สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค – ตอนที่ 24 โปจิ

สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค

-มันก็แค่รักเจ้านายของมันมากๆ

ในโลกนี้ สุนัขก็เป็นเพียงแค่ปศุสัตว์ประเภทหนึ่ง

อยู่รวมกันเป็นฝูง จงรักภักดีต่อเจ้าของ และมีความสามารถในการดมกลิ่นที่แม่นยำเหมาะสมต่อการล่าสัตว์ป่า

ถ้าฝึกดีๆก็ถึงขั้นที่สามารถตรวจจับปีศาจได้ และสามารถเตือนเจ้านายของพวกมันได้ก่อนที่อันตรายจะเข้าถึงตัว

ในโลกที่ไม่มีใครรู้ว่าจะถูกปีศาจจู่โจมเข้าตอนไหน สุนัขเป็นสหายที่ไม่มีสัตว์อื่นมาแทนที่ได้สำหรับมนุษย์

เช่นนั้นเอง สุนัขส่วนใหญ่จึงถูกเก็บไว้เพื่อใช้ในทางทหาร เรียกได้ว่าทุกหน่วยจะมีสุนัขประจำอยู่อย่างน้อยหนึ่งตัว

โปจิเองก็เป็นหนึ่งในสุนัขที่ถูกเลี้ยงไว้ใช้ในการทหาร…แต่น่าเสียดายที่ความสามารถของมันนั้นต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ จึงเป็นเหตุผลให้ถูกทอดทิ้ง

ถึงจะฟังดูโหดร้ายไปบ้าง แต่อาหารสุนัขนั้นไม่ใช่ของฟรี

ในโลกที่มีปีศาจและแม่มดออกอาละวาดอยู่ตลอดเวลา สถานที่ที่ขาดแคลนอาหารนั้นมีอยู่ไม่น้อยเลย ทุกๆวันจะต้องมีใครบางคนล้มตายเพราะการขาดแคลนอาหาร ไม่มีเหตุผลใดเลยที่ต้องนำอาหารที่มีค่ามาให้สุนัขที่ไร้ประโยชน์

สถานการณ์ด้านอาหารในปัจจุบันนั้นดีขึ้นมากหลังจากที่เซนต์เอลริสเผยแพร่การเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรที่สามารถเติบโตได้กระทั่งในที่ที่ดินไร้คุณภาพอย่างมันฝรั่งและถั่วเหลือง แต่ในสมัยก่อนนั้นผู้คนไม่มีแม้แต่อาหารพอจะเลี้ยงปากท้องตัวเองด้วยซ้ำ

นี่เป็นเพราะยุคมืดอันยาวนานเนื่องมาจากความพ่ายแพ้ของเซนต์สองรุ่นก่อนเอลริส เธอเสียชีวิตลงโดยไม่อาจทำหน้าที่ในฐานะเซนต์ให้สำเร็จได้

ผู้ที่ช่วยเหลือโปจิซึ่งถูกทอดทิ้งนั้นก็คือเซนต์รุ่นที่แล้ว – อเล็กเซีย

ในตอนนั้นเธอบอกเพียงว่าต้องการที่จะเลี้ยงสุนัข

องครักษ์ประจำตัวของเธอในยุคนั้น ดิแอส พยายามจะบอกให้เธอเลือกตัวที่ดีกว่านี้ แต่เธอก็ยังเลือกเจ้าหมาตัวเล็กด้วยรอยยิ้ม

“ชั้นอยากจะได้ตัวนี้”

สำหรับโปจิแล้ว นี่เป็นความทรงจำที่ชัดเจนที่สุด….ความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือน แม้กระทั่งจนถึงตอนนี้

มันไม่เคยลืมความอบอุ่นจากมือของเธอในเวลานั้นเลย

มันยังจดจำความสุขที่ได้รับจากอ้อมกอดของเธอคนนั้น

เพราะอย่างนั้น-อีกแค่ครั้งเดียว…ขอแค่อีกสักครั้งก็ยังดี…

.

เวอร์เนลและแมรี่จับมือและชื่นชมความสามารถของกันและกัน

ในขณะนั้นเอง มันก็ปรากฏตัวขึ้นมา

เงาดำปรากฏขึ้นเหนือหัว ทำให้บริเวณที่ทั้งสองยืนอยู่มืดทะมึนลง

ก่อนที่แมรี่จะรู้สึกถึงความผิดปกตินี้ เวอร์เนลก็จับเธอไว้และกระโจนหนีไปด้วยกัน

ชั่วต่อมา ลานประลองก็ถูกบดขยี้โดยสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์สูงกว่าสี่เมตร

ศีรษะสุนัขแต่ร่างกายกลับเป็นเหมือนมนุษย์ ทั้งตัวของมันถูกปกคลุมด้วยขนสัตว์

เจ้าสัตว์ประหลาดแลบลิ้นออกมาและหอบราวกับสุนัขที่อยู่ในระหว่างเดินเล่น มันทำท่าดมกลิ่นไปรอบๆ

“เซนต์…ที่ไหน? ฆ่า…เซนต์ ท่านแม่มด…ชม”

สัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่รู้สึกถึงเวอร์เนลและแมรี่ที่เกือบถูกมันทับตายด้วยซ้ำ เป้าหมายของมันมีเพียงเซนต์เท่านั้น ในที่สุดสายตาของมันก็พอเอลริสที่นั่งอยู่ตรงส่วนที่นั่ง VIP

“เซนต์…ฆ่า…ถูกชม”

มันคำรามในลำคอเล็กน้อยก่อนจะเดินตรงไปข้างหน้า ทำให้เหล่านักเรียนที่อยู่ในเส้นทางของมันพากันหลบหลีกด้วยความหวาดผวา

สิ่งที่เจ้าสัตว์ประหลาดสนใจมีเพียงเอลริสเท่านั้น มันไม่แม้แต่จะปรายตามองเหล่านักเรียนที่วิ่งหนีกันจ้าละหวั่น

รู้สึกได้ว่าเอลริสตกอยู่ในอันตราย เวอร์เนลหยิบดาบของตัวเองขึ้นมา ก่อนจะจำได้ว่า…ดาบเล่มนี้เป็นเพียงดาบสำหรับฝึกซ้อมที่ไร้ซึ่งความคม

ถึงจะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ มันก็ไม่ใช่อาวุธที่สามารถใช้งานได้ในการต่อกรกับปีศาจ

แต่เขาไม่มีทางเลือก ถ้าเขาไม่เตรียมตัวให้พร้อมตลอดเวลาเพื่อปกป้องเซนต์ ก็เป็นความผิดของเขาเองที่เป็นอัศวินที่ไม่ดี

ก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าใส่มัน แมรี่จับชายเสื้อชุดนักเรียนของเขาเอาไว้

“รอก่อน…ปีศาจตัวนั้นน่าจะเป็น’มหามาร’ …ไม่ใช่อะไรที่เราจะสามารถเอาชนะได้หรอก”

“มหามาร? รู้สึกว่าจะเป็น…ปีศาจที่กำเนิดจากการนำปีศาจนับร้อยมาฆ่าฟันกันเอง อย่างน้อยก็ที่เคยได้ยินมาน่ะนะ…”

“ใช่แล้ว ถึงพวกเราจะเข้าไป…ก็ไม่มีทางชนะได้หรอก”

พวกเขาเป็นเพียงนักเรียน แถมยังใช้อาวุธทื่อๆสำหรับการแข่งขัน…คิดจะสู้กับศัตรูในระดับนี้ก็แค่เอาชีวิตไปทิ้งโดยไร้ความหมาย เหตุผลของแมรี่นั้นฟังขึ้นอย่างมาก

ในระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกันอยู่ เจ้าปีศาจก็เข้าใกล้เอลริสเข้าไปเรื่อยๆ

แต่ถึงกระนั้น เอลริสกลับไม่แม้แต่จะลุกจากที่นั่งเพื่อหนี

เธอทำเพียงมองร่างกายของสัตว์ประหลาดที่เต็มไปด้วยบาดแผล จากนั้นจึงมองเข้าไปในดวงตาอันโดดเดี่ยวของมัน

“อย่า…มองข้า…แบบนั้น! ไม่ต้อง…สงสารข้า!”

ในสายตาของเอลริสนั้นมีเพียงความเวทนาเท่านั้น

ไร้ซึ่งความมุ่งร้ายหรือความหวาดกลัวใดๆ

แต่สำหรับสัตว์ประหลาดแล้ว นั่นยิ่งทำให้มันเจ็บปวดขึ้นไปอีก

ในชั่วเวลาที่สัตว์ประหลาดยกอุ้งเท้าของมันขึ้นมา เวอร์เนลกระโจนเข้าใส่ใบหน้าของมันและโจมตีด้วยดาบ

การโจมตีนั้นเบาหวิว อย่างมากก็แค่ทำให้สัตว์ประหลาดชะงักไปแค่ครู่หนึ่ง

“อย่า…มายุ่ง!”

เจ้าสัตว์ประหลาดโมโห และกำหมัดเข้าใส่เวอร์เนล

แต่แล้ว มือข้างนั้นของมันกลับถูกแช่แข็ง

ผู้ที่ใช้เวทย์นั้นคือแมรี่ยื่นมือชี้มาในทิศทางที่มันอยู่

“…บ้าบิ่นเกินไป ถ้าคุณตายเมื่อสักครู่ก็คงไม่น่าแปลกใจเลย”

“โทษที ช่วยได้มากเลย!”

เวอร์เนลที่ถูกช่วยไว้โดยแมรี่เว้นระยะห่างออกมา และตั้งดาบอีกครั้ง

ที่ก็อย่างที่รู้ อาวุธสำหรับฝึกนี้ไม่ต่างอะไรจากของเล่นต่อหน้าเจ้าสัตว์ประหลาด

อาวูะเช่นนี้ต่อกรกับมันไม่ได้หรอก

จากนั้น เอเทอร์น่าก็ปรากฏขึ้นข้างกายเวอร์เนล

“เอเทอร์น่า! ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่!”

“เพราะว่าเธอคิดจะทำอะไรเกินตัวอีกแล้วไงล่ะ!”

อาวุธหลักของเอเทอร์น่านั้นคือคฑา

เป็นอาวุธสำหรับโจมตีระยะไกล ไม่ใช่ระยะใกล้

เพราะแบบนั้นเธอจึงไม่เหมาะสมกับการประลองตัวต่อตัว แต่เธอจะเป็นประโยชน์อย่างมากถ้ามีคนคอยปกป้องและดึงดูดความสนใจเป้าหมายเอาไว้

ถึงอย่างนั้น ต่อให้เป็นสามรุมหนึ่งก็ยังไม่อาจจัดการเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้

ทันใดนั้น ลูกธนูหลายดอกก็พุ่งเข้าหาสัตว์ประหลาด ทำให้มันชะงักไปอีกครั้ง เปิดช่องว่างให้จอห์นโจมตีใบหน้าของมันก่อนที่จะเว้นระยะออกมา

“เฮอะ ไม่ปล่อยให้นายเท่อยู่คนเดียวหรอก”

“พวกเราจะร่วมสู้ด้วย! เราจะปกป้องท่านเอลริสด้วยกัน!”

ทั้งสองคนที่มาสมทบคือเพื่อของเขา จอห์นและฟิโอร่า

อาวุธของทั้งสองคนก็เป็นอาวุธสำหรับฝึกเช่นกัน แต่พวกเขากลับไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

ในฐานะผู้ที่จะเป็นอัศวินแล้ว หากไม่กล้าลุกขึ้นสู้ในขณะที่เซนต์ตกอยู่ในอันตรายก็มีแต่จะนำความเสื่อมเสียมาสู่ตำแหน่งอัศวิน

พวกเขานั้นกล้าหาญอย่างไม่ต้องสงสัยเลย…แต่ในอีกทางหนึ่งก็บ้าบิ่นเกินไป

หากกล้าขวางทางสัตว์ประหลาดตัวนี้ก็จะต้องตาย…มันแสดงท่าทีเช่นนั้นออกมาพร้อมกลับก้าวเท้าไปข้างหน้า ทันใดนั้นเอง กระสุนหินจำนวนหนึ่งก็พุ่งเข้าชนเจ้าสัตว์ประหลาด

“แหม แหม…พวกคุณนี่กระตือรือร้นกันจริงๆเลยนะเนี่ย แต่การที่จะเริ่มการต่อสู้โดยไม่เคลื่อนย้ายผู้คนออกไปก่อนนี่ไม่ใช่เรื่องที่ดี ตามปกติแล้วพวกคุณทุกคนจะถูกหักคะแนนจิตพิสัยกันคนละหนึ่งในเรื่องนี้ แต่ถึงกระนั้น กระผมก็ขอชื่นชมความกล้าหาญที่คิดจะปกป้องเซนต์ ฉะนั้นกระผมจะยอมให้แก้คะแนนได้ด้วยการเรียนเสริมก็แล้วกัน เอาจริงๆแล้วตัวกระผมเองก็ไม่ได้ชื่นชอบการกระทำป่าเถื่อนเช่นนี้…แต่หากเพื่อปกป้องท่านเซนต์แล้ว นี่ก็เป้นสิ่งที่จะต้องทำ กระผมจะให้ความร่วมมือด้วย”

“เซนเซย์!”

ชายผู้ที่ร่ายเวทย์สร้างเถาวัลย์มาจำกัดการเคลื่อไหวของสัตว์ประหลาดตัวนี้อยู่ก็คืออาจารย์ของสถาบัน ซัปเปิ้ล เมนต์

ด้วยรอยยิ้มที่ดูน่าสงสัย เขาก้าวขาไปด้านหน้าอย่างองอาจ

“ถึงแม้จะเป็นเพียงของสำรอง ก็ขอให้ใช้อาวุธพวกนี้ซะ อย่างน้อยก็น่าจะมีประโยชน์กว่าอาวุธสำหรับฝึกซ้อมพวกนั้น”

ซัปเปิ้ลมอบดาบยาวให้แก่จอห์น คฑาของจริงให้แก่เอเทอร์น่า และธนูของจริงให้แก่ฟิโอร่า

ในส่วนของเวอร์เนลนั้น…น่าเสียดายที่อาวูะของเขาไม่สามารถหาของมาแทนที่ได้ง่ายๆ

และแล้ว นักแสดงทั้งหกคนก็ยืนอยู่บนเวที

เอลริสยื่นมือของเธอออกมา สร้างดาบขึ้นมาจากผืนดิน

ดูเหมือนว่าเธอจะใช้เวทมนตร์ดินเพื่อควบแน่นแร่ธาตุในดินและสร้างออกมาเป้นรูปร่างของเกรทซอร์ด

นี่เป็นดาบที่ถูกสร้างขึ้นในเวลาเพียงสิบวินาที—ดาบที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเวอร์เนล

“กุโอ๊ววววว!”

“เวอร์เนลคุง ใช้ดาบเล่มนี้เถอะ!”

เอลริสกล่าวขึ้นมาในขณะที่สัตว์ประกลาดพุ่งตรงมาที่เวอร์เนล หวังจะขย้ำเขาเสีย

เวอร์เนลจับดาบที่เอลริสโยนให้และเหวี่ยงมัน

เป็นผลให้อุ้งเท้าข้างหนึ่งของสัตว์ประหลาดขาดสะบั้นและกระเด็นไป ขนาดเวอร์เนลเองยังตกใจเลย

…เบามาก

ดาบเล่มนี้ไม่มีน้ำหนักอย่างที่โลหะควรจะมีเลย

แต่มันกลับทนทานอย่างไม่น่าเชื่อ และสามารถตัดมือของสัตว์ประหลาดออกได้อย่างง่ายดาย

“ขอบคุณมากครับท่านเอลริส! ด้วยดาบเล่มนี้…พวกเราจะชนะให้ได้!”

เวอร์เนลควงเกรทซอร์ดเล่มนั้นเหนือหัว และตั้งท่าจะฟันลงแนวดิ่ง

ขาของเขาตรึงแน่นอยู่กับพื้น เล็งเป้าหมายไปยังศัตรู

ใบดาบสะท้อนแสงอาทิตย์ เจ้าปีศาจหยุดนิ่งมองฉากนั้น

ผู้ที่มองฉากนี้อยู่เช่นกันก็คือเลย์ล่า ที่รู้สึกอิจฉาอยู่เล็กๆในใจ

การที่ได้รับอาวุธประทานจากเซนต์โดยตรงถือเป็นเกียรติของอัศวิน

ดาบของเลย์ล่าเองก็เป็นอาวุธที่ได้รับมาจากเอลริสในตอนที่เธอกลายมาเป็นองครักษ์ แต่นั่นก็เป็นเพียงพิธีการ ไม่ใช่ดาบที่ถูกสร้างโดยเอลริสเอง

ถ้าพูดตรงๆมันก็เป็นเพียงแค่ดาบขององครักษ์ส่วนตัวของเซนต์รุ่นก่อนๆที่ถูกส่งคือสู่เอลริส แล้วจึงถูกนำมามอบให้แก่เลย์ล่าอีกต่อหนึ่ง

ถึงอย่างนั้น จะให้เธอร้องขอเอลริสว่าอยากจะได้ดาบที่เอลริสสร้างร่าวกับเด็กๆก็คงไม่งาม

เธอมองไปยังเอลริสในขณะที่คิดแบบนั้น…

“มีอะไรรึเปล่าเลย์ล่า?”

“อา…ไม่ค่ะ ไม่มีอะไรค่ะ”

….น่าเสียดายที่เสียงในใจของเธอส่งไปไม่ถึง

เอลริสเองก็คงไม่ได้คิดอะไรมาก เธอคงเพียงแค่เห็นว่าเวอร์เนลไม่มีอาวุธ จึงให้ดาบเล่มนั้นไปด้วยความเป็นห่วง

ถ้าเลย์ล่าขอไป เซนต์คนนี้ก็คงจะสร้างให้…แต่แบบนั้นจะต่างอะไรจากเด็กร้องขอของเล่นกันล่ะ?

ในขณะที่ความคิดของเลย์ล่าพันกันยุ่งเหยิงไปหมด การต่อสู้ก็ยังดำเนินต่อไป

“โอววววว”

เจ้าสัตว์ประหลาดแขนเดียวคำราม ส่งผลให้พื้นที่ทั้งหกคนยืนอยู่แตกออก

ทุกคนกระโดดหนีการโจมตีนั้น ในขณะที่แมรี่ยิงเวทย์น้ำแข็งออกจากปลายนิ้วของเธอ

เวทมนตร์พุ่งอัดกระแทกหน้าอกของเจ้าสัตว์ประหลาด ส่งผลให้มันถูกแช่แข็งไปส่วนหนึ่ง

แต่นั่นไม่เพียงพอที่จะหยุดสัตว์ประหลาด มันโน้มตัวไปด้านหน้าพร้อมอ้าปากค้าง

ลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งออกจากปากของมัน ส่วนเอเทอร์น่าก็ชูคฑาขึ้น

“โล่แสง!”

กำแพงที่สร้างจากแสงปรากฏขึ้นขวางหน้า ส่งผลให้ลูกไฟนั้นพลังทำลายน้อยลง

แต่นั่นไม่เพียงพอที่จะหยุดไว้ได้ ลูกไฟยังคงตรงเข้าหาเอเทอร์น่า

ซัปเปิ้ลสร้างกำแพงขึ้นจากดินส่งผลให้ลูกไฟนั้นอ่อนลงไปอีก

สุดท้ายแมรี่ก็ใช้เวทย์น้ำแข็งหยุดลูกไฟนั้นไว้ได้โดยสมบูรณ์ ในขณะเดียวกัน ทั้งเวอร์เนลและจอห์นก็พุ่งเข้าโจมตีขาทั้งสองข้างของสัตว์ประหลาด

ลูกธนูถูกยิงเข้าใส่ใบหน้าของมันเป็นการก่อกวนอยู่เป็นระยะ

“กุโอ๊วว…!”

ขาของสัตว์ประหลาดถูกทำให้เกิดรอยแผลใหญ่จากการฟันของเวอร์เนล ทำให้มันสูญเสียสมดุลไป

แต่นี่ก็ยังไม่เพียงพอ

มันอ้าปากเพื่อพ่นลูกไฟอีกครั้ง ครั้งนี้เล็งลงพื้น

แรงระเบิดพัดทุกคนในลานประลองปลิวไปคนละทิศคนละทาง

จอห์นและฟิโอร่าถูกปลิวออกนอกลานประลองและสลบไป ซัปเปิ้ลหมุนตัวอยู่กลางอากาศหลายรอบจนยไปตกอยู่ตรงที่นั่งผู้ชม

แมรี่ยังสามารถคุมสติอยู่ได้ แต่ไม่มีแรงมากพอที่จะลุกขึ้นยืน

ความเสียหายที่เวอร์เนลและเอเทอร์น่าได้รับนั้นยังพอทนได้

เอเทอร์น่าลุกขึ้นและชี้คฑาไปยังเวอร์เนลเพื่อรักษาบาดแผลของเขา

เวอร์เนลใช้ดาบของตัวเองพยุงตัวขึ้น ยืนประจันหน้ากับสัตว์ประหลาดอีกครั้ง

“อุโอ๊ววว!”

เขาวิ่งตรงเข้าหาสัตว์ประหลาดเพื่อสู้ซึ่งๆหน้า

เจ้าสัตว์ประหลาดก็พุ่งเข้าหาศัตรูคนสุดท้าย

แต่ชั่วพริบตาก่อนที่ทั้งสองฝั่งจะเข้าปะทะกัน แมรี่ก็ยิงเวทย์น้ำแข็งเข้าใส่ดวงตาของสัตว์ประหลาด ส่งผลให้มันเชื่องช้าลง

และนั่นเองที่เป็นตัวตัดสินผลการต่อสู้

ดาบของเวอร์เนลแทงเข้าใส่ลำคอของสัตว์ประหลาด ร่างขนาดใหญ่ของมันล้มลงราวกับหมดเรี่ยวแรง

เลือดไหลออกมาจากบาดแผลไม่หยุด ถึงอยากจะลุกก็ลุกไม่ขึ้นอีกแล้ว

“เรา เราชนะแล้ว…”

เวอร์เนลทรุดลงกับพื้นอย่างเหนื่อยล้า พร้อมกับมองไปยังปีศาจตนนี้

เป็นศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ

ขนาดพวกเขาหกคนร่วมมือกันสู้ ก็ยังเกือบจะแพ้เอาเลย

เป็นสัตว์ประหลาดถึงขนาดนั้นแท้ๆ แต่ในวาระสุดท้ายเช่นนี้ มันกลับดูน่าสงสารอย่างบอกไม่ถูก

“ท่านแม่มด…ข้า…เพื่อท่าน เพื่อท่าน… อีกสักครั้ง… กอด…”

ในดวงตามืดหม่นที่ปกคลุมด้วยน้ำตานั้น สิ่งเดียวที่มันมองเห็นก็คือเจ้านายของมันที่ไม่อยู่ที่นี่

แม้เป็นปีศาจที่น่าสะพรึงกลัว ก็อดไม่ได้ที่จะสงสารมันในตอนนี้

เอลริสเดินเข้าหาสัตว์ประหลาดตัวนั้นอย่างช้าๆ

เธอลูบขนของมันเบาๆด้วยความทะนุถนอม จากนั้นจึงโอบกอดศีรษะของสัตว์ประหลาดอย่างนุ่มนวล

เปลือกตาของสัตว์ประหลาดปิดลง ราวกับลูกสุนัขในอ้อมกอดของเจ้าของ

“ท่านเอลริสคะ… สัตว์ประหลาดตนนี้…”

“…เป็นไปได้ว่าจะเป็นปีศาจที่ไม่อาจกลายเป็นมหามารได้ คิดว่าเด็กคนนี้ก็เป็นแค่ลูกสุนัขที่รักแม่มดอย่างสุดหัวใจ เป็นแค่ลูกสุนัขที่อยากถูกแม่มดกอด สิ่งเดียวที่อยู่ในความคิดก็คือทำอย่างไรจึงจะถูกแม่มดชมชอบ…แต่ถึงกระนั้น…แม่มดก็มิได้รักเด็กคนนี้กลับ”

บาดแผลบนร่างกายของสัตว์ประหลาดเป็นสิ่งยืนยันคำพูดของเซนต์

ไม่มีใครรู้ว่าแม่มดปฏิบัติอย่างไรกับปีศาจตนนี้

อาจจะเป็นอุปกรณ์ระบายความเครียด อาจจะเป็นเป้าซ้อมยิงของปีศาจระดับสูงกว่า

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ก็คิดได้เพียงว่ามันได้รับแต่ความเจ็บปวดภายใต้แม่มด

“ท่าน…แม่มด…”

สัตว์ประหลาดร้องเรียกหาเจ้านายของมันเหมือนกับอยากถูกลูบ

มันอาจจะไม่สามารถบอกได้แล้วว่าใครกันที่โอบกอดมันอยู่

ทำได้เพียงฝันหวานถึงวันวานในอดีต

เอลริสพูดอย่างแผ่วเบาราวกับแม่ที่กล่อมให้ลูกน้อยนอนหลับ

“เธอทำมามากพอแล้วล่ะ เธอพยายามมาพอแล้ว…ถึงจะพักผ่อนตอนนี้ก็ไม่มีใครดุเธอหรอกนะ เพราะฉะนั้น…ราตรีสวัสดิ์”

“…อา…”

เอลริสลูบขนของมันเบาๆในขณะที่พูดเช่นนั้น

สัตว์ประหลาดหลับตาพริ้มอย่างสงบสุข–

“…โปจิ”

เป็นความทรงจำอันล้ำค่าที่จนถึงตอนนี้ก็ไม่เคยลืมเลือน

ในเวลานั้น มัน…โปจิมองเห็นเจ้านายที่รักของมันก่อนที่เธอจะเปลี่ยนไป

เธอย่อตัวลง อ้าแขนกว้างและพูดกับมันด้วยรอยยิ้ม

“มานี่สิ”

มันวิ่งเข้าหาเสียงนั้นโดยไม่รอช้า

ไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนไปแค่ไหน ความรักของโปจิก็ไม่เคยเปลี่ยนไป

เป็นความฝันอันแสนสุขที่ได้เห็นในช่วงลมหายใจสุดท้าย เป็นลูกหมาตัวน้อยๆในอ้อมกอดของเจ้านายสุดที่รัก-

-และแล้วมันก็แน่นิ่งไป

เอลริสลูบขนของสัตว์ประหลาดที่น่าเวทนาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะจากไป

เวอร์เนลที่ได้เห็นฉากที่แสนเศร้านั้นถึงกับกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว

เขารู้ว่ามันเป็นสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัว และก็เป็นเขาเองที่ปลิดชีวิตมัน

เขารู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่จะคิดแบบนี้

แต่ถึงอย่างนั้น…

“…ยกโทษให้ไม่ได้”

“…อื้ม”

เอเทอร์น่าเห็นด้วยกับเขาในน้ำเสียงที่สั่นเครือ

สัตว์ประหลาดตัวนี้ก็แค่ภักดีต่อแม่มด มันก็แค่รักแม่มด

ไม่ว่าจะถูกปฏิบัติโหดร้ายแค่นี้ มันก็ยังรักเธออยู่

มันก็แค่อยากถูกรัก…อยากถูกกอด อยากถูกลูบ

นั่นเป็นตัวตนที่แท้จริงของมันที่เขาเห็นในวาระสุดท้าย เขาตั้งมั่นกับตัวเอง

“เราจะ…ต้องปราบแม่มดให้ได้…คนที่ทำเรื่องแบบนี้น่ะ…ยังไงก็ยกโทษให้ไม่ได้…”

โศกนาฏกรรมเช่นนี้ไม่ควรต้องเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก

เขาจะทำให้มันจบลง

เวอร์เนลสาบานที่จะกำราบแม่มด…และมอบความสงบให้แก่สัตว์ประหลาด

เขาอยากที่จะเชื่อว่าในวาระสุดท้าย สัตว์ประหลาดได้รอดพ้นจากบ่วงนั้นแล้ว

————————————————————————

ตั้งแต่ตอนนี้ไปจะเปลี่ยนเป็นลงแบบวันเว้นวันแทนจ้า

สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค

สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค

Status: Ongoing
[บุปผานิรันดร์ร่วงโรย] ไม่เหมาะสมที่จะถูกเรียกว่าเกมจีบสาว เพราะไม่ว่าเลือกรูทไหน นางเอกหลักก็จะต้องตายในทุกรูทไป ฟุโดว นิอิโตะ เข้านอนทันทีหลังจากผ่านฉากจบของเกมที่ไม่น่าพอใจ เมื่อเขาตื่นมา เขาก็พบว่าตัวเองนั้นอยู่ในร่างของตัวละครเซนต์ตัวปลอมผู้น่ารังเกียจ เอลริส ถึงแม้จะสับสน แต่เขาเข้าใจว่าการกระทำของเอลริสจะส่งผมกระทบร้ายแรงต่อตัวละครมากมายในอนาคต เขาจึงใช้โอกาสนี้เพื่อเปลี่ยนเแปลงประวัติศาสตร์ของเกม กลับกลายเป็นว่า ถึงแม้ข้างในจะเน่าเหม็น แต่เอลริสกลับถูกยกย่องโดยผู้คนทั่วโลกในฐานะของเซนต์ผู้สมบูรณ์แบบ ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเกมที่อยู่ในโลกเก่าก็ถูกเปลี่ยนไปด้วยตามการกระทำของเอลริสผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ข้างนอกคือเซนต์ ข้างในคือชายใจทราม ผู้เกิดใหม่นิสัยสารเลวที่เกิดในร่างของตัวละครสารชั่ว! การรวมกันของขยะเปียกและขยะแห้ง เกิดเป็นเซนต์ตัวปลอมผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท