-มันก็แค่รักเจ้านายของมันมากๆ
ในโลกนี้ สุนัขก็เป็นเพียงแค่ปศุสัตว์ประเภทหนึ่ง
อยู่รวมกันเป็นฝูง จงรักภักดีต่อเจ้าของ และมีความสามารถในการดมกลิ่นที่แม่นยำเหมาะสมต่อการล่าสัตว์ป่า
ถ้าฝึกดีๆก็ถึงขั้นที่สามารถตรวจจับปีศาจได้ และสามารถเตือนเจ้านายของพวกมันได้ก่อนที่อันตรายจะเข้าถึงตัว
ในโลกที่ไม่มีใครรู้ว่าจะถูกปีศาจจู่โจมเข้าตอนไหน สุนัขเป็นสหายที่ไม่มีสัตว์อื่นมาแทนที่ได้สำหรับมนุษย์
เช่นนั้นเอง สุนัขส่วนใหญ่จึงถูกเก็บไว้เพื่อใช้ในทางทหาร เรียกได้ว่าทุกหน่วยจะมีสุนัขประจำอยู่อย่างน้อยหนึ่งตัว
โปจิเองก็เป็นหนึ่งในสุนัขที่ถูกเลี้ยงไว้ใช้ในการทหาร…แต่น่าเสียดายที่ความสามารถของมันนั้นต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ จึงเป็นเหตุผลให้ถูกทอดทิ้ง
ถึงจะฟังดูโหดร้ายไปบ้าง แต่อาหารสุนัขนั้นไม่ใช่ของฟรี
ในโลกที่มีปีศาจและแม่มดออกอาละวาดอยู่ตลอดเวลา สถานที่ที่ขาดแคลนอาหารนั้นมีอยู่ไม่น้อยเลย ทุกๆวันจะต้องมีใครบางคนล้มตายเพราะการขาดแคลนอาหาร ไม่มีเหตุผลใดเลยที่ต้องนำอาหารที่มีค่ามาให้สุนัขที่ไร้ประโยชน์
สถานการณ์ด้านอาหารในปัจจุบันนั้นดีขึ้นมากหลังจากที่เซนต์เอลริสเผยแพร่การเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรที่สามารถเติบโตได้กระทั่งในที่ที่ดินไร้คุณภาพอย่างมันฝรั่งและถั่วเหลือง แต่ในสมัยก่อนนั้นผู้คนไม่มีแม้แต่อาหารพอจะเลี้ยงปากท้องตัวเองด้วยซ้ำ
นี่เป็นเพราะยุคมืดอันยาวนานเนื่องมาจากความพ่ายแพ้ของเซนต์สองรุ่นก่อนเอลริส เธอเสียชีวิตลงโดยไม่อาจทำหน้าที่ในฐานะเซนต์ให้สำเร็จได้
ผู้ที่ช่วยเหลือโปจิซึ่งถูกทอดทิ้งนั้นก็คือเซนต์รุ่นที่แล้ว – อเล็กเซีย
ในตอนนั้นเธอบอกเพียงว่าต้องการที่จะเลี้ยงสุนัข
องครักษ์ประจำตัวของเธอในยุคนั้น ดิแอส พยายามจะบอกให้เธอเลือกตัวที่ดีกว่านี้ แต่เธอก็ยังเลือกเจ้าหมาตัวเล็กด้วยรอยยิ้ม
“ชั้นอยากจะได้ตัวนี้”
สำหรับโปจิแล้ว นี่เป็นความทรงจำที่ชัดเจนที่สุด….ความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือน แม้กระทั่งจนถึงตอนนี้
มันไม่เคยลืมความอบอุ่นจากมือของเธอในเวลานั้นเลย
มันยังจดจำความสุขที่ได้รับจากอ้อมกอดของเธอคนนั้น
เพราะอย่างนั้น-อีกแค่ครั้งเดียว…ขอแค่อีกสักครั้งก็ยังดี…
.
เวอร์เนลและแมรี่จับมือและชื่นชมความสามารถของกันและกัน
ในขณะนั้นเอง มันก็ปรากฏตัวขึ้นมา
เงาดำปรากฏขึ้นเหนือหัว ทำให้บริเวณที่ทั้งสองยืนอยู่มืดทะมึนลง
ก่อนที่แมรี่จะรู้สึกถึงความผิดปกตินี้ เวอร์เนลก็จับเธอไว้และกระโจนหนีไปด้วยกัน
ชั่วต่อมา ลานประลองก็ถูกบดขยี้โดยสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์สูงกว่าสี่เมตร
ศีรษะสุนัขแต่ร่างกายกลับเป็นเหมือนมนุษย์ ทั้งตัวของมันถูกปกคลุมด้วยขนสัตว์
เจ้าสัตว์ประหลาดแลบลิ้นออกมาและหอบราวกับสุนัขที่อยู่ในระหว่างเดินเล่น มันทำท่าดมกลิ่นไปรอบๆ
“เซนต์…ที่ไหน? ฆ่า…เซนต์ ท่านแม่มด…ชม”
สัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่รู้สึกถึงเวอร์เนลและแมรี่ที่เกือบถูกมันทับตายด้วยซ้ำ เป้าหมายของมันมีเพียงเซนต์เท่านั้น ในที่สุดสายตาของมันก็พอเอลริสที่นั่งอยู่ตรงส่วนที่นั่ง VIP
“เซนต์…ฆ่า…ถูกชม”
มันคำรามในลำคอเล็กน้อยก่อนจะเดินตรงไปข้างหน้า ทำให้เหล่านักเรียนที่อยู่ในเส้นทางของมันพากันหลบหลีกด้วยความหวาดผวา
สิ่งที่เจ้าสัตว์ประหลาดสนใจมีเพียงเอลริสเท่านั้น มันไม่แม้แต่จะปรายตามองเหล่านักเรียนที่วิ่งหนีกันจ้าละหวั่น
รู้สึกได้ว่าเอลริสตกอยู่ในอันตราย เวอร์เนลหยิบดาบของตัวเองขึ้นมา ก่อนจะจำได้ว่า…ดาบเล่มนี้เป็นเพียงดาบสำหรับฝึกซ้อมที่ไร้ซึ่งความคม
ถึงจะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ มันก็ไม่ใช่อาวุธที่สามารถใช้งานได้ในการต่อกรกับปีศาจ
แต่เขาไม่มีทางเลือก ถ้าเขาไม่เตรียมตัวให้พร้อมตลอดเวลาเพื่อปกป้องเซนต์ ก็เป็นความผิดของเขาเองที่เป็นอัศวินที่ไม่ดี
ก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าใส่มัน แมรี่จับชายเสื้อชุดนักเรียนของเขาเอาไว้
“รอก่อน…ปีศาจตัวนั้นน่าจะเป็น’มหามาร’ …ไม่ใช่อะไรที่เราจะสามารถเอาชนะได้หรอก”
“มหามาร? รู้สึกว่าจะเป็น…ปีศาจที่กำเนิดจากการนำปีศาจนับร้อยมาฆ่าฟันกันเอง อย่างน้อยก็ที่เคยได้ยินมาน่ะนะ…”
“ใช่แล้ว ถึงพวกเราจะเข้าไป…ก็ไม่มีทางชนะได้หรอก”
พวกเขาเป็นเพียงนักเรียน แถมยังใช้อาวุธทื่อๆสำหรับการแข่งขัน…คิดจะสู้กับศัตรูในระดับนี้ก็แค่เอาชีวิตไปทิ้งโดยไร้ความหมาย เหตุผลของแมรี่นั้นฟังขึ้นอย่างมาก
ในระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกันอยู่ เจ้าปีศาจก็เข้าใกล้เอลริสเข้าไปเรื่อยๆ
แต่ถึงกระนั้น เอลริสกลับไม่แม้แต่จะลุกจากที่นั่งเพื่อหนี
เธอทำเพียงมองร่างกายของสัตว์ประหลาดที่เต็มไปด้วยบาดแผล จากนั้นจึงมองเข้าไปในดวงตาอันโดดเดี่ยวของมัน
“อย่า…มองข้า…แบบนั้น! ไม่ต้อง…สงสารข้า!”
ในสายตาของเอลริสนั้นมีเพียงความเวทนาเท่านั้น
ไร้ซึ่งความมุ่งร้ายหรือความหวาดกลัวใดๆ
แต่สำหรับสัตว์ประหลาดแล้ว นั่นยิ่งทำให้มันเจ็บปวดขึ้นไปอีก
ในชั่วเวลาที่สัตว์ประหลาดยกอุ้งเท้าของมันขึ้นมา เวอร์เนลกระโจนเข้าใส่ใบหน้าของมันและโจมตีด้วยดาบ
การโจมตีนั้นเบาหวิว อย่างมากก็แค่ทำให้สัตว์ประหลาดชะงักไปแค่ครู่หนึ่ง
“อย่า…มายุ่ง!”
เจ้าสัตว์ประหลาดโมโห และกำหมัดเข้าใส่เวอร์เนล
แต่แล้ว มือข้างนั้นของมันกลับถูกแช่แข็ง
ผู้ที่ใช้เวทย์นั้นคือแมรี่ยื่นมือชี้มาในทิศทางที่มันอยู่
“…บ้าบิ่นเกินไป ถ้าคุณตายเมื่อสักครู่ก็คงไม่น่าแปลกใจเลย”
“โทษที ช่วยได้มากเลย!”
เวอร์เนลที่ถูกช่วยไว้โดยแมรี่เว้นระยะห่างออกมา และตั้งดาบอีกครั้ง
ที่ก็อย่างที่รู้ อาวุธสำหรับฝึกนี้ไม่ต่างอะไรจากของเล่นต่อหน้าเจ้าสัตว์ประหลาด
อาวูะเช่นนี้ต่อกรกับมันไม่ได้หรอก
จากนั้น เอเทอร์น่าก็ปรากฏขึ้นข้างกายเวอร์เนล
“เอเทอร์น่า! ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่!”
“เพราะว่าเธอคิดจะทำอะไรเกินตัวอีกแล้วไงล่ะ!”
อาวุธหลักของเอเทอร์น่านั้นคือคฑา
เป็นอาวุธสำหรับโจมตีระยะไกล ไม่ใช่ระยะใกล้
เพราะแบบนั้นเธอจึงไม่เหมาะสมกับการประลองตัวต่อตัว แต่เธอจะเป็นประโยชน์อย่างมากถ้ามีคนคอยปกป้องและดึงดูดความสนใจเป้าหมายเอาไว้
ถึงอย่างนั้น ต่อให้เป็นสามรุมหนึ่งก็ยังไม่อาจจัดการเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้
ทันใดนั้น ลูกธนูหลายดอกก็พุ่งเข้าหาสัตว์ประหลาด ทำให้มันชะงักไปอีกครั้ง เปิดช่องว่างให้จอห์นโจมตีใบหน้าของมันก่อนที่จะเว้นระยะออกมา
“เฮอะ ไม่ปล่อยให้นายเท่อยู่คนเดียวหรอก”
“พวกเราจะร่วมสู้ด้วย! เราจะปกป้องท่านเอลริสด้วยกัน!”
ทั้งสองคนที่มาสมทบคือเพื่อของเขา จอห์นและฟิโอร่า
อาวุธของทั้งสองคนก็เป็นอาวุธสำหรับฝึกเช่นกัน แต่พวกเขากลับไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
ในฐานะผู้ที่จะเป็นอัศวินแล้ว หากไม่กล้าลุกขึ้นสู้ในขณะที่เซนต์ตกอยู่ในอันตรายก็มีแต่จะนำความเสื่อมเสียมาสู่ตำแหน่งอัศวิน
พวกเขานั้นกล้าหาญอย่างไม่ต้องสงสัยเลย…แต่ในอีกทางหนึ่งก็บ้าบิ่นเกินไป
หากกล้าขวางทางสัตว์ประหลาดตัวนี้ก็จะต้องตาย…มันแสดงท่าทีเช่นนั้นออกมาพร้อมกลับก้าวเท้าไปข้างหน้า ทันใดนั้นเอง กระสุนหินจำนวนหนึ่งก็พุ่งเข้าชนเจ้าสัตว์ประหลาด
“แหม แหม…พวกคุณนี่กระตือรือร้นกันจริงๆเลยนะเนี่ย แต่การที่จะเริ่มการต่อสู้โดยไม่เคลื่อนย้ายผู้คนออกไปก่อนนี่ไม่ใช่เรื่องที่ดี ตามปกติแล้วพวกคุณทุกคนจะถูกหักคะแนนจิตพิสัยกันคนละหนึ่งในเรื่องนี้ แต่ถึงกระนั้น กระผมก็ขอชื่นชมความกล้าหาญที่คิดจะปกป้องเซนต์ ฉะนั้นกระผมจะยอมให้แก้คะแนนได้ด้วยการเรียนเสริมก็แล้วกัน เอาจริงๆแล้วตัวกระผมเองก็ไม่ได้ชื่นชอบการกระทำป่าเถื่อนเช่นนี้…แต่หากเพื่อปกป้องท่านเซนต์แล้ว นี่ก็เป้นสิ่งที่จะต้องทำ กระผมจะให้ความร่วมมือด้วย”
“เซนเซย์!”
ชายผู้ที่ร่ายเวทย์สร้างเถาวัลย์มาจำกัดการเคลื่อไหวของสัตว์ประหลาดตัวนี้อยู่ก็คืออาจารย์ของสถาบัน ซัปเปิ้ล เมนต์
ด้วยรอยยิ้มที่ดูน่าสงสัย เขาก้าวขาไปด้านหน้าอย่างองอาจ
“ถึงแม้จะเป็นเพียงของสำรอง ก็ขอให้ใช้อาวุธพวกนี้ซะ อย่างน้อยก็น่าจะมีประโยชน์กว่าอาวุธสำหรับฝึกซ้อมพวกนั้น”
ซัปเปิ้ลมอบดาบยาวให้แก่จอห์น คฑาของจริงให้แก่เอเทอร์น่า และธนูของจริงให้แก่ฟิโอร่า
ในส่วนของเวอร์เนลนั้น…น่าเสียดายที่อาวูะของเขาไม่สามารถหาของมาแทนที่ได้ง่ายๆ
และแล้ว นักแสดงทั้งหกคนก็ยืนอยู่บนเวที
เอลริสยื่นมือของเธอออกมา สร้างดาบขึ้นมาจากผืนดิน
ดูเหมือนว่าเธอจะใช้เวทมนตร์ดินเพื่อควบแน่นแร่ธาตุในดินและสร้างออกมาเป้นรูปร่างของเกรทซอร์ด
นี่เป็นดาบที่ถูกสร้างขึ้นในเวลาเพียงสิบวินาที—ดาบที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเวอร์เนล
“กุโอ๊ววววว!”
“เวอร์เนลคุง ใช้ดาบเล่มนี้เถอะ!”
เอลริสกล่าวขึ้นมาในขณะที่สัตว์ประกลาดพุ่งตรงมาที่เวอร์เนล หวังจะขย้ำเขาเสีย
เวอร์เนลจับดาบที่เอลริสโยนให้และเหวี่ยงมัน
เป็นผลให้อุ้งเท้าข้างหนึ่งของสัตว์ประหลาดขาดสะบั้นและกระเด็นไป ขนาดเวอร์เนลเองยังตกใจเลย
…เบามาก
ดาบเล่มนี้ไม่มีน้ำหนักอย่างที่โลหะควรจะมีเลย
แต่มันกลับทนทานอย่างไม่น่าเชื่อ และสามารถตัดมือของสัตว์ประหลาดออกได้อย่างง่ายดาย
“ขอบคุณมากครับท่านเอลริส! ด้วยดาบเล่มนี้…พวกเราจะชนะให้ได้!”
เวอร์เนลควงเกรทซอร์ดเล่มนั้นเหนือหัว และตั้งท่าจะฟันลงแนวดิ่ง
ขาของเขาตรึงแน่นอยู่กับพื้น เล็งเป้าหมายไปยังศัตรู
ใบดาบสะท้อนแสงอาทิตย์ เจ้าปีศาจหยุดนิ่งมองฉากนั้น
ผู้ที่มองฉากนี้อยู่เช่นกันก็คือเลย์ล่า ที่รู้สึกอิจฉาอยู่เล็กๆในใจ
การที่ได้รับอาวุธประทานจากเซนต์โดยตรงถือเป็นเกียรติของอัศวิน
ดาบของเลย์ล่าเองก็เป็นอาวุธที่ได้รับมาจากเอลริสในตอนที่เธอกลายมาเป็นองครักษ์ แต่นั่นก็เป็นเพียงพิธีการ ไม่ใช่ดาบที่ถูกสร้างโดยเอลริสเอง
ถ้าพูดตรงๆมันก็เป็นเพียงแค่ดาบขององครักษ์ส่วนตัวของเซนต์รุ่นก่อนๆที่ถูกส่งคือสู่เอลริส แล้วจึงถูกนำมามอบให้แก่เลย์ล่าอีกต่อหนึ่ง
ถึงอย่างนั้น จะให้เธอร้องขอเอลริสว่าอยากจะได้ดาบที่เอลริสสร้างร่าวกับเด็กๆก็คงไม่งาม
เธอมองไปยังเอลริสในขณะที่คิดแบบนั้น…
“มีอะไรรึเปล่าเลย์ล่า?”
“อา…ไม่ค่ะ ไม่มีอะไรค่ะ”
….น่าเสียดายที่เสียงในใจของเธอส่งไปไม่ถึง
เอลริสเองก็คงไม่ได้คิดอะไรมาก เธอคงเพียงแค่เห็นว่าเวอร์เนลไม่มีอาวุธ จึงให้ดาบเล่มนั้นไปด้วยความเป็นห่วง
ถ้าเลย์ล่าขอไป เซนต์คนนี้ก็คงจะสร้างให้…แต่แบบนั้นจะต่างอะไรจากเด็กร้องขอของเล่นกันล่ะ?
ในขณะที่ความคิดของเลย์ล่าพันกันยุ่งเหยิงไปหมด การต่อสู้ก็ยังดำเนินต่อไป
“โอววววว”
เจ้าสัตว์ประหลาดแขนเดียวคำราม ส่งผลให้พื้นที่ทั้งหกคนยืนอยู่แตกออก
ทุกคนกระโดดหนีการโจมตีนั้น ในขณะที่แมรี่ยิงเวทย์น้ำแข็งออกจากปลายนิ้วของเธอ
เวทมนตร์พุ่งอัดกระแทกหน้าอกของเจ้าสัตว์ประหลาด ส่งผลให้มันถูกแช่แข็งไปส่วนหนึ่ง
แต่นั่นไม่เพียงพอที่จะหยุดสัตว์ประหลาด มันโน้มตัวไปด้านหน้าพร้อมอ้าปากค้าง
ลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งออกจากปากของมัน ส่วนเอเทอร์น่าก็ชูคฑาขึ้น
“โล่แสง!”
กำแพงที่สร้างจากแสงปรากฏขึ้นขวางหน้า ส่งผลให้ลูกไฟนั้นพลังทำลายน้อยลง
แต่นั่นไม่เพียงพอที่จะหยุดไว้ได้ ลูกไฟยังคงตรงเข้าหาเอเทอร์น่า
ซัปเปิ้ลสร้างกำแพงขึ้นจากดินส่งผลให้ลูกไฟนั้นอ่อนลงไปอีก
สุดท้ายแมรี่ก็ใช้เวทย์น้ำแข็งหยุดลูกไฟนั้นไว้ได้โดยสมบูรณ์ ในขณะเดียวกัน ทั้งเวอร์เนลและจอห์นก็พุ่งเข้าโจมตีขาทั้งสองข้างของสัตว์ประหลาด
ลูกธนูถูกยิงเข้าใส่ใบหน้าของมันเป็นการก่อกวนอยู่เป็นระยะ
“กุโอ๊วว…!”
ขาของสัตว์ประหลาดถูกทำให้เกิดรอยแผลใหญ่จากการฟันของเวอร์เนล ทำให้มันสูญเสียสมดุลไป
แต่นี่ก็ยังไม่เพียงพอ
มันอ้าปากเพื่อพ่นลูกไฟอีกครั้ง ครั้งนี้เล็งลงพื้น
แรงระเบิดพัดทุกคนในลานประลองปลิวไปคนละทิศคนละทาง
จอห์นและฟิโอร่าถูกปลิวออกนอกลานประลองและสลบไป ซัปเปิ้ลหมุนตัวอยู่กลางอากาศหลายรอบจนยไปตกอยู่ตรงที่นั่งผู้ชม
แมรี่ยังสามารถคุมสติอยู่ได้ แต่ไม่มีแรงมากพอที่จะลุกขึ้นยืน
ความเสียหายที่เวอร์เนลและเอเทอร์น่าได้รับนั้นยังพอทนได้
เอเทอร์น่าลุกขึ้นและชี้คฑาไปยังเวอร์เนลเพื่อรักษาบาดแผลของเขา
เวอร์เนลใช้ดาบของตัวเองพยุงตัวขึ้น ยืนประจันหน้ากับสัตว์ประหลาดอีกครั้ง
“อุโอ๊ววว!”
เขาวิ่งตรงเข้าหาสัตว์ประหลาดเพื่อสู้ซึ่งๆหน้า
เจ้าสัตว์ประหลาดก็พุ่งเข้าหาศัตรูคนสุดท้าย
แต่ชั่วพริบตาก่อนที่ทั้งสองฝั่งจะเข้าปะทะกัน แมรี่ก็ยิงเวทย์น้ำแข็งเข้าใส่ดวงตาของสัตว์ประหลาด ส่งผลให้มันเชื่องช้าลง
และนั่นเองที่เป็นตัวตัดสินผลการต่อสู้
ดาบของเวอร์เนลแทงเข้าใส่ลำคอของสัตว์ประหลาด ร่างขนาดใหญ่ของมันล้มลงราวกับหมดเรี่ยวแรง
เลือดไหลออกมาจากบาดแผลไม่หยุด ถึงอยากจะลุกก็ลุกไม่ขึ้นอีกแล้ว
“เรา เราชนะแล้ว…”
เวอร์เนลทรุดลงกับพื้นอย่างเหนื่อยล้า พร้อมกับมองไปยังปีศาจตนนี้
เป็นศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ
ขนาดพวกเขาหกคนร่วมมือกันสู้ ก็ยังเกือบจะแพ้เอาเลย
เป็นสัตว์ประหลาดถึงขนาดนั้นแท้ๆ แต่ในวาระสุดท้ายเช่นนี้ มันกลับดูน่าสงสารอย่างบอกไม่ถูก
“ท่านแม่มด…ข้า…เพื่อท่าน เพื่อท่าน… อีกสักครั้ง… กอด…”
ในดวงตามืดหม่นที่ปกคลุมด้วยน้ำตานั้น สิ่งเดียวที่มันมองเห็นก็คือเจ้านายของมันที่ไม่อยู่ที่นี่
แม้เป็นปีศาจที่น่าสะพรึงกลัว ก็อดไม่ได้ที่จะสงสารมันในตอนนี้
เอลริสเดินเข้าหาสัตว์ประหลาดตัวนั้นอย่างช้าๆ
เธอลูบขนของมันเบาๆด้วยความทะนุถนอม จากนั้นจึงโอบกอดศีรษะของสัตว์ประหลาดอย่างนุ่มนวล
เปลือกตาของสัตว์ประหลาดปิดลง ราวกับลูกสุนัขในอ้อมกอดของเจ้าของ
“ท่านเอลริสคะ… สัตว์ประหลาดตนนี้…”
“…เป็นไปได้ว่าจะเป็นปีศาจที่ไม่อาจกลายเป็นมหามารได้ คิดว่าเด็กคนนี้ก็เป็นแค่ลูกสุนัขที่รักแม่มดอย่างสุดหัวใจ เป็นแค่ลูกสุนัขที่อยากถูกแม่มดกอด สิ่งเดียวที่อยู่ในความคิดก็คือทำอย่างไรจึงจะถูกแม่มดชมชอบ…แต่ถึงกระนั้น…แม่มดก็มิได้รักเด็กคนนี้กลับ”
บาดแผลบนร่างกายของสัตว์ประหลาดเป็นสิ่งยืนยันคำพูดของเซนต์
ไม่มีใครรู้ว่าแม่มดปฏิบัติอย่างไรกับปีศาจตนนี้
อาจจะเป็นอุปกรณ์ระบายความเครียด อาจจะเป็นเป้าซ้อมยิงของปีศาจระดับสูงกว่า
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ก็คิดได้เพียงว่ามันได้รับแต่ความเจ็บปวดภายใต้แม่มด
“ท่าน…แม่มด…”
สัตว์ประหลาดร้องเรียกหาเจ้านายของมันเหมือนกับอยากถูกลูบ
มันอาจจะไม่สามารถบอกได้แล้วว่าใครกันที่โอบกอดมันอยู่
ทำได้เพียงฝันหวานถึงวันวานในอดีต
เอลริสพูดอย่างแผ่วเบาราวกับแม่ที่กล่อมให้ลูกน้อยนอนหลับ
“เธอทำมามากพอแล้วล่ะ เธอพยายามมาพอแล้ว…ถึงจะพักผ่อนตอนนี้ก็ไม่มีใครดุเธอหรอกนะ เพราะฉะนั้น…ราตรีสวัสดิ์”
“…อา…”
เอลริสลูบขนของมันเบาๆในขณะที่พูดเช่นนั้น
สัตว์ประหลาดหลับตาพริ้มอย่างสงบสุข–
“…โปจิ”
เป็นความทรงจำอันล้ำค่าที่จนถึงตอนนี้ก็ไม่เคยลืมเลือน
ในเวลานั้น มัน…โปจิมองเห็นเจ้านายที่รักของมันก่อนที่เธอจะเปลี่ยนไป
เธอย่อตัวลง อ้าแขนกว้างและพูดกับมันด้วยรอยยิ้ม
“มานี่สิ”
มันวิ่งเข้าหาเสียงนั้นโดยไม่รอช้า
ไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนไปแค่ไหน ความรักของโปจิก็ไม่เคยเปลี่ยนไป
เป็นความฝันอันแสนสุขที่ได้เห็นในช่วงลมหายใจสุดท้าย เป็นลูกหมาตัวน้อยๆในอ้อมกอดของเจ้านายสุดที่รัก-
-และแล้วมันก็แน่นิ่งไป
เอลริสลูบขนของสัตว์ประหลาดที่น่าเวทนาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะจากไป
เวอร์เนลที่ได้เห็นฉากที่แสนเศร้านั้นถึงกับกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว
เขารู้ว่ามันเป็นสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัว และก็เป็นเขาเองที่ปลิดชีวิตมัน
เขารู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่จะคิดแบบนี้
แต่ถึงอย่างนั้น…
“…ยกโทษให้ไม่ได้”
“…อื้ม”
เอเทอร์น่าเห็นด้วยกับเขาในน้ำเสียงที่สั่นเครือ
สัตว์ประหลาดตัวนี้ก็แค่ภักดีต่อแม่มด มันก็แค่รักแม่มด
ไม่ว่าจะถูกปฏิบัติโหดร้ายแค่นี้ มันก็ยังรักเธออยู่
มันก็แค่อยากถูกรัก…อยากถูกกอด อยากถูกลูบ
นั่นเป็นตัวตนที่แท้จริงของมันที่เขาเห็นในวาระสุดท้าย เขาตั้งมั่นกับตัวเอง
“เราจะ…ต้องปราบแม่มดให้ได้…คนที่ทำเรื่องแบบนี้น่ะ…ยังไงก็ยกโทษให้ไม่ได้…”
โศกนาฏกรรมเช่นนี้ไม่ควรต้องเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก
เขาจะทำให้มันจบลง
เวอร์เนลสาบานที่จะกำราบแม่มด…และมอบความสงบให้แก่สัตว์ประหลาด
เขาอยากที่จะเชื่อว่าในวาระสุดท้าย สัตว์ประหลาดได้รอดพ้นจากบ่วงนั้นแล้ว
————————————————————————
ตั้งแต่ตอนนี้ไปจะเปลี่ยนเป็นลงแบบวันเว้นวันแทนจ้า