นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่25 เจ็บจัง!
ไม่นาน โจวชิวเซียงก็กินหมดหนึ่งถ้วยแล้ว จากนั้นก็ยื่นถ้วยให้โจวกุ้ยหลาน: “ตักให้ข้าอีกถ้วย”
โจวกุ้ยหลานขี้เกียจเถียงกับคนบาดเจ็บ นางจึงลุกขึ้นแล้วออกไปตักข้าวในหม้อให้นาง ตอนที่กลับมา ก็เห็นโจวชิวเซียงคีบเนื้อใส่ในถ้วยของ สวีฉางหลินลงอีกแล้ว
นางแกล้งทำเป็นไม่เห็น แล้ววางถ้วยข้าวไปหน้าโจวชิวเซียง
โจวชิวเซียงไม่พูดอะไร ยกถ้วยขึ้นมาแล้วกินคำโต กับข้าวอร่อยมากจริงๆ ถ้านางแต่งงานกับสวีฉางหลิน จะได้กินข้าวกับเนื้อแบบนี้ทุกวันหรือเปล่านะ?
คิดอยู่ในใจ นางก็เหลือบมองสวีฉางหลิน
สวีฉางหลินกินข้าวอย่างรวดเร็ว เสร็จแล้วก็บอกกับโจวกุ้ยหลานแล้วก็ลงเขาไป
เห็นเขาไม่บอกลาตัวเองเลยด้วยซ้ำ แถมยังรีบลงไปตามคนขึ้นมารับนางกลับไปอีก โจวชิวเซียงก็โกรธอย่างมาก
พอโกรธ นางก็กินข้าวมากขึ้น กินเยอะจนโจวกุ้ยหลานกับเจ้าก้อนน้อยกินไม่อิ่มเลย
โจวกุ้ยหลานล้างถ้วยเสร็จ ก็ต้มน้ำร้อนและให้อาหารไก่กับนกกระทาเสร็จแล้ว จากนั้นก็ไล่พวกมันกลับเข้าลัง และจูงแพะกลับเข้าไปในคอก
ทำทุกอย่างเสร็จแล้ว สวีฉางหลินก็พาลูกผู้พี่ชายซานเฉียงลูกชายของลุงใหญ่มา
ซานเฉียงก็เป็นคนอารมณ์ร้อนเหมือนกัน พอเข้ามาเห็นโจวชิวเซียง ก็ด่าขึ้นมาทันที: “เจ้าขึ้นเขาไปทำไม? เจ็บขาแล้วยังต้องให้ข้ามาแบกเจ้ากลับไปอีก!”
“ไม่อยากมาก็ไม่ต้องมาสิ! ข้าไม่อยากให้เจ้าแบกข้าหรอกนะ!” โจวชิวเซียงก็ไม่ได้มีนิสัยยอมคน นางรีบตอบโต้กลับไปทันที
“ถ้าไม่ใช่เพราะท่านพ่อบังคับข้ามา ข้าคงไม่สนใจเจ้าหรอกนะ!” ซานเฉียงก็โมโหเหมือนกัน กินข้าวยังไม่เสร็จก็ถูกคนเรียกมาแล้ว เขายังหิวอยู่เลยนะ!
โจวชิวเซียงอยากจะด่ากลับไป พอเห็นสวีฉางหลินยืนอยู่ข้างๆ นางก็ตัวสั่นรีบลดเสียงลง แล้วทำท่าอ่อนแอน่าสงสาร: “พี่ฉางหลิน พี่ดูพี่ชายข้าสิ ไม่เป็นห่วงข้าแล้วยังด่าข้าอีก! ข้าไม่อยากให้เขาแบกข้ากลับหรอกนะ พี่แบกข้ากลับได้ไหม?”
ถ้าตอนนี้โจวกุ้ยหลานยังดูไม่ออกอีกว่าโจวชิวเซียงกำลังคิดจะจีบสวีฉางหลิน นางก็คงไม่ใช่โจวกุ้ยหลานแล้ว
นี่จีบผู้ชายของนางต่อหน้านางเลยงั้นเรอะ! ดูท่าแล้วคงอยากจะหาเรื่องจริงๆ
“เรื่องนี้พูดออกไปคนคงได้นินทากันแน่ ให้พี่เขยเจ้าแบกเจ้า ถ้าคนอื่นเห็นเจ้า เจ้าแต่งไม่ออกจะทำอย่างไร?” โจวกุ้ยหลานตอบด้วยรอยยิ้ม
ยุคสมัยนี้ ชื่อเสียงของผู้หญิงสำคัญมาก โจวชิวเซียงยังถึงช่วงอายุที่จะแต่งงาน ถ้าชื่อเสียงพังก็คงไม่มีหนุ่มบ้านไหนมาสู่ขอแล้วล่ะ
เห็นได้ชัดว่า คำพูดนี้ซานเฉียงฟังเข้าใจแล้ว เขาพูดเสียงดังขึ้น: “คิดว่าข้าตายแล้วหรือไง? ข้าแบกเจ้าไม่ได้ จะให้น้องเขยแบกเจ้างั้นเรอะ? รีบขึ้นมาเร็วๆ ข้าจะกลับบ้านไปกินข้าวต่ออีก!”
ว่าแล้ว ซานเฉียงก็นั่งยองไปจะแบกโจวชิวเซียงขึ้นหลัง
ถึงแม้โจวชิวเซียงจะไม่อยากแค่ไหน ตอนนี้นางก็ต้องขึ้นไปบนหลังของพี่สาม ถูกพี่สามแบกขึ้นหลังแล้วเดินออกไป
โจวกุ้ยหลานมองดูสวีฉางหลินตั้งแต่หัวจรดเท้า “ไม่เลวเลย มีสาวมาชอบเพียบเลยนะ!”
ว่าแล้ว ก็เอาถังไม้ไปตักน้ำร้อนในหม้อแล้วเอาไปอาบน้ำให้เจ้าก้อนน้อย
สวีฉางหลินเกาหัวอีกครั้ง ลางสังหรณ์ของผู้ชายบอกเขาว่า ภรรยาของเขากำลังโกรธเขาอยู่
ทำไมถึงโกรธล่ะ?
วันนี้โกรธหลายรอบมาเลย
เขาเดินเข้าไป ยืนตรงหน้าโจวกุ้ยหลานที่กำลังอาบน้ำให้เจ้าก้อนน้อย เงียบอยู่นานมากก็ถึงพูดว่า: “ข้าช่วยน้องสาวของเจ้าไว้”
“อืม ข้าเห็นแล้ว” น้องสาวยังแอบชอบเขาด้วยนะ
โจวกุ้ยหลานแอบครุ่นคิดในใจ ตัวเองเพิ่งแต่งงานได้ไม่กี่วัน ยังไม่มีความรู้สึกอะไรกับผู้ชายคนนี้ ยังดีที่ตอนนี้มีคนมาชอบเขาแล้ว นางยังถอนตัวได้ทัน
สวีฉางหลินเงียบอีกแล้ว กลับหันตัวแล้วเดินไปตัดฟืนต่อ
ในเมื่อภรรยาของเขาเห็นว่าเขาช่วยน้องสาวนางไว้แล้ว คงจะไม่โกรธอะไรเท่าไหร่ คืนนี้น่าจะนอนกับภรรยาตัวเองได้แล้วนะ
อาบน้ำให้เจ้าก้อนน้อยเรียบร้อยแล้ว นางก็ต้มน้ำร้อนแล้วอาบน้ำ เสร็จแล้วก็เทน้ำเข้าไปในหม้ออีกครั้ง มองดูผู้ชายที่กำลังตัดฟืนอยู่ นางก็อุ้มเจ้าก้อนน้อยเข้าไปนอนในห้อง
ได้กอดแม่ที่มีกลิ่นหอมแบบนี้นอนทุกวัน เจ้าก้อนน้อยดีใจมากจริงๆ
รอสวีฉางหลินตัดฟืนเสร็จกลับมา อาบน้ำเสร็จแล้วเข้ามาในห้องนอน ก็เห็นภรรยาตัวเองนอนหลับอีกแล้ว
ไฟอันรุ่มร้อนในตัวของเขาไม่ได้ปล่อยออกมาสักที เขานอนพลิกตัวไปมา หลับไม่สบายเลย
ณ หมู่บ้านต้าสือ บ้านลุงใหญ่
โจวชิวเซียงนั่งอยู่บนเตียงในห้องนอน เล่าเรื่องที่ไปกินข้าวที่บ้านโจวกุ้ยหลานกับแม่ตัวเอง: “ข้าวสวยหอมมากเลยท่านแม่ อีกอย่างนะ เนื้อกวางที่บ้านนางยังทำอร่อยกว่าบ้านเราอีกด้วย!”
“เป็นไปไม่ได้? ยัยนั่นตอนเช้ายังบอกว่าจะไปยืมเสบียงที่บ้านแม่อยู่เลย” หลี่ซิ่วยิงไม่เชื่อ
บ้านยัยนั่นจนมานานหลายปี ถ้าไม่ได้บ้านของพวกเขาช่วยไว้ บ้านพวกเขาก็ตายเพราะความแห้งแล้งแล้ว ตอนนี้จะมีข้าวสวยกินได้ยังไง?
“จริงๆนะเจ้าคะ? ข้ากินข้าวไปตั้งสามถ้วย! แม่ หมู่บ้านเราใครจะเก่งเท่าพี่ฉางหลินอีก? เป็นเพราะพี่ฉางหลินล่าสัตว์เก่ง ได้กินข้าวสวยและเนื้อทุกวันแน่ๆ!”
ว่าแล้ว สมองของโจวชิวเซียงก็มีภาพใบหน้าอันหล่อเหล่าของสวีฉางหลินลอยขึ้นมา นางเขินจนหน้าแดงระเรื่อ
หลี่ซิ่วยิงกำลังคิดคำพูดของลูกสาวตัวเอง จึงไม่ทันได้สังเกต
คำพูดของลูกสาวคงจะเป็นความจริง วันที่สวีฉางหลินมาสู่ขอยังเอาหมูป่าตัวใหญ่มาขออยู่เลยนี่? นางลองคิดคำนวณดูแล้ว สวีเหมยฮัวน้อยสุดก็น่าจะขายได้สักสองสามตำลึง ของขวัญกลับบ้านก็เอากลับมาหนักเหมือนกัน แค่บ้านนางก็ได้เนื้อกวางเจ็ดแปดชั่งแล้ว สวีฉางหลินมีความสามารถจริงๆ
“เรื่องนี้พวกเราต้องไปดูเองกับตาก่อน เดี๋ยวรอขาเจ้าดีแล้ว พวกเราค่อยหาข้ออ้างไปดูกัน”
หลี่ซิ่วยิงเจ้าเล่ห์มาก ต้องไปเห็นกับตาให้ได้ถึงจะเชื่อ
ได้เจอกับสวีฉางหลินอีกครั้ง โจวชิวเซียงจะตอบปฏิเสธได้ยังไง?
อีกด้านที่บ้านเฉินของหมู่บ้านต้าสือ
เฉินโหยวซวนจับเสื้อของแม่แล้วตะโกนโวยวาย: “ท่านแม่ ท่านแม่ไปตามหมอมาดูให้ข้าหน่อย ข้าเจ็บมากเลย!”
เฉียนต้ายาก็มองด้วยความปวดใจ: “ลูกอดทนอีกหน่อยนะ บ้านเราจน เรียกหมอมารักษาต้องใช้เงินเยอะมากเลยนะ”
เฉินโหยวซวนไม่อยากจะเชื่อ: “ข้าเป็นลูกชายท่านแม่ แม่ขี้เหนียวถึงขนาดไม่อยากจ่ายค่ารักษาให้ข้าเลยเหรอ?”
ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก ภรรยาของเจ้าใหญ่พิงอยู่ข้างประตู ถุยเปลือกเมล็ดทานตะวันออกมา: “ท่านแม่ไม่ได้มีเจ้าเป็นลูกชายคนเดียวนะ ใช้เงินกับตัวเจ้าหมด พี่ใหญ่กับหลานชายหลายคนของเจ้าจะทำยังไง?”
เฉียนต้ายาก็กำลังคิดเรื่องนี้เหมือนกัน
ไม่มีลูกชายคนนี้ นางยังมีลูกชายคนอื่นอีกนะ
เฉินโหยวซวนมองค้อนพี่สะใภ้ตัวเอง ดวงตาแดงก่ำ: “เจ้ามันหญิงแพศยา! กล้ายุยงแม่ของข้า รอข้าหายดีแล้วจะตีเจ้าให้ตายเลย!”
สะใภ้ใหญ่ไม่กลัวน้องเฉินโหยวซวนหรอกนะ นางกินเมล็ดทานตะวันต่อไป แล้วพูดอย่างขี้เกียจว่า: “ข้าไม่ใช่เมียเจ้าที่ถูกตีสาหัสจนต่อดื่มยาประทังชีวิต เจ้าไม่มีเมียสักหน่อย จะเอาหรือไม่เอานกเขาของเจ้าก็ได้ ทำไมต้องยอมเสียเงินก้อนนี้ให้เจ้าด้วย?”
เฉินโหยวซวนคลานลงมาจากเตียงอย่างบ้าคลั่ง ท่อนล่างเจ็บจนเขาล้มลงพื้น หน้าตกลงไปบนพื้น ระหว่างขาของเขาบาดเจ็บอีกครั้ง เจ็บจนเขาสูดหายใจซี้ด
เฉียนต้ายาเรียกเขาอยู่หลายครั้งก็ไม่ได้ยินเขาตอบ นางรีบวิ่งออกไปหาเจ้าใหญ่ ให้เขาไปตามหมอมาให้หน่อย
ผ่านครึ่งชั่วโมงหมอหวังหมู่บ้านข้างๆก็มา
หมอหวังตรวจดูอาการเบื้องต้น เขาส่ายหน้าแล้วพูดว่า: “ตอนแรกทาแค่ยาก็หายแล้ว แต่ยืดเยื้อไปหลายวัน จึงทำให้เป็นหนักขึ้น วันนี้ยังบาดเจ็บซ้ำที่เดิมอีก เลยเป็นหนักกว่าเดิม ข้าทำได้แค่เอวยาให้และบำรุงไปช้าๆ จะหายหรือไม่ยังไม่แน่ใจ หรือพวกเจ้าลองไปตรวจดูในตำบลก็ได้?”