“ถ้าเช่นนั้น ทำไมถึงเรียกตัวชั้นมาที่นี่หรือคะ?”
ชั้นถามยัยเซนต์คนแรกไปอย่างนั้น เอาเป็นว่ากลับเข้าเรื่องจริงจังกันได้ซะที
จะเรียกชั้นมาเพื่อแค่จะเล่าความหลังใก้ฟังนี่ก็ไม่น่าใช่
จะว่าเป็นไปได้ก็ใช่แหละ เธอคนนี้ดันออกไปทางด้านสมองนิ่มซะด้วย แต่ก็หยวนๆให้ก่อนแล้วกัน
ถ้าไม่มีเรื่องอื่นนี่ชั้นกลับบ้านจริงๆนา
“เอ่ออ…มีอยู่สองเหตุผลน่ะ อย่างแรกเลยก็คือมาเตือนห้ามไม่ให้เจ้าปราบแม่มด เพราะว่าถ้าเจ้ากลายเป็นแม่มดคนต่อไปล่ะก็ โลกนี้ได้ถึงกาลอวสานแน่…แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่ปัญหาสินะ”
อุมุ เป็นเหตุผลเดียวกับดิแอสเลยแฮะ
ก็อยากบอกว่าเป็นเซนต์คนแรกทั้งทีก็น่าจะรู้นี่นาว่าชั้นเป็นของเก๊ แต่สำหรับคนที่ไม่รู้ จะเรียกชั้นมาพูดถึงเรื่องนี้ก็เมคเซนส์อยู่
แต่ปัญหานี้น่ะมันไม่มีมาตั้งแต่แรกแล้ว
เพราะว่าชั้นไม่ใช่เซนต์ ต่อให้ปราบแม่มดไปก็จะไม่เปลี่ยนร่างตาม
ถ้าจะพูดล่ะก็ เพื่อจะหยุดวังวนนี้ ให้ชั้นที่ไม่ใช่เซนต์เป็นคนปราบไปน่าจะเป็นผลลัพท์ที่ดีที่สุดแล้ว
“อีกเรื่องนึงก็คือ…มีวิธีการที่จะสามารถหยุดยั้งวังวนที่เริ่มต้นมาจากตัวเราและท่านแม่ได้อยู่ นั่นเป็นเหตุผลหลักที่เรียกเจ้ามาที่นี่อย่างไรล่ะ”
“วีธีหยุดยั้งหรือคะ?”
มีแค่เซนต์ที่สามารถปราบแม่มดได้
และคนที่ปราบแม่มดก็จะกลายเป็นแม่มดคนถัดไป
กลายเป็นวงเวียนที่ไม่รู้จบ
ชั้นถึงคิดวิธีที่จะปราบแม่มดโดยคนที่ไม่ใช่เซนต์ขึ้นมา
แต่เมื่อมองไปยังอัลเฟรีย ก็ทำให้ชั้นคิดได้
แม่มดคนแรกจับอัลเฟรียผนึกไว้ในคริสตัล ทำให้เธออยู่ในสภาพที่เสมือนตาย
ถ้าแม่มดโดนไปก็จะเป็นแบบเดียวกัน
…ชั้นนี่มันโง่จริงๆเลย
มองข้ามวีธีง่ายๆแบบนี้ไปได้ยังไงกัน
เป็นพล็อตที่เห็นได้บ่อยๆในการ์ตูนเลยนะ
“…ใช่แล้ว ถ้าหากผนึกเธอไว้ล่ะก็ แม่มดก็จะยังคงมีชีวิตอยู่ เท่ากับว่าเธอไม่ได้ถูกปราบไป และการส่งทอดพลังไปยังเซนต์ก็จะไม่เกิดขึ้น เป็นวิธีที่เรียบง่ายถึงขนาดนั้น…”
“อ๊าาา! โดนชิงตัดหน้าอีกแล้วอ่าา—!!”
อัลเฟรียร้องไห้น้ำตาคลอ แต่ชั้นในตอนนี้โกรธกับความกัวทึบของตัวเองมากกว่า
ใช่แล้ว ที่ต้องทำก็แค่จับเธอผนึกไว้ก็เท่านั้น
ทำอย่างนั้น วังวนอุบาทว์นี้ก็จะจบลง
ถ้าแม่มดโดนปราบก็จะเกิดการส่งต่อพลัง ถ้าอย่างนั้น แค่ไม่ปราบเธอก็สิ้นเรื่อง
มันเป็นเรื่องง่ายๆอย่าง “ทำแบบนั้นไม่ได้นะ!” “แล้วจะให้ทำไงล่ะ?” “ก็ไม่ต้องทำอะไร…” ขนาดเด็กยังรู้เลย
ชั้นพอจะเข้าใจนะว่าทำไมถึงไม่มีใครคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน
อย่างแรกเลย วิชาที่สามารถทำเช่นนั้นได้น่ะไม่ใช่จะแพร่หลาย
ต่อให้มีคนทำแบบนั้นได้ ยังไงคนธรรมดาก็ไม่มีสิทธิ์จะต่อกรกับแม่มดอยู่ดี
เซนต์ฺเองก็คงคิดไม่ถึง
ยังไงซะพวกเซนต์รุ่นก่อนๆก็ไม่รู้ถึงความจริงของวังวน จะมาจับผม่มดผนึกไปทำไม ในเมื่อฆ่าไปซะก็พอแล้ว
พวกที่รู้ความจริงนี่ถ้าไม่หนีไปก็พยายามฆ่าตัวตายแบบเซนต์ลิเลีย
จะให้จู่ๆก็ปิ๊งขึ้นมาว่า”แค่จับเธอผนึกไว้ก็พอแล้วนี่”ก็น่าจะยาก
ในส่วนของตัวชั้นเอง เพราะว่าคิดถึงวิธีที่จะสามารถหยุดวังวนได้ไว้ก่อนแล้ว ทำให้ไม่ได้คิดลึกไปกว่านั้นอีก
“เออ! ใช่สิ! เจ้าพูดถูกแล้ว! เหมือนที่ท่านแม่ทำกับตัวเรา แค่ให้เซนต์จับแม่มดผนึกเอาไว้ก็เพียงพอแล้ว ถึงได้เรียกเจ้ามาที่นี่เพื่อถ่ายทอดวิชาให้ไงล่ะ”
อัลเฟรียพูดแบบไม่เต็มใจ แต่นี่เป็นโอกาสดีสุดๆไปเลย
ถ้าเธอสอนเวทย์ผนึกให้ชั้นล่ะก็ เท่านี้ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว
ยังไงก็เป็นเวทย์ที่จับอัลเฟรียขังไว้ได้เป็นพันปี การันตีคุณภาพ
ไม่ว่าจะได้ใช้หรือไม่ เรียนไว้ก่อนยังไงก็ดีกว่า
จริงอยู่ที่การที่ชั้นลากแม่มดตกตายตามไปด้วยคงจะส่งผลดีกับรุ่นต่อๆไปมากกว่า
แต่สมมติว่าถ้าโลกให้กำเนิดแม่มดขึ้นมาอีกล่ะ? ถ้าแบบนั้นอย่างน้อยความรู้เกี่ยวกับเวทย์ผนึกก็ยังจะมีอยู่ ต่อให้มีแม่มดโผล่ขึ้นมาใหม่ก็ยังจะมีวิธีจัดการหลงเหลือไว้
อย่างน้อยก็คงไม่เกิดเป็นสงครามเลือดพันปีแบบที่ผ่านมา
นี่เป็นเวทย์ที่สมควรที่เอาไว้ให้พวกรุ่นลูกหลานอย่างแท้จริง
…ว่าไปก็คงมีพวกที่คิดจะเอาเวทย์นี้ไปใช้ในทางที่ผิดนั่นแหละ ก็คงต้องตั้งมาตรฐานคนที่จะเรียนเอาไว้ให้ดีๆหน่อย
ปัญหาอีกอย่างก็คือ คนที่ใช้เวทย์ผนึกได้ก็คือแม่มดคนแรก ไม่ใช่อัลเฟรีย
…ยัยนี่จะไหวจริงๆเร้ออ?
“อ๊ะ! ทำหน้าแบบนั้นนี่คือคิดอยู่ใช่มั้ยว่าเราจะทำไดพ้จริงๆรึเปล่า!?”
“ค่ะ”
“ไม่ ไม่ เจ้าหลอกเราไม่ได้หรอกนะ ไม่ว่าจะแก้ตัวยัง…เอ๊ะ?”
“ชั้นไม่แน่ใจว่าท่านจะสามารถใช้เวทย์นั้นได้ค่ะ”
“…”
พอได้ยินแบบนั้น อัลเฟรียก็ตัวสั่นใหญ่เลย
น้ำตามารวมกัน เขื่อนใกล้จะระเบิดเต็มทน
เอาล่ะสิ จะร้องแล้วเนี่ย นี่คือจะร้องไห้ใหญ่แล้วนะเออ
“อุหวาาาาาา!!!”
อ๊ะ ร้องซะแล้ว
ว่าแล้วเชียว คนๆนี้ท่าจะไม่ไหวนะเนี่ย ชั้นทำได้แต่คิดแบบนั้น
แต่ว่าไอเดียเกี่ยวกับเวทย์ผนึกนี่ดีนะ เอาไปใช้งานได้ในอนาคต
กลับบ้านไปเดี๋ยวตูค่อยไปศึกษาเอาเองก็ได้
ฐานก็น่าจะเป็นเวทย์น้ำแข็ง…เอาไว้ใช้เก็บรักษาได้เหมือนตู้เย็นไงล่ะ
คนปกติน่าจะไม่รอด แต่เป็นถึงแม่มดนี่น่าจะทนไหวแหละ
ถ้าทำแบบนั้น อเล็กเซียก็จะโดนจับแช่อยู่ในโลกน้ำแข็งไปตลอดกาล แต่ก็ยังตายไม่ได้ พูดไปก็น่าสงสารแฮะ
“อะไรกันน่ะ อะไรกันน่ะ เราใช้ได้นะ เราใช้มันได้จริงๆนะ!”
ชั้นลูบหัวท่านเซนต์คนแรกเพื่อปลอบเธอ แต่ก็ยังไม่หยุดร้องเลย
อาจจะดูเสียมารยาทไปหน่อย แต่คงไม่เป็นไรมั้ง ดูอายุจิตเธอจะออกไปทางเด็กแก่แดดซะอีก
นั่นแน่ มียื่นหัวมาทางนี้ ทำท่าเหมือนอยากให้ลูบเพิ่มด้วย
เป็นหมาเรอะเธอ?
“คนที่ใช้เวทย์นี้คือท่านแม่ของท่านอัลเฟรียไม่ใช่หรือคะ? ถ้าเช่นนั้นท่านไปเรียนมาจากที่ใด?”
“ท่านแม่อธิบายให้ฟังก่อนจะจับผนึกน่ะ”
ก็นึกว่าไปเรียนมาจากที่ไหน ทำไมมันดูงี่เง่าจังวะ
แม่มดบอกให้เองเลยเรอะ?
ไอ้นั่นสินะ ที่ตัวร้ายต้องสาธยายแผนของตัวเองให้พวกตัวเอกฟังอย่างละเอียด จากนั้นก็จะโดนเอาความรู้นั้นมาย้อนคืนใส่ในภายหลัง
หรือไม่ก็เธออาจจะต้องความหวังไว้กับเซนต์รุ่นต่อๆไปก็ได้?
“ไม่ต้องคิดมากไปหรอกน่ะ เดี๋ยวเราจะสอนให้ แล้วเจ้าก็จะเข้าใจว่าตัวเราเชี่ยวชาญเวทมนตร์นี้มากแค่ไหน”
พอพูดอย่างนั้น อัลเฟรียก็เอื้อมมือมาจับไหล่ของชั้น และส่งพลังบางอย่างเข้ามาในร่าง
เพราะว่าที่นี่เป็นโลกในจิตวิญญาณเลยทำอะไรแบบนี้ได้เหรอ?
ถึงจะไม่มีคำอธิบายใดๆ แต่ชั้นก็สามารถเข้าใจได้ด้วยความรู้สึก
เข้าใจแล้วว่าเวทย์ผนึกใช้งานยังไง
เหมือนกับว่ามีใครมาจับมือชั้นเขียนให้เลย
อีกอย่างนึงที่ไม่เกี่ยวกันเลย ตอนนี้ชั้นรู้แล้วว่าเจ้าชุดเกราะเฝ้าสุสานนี่จริงๆแล้วเป็นสตอล์กเกอร์น่ารังเกียจ ไม่ได้อยากรู้เลยเฟ้ย
“เป็นไงบ้าง? นี่ล่ะคือเวทมนตร์ที่ผนึกเรามาตลอดหนึ่งพันปีนี้ รับไปด้วยความขอบคุณซะนะ”
“…เข้าใจแล้วค่ะ”
แทนที่จะเป็นเวทย์ผนึกแบบแช่แข็ง ต้องบอกว่ามันเป็นการหยุดเวลาภายในบริเวณหนึ่งเอาไว้จะถูกกว่า
ฐานของมันคือเวทย์ความมืด
ความมืดนั้นอยู่ตรงข้ามกับแสงสว่าง ฉะนั้นเวทย์ความมืดจึงสามารถสร้างมิติที่แสงไม่อาจส่องผ่านขึ้นมาได้
ถ้าจะให้พูด คุณสมบัติที่แท้จริงของเวทย์ประเภทความมืดก็คือการควบคุมหรือสร้างมิติ
แล้วกลไกของเวทย์หนึกนี้ก็คือการจับสิ่งใดสิ่งหนึ่งยัดเอาไว้ในมิติที่เวลาภายในไม่คลาดคลื่อน
คงจะเป็นเพราะแบบนี้ที่ว่าทำไมเซนต์และแม่มดจะไม่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีธรรมดา
คงเป็นเพราะว่าร่างกายของมันมีคุณสมบัติที่ทำให้สิ่งแปลกปลอมไม่อาจลอดผ่านเข้าไปได้
และการที่จะโจมตีเพื่อทำความเสียหายได้นั้น ก็จำเป็นต้องใช้เวทย์มิติเช่นกันในการฝ่าเข้าไป
…แต่ถึงจะเข้าใจแล้วก็เถอะ…ชั้นห็ใช้มันไม่ได้อ่ะ
ก็ตูเป็นของเก๊นิ ใช้เวทย์ความมืดได้แค่นิดเดียวเท่านั้นแหละ
“มีปัญหาอีกเรื่องค่ะ เพราะดูเหมือนว่าชั้นจะไม่สามารถใช้งานเวทย์นี้ได้”
“เอ๋”
ไม่ต้องมา เอ๋ เลยเฮ้ย
ก็บอกไปแล้วไม่ใช่เรอะว่าตูเป็นตัวปลอมน่ะ ทำไมถึงทำเป็นไม่รู้เรื่องฟะ
แต่จะให้ทิ้งเวทย์นี้ไปก็น่าเสียดายแย่
แต่จะให้ใช้กับแม่มดยังไงล่ะ?
ถ้าเป็นเอเทอร์น่าก็อาจจะใช้ได้ก็จริง…แต่เวทย์นี้ต้องใช้พลังเวทย์ถึง 2000 ในทีเดียวเลยนะ เอเทอร์น่าที่เพิ่งจะพลังตื่นนี่สู้ไม่ไหวหรอก
ชั้นมีพลังเวทย์เหลือเฟือก็จริง แต่ไม่มีความสามารถในการใช้เวทย์ความมืดสูงพอ
อัลเฟรียน่าจะใช้ได้ แต่เธอถูกผนึกอยู่นี่สิ
…อ๊ะ งั้นเอาอย่างนี้ก็ได้นี่นา
เรื่องง่ายๆเอง
ก็แค่ต้องปล่อยอัลเฟรียออกมาจากคริสตัลซะ
การทำลายมันง่ายกว่าการสร้างเสมอแหละ
ถึงจะไม่ถึงกับใช้เวทย์ผนึกได้ แต่ชั้นก็ยังมีพลังความมืดที่ยืมมาจากเวอร์เนลอยู่ อัดพลังเวทย์เข้าไปหน่อยก็คงพอจะใช้ทำลายคริสตัลนี้ได้ล่ะน่า
“ท่านอัลเฟรียคะ…ท่านอยากจะเป็นอิสระไหมคะ?”
“เอ๋ ทำได้เหรอ? เอาสิเอา! เราอยู่ที่นี่คนเดียวมาตั้งนาน เบื่อจนจะตายแล้วเนี่ย! เอาเราออกไปได้ยิ่งเร็วยิ่งดีเลย! เอาเลย จัดมา!”
ตูเป็นคนถามไปเองแท้ๆ แต่ผลตอบรับดันดีเกินจะกลัวเลยนะเนี่ย
ก็นะ ต้องอยู่ที่นี่กับไอ้ชุดเกราะสตอล์กเกอร์ตรงนั้นมาเป็นพันปีก็คงเหงาล่ะ
แถมยังไม่มีเสื้อผ้าใส่อีก
ไอ้ชุดเกราะหื่นนั่นมันยืนเฝ้าเพื่อดูเธอโป๊ซะล่ะมั้งน่ะ…
ไงก็เถอะ ได้รับคำอนุญาตแล้ว
งั้นก็ไม่ลังเลล่ะ จัดเลยละกัน
ชั้นกลับจากโลกในจิตใจมายังโลกจริง
จากนั้นก็ควบแน่นพลังเวทย์บนฝ่ามือเข้าด้วยกัน
รวมไว้ที่จุดเดียว ใส่เวทย์ความมืดเข้าไปเพื่อเสริมคุณสมบัติเจาะเกราะ
คิดไปเองรึเปล่า คริสตัลมันดูสั่นๆชอบกล
คิดไปเองแน่ๆ เสียงโหวกเหวกในสมองชั้นนี่ก็คงคิดไปเองเหมือนกัน
“เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว ยิงมาอย่างนั้นนี่เราจะตายเอานะ! อย่างน้อยก็ขอให้ได้ทำใจ—“
ชู้ตโตะ!!!
ชั้นยิงลำแสงเข้าใส่คริสตัล จนมันยิงทะลุผ่านไปโดนหินด้านหลัง
แรงสะท้อนกลับมารุนแรงพอตัวเลย ถ้าไม่ยืนดีๆนี่ทำชั้นเสียศูนย์ได้เลยะ
แต่ว่ามันได้ผล
คริสตัลที่ล้อมรอบอัลเฟรียอยู่ค่อยๆปริแตกออก
ชั้นค่อยๆเพิ่มความเข้มข้นของลำแสง เพื่อขยายรูให้กว้างขึ้นไปอีก
ในที่สุด คริสตัลก็ทนไม่ไหวและแตกกระจายออก
ชั้นหยุดลำแสงในจังหวะเดียวกัน
ที่เหลืออยู่มีเพียงสาวสวยร่างเปลือยเปล่าเท่านั้น
วิธีดูจะรุนแรงไปบ้าง แต่เธอก็หลุดออกมาจากผนึกได้เรียบร้อยดี
“อะ…หวาหวาหวาหวาหวา…”
ถึงจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่อัลเฟรียดูเหมือนจะตกใจจนเข่าอ่อนลุกไม่ขึ้นเลยทีเดียว
เอาเถอะ แต่จะให้เธอออกไปทั้งๆสภาพอย่างนี้ก็ใช่ที่ คงต้องทำอะไรสักอย่างก่อน
…แต่ชั้นไม่มีเวทย์ที่ใช้สร้างเสื้อผ้าได้อ่ะ