคน
อันหลิน 18500 คะแนน หลิวเชียนฮ่วน 12200 คะแนน ซูเฉี่ยนอวิ๋น 9000 คะแนน สวีเสี่ยวหลาน 8300 คะแนน เซวียนหยวนเฉิง 7200 คะแนน เหยาหมิงซี 1100 คะแนน หูก้วน 900 คะแนน เถียนหลิงหลิง 100 คะแนน พญางูขาว 0 คะแนน ถังซีเหมิน 0 คะแนน
ตอนแรกอันหลินคิดว่าซูเฉี่ยนอวิ๋นที่ตัดคอจะได้คะแนนสูงสุด ไม่คิดว่าจะอยู่ลำดับที่สาม แต่ตัวเองกลับเป็นที่หนึ่ง อืม ท่าทางกรรมการจะยุติธรรมอยู่เหมือนกัน
หลังเถียนหลิงหลิงเห็นคะแนนก็ทำหน้าตื่นเต้นดีใจ เธอแค่โยนยันต์ไม่กี่แผ่นใส่จักรพรรดิเจินหง แถมยังฉวยจังหวะตอนที่จักรพรรดิเจินหงถูกรุมโจมตีจนเกือบจะจบเห่ ถึงทำใจกล้าเข้าไปผสมโรงซ้ำเติมยามตกที่นั่งลำบาก ไม่คิดว่าจะได้ตั้งหนึ่งร้อยคะแนน น่าประหลาดใจจริงๆ!
เสี่ยวชิงเห็นพญางูขาวได้ศูนย์คะแนน ก็ใช้หัวถูไถแขนของเธอเพื่อเป็นการปลอบใจ
“เสี่ยวชิง ข้าไม่เป็นไรหรอกน่า ไม่ได้เป็นที่โหล่เสียหน่อย มีคนเป็นเหมือนข้าด้วย” พญางูขาวมองถังซีเหมินแวบหนึ่ง ลูบหัวของงูน้อยแล้วพูดอย่างสบายใจ
หัวใจของถังซีเหมินถูกทิ่มแทงอีกครั้ง นอนเฉยๆ ก็ยังโดนเล่นงาน
แค่คำพูดของเด็ก แค่คำพูดของเด็กเท่านั้น…
มีประตูมิติอีกบานหนึ่งเปิดออก มันปรากฏกลางอากาศ เมฆขาวก่อตัวเป็นบันไดประหนึ่งหนทางสู่สวรรค์
สมาชิกทุกคนต่างก็มองประตูบานนั้น ในใจรู้สึกหวาดหวั่นและคาดหวัง
ในที่สุดด่านสุดท้ายก็มาถึงแล้ว!