(ก่อนหน้านี้ใช้เรือบินขอเปลี่ยนเป็นเรือเหาะนะครับ)
ขณะที่ผู้คนในลานกว้างซึ่งบ้างก็กำลังคุยกัน และบ้างก็กำลังยกพวกตีกัน ตอนนี้เองก็ได้มีเสียงลมบาดเข้ามาในหูของทุกคน
ซึ่งเสียงนี้มันก็ดังมาจากด้านบน และจากลมกระโชกนี้ทำให้บางคนที่น้ำหนักน้อยต้องหันไปจับตัวเพื่อนจนเองเพื่อไม่ให้โดนพัดจนปลิว
พูดได้ว่าถึงแม้ลมมันจะแรงก็จริง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ใครคนไหนบาดเจ็บ แน่นอนว่านี่เป็นมุมมองของผู้ชาย แต่กลับผู้หญิงนั้นไม่ใช่เลย
ถึงแม้ลมมันจะไม่แรงถึงขนาดพัดตัวคนจนปลิว แต่ก็มากพอที่จะพัดเสื้อผ้าพวกเธอได้ นักรับที่เป็นผู้หญิงนั้นดีหน่อย เพราะพวกเธอยังสวมใส่เกราะเบาไม่ก็เกราะหนัก กลับกันนักเวทย์เพศหญิงเรียกได้ว่าซวยสุดๆ
นักเวทย์ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะใส่กระโปรงไม่ก็เสื้อคลุมสั้น ดังนั้นเมื่อลมพัดมันก็พาเอาสิ่งที่อยู่ภายใต้กระโปรงพวกเธอออกมาอวดโลกด้วย ผู้ชายรอบๆต่างก็ถลนตาดูแทบหลุด เกิดเสียงกรีดร้องไปทั่ว
พวกผู้ชายทั้งหลายต่างก็กู่ร้องดีใจไม่หยุด เอาแค่นี้พวกเขาก็ไม่ได้เสียเวลามาอย่างเปล่าประโยชน์แล้ว! ส่วนวู่หยานนะเหรอ? ตอนนี้เขาก็กำลังเป็นหนึ่งในผู้ชายที่ดีใจกับภาพสวยๆงามอยู่เหมือนกัน
กลุ่มของเขา สามสาวหนึ่งโลลิต่างก็โดนลมพัดจนโปรงเปิดเช่นเดียวกัน ฮินางิคุกับมิโคโตะรีบกดกระโปรงลงกันใหญ่ ถึงแม้พวกเธอจะปล่อยให้กระโปรงเปิดวู่หยานก็ไม่สนใจอยู่ดี เพราะอะไรนะเหรอ? แหม่….ก็รู้ๆกันอยู่ว่าข้างใต้นั้นมีกางเกงขาสั้นอยู่อ่ะ แล้วตูจะไปเสียเวลาดูทำไมล่ะจริงมั้ย?
ในทางกลับกันโลลิน้อยลิลินยังน่าดูกว่าอีก ตามคาดเมื่อวู่หยานแอบเหล่มองเขาก็เห็นกางเกงในตัวเล็กน่ารัก แต่วินาทีต่อมาฮินางิคุก็เอามือกดกระโปรงลิลินลง
แต่คนที่ทำให้วู่หยานเลือดสูบฉีดจริงๆก็คืออิคารอส ด้วยนิสัยที่ไม่สนโลกนอกจากมาสเตอร์ ดังนั้นเมื่อลมพัดคุณนางฟ้าสุดOPของเราก็ทำแค่ยืนนิ่งๆเผยให้เห็นถึงกางเกงในสีขาวของตน ราวกับคำว่าปกปิดไม่ได้อยู่ในพจนานุกรมของเธอเลย เธอเอาแต่ยืนจ้องวู่หยาน ไม่รู้ว่ามันมีอะไรน่ามองนัก
ฮินางิคุกับมิโคโตะที่ทำได้แต่ช่วยเหลือตนเอง จึงไม่ได้สังเกตุอิคารอส ดังนั้นวู่หยานจึงออกไปยืนบังให้เธอจากสายตาคนอื่นดุจดังสุภาพบุรุษ ขณะเดียวกันเขาก็ใช้โอกาสนี้….เบิกตากว้างแล้วจ้องเขม็งไปที่…..ส่วนล่างของอิคารอส
ขณะที่วู่หยานกำลังจดจ่อไปกับภาพตรงหน้า อิคารอสก็กระพริบตาสองสามครั้ง ก่อนจะยืนจ้องวู่หยานเหมือนเดมราวกับรูปปั้นหิน
ไม่นานนักตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดลมพัดก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน
ไม่สิ…พูดให้ถูกคือปรากฏมาบนฟ้าเหนือศีรษะของทุกคน…..
เรือที่มีรูปร่างเอกลักษณ์เฉพาะตัวค่อยๆล่อนลงมาในลาน และตรงหัวเรือที่มีคนยืนเก๊กท่าอยู่ เป็นลุงในงานประมูลเมื่อสามวันก่อนนั่นเอง!
“..เรือบะ…บินได้..” ฮินางิคุเปิดปากดูด้วยความอัศจรรย์ใจ แต่ด้วยเสียงลมที่ค่อนข้างดัง ดังนั้นเสียงพูดของฮินางิคุจึงมีแค่พวกวู่หยานที่ได้ยิน ไม่งั้นถ้าคนอื่นได้ยินคงต้องพาหันมามองแน่นอน
เป็นเพราะเรือเหาะตรงหน้าถือได้ว่าเป็นยานพาหนะหลักของโลกซิลวาเรีย มีแต่คนส่วยน้อยมากจริงๆที่ไม่เคนเห็น ดังนั้นจึงไม่แปลกถ้าพวกเขาจะหันมามองด้วยสายตาแปลกๆ
“ว้าวว! เรือเหาะล่ะ! เรือเหาะ!” ลิลินชูมือทั้งสองร้องวีดว้ายไป เมื่อเห็นเรือเหาะ
“หืม นี่เป็นเรือเหาะของโลกนี้ที่พี่สาวเฟยเฟยบอกงั้นเหรอ อืม…แต่มันรูปร่างตัวเรือมันดูแปลกๆยังไงไม่รู้แฮะ..” วู่หยานจับคางทำหน้าครุ่นคิดถึงคำพูดเฟยเฟย
ถึงแม้รูปร่างมันดูแตกต่างจากเรือทั่วไปก็เถอะ แต่เอาจริงๆแค่เรื่องที่มันบินได้ก็ไม่ถือว่าเป็นเรือแล้วล่ะนะ….่
เรือเหาะค่อยๆลดตัวลงมา ทำให้ผู้คนที่ดันไปอยู่จุดที่ยานกำลังลงจอดรีบแยกย้ายหนีกันใหญ่ ทำให้ตรงนั้นกลายเป็นพื้นที่โล่ง
เป็นเพราะขนาดของตัวเรือที่กินพื้นที่ในลานนี้ไปถึงหนึ่งในสี่ ทำให้ผู้คนที่นี่ต้องยืนเบียดเสียดกันราวกับปลากระป๋อง
ด้วยมือที่ไขว้ไปด้านหลังลุงแกยืนเชิดหน้าอยู่ตรงหัวเรือต่อหน้าทุกคนดุจดังเทพเซียนในนิยาย เห็นภาพนี้วู่หยานจึงก่นด่าไปในใจ ลุง!เอ็งจะเก๊กไปถึงไหนฟะ! ดูอายุตัวเองหน่อยสิฟะ!
ลุงก้มหน้ามองผู้คนจำนวนมหาศาลด้านล่าง แล้วพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นหัวเราะฮ่าๆพูดว่า “ทุกท่านในเมื่อมาที่นี่ก็คงได้ตัดสินใจมาล่าสมบัติกับพวกเราแล้วใช่หรือไม่ขอรับ? ชายชราคนนี้ขอกล่าวต้อนรับทุกๆท่านในที่นี้ พวกเรามาร่วมมือกันด้วยความสุขกันเถอะขอรับ และกระผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านที่ติดตามการผจญภัยครั้งนี้ไปจะได้ของติดไม้ติดมือกลับไปด้วย!”
“ตอนนี้กระผมขอบังอาจอธิบายเรื่องจำเป็นบางอย่างให้ทุกท่านรู้ แน่นอนว่าถ้าเป็นปกติกระผมก็คงไม่มีสิทธิมาพูด เพราะยังไงซะบางท่านในที่นี้ก็มีคนที่ทั้งแข็งแกร่งเทียบเท่าหรือยังมากกว่ากระผมอยู่ด้วย และยังมีบางท่านที่มาจากตระกูลอันทรงพลัง!”
“แต่ทว่า ในเมื่องานครั้งนี้ทางเราเป็นคนจัด กระผมก็ขอหน้าด้านอวดรู้ต่อทุกท่านสักครั้งล่ะกัน….”
ฟังคำพูดลุง เล่นเอาวู่หยานพูดไม่ออกเลย ทำไมเอ็งต้องพร่ามมากขนาดนี้ด้วย? ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าที่นี่มีคนเก่งๆและพวกคนจากตระกูลชั้นสูงอยู่เต็มไปหมด และคนเหล่านี้ก็เริ่มอดทนรอไม่ไหวแล้ว แต่เอ็งก็ยังพร่ามไม่เลิก นี่คงเป็นไอ้อวดรู้ที่แกว่าไว้สินะใช่มั้ย? ไม่ว่าดูยังไงเอ็งก็กำลังพูดอ้อนตีนอยู่ชัดๆเลยนี่หว่า…..
บางทีลุงอาจจะได้ยินคำพูดตบมุขในใจของวู่หยาน แกจึงไอกลั้วคอสองสามครั้ง แล้วจึงตะโกนไปว่า “ขุมสมบัติลับที่พวกเรากำลังจะไปนั้น อยู่ที่แนวเทือกเขา!”
“แนวเทือกเขา?” วู่หยานหยิบแผนที่ขึ้นมา พวกฮินางิคุก็พากันเดินมาดูข้างๆ
ไม่นานนักเขาก็เจอแนวเทือกเขาที่ว่า มันเป็นภูเขาธรรมดา ภูมิประเทศมันไม่สูงนัก อาณาเขตพื่นที่มันก็ไม่ได้มากอะไรเลยด้วย เรียกได้ว่าถ้าไม่มีเรื่องอะไร ก็คงไม่มีใคนหน้าไหนไปเหยียบที่นั่นแน่
แต่ทว่า เมื่อวู่หยานกับมิโคโตะมองแผนที่ พวกเขาสองคนก็ขมวดคิ้ว
“มีอะไรเหรอ?” เห็นสีหน้าทั้งคู่ ฮินางิคุก็รีบถาม
“ไม่มีอะไรหรอก….” วู่หยานส่งแผนที่ให้มิโคโตะแล้วหันไปพูดกับฮินางิคุ “ฉันก็แค่คิดว่าทำไมถึงต้องเอาสมบัติไปฝังไว้ที่ภูเขาเล็กๆแบบนี้ด้วยนะ”
“บางทีคงเป็นเพราะมันไม่มีอะไรโดดเด่นเลยเลือกเก็บสมบัติไว้ล่ะมั้ง? ก็มันเป็นที่ที่หาพบยากพอตัวเลยนี่นา” ฮินางิคุคิดชั่วครู่ แล้วเอ่ยความคิดตนออกไป
“อืม ก็คงเป็นแบบนั้นแหละ!” เห็นวู่หยานพยักหน้าเห็นด้วย ฮินางิคุก็หันไปมองมิโคโตะที่ยังคงมองดูแผนที่ไม่เลิก “มิโคโคะเธอกำลังดูอะไรอยู่เหรอ?”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็แค่ฉุกคิดขึ้นมาได้อย่างหนึ่งอ่ะนะ” มิโคโตะกางแผนที่ต่อหน้าทุกคน แล้วพูดว่า “ดูรอบๆภูเขาให้ดีสิ มันไม่มีแม้แต่เมือง ไม่สิเอาแค่หมู่บ้านสักแห่งก็ยังไม่มีเลย!”
“จริงด้วย!” วู่หยานมองดูแผนที่ที่นอกจากสัญลักษณ์ภูเขาก็ไม่มีอย่างอื่น จากนั้นก็ถามมิโคโตะว่า “แล้ว? เห็นแบบนี้แล้วเธอคิดอะไรได้ล่ะ?”
มิโคโตะพับแผนที่แล้วปาใส่วู่หยาน ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ความคิดฉันก็คือ ถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินอะไรขึ้น คนนอกก็จะไม่มีทางรู้เลยยังไงล่ะ!”
ได้ยินคำพูดมิโคโตะ พวกเขาก็เงียบไป
รู้สึกได้ถึงบรรยากาศตึงเครียด วู่หยานก็หัวเราะออกมา แล้วยืนตัวตรงพูดว่า “คิดไปก็เท่านั้นแหละ รอให้ถึงตอนนั้นจริงๆค่อยคิดก็ยังไม่สาย อย่าลืมนะ ครั้งนี้พวกเรากำลังจะไปเป็นฮีโร่(มหาโจร)ผู้ไร้เทียมทาน!”
ฮินางิคุกับมิโคโตะได้ยินก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันมามองตากันและกัน ก่อนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ใ่ช่แล้ว! ฮีโร่ที่ไร้เทียมทาน!”
ต่อมาลุงที่ยืนอยู่ตรงหน้าทุกคนก็พูดว่า “เป็นเพราะสถานที่มันค่อนข้างห่างไกล ทางโรงประมูลของเราจึงได้เตรียมเรือเหาะมาด้วย ถ้าเกิดทำให้บางท่านไม่สะดวกสบายก็ต้องขออภัยเอาไว้ ณ ที่นี้ด้วย!”
ที่เขายืนพูดไปเมื่อกี้ก็แค่ให้มันดูเป็นทางการ แต่ที่ลุงแกไม่คาดคิดก็คือเมื่อเขาพูดเสร็จก็กลับโดนนักเวทย์ผู้หญิงจ้องกลับมาด้วยสายตาอำมหิต ทำเอาลุงอึ้งไปด้วยความงุนงงว่าทำไมตนถึงโดนมองแรงเช่นนี้
เห็นภาพนี้ทำเอาวู่หยานแทบอ้าปากหัวเราะออกมาแต่ดีเขายังยั้งไว้ทัน และเมื่อเขาหันมองฮินางิคุกับมิโคโตะที่กำลังมองลุงด้วยสีหน้าหงุดหงิด ถ้าเกิดการมองทำให้ผู้คนตายได้ ลุงแกคงตายไปหลายร้อยครั้งล่ะ
วู่หยานเริ่มสงสัยขึ้นมาว่าจริงๆแล้วว่า ลุงแกทำกระแสสมเมื่อกี้ขึ้นด้วยความตั้งใจ ไม่งั้นทำไมถึงพูด ‘ขออภัย’ ออกมาล่ะ? มันดูเหมือนกับลุงแกกำลังพูดขอโทษพวกผู้หญิงอยู่เลย
แม้ว่ายังงุนงง ลุงก็พูดต่อไปว่า “ขอเชิญทุกท่านขึ้นเรือเหาะ พวกเรากำลังจะออกเดินทางไปจุดหมายแล้ว!”
วู่หยานหันไปมองหน้า ฮินางิคุ มิโคโตะ อิคารอส แล้วก็ลิลิน จากนั้นหันหน้ากลับไปพูดว่า “พวกเรา..ไปกันเถอะ!”