ตั้งแต่เหตุการณ์ระหว่างไอน่าและครูใหญ่ก็ผ่านมาสองสัปดาห์แล้ว ตอนนี้เวอร์เนลและผอฝเพื่องกำลังอยู่ระหว่างการต่อสู้กับฝ่ายครูใหญ่ที่เป็นผู้ทรยศ
ถึงแม้คนเหล่านี้จะเคยเป็นอัศวินที่ที่ปกป้องเซนต์รุ่นที่แล้ว ได้รับเกียรติยศมากมาย บางคนถึงกับกลายมาเป็นอาจารย์ของพวกเวอร์เนลเอง แต่เขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะสู้กับคนพวกนี้หากพวกเขาเลือกที่จะทรยศมนุษยชาติ
แต่ก็น่าคิด เพราะอะไรบุคคลที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้ถึงเลือกจะทำเช่นนี้
แต่การปกป้องและช่วยเป็นกำลังให้เอลริสต้องมาก่อนสำหรับเวอร์เนล
“ท่านเซนต์ อย่าถูกหลอกนะขอรับ ผู้ชายคนนั้น ซัปเปิ้ล เมนต์คือลูกน้องตัวจริงของแม่มด! โปรดเชื่อข้าเถิด! ทั้งหมดที่ข้าทำไป ก็เพื่อท่านเซนต์!”
“ชั้นเชื่อคุณค่ะ ว่าทั้งหมดที่คุณทำไปก็เพื่อเซนต์ของคุณ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ชั้นมั่นใจว่าคุณเป็นผู้ติดตามของแม่มดอย่างแน่นอน”
เอลริสตอบกลับคำพูดของครูใหญ่อย่างสงบ
พวกเวอร์เนลไม่อาจเข้าใจได้ว่าสองคนนี้พูดอะไรกันอยู่
เธอเชื่อว่าที่ครูใหญ่ทำไปก็เพื่อเซนต์ แต่ก็มั่นใจว่าเขาเป็นผู้ติดตามของแม่มดเช่นกัน? เป็นเรื่องที่แปลก
แต่ดูเหมือนว่าครูใหญ่จะเข้าใจดีว่าเธอหมายถึงอะไร สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
“ทั้งความลับของเซนต์และตัวตนที่แท้จริงของแม่มด ชั้นรู้หมดแล้วค่ะ”
“…อึก! เข้าใจล่ะ… เจ้ารู้อยู่แล้วสินะ… ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งอีกต่อไป…”
เมื่อได้ยินเอลริสพูดเช่นนั้น ครูใหญ่ก็ชักดาบออกมา
เวอร์เนลก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่านั่นหมายถึงอะไร
แต่สัญชาตญาณของเขาบอกว่าคำพูดนั้นมีนัยยะที่ลึกซึ้งบางอย่างซ่อนอยู่
“ความลับของแม่มด…? ตัวตนที่แท้จริงของแม่มด…? ท่านเอลริสคะ นั่นหมายความว่าอย่างไร…?”
“ค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลังนะจ๊ะเลย์ล่า ตอนนี้ต้องสมาธิกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก่อน”
เป็นสิ่งที่กระทั่งองครักษ์ส่วนตัวอย่างเลย์ล่าก็ยังไม่รู้
ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีเวลาคิด ครูใหญ่พุ่งเข้าเพื่อฟันเอลริสทันที
เร็วมาก—เขาได้แต่คิดเช่นนั้น
ถึงแม้จะชราแล้ว การฟันเมื่อครู่ของครูใหญ่ก็เร็วมากพอที่จะตัดผ่านอากาศได้
ตำแหน่งองครักษ์ส่วนตัวของเซนต์รุ่นที่แล้วไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย
แต่ต่อหน้าเขาในตอนนี้คือองครักษ์ส่วนตัวคนปัจจุบัน เลย์ล่า
เธอชักดาบด้วยความเร็วสูงและสกัดกั้นการโจมตีของเขาเอาไว้ได้
“ดิแอสโดโน่! การหันดาบใส่ท่านเอลริสนั้นยกโทษให้ไม่ได้!”
“เลย์ล่า สก็อตต์รึ…”
เลย์ล่าและครูใหญ่ องครักษ์ประจำตัวเซนต์จากยุคอดีตและยุคปัจจุบันเข้าฟาดฟันกัน
ดาบของทั้งครู่นั้นเคลื่อนที่เร็วมากจนหลงเหลือไว้เพียงภาพติตาสีเงิน เสียงกระทบของโลหะดังก้องออกมานับครั้งไม่ถ้วน
ดาบของทั้งคู่กระทบกันจนเกิดเป็นประกายไฟ พอคิดว่าดาบทั้งสองแยกออกจากกันแล้ว พอรู้ตัวอีกทีมันก็กลับมากระทบกันอีกหลายครั้ง
การประดาบนี้มันเร็วเกินไป ในชั่วพริบตาดาบของทั้งคู่ก็กระทบเสียดสีกันไปแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
นี่คือการต่อสู้กันระหว่างผู้เชี่ยวชาญ เป็นการรำดาบที่สุดยอดจนนึกว่าฝึกซ้อมกันอยู่
ถึงแม้พวกเวอร์เนลจะได้เรียนวิชาดาบมาในชั่วโมงเรียน มันก็เป็นแค่การใช้ดาบไม้ตีกัน เป็นกาฟันดาบที่ช้าพอจะให้คู่มือสามารถสกัดกั้นได้ เหลือเลาคิดถึงการเคลื่อนไหวต่อไป ผลัดกันรุกผลัดกันรับ
การฝึกเช่นนี้ก็เพื่อทำตัวให้ชินกับการเคลื่อนไหวและเทคนิค รวมไปถึงการตัดการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นออก
การโจมตีจะเชื่องช้า ส่วนการป้องกันเองก็ช้าไม่แพ้กัน
ในการฝึกนี้หากมีการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นอยู่ก็จะปล่อยให้เกิดช่องว่าง ทำให้เกิด”การโจมตีที่หลบไม่ได้”จากอีกฝ่าย
เมื่อถึงจุดๆหนึ่งที่การเคลื่อนไหวไม่จำเป็นทุกอย่างถูกตัดออกไปจนหมด ก่อให้เกิดเป็นสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายต่างไม่สามารถตีกันโดนได้เพราะไม่มีช่องว่างเหลือให้โจมตี
การต่อสู้ระหว่างครูใหญ่และเลย์ล่านั้นเป็นเช่นนั้น ทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีการเคลื่อนไหวใดที่สูญเปล่าเลย เป็นการดวลที่สูสีกันมาก
อีกอย่าง—คือมันเร็วโคตรๆ
ทั้งสองคนนี้เห็นโลกที่ทุกอย่างหยุดนิ่งหรืออย่างไร?
ด้วยความเร็วในการโจมตีถึงขนาดนั้น ฝ่ายที่ป้องกันจะมีเวลาในการตอบสนองอยู่ต่ำกว่าชั่วพริบตาเสียอีก
แต่ทั้งสองคนกลับสามารถที่จะหลบหลีกหรือปัดป้องการโจมตีได้ทุกครั้งทั้งที่การโจมตีแต่ละครั้งห่างกันเพียงเสี้ยววินาที
ทั้งสองฝั่งผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างต่อเนื่อง
ราวกับว่าเวลาถูกเร่งให้เร็วขึ้น การต่อสู้ของทั้งสองนั้นสุดยอดถึงขนาดนั้นเลยล่ะ
ในขณะที่ทุกคนไม่สามารถละสายตาจากการต่อสู้ระหว่างครูใหญ่และเลย์ล่า เอลริสเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สังเกตเห็นถึงเหตุการณ์อื่น
เวอร์เนลเพิ่งจะรู้สึกตัวตอนที่ได้ยินเสียงของไอน่าแล้ว
เวอร์เนลไม่ได้หันไปมองเธอเสียด้วยซ้ำ
ไม่ใช่ว่าเวอร์เนลนั้นโหดร้ายแต่อย่างใด
แต่ในสนามรบที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่มีใครเสียเวลามามองเด็กสาวเพียงคนเดียวหรอก
ทุกๆคนก็แค่พยายามต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด
เวอร์เนลนั้นไม่ใช่คนที่เย็นชา
แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำเรื่องอย่างนั้น เขาไม่อาจหันเหความสนใจไปทางไอน่าได้หรอก
แต่ในเวลาที่ทุกคนต่างก็คิดว่า”ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำอย่างนั้น” โศกนาฏกรรมก็เกือบจะเกิดขึ้น
ถึงอย่างนั้น มีเพียงเอลริสเท่านั้น…ไม่ว่าเสียงนั้นจะเบาแค่ไหน แต่เธอก็จะได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือทุกครั้งไป
แม้จะไม่ถูกเวลา แต่เธอก็จะไม่เมินหนีเสียงร้องขอความช่วยเหลือนี้
“ท่านเซนต์…ปล่อยชั้นไปเถอะค่ะ…ชั้น…หลังจากนี้…ไม่อาจเจอหน้าท่านพ่อได้อีกต่อไปแล้ว…”
ไอน่าจ้องมองเอลริสด้วยน้ำตานองหน้า ที่เอลริสทำก็เพียงแค่ย่อตัวลงเพื่อโอบกอดเธอ พร้อมลูบหลังปลอบโยน
ถึงแม้เธอจะเป็นเซนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ จะให้ช่วยเหลือทุกคนนั้นเป็นไปไม่ได้
ไม่ว่าเธอจะเก่งกาจแค่ไหน เอลริสก็ยังเป็นเพียงมนุษย์
แต่ถึงกระนั้น หากเธออยู่ในฐานะที่สามารถช่วยได้ เธอก็จะไม่ยอมทอดทิ้งใครไว้เด็ดขาด
จิตวิญญาณที่สูงส่งและงดงามนี้ไม่เคยเปลี่ยนไป เวอร์เนลนึกย้อนถึงตอนที่เขาได้พบกับเธอเป็นครั้งแรก
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ… ชั้นเข้าใจดีว่าเธอต้องการที่จะปกป้องชั้น ก็แค่พลาดไปนิดเดียวเอง”
“แต่ว่า…ตัวชั้น…ทำเรื่องที่ยกโทษให้ไม่ได้ไปนะคะ…การเข้าพวกกับแม่มดน่ะ…”
“ชั้นอภัยให้จ้ะ”
เธอจะยกโทษให้กับบาปทุกอย่างที่คิดปองร้ายเธอ
เสียงที่เอลริสพูดกับไอน่านั้นไร้ซึ่งความโกรธใดๆ มันเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
ไอน่าไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีก น้ำตาของเธอไหลออกมาไม่หยุด แต่เอลริสก็ไม่สนใจเรื่องที่ไอน่าทำชุดของเธอเปื้อนคราบน้ำตา ทำเพียงแค่โอบกอดเธอไว้เช่นนั้น
“ไม่เป็นไรนะ ทุกคนจะต้องเข้าใจและให้อภัยเธอแน่ ใช่ไหมจ๊ะ? เวอร์เนลคุง?”
เอลริสถามเวอร์เนลเพื่อขอความเห็นพ้อง
เวอร์เนลพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ต่อด้วยคนอื่นๆในกลุ่มที่ทำตามกันมา
ซัปเปิ้ลเซนเซย์ที่น่าจะสู้อยู่กับพรรคพวกของครูใหญ่อยู่จนถึงเมื่อครู่ก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ในสภาพหมอบคลาน ร้องว่า”ช่างสูงส่ง…” กลับไปสู้สิเว้ยไอ้แว่นโรคจิตนี่!
“ใช่แล้ว”
“เธอไม่ได้ทำอะไรที่เลวร้ายขนาดนั้นสักหน่อย”
“ไม่เป็นไรนะไอน่าซัง เธอยังสามารถไถ่โทษตัวเองได้อยู่”
เวอร์เนล จอห์น และเอเทอร์น่าพูดเช่นนั้นด้วยรอยยิ้ม
“ตั้งแต่นี้ไป… มาพยายามด้วยกันนะ…”
“มีเธอเป็นพรรคพวกน่ะอุ่นใจกว่าเยอะเลย”
แมรี่และฟิโอร่าเองก็ด้วย
สิ่งที่แมรี่พูดนั้นมีความหมายกับไอน่ามาก เธอเคยถูกไอน่าปัดมือออกไป ถูกกล่าวหาว่าโกงการแข่งขัน แต่เธอไม่มีความแค้นใดต่อไอน่าเลย
เวอร์เนลและแมรี่ยื่นมือไปหาไอน่าพร้อมๆกัน
ในอดีตไอน่าเคยปัดมือที่ยื่นมาหาเธอออก…แต่ในครั้งนี้เธอจะจับมือนั้นไว้และลุกขึ้นสู้
.
ไอน่าเข้าร่วมกับพวกของเวอร์เนล ตอนนี้เหล่าผู้ที่เคยถูกหลอกใช้ได้รวมพลังกันเพื่อต่อกรกับฝ่ายของครูใหญ่
ฝ่ายพันธมิตรมีกำลังใจสูงกว่า แถมอีกฝั่งยังเป็นอดีตอัศวินวัยเกษียณเสียส่วนใหญ่ อายุก็ถือว่าชราแล้ว
ความสามารถของพวกเขาเหลือไม่ถึงครึ่งของตนเองในวัยฉกรรจ์
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ดูเหมือนว่าฝ่ายครูใหญ่จะสู้อย่าง…ไม่เต็มใจ
อาจจะเพราะว่าเล็งเห็นถึงความผิดพลาดของตัวเองแล้วก็ได้
คนเหล่านี้เคยเป็นอัศวินที่ปกป้องโลกมาก่อน ในใจของพวกเขาลึกๆอาจจะหวังให้มีใครมาหยุดยั้งพวกตนไว้
เพราะเช่นนั้น ฝ่ายของเวอร์เนลที่มีเพียงเหล่านักเรียนก็ยังสามารถชนะได้
แต่คนสุดท้ายที่เหลือนั้นต่างออกไป
ครูใหญ่…ดิแอสยังคงสู้อยู่กับเลย์ล่าโดยไม่มีท่าทีเหนื่อยหอบแม้แต่น้อย
“ทำไมถึงทำแบบนี้กันคะ?! ทั้งที่ท่านสู้เคียงข้างท่านอเล็กเซียในการปราบแม่มดแท้ๆ! ทำไมถึงขายวิญญาณให้กับแม่มดล่ะคะ?!”
“ข้าไม่ได้ขายอะไรทั้งนั้น ข้ายังเป็นคนเดิม คนที่ข้าคอยปกป้องก็ยังเป็นคนเดิม ข้าจะปกป้องเซนต์ของข้า”
“คนทรยศอย่างท่านหยุดพูดเรื่องไร้สาระแบบนั้นได้แล้ว!”
ด้วยความสามารถของเวอร์เนลในขณะนี้ แค่พยายามมองตามภาพติดตาของดาบให้ได้ก็เต็มกลืนแล้ว
ดาบสองเล่มฟาดฟันใส่กันจนเกิดเป็นประกายแสง นักรบทั้งสองคนเปลี่ยนท่วงท่าไปมาแบบไม่มีหยุดพัก
ในหนึ่งวินาทีจะมีเสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นสาม…ไม่สิ สี่ครั้ง โดยเสียงจะเปลี่ยนไปทีละน้อยในทุกครั้ง
ไม่มีหยุดพัก ไม่มีลดหย่อน การโจมตีของทั้งสองฝ่ายยังคงดำเนินต่อไป
ฟาดฟันกันมาแล้วกี่ครั้ง? เสียดสีกันมาแล้วกี่รอบ?
อย่างน้อยก็น่าจะเกินร้อยไปแล้ว
แต่ความเร็วของทั้งสองกลับไม่ตกลงเลย ดีไม่ดีจะเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ
“เลย์ล่าโดโน่! เรามาช่วยท่านแล้ว!”
นอกจากพวกเวอร์เนล คนที่ถูกหลอกคนอื่นๆก็พยายามที่จะเข้าไปสมทบเธอ
แต่จะมีช่องว่างให้เข้าไปแทรกจริงหรือ?
ถ้าจะมีใครที่สามารถทำได้ก็คงมีแต่เอลริส
“ฮืม พวกปลาซิวปลาสร้อย…ถอยไปซะ! ไม่ว่าพวกเจ้าจะเข้ามาเท่าไรก็ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก!”
เพียงดิแองกวาดดาบ กระแสไฟฟ้าก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งห้อง
รู้ตัวอีกที พวกเขาก็ถูกเป่ากระเด็นไปจนสลบ พวกเวอร์เนลยืนอยู่ห่างจากการโจมตีพอสมควรแต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงช็อตจากใต้ฝ่าเท้า
เหลือเพียงเอลริสที่ยังสามารถยืนอยู่ในรัศมีการโจมตีเมื่อครู่ได้ เธอเฝ้ามองการต่อสู้ขององครักษ์ประจำตัวเธอไม่วางตา
เลย์ล่าโดดเหนือการโจมตีของดิแอสและเหวี่ยงดาบลงด้วยสองมืออย่างรุนแรง
การโจมตีนั้นทะลุผ่านพื้นห้องฝึกไป ส่วนดิแอสที่สามารถหลบได้เมื่อครู่ก็เริ่มโจมตีอีกครั้ง
เลย์ล่าสามารถดึงดาบตัดพื้นออกมาได้เพื่อสกัดการโจมตีนั้น
การปะทะกันของดาบส่งเสียงดังลั่นไปทั่วโรงฝึก ส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายเซไปเล็กน้อย
เมื่อปรับสมดุลร่างกายได้แล้ว ทั้งสองก็ตั้งท่าและเริ่มเข้าห้ำหั่นกันอีกครั้ง
“ทรยศ? อย่าพูดให้ข้าขำไปหน่อยเลย พวกเราไม่ได้ทรยศโลกใบนี้ เป็นโลกนี้ต่างหากที่ทรยศพวกเรา…สักวันหนึ่งเจ้าจะเข้าใจ และสิ้นหวังให้กับโลกเช่นนั้น”
“พยายามจะพูดอะไรกันแน่?!”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าใจหรอก ที่ข้าทำไปก็เพื่อปกป้องท่านอเล็กเซีย”
ทั้งคู่ถกเถียงกันในขณะที่สู้กันไปด้วย
ดิแอสมองลึกไปยังสายตาของเลย์ล่าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
เลย์ล่ามองลึกไปยังสายตาของดิแอสที่สงบราวกับต้นไม้ใหญ่
ทั้งคู่สลัดตัวออกมาและเสริมพลังเวทย์เข้าไปยังอาวุธของตนพร้อมๆกัน
ดาบของดิแอสห่อหุ้มด้วยสายฟ้า ดาบของเลย์ล่าห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิง
ดาบพลังธาตุทั้งสองเข้าปะทะกัน ส่งสายฟ้าและเปลวไฟกระจายไปรอบๆ
อุณหภูมิภายในห้องฝึกสูงขึ้นเรื่อยๆจากดาบทั้งสอง
แต่ทั้งสองกลับไม่ถอย พยายามอ่านการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายและขัดเกลาตัวเอง ทำให้การโจมตีครั้งถัดไปรุนแรงและแม่นยำมากขึ้น
“ท่านพูดบ้าอะไรออกมา? หลังจากที่ปราบแม่มดสำเร็จ ท่านอเล็กเซียก็…”
เลย์ล่าสับสน ทำไมถึงต้องพยายามปกป้องคนที่ตายไปแล้วด้วย?
ไม่มีอะไรเหลือให้ปกป้องอีกแล้ว เซนต์รุ่นก่อน อเล็กเซียน่ะ เสียชีวิตไปแล้วนะ
ถ้าเพื่อปกป้องเกียรติของเธอก็ว่าไปอย่าง แต่ที่ดิแอสทำนี่มันไม่ต่างจากการย่ำยีเกียรติของเธอด้วยซ้ำ
เธอไม่เข้าใจเลยว่าเขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร
“ก็ตายไปแล้วเช่นนั้นรึ? ไม่ใช่เลย ท่านอเล็กเซียยังมีชีวิตอยู่ เธอเพียงถูกจัดฉากว่าเสียชีวิตไปแล้ว!”
“วะ—ว่าอะไรนะ!?”
“เจ้าพวกคนเขลาที่เคยถูกปกป้องไว้โดยท่านอเล็กเซีย พวกมันหลงลืมความเมตตาที่เธอเคยมอบให้และพยายามจะฆ่าเธอ! เพราะอย่างนั้น—ในฐานะอัศวินองครักษ์ของเธอ ข้าจะปกป้องเธอให้ได้! ถึงแม้จะต้องเป็นศัตรูกับทั้งโลกใบนี้ก็ตาม!”
สิ่งที่ดิแอสกล่าวออกมานั้นทำให้เลย์ล่าตัวแข็งทื่อไปชั่วครู่
เป็นชั่วครู่ที่สั้นจนไม่รู้จะสั้นอย่างไร
เป็นเวลาต่ำกว่า 0.1 วินาที คนปกติจะไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ
แต่ในการต่อสู้ระกับนี้ “ชั่วครู่”นั้นถือว่ามากเกินพอเลย
ถึงแม้เธอจะสามารถตอบสนองได้ทัน แต่เลย์ล่าก็ถูกอัดกระเด็นเข้าใกล้กับผนังห้อง
ดิแอสไม่รอช้า ใช้โอกาสนี้เพื่อโจมตีต่อ
ถึงแม้เลย์ล่าจะกันไว้ได้ จะเห็นได้ชัดว่าเธอค่อยๆถูกดันเข้าใกล้ผนังขึ้นทีละน้อย
“จะ เจ้าพูดอะไรออกมา…”
“ฮืม…ดูเหมือนว่าเซนต์ของเจ้าจะรู้อยู่แก่ใจนะ? ทำไมไม่บอกพวกเธอล่ะเอลริส? ทำไมถึงไม่บอกเรื่องนี้กับอัศวินของตัวเอง?!”
เขาออกแรงมากขึ้นไปอีก ดาบของดิแอสเข้าใกล้ใบหน้าของเลย์ล่าขึ้นเรื่อยๆ
มือของเธอสามารถหยุดยั้งการโจมตีเอาไว้ได้ทั้งที่ยังสั่นอยู่ เลย์ล่าอยู่ในจุดที่เสียเปรียบอย่างมาก
เลย์ล่าเตะท้องของดิแอสเพื่อสร้างระยะห่าง เธอสามารถหลุดรอดออกมาจากการถูกยันจนติดผนังได้สำเร็จ
ดิแอสไม่ได้เข้าโจมตีเธอต่อแต่อย่างใด เขาเพียงยกคิ้วขึ้นและยิ้มเยาะ
เขายิ้มเยาะเธอที่ไม่รู้ความจริง แต่…สีหน้าของเขานั้นกลับเจือไปด้วยความสงสารเล็กน้อย
“ถ้าทำไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าจะเป็นคนพูดให้! ฟังซะ ตัวจริงของแม่มดก็คือ — เซนต์รุ่นที่แล้ว! ตัวจริงของแม่มดที่พวกเจ้าพยายามจะกำราบก็คือ เซนต์อเล็กเซีย!”
คราวนี้เลย์ล่าตัวแข็งทื่อไปจริงๆ
ไม่ ไม่ใช่แค่เธอ
เวอร์เนล เอเทอร์น่า หรือแม้กระทั่งซัปเปิ้ล
ทุกๆคนนอกจากเอลริสตัวแข็งทื่อต่อประโยคที่ไม่น่าเชื่อนั้น