ไม่ว่าสิ่งที่ข้อความบอกมาจะจริงหรือไม่ วู่หยานก็ยังคงเลือกที่จะเก็บแหวนทั้งสามไว้ ถ้ามันเป็นแค่เรื่องโกหก เขาก็ไม่เสียหาย กลับกันถ้ามันเป็นจริงขึ้นมาล่ะ จะเป็นยังไง?
แทนที่จะคิดแง่ลบว่ามันเป็นเรื่องแต่ง ไม่สู้คิดว่ามันเป็นเรื่องจริงไม่ดีกว่าเหรอ?
วู่หยานเล่นกับแหวนทั้งสาม ขณะที่เขาคิดจะเก็บพวกมันลงแหวนมิติ จู่ๆเขาก็หยุดไป ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจพรืด แล้วเอามันมาสวมที่นิ้ว
แหวนสามวงบวกกับแหวนมิติที่มี ตอนนี้ในมือแต่ละข้างของวู่หยานได้สวมแหวนสองไว้ ถ้าเป็นในโลกเดิมเขาคงจะโดยมองเป็นคุณหนูที่ชอบอวดรวยแหงๆเลย……
ทำไมนะเหรอ? อยากรู้ก็ลองนึกถึงคนที่สวมแหวนสีทองและเงินตอนมีแสงอาทิตย์ส่องมาโดนสิ คิดดูมันจะเปร่งประกายบาดตาคนขนาดไหน?
“ทำไมถึงรู้สึกยังกับโดนหลอกอยู่เลยวะ……”
“น่า น่า ยังไงมาครั้งนี้พวกเราก็เก็บเกี่ยวไปได้ไม่น้อย เพราะงั้นอย่าเศร้าไปเลยนะ….” บางทีอาจจะเพราะท่านประธานคิดว่าวู่หยานดูน่าส่งสาร ฮินางิคุจึงได้ยกมือมาตบไหล่เขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ…..
“เฮ้ออ ฉันยอมรับว่าตัวเองโลภเกินไปเองแหละ…..” ถึงแม้ปากจะพูดไปแบบนั้น แต่ด้วยคำพูดปรอบเพียงไม่กี่คำของฮินางิคุก็ได้ทำให้อารมณ์ของวู่หยานดีขึ้นทันตา นี่ทำให้มิโคโตะที่ยืนดูอยู่รู้สึกงุนงง
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้ลิลินน้อยได้คลานขึ้นไปบนโต๊ะแล้ว มองดูลูกคริสตัลตรงหน้าอยู่สองสามที ก่อนจะเอื่อมมือไปแตะมัน
วินาทีที่มือเธอไปสัมผัสกับลูกคริสตัล มันก็ส่องแสงออกมาทันทีพร้อมกันนั่นก็ได้ส่งเสียงหึ่งๆออกมา นี่ทำให้ลิลินน้อยสะดุ้งโหยงแล้วร่วงตกลงมาจากโต๊ะ
วู่หยาน ฮินางิคุ และ มิโคโตะต่างก็ตกใจ พวกเขาไม่ได้สนใจที่มันเปลี่ยนแปลง ทั้งสามคนรีบวิ่งไปรับลิลินน้อย เป็นเพราะพวกเขายืนอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะจึงสามารถมารับเธอได้ทันเวลา ไม่งั้นป่านนี้โลลิลิลินก็ได้ลงไปนอนคลุกฝุ่นแล้ว
“ไม่เป็นไรนะ……” เห็นสีหน้าตื่นกลัวของลิลิน ฮินางิคุที่วันนี้ตัวติดกับลิลินมาทั้งวันก็รีบเอื้อมมือคว้าลิลินจากแขนจองวู่หยาน ก่อนจะพูดปรอบใจ จากนั้นลิลินน้อยส่าวหัวเบาๆบอกว่าเธอไม่เป็นไร
วู่หยานกับมิโคโตะเห็นแบบนี้ก็โล่งอก แล้วหันหน้าไปมองลูกคริสตัล
ณ ตอนนี้แสงที่มันเปล่งออกมาเริ่มแข็งตัวขึ้น ทำให้ผู้คนที่มองรู้สึกยังกับจะมีตัวอะไรกระโดดออกมา
เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง แสงจากลูกคริสตัลก็ได้เปลี่ยนทิศทางไปด้านบน ก่อให้เกิดหน้าจอขึ้นแสงขึ้นด้านหน้าพวกวู่หยาน
“หือ? นี่มันโปรเจคเตอร์ไม่ใช้?” มิโคโตะมองหน้าจอแสงตรงหน้า แล้วพูดออกมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ ก่อนหน้านี้เธอได้เห็นลูกคริสตัลที่ไว้ฉายภาพแบบนี้มามากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็เอาไว้ใช้สนทนากันไม่ก็ดูหนัง…..
วู่หยานไม่พูดอะไรตอบ เขาเอาแต่จ้องไปที่หน้าจอด้านหน้าตน นี่ทำให้มิโคโตะหัวร้อนขึ้นมาทันที ก่อนที่พวกเขาทุกคนจะหันไปมองหน้าจอกันหมด
หน้าจอแสงก็เกิดการกระเพื่อมขึ้นดุจดังผิวน้ำ ก่อนจะมีภาพปรากฏออกมาให้พวกเขาเห็น
“เป็นโปรเจคเตอร์จริงๆด้วย……”
ภายใต้สายตาของพวกเขา ภาพก็เปลี่ยนไป เผยให้เห็นถึง…..
ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่มาจากครอบครัวธรรมดา และยังใช้ชีวิตแบบผู้คนธรรมดา…….
แต่คนผู้นี้รู้สึกไม่ชอบใจกับชีวิตแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงออกจากบ้านมา แล้วเริ่มการเดินทาง……
ตลอดเส้นทาง เขาเห็นนักรบ นักเวทย์ แล้วยังเห็น ปราณและเวทมนตร์ เขารู้สึกอิจฉาคนพวกนี้มาก จากนั้นเขาก็ได้พยายามหนักเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากนักรบคนหนึ่ง ท้ายที่สุดเขาก็ได้กลายมาเป็นลูกศิษย์นักรบผู้นี้……
ดังนั้น การเดินทางเพื่อท่องเที่ยวของเขา ก็ได้เปลี่ยนไปเป็นการบ่มเพาะพลัง……
ไม่นานเขาก็บ่มเพาะปราณของตนเองขึ้นมาได้ และได้ฝึกวิชายุทธจากนั้นเขาก็เชี่ยวชาญวิชานั่นๆอย่างรวดเร็ว ตัวเขาได้สร้างความประหลาดใจแก่ทุกคน ด้วยพรสวรรค์ระดับสัตว์ประหลาด….
ภายใต้การสั่งสอนของอาจารย์ เขาก็ได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทว่าไม่นานนักเขาก็ได้เรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างจากอาจารย์จนหมด เขาได้ก้ามข้ามอาจารย์ไปแล้ว……
แต่ทว่าเขาก็ยังคงไม่พอใจ ดังนั้น เขาจึงเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อการท่องเที่ยวแต่เพื่อการฝึกฝน……
เขาได้รู้จักเพื่อนมากมาย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ซึ่งกันและกัน เขายังสร้างศัตรูไว้มากมายด้วย จากการไปยั่วยุพวกเขา จากนั้นเขาได้เริ่มสงครามสู้เป็นตายกันศัตรู…..
ครั้งแรก ยุทธภัณฑ์ชิ้นแรกของเขา เขาได้มาจากศพของศัตรูตนเอง ครั้งที่สองเขาได้รับยุทธภัณฑ์ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม จากศพของศัตรูเช่นเดิม เนื่องจากเขาไม่ได้รวย ทุกสิ่งทุกอย่างจึงต้องพึ่งตนเอง…..
เขาได้เข่นฆ่าศัตรูไปมากมาย ท้าทายทุกผู้คน ท้ายที่สุดศัตรูของเขาก็ถูกกำจัดหมด ทว่าในระหว่างการต่อสู้เขาก็ได้ทำลายขีดจำกัดตนเองไม่หยุด เขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ……
จนวันหนึ่ง เขาก็ไม่ได้เป็นคนอ่อนแออีกต่อไป แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญอันทรงพลังภายใต้สายตาของผู้คนนับไม่ถ้วน…..
คนจากตระกูลชั้นสูงมากมายได้มาเชิญเขา แต่ก็ถูกเขาปฏิเสธไป เป็นเพราะเขายังคิดว่าตนเองยังแข็งแกร่งไม่พอ……
บางคนที่ถูกปฏิเสธได้พยายามสังหารฆ่าเขา แต่ก็โดนเขาฆ่ากลับอย่างไร้ความเมตตา เพราะเขาคิดว่าถ้าปล่อยไว้ก็ต้องมีครั้งที่สองตามมาอีก…..
ไม่มีใครกักขังเขาได้ ไม่เว้นแม้แต่หญิงสาวผู้สวยงาม เป็นเพราะในหัวใจเขาคิดแต่เพียงว่าต้องแข็งแกร่งขึ้น…..
เขาได้บ่มเพาะปราณและฝึกฝนวิชายุทธ์ไม่หยุด เขาได้ทะลวงขีดจำกัดครั้งแล้วครั้งเล่า แข็งแกร่งขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น….
จนถึงจุดที่เขาแข็งแกร่งจนไม่มีใคนหน้าไหนกล้าที่จะมาสร้างความรำคาญให้เขาอีก ได้มีตระกูลชั้นสูงเข้ามาเชิญเขาให้ไปเป็นผู้พิทักษ์ประจำตระกูลและอาจารย์ของลูกหลานพวกเขา……
แต่ทว่าเขาก็ได้ปฏิเสธไป เป็นเพราะเขายังคิดว่าตนเองยังอ่อนแออยู่……
จนกระทั่งวันหนึ่งได้มีคนๆหนึ่งปรากฏออกมา บางทีอาจจะไม่อาจเรียกว่าคนได้เพราะเขาคนนี้เหินลงมาจากฟากฟ้า คนๆนี้สามารถทำลายภูเขาได้ด้วยมือปล่า เขายังสามารถแยกแผ่นดินได้ด้วยขา และเพียงแค่หนึ่งฝ่ามือก็ได้ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส……
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพ่ายแพ้…….
และนี่ก็ได้ทำให้ความคิดภายใจเขายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ความคิดที่ว่าตนเองยังคงอ่อนแออยู่……
เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น เขาได้ปิดด่านฝึกตนและได้ให้คำสาบานกับตัวเองว่า เขาจะไม่ออกไปโลกภายนอกจนกว่าเขาจะมีพลีงพอที่พิชิตชายคนนั้น…..
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ท้ายที่สุดเขาก็ออกมา เขาได้ทำลายประตูที่ปิดกั้นเขากับโลกภายนอกด้วยหมัด จากนั้นเขาก็บินออกไป….
เขาได้พบชายคนนั้นอีกครั้ง และทั้งสองคนก็เริ่มสู้กัน…..
การต่อสู้ครั้งนี้! ทำให้โลกสั่นสะเทือน! ภูเขาถล่มทลาย!
การต่อสู้ครั้งนี้! ได้ส่งเสียงดังปกคลุมทั่วผืนฟ้า! และเลือดได้สาดกระเซ็นลงพื้นโลก!
การต่อสู้ครั้งนี้! เขาได้พ่ายแพ้อีกครั้ง……
วินาทีที่เขาพ่ายแพ้ เขาได้นอนแผ่ไปบนพื้นดินด้วยร่างที่อาบไปด้วยเลือด เขาหวนนึกถึงคำพูดที่คนๆนั้นพูดไว้ว่า หากอยากจะชนะตน เขายังต้องแข็งแกร่งกว่านี้……
ดังนั้นเขาจึงได้ลากร่างที่สาหัสของตนกลับไปที่ที่เขาได้บ่มเพาะก่อนหน้านี้ และได้สร้างประตูขึ้นมาใหม่ เพราะเขารู้ว่าตนเองต้องปิดด่านฝึกตนที่นี่ไปอีกนานพอสมควรเลย…..
เขาได้ทำให้ที่บ่มเพาะเขาเป็นดุจดังบ้าน เขาได้ใช้หินก้อนใหญ่มาปิดก่อนที่จะเข้าไปฝึกตนข้างใน……
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ จนวันหนึ่ง เขาก็ได้ออกไปสู่โลกภายนอก…..
เขาเจอคนๆนั้นอีกครั้ง และสงครามนะดับโลกครั้งที่สองก็ได้เริ่มต้นขึ้น……
การต่อสู้ครั้งนี้! ได้ทำให้พื้นแผ่นดินต้องสั่นสะเทือน ก่อเกิดคลื่นสึนามิลูกมหึมา!
การต่อสู้ครั้งนี้! เขาจำไม่ได้แล้วว่าตนเองได้กระดูกแตกหักไปอีกครั้งแล้ว ร่างกายเขารู้สึกเจ็บจนชาไปหมด!
การต่อสู้ครั้งนี้! ไม่มีผู้แพ้และผู้ชนะ…..
แต่นี่ก็ได้ทำให้เขาพึงพอใจมาก…..
เพราะนี่หมายความว่า ต่อจากนี้ไปก็จะไม่มีใครแข็งแกร่งไปกว่าตนเองอีกแล้ว….
เขาไม่แสวงหาชัยชนะ ไม่แสวงหาพลังเพื่อชนะอีกต่อไป เพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่าตนเองเป็น ผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง!
ดังนั้น เขาจึงได้หวนกลับไปที่บ้านเพื่อเจอครอบครัว ทว่าตอนนี้ครอบครัวเขาไม่อยู่ที่นั่นอีกต่อไปแล้ว…..
ความว่างเปล่าและโดดเดี่ยว ได้เข้ามาในหัวใจเขา……
ณ จุดที่เคยเป็นบ้านของเขา เขาได้ก่อตั้งขุมกำลังขึ้น แล้วไปพิชิตใต้หล้าเพื่อเติมเต็มหัวใจที่ว่างเปล่าของเขา…..
ด้วยคนอย่างเขา มันจึงไม่น่าแปลกใจที่ขุมกำลังของเขาจะเติบโตจนกลายเป็นขุมกำลังอันดับหนึ่งของทวีปนี้……
แน่นอนว่าจานกั้นไม่นาน ก็ได้มีขุมกำลังอื่นก้ามข้ามเขาไป……
พวกเขาได้ทำสัญญาแบ่งเนื้อที่ปกครองกันและจะไม่ยุ่งเกี่ยวซึ่งกันและกัน นี่ทำให้เกิดความสงบขึ้นมาเยือนอีกครั้ง…..
แต่ทว่ามันก็สงบได้เพียงแค่ชั่วคราว…..
วันหนึ่ง ได้มีบางสิ่งปรากฏขึ้นมา และมันได้ทำให้พวกเขาฉีกสัญญาสงบศึกออก….
เพื่อที่จะครอบครอบสิ่งนี้ ทั้งสองขุมกำลังจึงได้เริ่มต้นสงครามขึ้น…..
เนื่องจากสิ่งนี้มันเย้ายวนมากเกินไป…..
หลังจากนั้น คนที่ได้มอบความพ่ายแพ้ให้เขาถึงสองครั้งก็ได้เข้าร่วมสงครามครั้งนี้…..
แต่ทว่าพลังของพวกเขานั้นใกล้เคียงกัน จึงเกิดการต่อสู้ยืดเยื้อขึ้นไม่มีใครกำชัยอีกฝ่ายได้อย่างเด็ดขาด จนในที่สุดพวกเขาก็ได้ปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างที่มีใส่อีกฝ่าย จนชีวิตพวกเขาอยู่ใกล้กับความตายเพียงแค่เอื้อม…..
เขาได้ลากร่างที่สามารถตายได้ทุกวินาทีไป ณ ที่ที่เขาใช้บ่มเพาะพลังอีกครั้ง แล้วเขาก็ได้ทิ้งสัตว์อสูรตัวเล็กที่เขาได้กำราบมันไว้ กับกล่องอีกสามกล่องและลูกคริสตัลอีกหนึ่งลูก…..
หลังจากนั้น…ตัวเขาก็ได้สลายไปเป็นฝุ่นผง….ปลิวไปกับสายลม……
@ จุดจบของราชาโจรสลัดล่ะ! (ฮา)