เมืองแห่งการศึกษา ภายใน สถาบันวิจัย…..
“หัวหน้า เกิดเรื่องแล้วครับ!”
เมื่อได้ยิน ชายที่ค่อนข้างมีอายุได้ขมวดคิ้ว มิงไปที่ต้นเสียง แล้วพูดด้วยความไม่พอใจ “แกเป็นบ้าอะไร?! ไม่รู้รึไงว่ามันรบกวนฉัน!”
คนที่มารายงาน พูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “แต่ว่าหัวหน้าครับ รอบนี้มันเกิดเรื่องขึ้นจริงๆนะครับ!”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ตัวโคลนหมายเลข3ได้หายไปจากสถาบันวิจัยแล้วครับ!”
“โห?” ตกใจเล็กน้อย ก่อนจะกลับมามีสีหน้าเรียบเฉย “มันจะหายก็หายไป แค่ทำขึ้นมาก็ได้แล้ว”
“ตะ…แต่ว่า หัวหน้า ดีเอ็นเอของโคลนหมายเลข3ก็ได้หายไปเหมือนกันครับ!”
“ว่าไงนะ!” ในที่สุดลุงก็ช็อคจนได้
ในเวลาเดียวกัน ที่สถาบันวิจัยใกล้ๆกันนี่อีก5แห่งก็ได้เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันขึ้น ทั้งร่างโคลนและดีเอ็นเอต่างหายไปอย่างไร้ร่องรอย!
เมื่อทราบเรื่อง พวกหัวหน้าของทั้ง5สถาบันต่างก็ใช่ทุกวิธีทางในการสืบค้น ไม่ว่าจะใช้กลองวงจรปิด รอยเท้า หรือวิธีอื่นๆ แต่ท้ายที่สุดแล้ว กลับไม่ได้เรื่องเลยแม้แต่วิธีเดียว
ไม่นานนัก สถาบันวิจัยที่อื่นก็ทราบข่าว ต่างตื่นตระหนก รีบเช็คกันใหญ่ เมื่อเห็นว่าพวกโคลนกับดีเอ็นเอยังอยู่ครบ พวกเขาก็ได้ถอนหายใจโล่งอกกันเป็นแถว
เวลาผ่านไป นักสิจัยมากมายก็ได้หันไปสืบสวนจากตัวน้องสาวมิซากะ เพราะพวกเธอมีมิซากะเน็ตเวิร์ค ถ้าอยากจะรู้ว่าพวกน้องสาวคนอื่นๆไปอยู่ไหน ก็แค่ถามหนึ่งในพวกเธอซะ นี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
และคำตอบที่ได้รับทำเหล่านักวิจัยอึ้งกัน พวกเธอทั้งหมดต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า น้องสาวที่หายไปของพวกเธอโดนคุณหัวขโมย ลักพาตัวไปหมดแล้ว!
นักวิจัยทุกคนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที สำหรับนักวิทยาศาสตร์แล้ว ไม่มีอะไรที่ทำให้พวกเขาโกรธไปได้มากกว่า การที่โดนขโมยสิ่งที่กำลังวิจัย นักวิจัยส่วนหนึ่งกระทั่งโกรธจนตาแดงก่ำ
แต่เมื่อพวกเขาถามถึงหน้าตาของหัวขโมย พวกเธอต่างก็ไม่มีใครตอบได้ซักคน
เหตุผลนั่นง่ายมาก พวกเธอรู้แค่ว่าทำแบบนึ้คือการขโมย และทำแบบนี้คือการลักพาตัว รวมกันแล้วคือการก่ออาชญากรรมลักพาตัว ดังนั้นพวกเธอจึงไม่มีใครสามารถบอกลักษณะหน้าตาของหัวขโมยได้เลย!
และเมื่อพวกเขาถามที่อยู่ของน้องสาวที่หายไป คำตอบนั่นเหนือความคาดหมายมาก น้องสาวมิซากะที่หายตัวไป ได้ตัดการเชื่อมต่อกับมิซากะเน็ตเวิร์คแล้ว!
ถึงจะไม่รู้อะไรเลย แต่ว่ามีอย่างหนึ่งที่พวกเขารู้คือ ได้มีคนบางคนกำลังเล็งน้องสาวมิซากะอยู่………
…………..
เมืองแห่งการศึกษา ที่โรงเรียนเขต7……
ที่นี่มีตึกที่พิเศษอย่างมากอยู่ มันไม่มีหน้าต่างหรือประตูแม้แต่บานเดียว และถึงแม้มันจะอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของโรงเรียนเขต7 แต่มันก็ไม่มีคนอยู่รัศมีสิบเมตรจากตึกเลย…….
ภายในมีห้องที่ให้ความรู้สึกไซไฟอย่างเต็มเปี่ยมอยู่ มีหลอดแก้วที่ข้างในบรรจุของเหลวสีเหลืองอันลึกลับซึ่งเชื่อมต่อกับเพดานและพื้นห้อง ในหลอดแก้วมีผู้ชายผมยาวสีขาวนอนกลับหัวอยู่ขณะที่ยังสวมชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาล…..
ใช่แล้ว เขาก็คือผู้อำนวยการของเมืองแห่งการศึกษา และยังเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด อเลสเตอร์ โครวลี่ !
ด้านหน้าเขา มีรูปภาพนับไม่ถ้วนสลับเปลี่ยนไปมาอยู่ ไม่รู้ว่าเพราะไม่พอใจหรืออะไร แต่รูปภาพยังคงเปลี่ยนไปมาไม่หยุด…..
แต่ว่ารูปที่ฉายไปมาอยู่นี่ก็คือ น้องสาวมิซากะกับดีเอ็นเอที่หายไป ที่ทำให้ศูนย์วิจัยเกิดความวุ่นวายอย่างมากไงล่ะ!
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ รูปภาพก็ได้หายไป อเลสเตอร์หลับตาลง พร้อมกับที่เขาหลับตาห้องก็ได้เงียบสนิท มีเพียงแค่เสียงพึมพำที่ดังสะท้อนไปมา……
“…หัวขโมย….”
………………..
ขณะที่คนชั้นสูงของเมืองแห่งการศึกษากำลังโกลาหล ตัวต้นเหตุกลับกำลังเดินทอดน่องอย่างสบายใจ เขามองไปรอบๆอยู่ตลอด ราวกับบ้านนอกเข้ากรุง
ประชาชนของเมืองแห่งการศึกษาไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกของเขาได้ ตอนที่มาเมืองแห่งการศึกษาครั้งแรก ดันไปลวนลามผู้หญิงทั้งๆที่ไม่ได้ทำ จากนั้นก็กลายเป็นไอ้โรคจิต หลังจากฟันฝ่าความยากลำบากและความเข้าใจผิดมาได้ไม่นาน เขาก็ต้องแปลงร่างไปเป็นสุดยอดหัวขโมยอีก จากที่ว่ามาเขาจึงยังไม่มีเวลาตอนสำรวจเมืองการศึกษาเล่นเลย
พูดจริงๆ เสน่ห์ของเมืองแห่งการศึกษาก็คือเมืองที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงมากมาย แต่ว่าบางส่วนก็ยังคงหลงเหลือสถานที่ที่เก่าๆไว้ ภาพของอนาคตและอดีตก่อให้เกิดวิวที่สวยงามมาก นี่ทำให้วู่หยานผ่อนคลาย
หนึ่งคืนที่ไม่ได้หลับ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกง่วงอะไร ในฐานะโอตาคุผู้มากประสบการณ์ การไม่นอนถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก
ตอนเช้าเขาได้โทรไปหามิโคโตะ หลังจากทำให้เธอหายห่วงได้ วู่หยานก็ออกมาเดินเล่น แน่นอนที่เธอห่วงคือผ่านไปคืนหนึ่ง เขายังมีชีวิตอยู่รึเปล่าแค่นั้นไง……
เดินไปตามถนน เห็นเด็กนักเรียนจำนวนหนึ่งเดินผ่านไปวู่หยานก็ถอนหายใจ เขารู้สึกว่าตัวเองได้ห่างจากวัยเรียนมากเหลือเกิน ถอนหายใจให้กับความแก่ของตัวเอง แต่ว่าเขาไม่ได้รู้เลยว่าผู้หญิงที่ตนจับกดนั่นก็ยังเป็นเด็กนักเรียนอยู่…….
บางครั้งเขาก็ได้ยินคนอื่นคุยกันอย่างนู่นอย่างนี้ โม้ว่าตัวเองรู้จักเลเวลห้า เขายังได้ยินชื่อคุ้นเคยบางคนด้วย
ตอนแรก วู่หยานก็คิดว่าเรื่องพวกนี้เป็นแค่เรื่องตลกไม่ควรค่าให้ใส่ใจ ทว่าเมื่อได้ยินบทสนทนาของเด็กนักเรียนที่เดินผ่านไปมา วู่หยานก็นิ่งอึ้งทันที
“เฮ้ นายได้ยินยังว่า สะพานใกล้ๆนี้มีนักเรียนหญิงที่สวยมากนอนหมดสติอยู่ล่ะ ตอนนี้พวกนักเรียนชายมากมายต่างก็มุ่งหน้าไปเสี่ยงดวงกับเธอล่ะ!”
“จริงดิ? นักเรียนสาวสวยเป็นลมแล้วพวกจัสจ์เม้นมันไม่ได้ข่าวรึไง?”
“แน่นอนว่าพวกเขารู้เรื่องแล้ว แต่ว่าตอนที่มีคนไปจับตัวเธอ เธอก็ตื่นทันทีเลยล่ะ แถมยังไม่ยอมตามจัสจ์เม้นไปด้วย”
“ทำไม?”
“อืม….เหมือนเธอจะพูดว่า กำลังรอ…มาสเตอร์..หรืออะไรเนี่ยแหละ!”
“โว้ว! หรือว่าเธอจะเป็นเมดที่โดนมาสเตอร์ตัวเองทอดทิ้ง?”
“ฮ่าฮ่า จะเป็นไปได้ไง นั่นสาวสวยเลยนะ ถ้าทิ้งจริงล่ะก็ มาสเตอร์ที่ว่าก็โครตโง่แล้ว!”
“พูดอีกก็ถูกอีก!”
เท้าที่กำลังยกได้ค้างอยู่กลางอากาษ วู่หยานยืนด้วยใบหน้างุนงง ราวกับโดนฟ้าผ่าเข้าอย่างจัง เมื่อนักเรียนชายที่พูดกำลังจะเดินผ่านเข้า วู่หยานก็หันขวับไปจับตัวทันที
“ขอโทษนะ นักเรียนหญิงที่ว่ามีหน้าตายังไง?”
“โอ้? ฉันไม่ได้เห็นกับตาหรอกนะ แต่จากที่ฟังมาดูเหมือนจะเป็นชาวต่างชาติ มีผมยาวสีทองน่ะ!”
มุมปากวู่หยานบิดเบี้ยว คิ้วกระตุก “แล้วเธออยู่ที่ไหน?”
ได้ยินแบบนี้ นักเรียนชายก็มองเข้าด้วยสายตาดูหมิ่นทันที ราวกับกำลังมองตัวน่าขยะแขยงยังไงยังงั้น เขาหันหน้าไปอีกทางแล้วพูดว่า “สะพานที่อยู่ข้างหน้านี้ไง!”
“ขอบคุณ!” โดนไม่สนว่าสายตาที่นักเรียนชายมอง หลักจากวู่หยานพูดของขอบคุณเขาก็รีบวิ่งไป โดยมีสายตาหลายคู่มองอนู่ด้านหลังด้วยความดูถูก
“ไอ้สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ ไอ้สัตว์เซลล์เดียว แค่ได้ยินว่ามีสาวสวยก็รีบวิ่งเข้าใส่เลยเชียวนะ…… ”
คำพูดดูถูกเหยียดหยามพวกนี้ วู่หยานไม่ได้ยิน แม้ว่าจะได้ยินเขาก็ไม่มีเวลาเก็บมาใส่ใจ ตอนนี้ เขาวิ่งเต็มสปีดด้วยหัวใจที่เจ็บปวด
ถ้าเขาคิดไม่ผิด สาวสวยที่ว่าคงจะเป็น…….
ไม่นานนัก วู่หยานก็ยืนยันความคิดตัวเองได้ มองดูเธอที่ล้มตัวนอนกับพื้นโดยมีผู้คนยืนล้อมรอบ วู่หยานเอามือแตะหัวอย่างพูดไม่ออก
บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอสัมผัสถึงตัววู่หยานได้ เธอเงยหน้าขึ้น มองไปที่วู่หยาน สีหน้าดีใจก็ฉายฉัดอยู่บนใบหน้าอันงดงามนั่นทันที เธอกระโดนขึ้นยืน ทำผู้คนรอบๆสะดุ้งโหยง เธอรีบวิ่งเข้าหาวู่หยานด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาและน้ำมูก
“ฮึก ฮือ ฮือ มาสเตอร์ ฉันพยายามหาตัวมาสเตอร์อย่างหนักเลยนะ แอสเทรียหิวมากจนจะตายแล้ว ฮือ…..”
“………”