บทที่ 703 หลี่จิ่วเต้า ‘ข้าออกไปรับลมหน่อย!’
หลี่จิ่วเต้าตรงหน้านี้ เรียกขานตนเองว่า ‘ปุถุชน’ อยู่หลายคราก็เพื่อล้อเลียนมัน จิตสังหารของกิเลนไฟพลุ่งพล่านถึงขีดสุด!
มันไม่เอ่ยอันใดให้มากความอีก เพียงแค่จามออกไปหนึ่งที เปลวเพลิงสีทองห่อหุ้มลูกไฟดวงใหญ่พุ่งใส่หลี่จิ่วเต้า มันจะทำให้ถ้อยคำที่มันกล่าวไว้ก่อนหน้ากลายเป็นความจริง สังหารหลี่จิ่วเต้าด้วยการจามหนึ่งครั้ง!
“เจ้าชอบเล่นกับไฟ ถึงได้อารมณ์ร้อนไม่เบา พอเข้าใจได้”
หลี่จิ่วเต้ากล่าว “แต่ข้าว่า อารมณ์เย็นลงหน่อยจะดีกว่า”
เขาตั้งจิต ไข่มุกคุมวารีพุ่งออกจากแหวนบนมือเขา
“ข้าช่วยดับไฟให้เจ้าก่อน”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเบา ไข่มุกคุมวารีเปล่งประกายเจิดจ้าออกมาในบัดดล ซ้ำยังมีกฎระเบียบสูงส่งน่ายำเกรงปะทุออกมาด้วย
ซ่า!
ลมหายใจต่อมา บริเวณนี้พลันมีหยาดฝนกระหน่ำลงมา เม็ดฝนล้วนวาววามสุกสกาว แฝงไว้ด้วยพลังเกินหยั่ง!
เมื่อเม็ดฝนโปรยปรายลงมา ลูกไฟที่กิเลนไฟจามออกไปก็ดับลงด้วยน้ำฝนทันที
นอกจากนี้ เม็ดฝนที่ร่วงหล่นลงบนตัวกิเลนไฟ ดับเปลวเพลิงที่ห้อมล้อมกิเลนไฟไปด้วย ประกายทั้งหมดมลายจนสิ้น!
‘ไม่ค่อยเท่าไหร่จริง ๆ ด้วย…’
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะในใจ กิเลนไฟตัวนี้อ่อนพลังจริง ๆ
เป็นไปได้อย่างไรกัน!
ดวงตาของกิเลนไฟเบิกกว้าง หน้าตาหวาดผวา ความกลัวแผ่ซ่านไปทั้งใจ
มันไม่ทันรู้สึกเลยว่า มีคลื่นพลังไหลเวียนอยู่ในตัวหลี่จิ่วเต้า เขาก็ทำให้ไข่มุกเม็ดนั้นสำแดงอานุภาพระดับนี้ออกมาได้ เขาทำได้อย่างไรกัน?!
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ความเป็นไปได้เดียวที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้ก็คือ ขอบเขตพลังของหลี่จิ่วเต้าเหนือกว่ามันไปมาก มันถึงจับสัมผัสการไหลเวียนของคลื่นพลังจากตัวอีกฝ่ายไม่ได้!
คนผู้นี้มาจากไหนกันนี่?
ดินแดนข้างนอกนี้ยังมีผู้ที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงปานนี้อยู่อีกหรือ?!
“ข้านี่นะ ถ้าไม่สนใจ ไม่มาที่นี่คงจะดี!”
เหมือนว่ามันมองเห็นชะตากรรมอันโศกศัลย์ของตัวเองหลังจากนี้ได้ เอาแต่คำรามด้วยความสำนึกในใจ คราวนี้ มันคงจบเห่แล้วจริง ๆ!
“ไม่…ไม่ใช่กระมัง!”
สวีจิ้งอึ้งงัน อยากร้องไห้นัก เหตุใดสถานการณ์ถึงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่เรื่อยเล่า!
“คือว่า…ถ้าข้าบอกว่าสิ่งที่ข้าเอ่ยต่อจ้าวจงเมื่อครู่มิใช่ความจริง หวายเฟิงเจ้าเชื่อหรือไม่”
นางมองหวายเฟิงพลางกล่าว
ฉินหวายเฟิงไม่แม้แต่จะแยแสสวีจิ้ง สตรีนางนี้ไม่มีความเป็นมนุษย์เลยสักนิด!
โฮก!
กิเลนไฟคำราม ถึงอย่างไรก็รู้สึกเจ็บใจนักหากต้องยอมรับชะตากรรมทั้งอย่างนี้ มันระเบิดพลังทั้งหมด เปลวเพลิงสีทองเจิดจ้าแยงตาลุกโชนตามตัวมันอีกครั้ง
อนิจจา เม็ดฝนก็หยดลงมาอีกครั้ง เปลวเพลิงสีทองที่ห้อมล้อมรอบตัวมันดับลงไปในบัดดล ความห่างชั้นนั้นมิใช่น้อย ๆ ท่านผู้นี้มิใช่ผู้ที่เขาต่อกรได้เลย!
“มาเถิด มาเป็นสัตว์ขี่ของข้า ตามข้าท่องแดนไปทั่วสารทิศ!”
หลี่จิ่วเต้าเรียกธงฮุ่นหยวนออกมา ก้าวขาออกไปหนึ่งก้าว ทะลุปริภูมิเวลา มานั่งอยู่บนหลังของกิเลนไฟทันที
“!!!”
กิเลนไฟบันดาลโทสะ สายเลือดของมันเลอค่าปานใด ไฉนเลยจะยอมเป็นสัตว์ขี่ได้!
ต่อให้หลี่จิ่วเต้าแข็งแกร่งกว่ามันมาก มันก็ไม่มีวันยอมจำนน!
“ต่อให้เจ้าเล่นงานข้าจนตาย ข้าก็ไม่มีวันยอมเป็นสัตว์ขี่ของเจ้า!”
มันคำรามเสียงอำมหิต ระเบิดพลังออกมาทั้งหมด หมายจะกระเทือนหลี่จิ่วเต้าให้ลงจากหลัง
ทว่าไม่นานนักมันก็รู้ตัวด้วยความผวาว่า พลังของมันถูกสะกดไว้หมดแล้ว ไม่อาจใช้ได้แม้แต่เสี้ยวเดียว!
นี่มันเรื่องอะไรกัน!
มันไม่รู้สึกถึงคลื่นพลังใดเลยสักนิด พลังในตัวมันทั้งหมดถูกผนึกลง ทำได้อย่างไรกัน?!
ขอบเขตพลังของหลี่จิ่วเต้าเหนือว่าที่มันจินตนาการไว้เสียอีก!
“เป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่ายหน่อย เป็นสัตว์ขี่ของข้า เจ้าไม่เสียเปรียบหรอก”
ชายหนุ่มลูบขนนุ่มลื่นของกิเลนไฟ บอกกับมันเสียงเบา
จริงอยู่ว่าเขาเป็นเพียงปุถุชน ไม่มีสิ่งดี ๆ จะมอบให้กิเลนไฟ และให้ความช่วยเหลือด้านการฝึกฝนกับกิเลนไฟได้ไม่มาก
ทว่าเขาสนิทกับเซี่ยเหยียนนี่
เซี่ยเหยียนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ สำนักไท่หัวซึ่งอยู่เบื้องหลังนางยังเป็นสำนักใหญ่ระดับต้น ๆ ไม่ว่าไปที่ไหนก็อ้างได้เสมอ ภายหน้า กิเลนไฟที่ติดตามเขาไม่มีทางเสียเปรียบแน่ ๆ
อย่างน้อยกิเลนไฟก็สามารถรู้จักกับเซี่ยเหยียนผ่านเขา วันหน้ามีแต่จะได้รับสิ่งดี ๆ ไปด้วย นางเห็นแก่หน้าเขา ช่วยกิเลนไฟส่ง ๆ ก็เป็นประโยชน์มหาศาลต่อกิเลนไฟแล้ว
ไม่เสียเปรียบหรือ?!
พูดอะไรออกมา!
ข้าพิศวาสบุญคุณกระจอกงอกง่อยของเจ้าหรือไร?!
กิเลนไฟหาได้สนใจสิ่งเหล่านั้นไม่ มันมาจากแดนบรรพโกลาหล รากฐานของเผ่ากิเลนของมันมั่งคั่งจนวัดมิได้ มีสิ่งใดบ้างที่มันไม่เคยเห็น
หลี่จิ่วเต้าเห็นมันเป็นอสูรตัวน้อย ๆ ผู้ไม่เคยผ่านโลกมาจริง ๆ หรือไร?!
หากเทียบกันจริง ๆ หลี่จิ่วเต้าไม่มีค่าใด ๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าเผ่ากิเลนของมัน!
มันอ้าปากหมายจะเอ่ยวาจาเหล่านั้น ทว่ามันยังไม่ทันได้ปริปาก สีหน้าก็ต้องเปลี่ยนไป!
คล้อยตามมือของหลี่จิ่วเต้าที่ลูบขนมันไม่หยุด มันสัมผัสได้ว่า พลังด้านต่าง ๆ ในตัวมันยกระดับขึ้นอย่างบ้าคลั่ง!
แม้แต่สายเลือดในตัวมันก็เช่นกัน!
สายเลือดในตัวมันเดือดพล่านทะลักทลาย ซ้ำยังมีอักขระพิเศษจำนวนหนึ่งปรากฏอยู่ภายใน สายเลือดของมันกำลังวิวัฒนา เป็นการวิวัฒนาจนถึงแก่น ทันทีที่สายเลือดในตัวมันวิวัฒนาการสำเร็จ จะเปลี่ยนไปอย่างน่าครั่นครามปานใดก็มิอาจทราบได้!
นี่…นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?!
มันตกใจจนแทบสิ้นลม เผ่ากิเลนของมันถือกำเนิดขึ้นในแดนบรรพโกลาหล สายเลือดสูงส่งเป็นที่หนึ่ง แตะเพดานแล้ว ไม่มีทางแข็งแกร่งไปกว่านี้ได้
สายเลือดในตัวมันทรงพลังที่สุดแล้ว ไม่มีทางวิวัฒนาการ หรือยกระดับได้อีก
แต่หลี่จิ่วเต้าเพียงแค่ลูบไล้มันไม่กี่ทีเท่านั้น สายเลือดในตัวมันกลับพุ่งพรวดอย่างบ้าคลั่ง วิวัฒนาการจนถึงแก่น!
สวรรค์ หลี่จิ่วเต้าผู้นี้เป็นตัวตนระดับใดกันแน่!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ขอบเขตของหลี่จิ่วเต้าอยู่ในระดับที่จินตนาการไม่ออก แข็งแกร่งกว่าผู้ที่ทรงพลังที่สุดในเผ่ากิเลนของมันเสียอีก!
ซ้ำยังไม่สามารถเทียบเทียมได้เลย เผ่ากิเลนของพวกมันต่ำต้อยยิ่งกว่าเศษธุลีเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่จิ่วเต้า!
‘ข้าเป็นอสูรตัวน้อย ๆ ผู้ไม่เคยผ่านโลกมาจริง ๆ ด้วย!’
กิเลนไฟร่ำให้ในใจ
หลี่จิ่วเต้าผู้นี้ เก่งกล้ายิ่งกว่าบรรพจารย์เต๋าโกลาหลในตำนานเสียอีก เขาอยู่เหนือทุกสิ่ง สายเลือดกิเลนที่แตะเพดานแล้ว นอกเสียจากว่าทลายความโกลาหลออกไป อยู่ในขอบเขตที่สูงยิ่งขึ้น จึงจะทำให้สายเลือดกิเลนที่แตะโดนเพดานวิวัฒนาการแล้ว ยกระดับไปได้มากกว่านี้!
และถึงแม้ว่าบรรพจารย์เต๋าโกลาหลเกินหยั่งถึงขีดสุด ก็ยังอยู่ในความโกลาหล ไม่อาจทลายความโกลาหลไปได้
ตอนนี้ ความคิดที่ว่ายอมตายเสียดีกว่าเป็นสัตว์ขี่ถูกมันสลัดทิ้งไปหมด
ต่อให้บรรพจารย์เผ่ากิเลนของมันมาอยู่ที่นี่ บรรพจารย์เผ่ากิเลนของมันก็ต้องยอมเป็นสัตว์ขี่แต่โดยดี!
เป็นสัตว์ขี่ให้กับตัวตนสูงส่งอย่างหามิได้เช่นนี้ ถือเป็นเกียรติอันสูงสุดของมัน!
“สวัสดีนายท่าน!”
มันรีบกระดิกหาง ร้องเรียกเสียงหวาน ไม่เหลือความไม่เต็มใจและความเจ็บใจอีกแม้แต่น้อย
ใช้ได้นี่!
ไม่เลว ไม่เลว
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม กิเลนตัวนี้มีหัวคิดจริง ๆ รู้จักมองสถานการณ์ เขาพึงพอใจมาก
‘อะไรกัน! ไม่มีศักดิ์ศรีเลยสักนิด! สู้กับเขาสิ! เจ้าปอดแหก!’
สวีจิ้งก่นด่ากิเลนไฟในใจยกใหญ่ ความหวังสุดท้ายของนางดับสูญ หนนี้ นางจบเห่แล้วจริง ๆ
“เซี่ยเหยียน เรื่องหลังจากนี้เจ้าจัดการเอาเองเถิด แต่ข้าคิดว่าสตรีนางนี้เก็บไว้ไม่ได้แล้ว จิตใจหยาบช้าถึงเพียงนี้ กลับกลอกไปมา เก็บนางไว้เป็นการไม่รับผิดชอบต่อชีวิตผู้อื่น…”
หลี่จิ่วเต้าขี่กิเลนไฟบินกลับมา พลางกล่าวกับเซี่ยเหยียน
สวีจิ้งเลวไปถึงกระดูก คนเช่นนี้เก็บไว้มิได้เด็ดขาด มิฉะนั้นจะกลายเป็นภัย ทำให้มีคนเคราะห์ร้ายไปมากกว่านี้
“เข้าใจแล้ว!”
เซี่ยเหยียนพยักหน้า จิ้มนิ้วออกไป ทันใดนั้น ลำแสงลำหนึ่งแทงเข้าไปในหน้าผากสวีจิ้ง
สวีจิ้งล้มตึงลงบนพื้น ถูกปลิดชีพไปอย่างสิ้นเชิง ตายอยู่ตรงนั้น
“พลังแข็งแกร่งนี้มิได้มีไว้ให้พวกท่านข่มเหงผู้อื่น กระทำตามอำเภอใจ ข้าหวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย อย่าให้มีครั้งต่อไปอีก!”
เซี่ยเหยียนจ้องผู้นำตระกูลจ้าวพลางกล่าว
“ไม่…ไม่แล้ว! จากนี้ไป เราจะวางตัวกันอย่างระมัดระวัง มิกล้าก่อความผิดอีก!”
ผู้นำตระกูลจ้าวกลัวจนวิญญาณแทบสิ้น ตอบกลับไปอย่างรีบร้อน
“ส่วนเขา พวกท่านจัดการตามความเหมาะสมกันเองเถิด แต่ข้าหวังว่าเขาจะได้รับบทเรียนที่พึงได้รับ แน่นอนว่า การสั่งสอนนั้นมิใช่จุดประสงค์ จุดประสงค์คือให้เขาได้ปรับปรุงตัวเสียใหม่”
เซี่ยเหยียนปรายตามองจ้าวจงพลางกล่าว
“เข้าใจแล้ว!”
ผู้นำตระกูลจ้าวรีบตอบรับ “กลับไปข้าจะลงโทษเขาอย่างหนัก จะทำให้เขาปรับปรุงตัวเสียใหม่ให้ได้!”
“อืม”
เซี่ยเหยียนพยักหน้า “หวังว่าท่านจะทำได้อย่างที่พูด ภายหน้า ข้าจะไปติดตามผลที่ตระกูลของท่าน”
จะมาติดตามผลด้วยหรือ
จ้าวจงหน้าเขียว หลังจากนี้ เขาแย่แน่!
“พวกเจ้ารอข้าที่นี่สักครู่ ข้าจะไปบินวนเล่นเสียหน่อย”
หลี่จิ่วเต้าบอกกับพวกเซี่ยเหยียน จากนั้นก็ขี่กิเลนไฟไปจากที่นี่
สัตว์ขี่องอาจมาดเท่เช่นนี้ หลี่จิ่วเต้าอยากขี่ออกไปรับลมเสียหน่อย