บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ! – ตอนที่ 299 ตูขอตัวพี่สาวเรลกันไปล่ะนะทุกคน!!

บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ!

SGS บทที่ 299 – ตูขอตัวพี่สาวเรลกันไปล่ะนะทุกคน!!

ผู้คนเดินผ่านมาและก็จากไป รถเคลื่อนที่ไปตามทาง มันไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยนอกจากสาภพอากาศ ผู้คนในเมืองนี้ยากที่จะรู้ว่าชีวิตปกติสงบสุขของตัวเองในเมืองแห่งการศึกษานั่นถือว่าเป็นอะไรที่หรูหรามาก……..

ส่วนคนจำพวกที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่ต่างออกไปนั่นก็ไม่ได้ตระหนักเลยว่าความผิดปกติที่พวกเขาเจออยู่มันถี่กว่าปกติเพราะการเข้ามายุ่งของคนคนนึง…….

และพวกเขาก็ยังไม่ตระหรักว่าไอ้ตัวต้นเหตุของความผิดปกตินี่ก็กำลังจะจากโลกนี้ไปแล้ว ด้วยการไปของเขาคงจะทำให้สงบสุขหวนคืนสู่โลกนี้ไม่มากก็น้อย……..

ณ ชั้นดาดฟ้าของตึกสูงแห่งหนึ่ง วู่หยานกำลังยืนกวาดสายตาจริงจังมองไปรอบๆเมืองแห่งการศึกษา ในใจเกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบายขึ้น ถ้าไม่มองไปที่ด้านมืดของเมืองแห่งการศึกล่ะก็ เมืองนี้ก็เป็นแค่เมืองล้ำยุคที่สงบสุขแห่งนึง…….

อีกไม่นานก็จะต้องออกไปจากโลกนี้ มิโคโตะกับมิซากิจึงกลับไปที่โทคิวะได มิโคโตะเธอได้ไปร่วมตัวกับคุโรโกะ อุยฮารุ และ ซาเต็น เพราะการไปครั้งนี้จะได้กลับมาอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้……….

ส่วนมิซากิ รายนั้นก็แค่อยากจะกลับไปเช็คข้าวของที่ห้องตัวเองก่อนไปล่ะมั้ง……?

มองเมืองแห่งการศึกษาที่สับสนวุ่นวายตามปกติ วู่หยานก็สูดลมหายใจเข้าลึก เขาได้มาอาศัยอยู่เมืองนี้เป็นเวลานานพอสมมควร และมันก็ถึงเวลาแล้ว…ที่เขา….ต้องพูดบอกลามัน………

ในเวลานี้ วู่หยานก็คิดถึงเหล่าคนที่เขาได้เข้าไปทำความรู้จักในช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ ตอนนี้คนเหล่านั้นจะกำลังทำอะไรอยู่นะ?…..

คุโรโกะ อุยฮารุ และ ซาเต็น ก็คงกำลังเดินเที่ยวไปทั่วกับมิโคโตะ นึกถึงตอนแรกที่เขามาโลกนี้ สาวน้อยคนนั้นที่โดนระบบจัดให้เป็นคนที่โดนเขาลวนลาม ตอนนี้เธอจะกำลังทำอะไรอยู่? แล้วก็คนรู้จักอีกคน โคโนริ มิล ตอนนี้ก็คงนั่งอยู่ในสำนักงานย่อยของจัสจ์เมนท์………

แล้วก็ป้ามุกิโนะ รายนั้นคงจะนึกไม่ถึงว่าลูกน้องทั้งสามของตนจะได้ไปโลกอื่นสินะ? หึๆๆ บางทีครั้งหน้าตอนได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง คินุฮาตะ เฟรนด้า และ ทาคิสึโบะ ก็คงจะเหนือกว่าป้ามุกิโนะไปแล้ว……..

พอถึงตอนนั้น ป้าแกคงได้สติแตกแหงๆ…………….

ยังมียัยพวกคุณหนูที่ไล่ล่าเขาไปตลอดเก้าย่านถนน คงจะนึกไม่ถึงสินะว่าท่านพี่และควีนที่พวกเธอเถิดถูน สุดท้ายแล้วก็ตกเป็นของเขาอยู่ดี…..

เจ้าบ้าซิสค่อน สึจิมาคาโดะ ตอนนี้เจ้านั้นจะทำอะไรอยู่นะ? แล้วก็ยัย อาวากิ ที่กลัวเขาจนขึ้นสมอง กับ อีซารี่ ทีอบมิโคโตะอย่างไม่มีเงื่อนไข ทั้งสองคน….กำลังทำอะไรอยู่นะ?

แล้วก็นักบุญสาวอกสะบึ้มที่ร่วมทีมปราบอัครทูตสวรรค์กับเขา คันซากิ คาโอริ  ตอนนี้เธอจะทำอะไรอยู่นะ?…….

ยังมี อเลสเตอร์ แอคเซราเรเตอร์ และ ลาสออเดอร์…….

โดยไม่รู้ตัว เขาก็ได้เข้ามาทำความรู้จักกับผู้คนที่เคยเห็นจากหน้าจอเยอะแยะขนาดนี้แล้ว……..

ทั้งหมดนี่มันราวกับ….เป็นความฝัน เลยนะ……

วู่หยานมองลงไปเบื้องล่างด้วยแววตาเหม่อลอย ทันใดนั้นเขาก็เกิดความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ขึ้น ในโลกนี้ก็ยังมีผู้คนอีกหลายคนที่เขายังไม่ได้เข้าไปทำความรู้จัก มีอีกหลายคนเลยที่เขาอยากจะไปเจอจริงๆ…….

ถ้าครั้งหน้า มีโอกาสกลับมาอีก ตูจะไปหาถึงที่แน่นอน!

คิดถึงตรงนี้วู่หยานก็หัวเราะคิกคัก จังหวะนึงเขาก็หันไปเห็นเรือเหาะที่ลอยอยู่บนฟ้าทุกวัน ทันใดนั้นวู่หยานก็เกิดความคิดอันสุดโต่งขึ้น…….

ผู้คนเดินผ่านมาและก็จากไป รถเคลื่อนที่ไปตามทางของตน ภายใต้ภาพอันจอแจนี้เองอยู่ๆเรือเหาะบนฟ้าก็เกิดสั่นไหว ก่อนที่ไม่นานนักจะปล่อยเสียงระฆังดังก้องไปทั่วทุกซอกมุมของเมืองแห่งการศึกษา ดึงความสนใจจากทุกคนในเมือง!

เมื่อเสียงระฆังหยุดไป ทุกคนในเมืองก็ได้เงยหน้าขึ้นมามองไปยังเรือเหาะแล้ว ในตอนนี้เองก็มีเสียงดังออกมาจากเรือที่ซึ่งปกติจะเป็นเสียงไร้อารมณ์ชองเครื่องจักร ในนาทีนี้เองมันก็กลายเป็นเสียงของ ‘คนแปลกหน้า’ !

“สวัสดี! ทุกๆคนในเมืองแห่งการศึกษา!!!”

เมื่อเสียงนี้ดังออกมา ก็มีคนอยู่กลุ่มนึงที่อึ้งไป ในหมู่คนเหล่านี้มี มิโคโตะ คุโรโกะ อุยฮารุ ซาเต็น มิซากิ และสาวๆที่บ้านวู่หยาน!

ที่อึ้งก็เพราะเสียงนี้มันเป็นของ วู่หยาน!

“แหม่ ลำบากใจจริงๆแหะ แต่ฉันก็ต้องขอโทษทุกคนในเมืองแห่งการศึกษานี้ด้วยนะ ที่มาส่งเสียงรบกวนตอนที่ทุกคนกำลังยุ่งกันอยู่แบบนี้ แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่ฉันกำลังจะชิง มิซากิ มิโคโตะ เจ้าหญิงพลังไฟฟ้า ของทุกคนไป…….”

ทุกคนในเมืองอึ้งกันหมด โดยไม่รอให้พวกเขาตอบสนอง เจ้าของเสียงก็พูดต่อไป……..

“เมืองแห่งการศึกษาที่ไม่มีเรลกันมันก็ไม่ใช่เมืองแห่งการศึกษา ดังนั้นฉันถึงต้องขอโทษด้วยจริงๆสำหรับการพาตัวมิโคโตะไป ก็อย่างที่ว่ามาฉันเลยจะขอนำเสนอบทเพลงให้แก่ทุกคนเมืองเป็นการขอโทษ เพลงมีชื่อว่า Only My Railgun!!!”

‘จงปล่อยมันไป ความฝันที่เฝ้ากรีดลึกดวงใจอยู่นั้น จงทิ้งมันไปแม้เพียงอนาคตข้างหน้านั้นก็ตาม

ไม่รู้จักหรอกขอบเขตอะไร เพราะมันไม่มีความหมายใด

ด้วยพลังนี้จะให้ความคิดคำนึงอันห่างไกลได้ส่องประกายสาดแสงไปสู่ปลายทางแห่งนั้น

หากมีแค่เพียงการหันหลังกลับไปบนหนทางที่เดินผ่านมาเท่านั้นที่ฉันอาจทำได้แล้วล่ะก็

ในตอนนี้ ณ ที่นี้ ฉันคงอาจทำลายสิ้นได้ทุกสิ่ง

ยามเมื่อเมืองได้ร่วงหล่นสู่ความมืดมิด ผู้คนจะสามารถสู้ทนไปได้ถึงเพียงใด?

จะเร่งความเร็วขึ้นไป เพราะด้วยความเจ็บปวดนั้น ฉันจึงอาจสามารถปกป้องใครสักคนได้อย่างแน่นอน

ดูสิ!

การโจมตีดั่งสายฟ้าได้หมุนรอบดาวดวงนี้เพื่อเสาะค้นหาเส้นทาง

มีแค่เพียงเรลกันของฉันเท่านั้นที่จะสามารถยิงมันได้ในเวลานี้ ณ ตอนนี้

 ลางสังหรณ์อันแจ่มชัด

ได้วิ่งไปทั่วร่าง ด้วยความเร็วแสง

หากเป็นสิ่งที่หวังไว้ จงจับเอาไว้ให้มั่น อย่าให้หลงเหลือ ด้วยความเป็นตนเองซึ่งส่องประกาย

ฉันเชื่อมั่นนะ ในคำสาบานเมื่อวันนั้น

เพราะแม้แค่เพียงหยาดน้ำตาอันแวววาวบนดวงตานั้นเองก็จะกลายมาเป็นความเข้มแข็งได้

เมื่อหยุดยืนยั้ง แม้จะแค่เพียงเล็กน้อย แต่ฉันก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด

ฉันไม่ได้โกหกหรอกนะ ที่ว่าฉันไม่มีเลยที่จะสับสน

เส้นโค้งของเหรียญที่ถูกเสี่ยงทายขึ้นโยนไปบนอากาศนั้นคือชะตากรรมที่ได้ถูกตัดสินไว้

คำตอบที่ได้เคยออกปากไป แม้ในวันนี้ก็ยังคงเวียนวนในใจฉัน

แวววับ!

แสงสว่างอันสุกใสได้ปลุกความปรารถนาที่แท้จริงขึ้นมา

มีแค่เพียงเรลกันของฉันเท่านั้นที่จะสามารถยิงมันได้อย่างแน่นอน

จะขอทำไปให้ถึงที่สุด ไม่มีที่จะสับสน

แม้ต้องเจ็บปวดเพียงใด จะขอวิ่งต่อไปไม่หยุดยั้ง

จงจับจ้องเอาไว้ สายตาที่เปล่งประกายเยียบเย็นนั้นจะตัดผ่าความมืดมิดที่ไม่ผันแปรออก

ความสับสนใดก็ตามแต่ จะพัดมันให้ปลิวหมดสิ้นไป

ตราบที่หัวใจยังคงเพรียกเรียกต่อไป จะไม่ยอมให้ใครมาหยุดยั้ง

ความปรารถนาอันมิอาจนับทดถ้วนที่ปลิดปลิวด้วยความไม่จีรัง

หากด้วยสองมือนี้จะกอบเก็บมันไว้

สิ่งที่อาจมองเห็นได้จากความมืดที่ถูกกรีดแยกผ่าออกนั้น

คือความทรงจำอันร้าวรานที่กองสุมอยู่ลึกล้ำ

ไม่อยากที่จะพ่ายแพ้ให้กับความสิ้นหวัง

ที่ไหวโอนไปตามความจริงอันซีดจาง

การที่ตัวฉันเป็นตัวฉันเองในยามนี้

ทำให้ฉันภาคภูมิใจ และสามารถชื่นชมในทุกสิ่งในตัวฉันเองได้

ดูสิ!

การโจมตีดั่งสายฟ้าได้หมุนรอบดาวดวงนี้เพื่อเสาะค้นหาเส้นทาง

มีแค่เพียงเรลกันของฉันเท่านั้นที่จะสามารถยิงมันได้ในเวลานี้

 ลางสังหรณ์อันแจ่มชัดได้วิ่งไปทั่วร่าง

ด้วยความเร็วแสง

จงปล่อยมันไป ความฝันที่คอยเฝ้ากรีดลึกดวงใจอยู่นั้น จงลืมทิ้งไปแม้เพียงอนาคตข้างหน้านั้นก็ตาม

ไม่รู้จักหรอกขอบเขตอะไร เพราะมันไม่มีความหมายใด

ด้วยพลังนี้จะให้ความคิดคำนึงอันห่างไกลได้ส่องประกายสาดแสงไปสู่ปลายทางแห่งนั้น………..’

………………

“ไอ้เจ้าบ้านั่นทำอะไรอยู่!!!”

ณ ถนนในย่านการค้า มิโคโตะหน้าแดงเป็นลูกตำลึง บนหัวมีควันสีขาวลอยออกมา บ่งบอกว่าเธอเขิยอายสุดๆ!

ใกล้กัน อุยฮารุกับซาเต็นก็กำลังยกมือปิดปากด้วยความช็อค ขณะที่ฟังเพลงที่ราวกับเป็นการสารภาพรัก ส่วนคุโรโกะกำลังอ้าปากพะงาบๆด้วยสีหน้าโง่งม ไม่นานนักทั้งตัวเธอก็เริ่มกลายเป็นสีขาวซีด……..

ฟังบทเพลง คุโรโกะพึมพำ “พะ…แพ้ราบคาบ….”

พูดเสร็จตาเธอก็มีน้ำตาไหลออกมา หันหัวไปหามิโคโตะแล้วร้องฟูมฟาย

“แงงง! คุณพี่ค่า! ฮึกฮึกฮึก…..คุณพี่ของดิฉันถูกขโมยไปแล้ว นี่มันต้องไม่ใช่เรื่องจริง….แงงงง!”

“ว้ายย! คุโรโกะ!เธอทำอะไรเนี่ย! ปล่อยฉันเดี๊ยวนี้เลยนะ!”

“คุณพี่! อย่าจากหนูไปเลยนะ! ฮืออออ……”

“ปล่อยฉัน!”

“คุณพี่! คุณพี่ของหนู!!!”

ในขณะเดียว ณ หอโทคิวะได มิซากิก็ทำเสียง ‘เชอะ’ แล้วหันหัวไปทางอื่นโดยไม่พูดอะไรอีก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับฮินางิคุและคินุฮาตะที่บ้านเช่นกัน……..

ณ ตึกที่ไร้ประตูและหน้าต่าง อเลสเตอร์ลอยในน้ำสีส้มมองภาพหน้าจอนิ่งเงียบ จากนั้นมองไปยังภาพเมืองแห่งการศึกษาที่เริ่มวุ่นวาย เขาก็หลับตาลง…..

“…พาเธอไป…สินะ….”

บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ!

บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ!

Status: Ongoing
นี่คือเรื่องราวของ โอตาคุติดบ้านแสนธรรมดา ที่วันหนึ่งพอลืมตาตื่นขึ้นมา เขาพบว่าตัวเองได้มาอยู่กลางป่าในต่างโลก พร้อมระบบร้านค้าแสนจะกวนประสาท ที่ชอบข่มขู่ให้เขาต้องทำตามมัน หลังจากผจญภัยเสี่ยงชีวิตมามากมาย เขาก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะแข็งแกร่งขึ้น เพื่อที่จะปกป้องครอบครัวที่เขารัก แล้วใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ที่สดใสในต่างโลกให้ได้เลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท