จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 281-285

ตอนที่ 281-285

บทที่ 281 : ของที่ระลึกจากหลานเยี่ย
  “ขุนพลหลินข้าขอตัวก่อน”
  ไป๋เฉิงเซียงไม่สนใจสิ่งใดอีกเขายกมือขึ้นป้องคำนับ ก่อนจะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่ฮูหยินหยูผู้ซึ่งอยู่ในสภาพใกล้ตาย เขาก็ยังไม่สนใจ
  ครั้นหยูหรงเห็นไป๋เฉิงเซียงทิ้งนางนางก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธ นางพยุงหญิงชราที่ไม่อาจลุกขึ้นจากพื้นได้ นางอยากเอ่ยปากร้องขอความช่วยเหลือ
  ทว่าผู้คนโดยรอบครั้นเห็นท่าทางของนางต่างก็เบนสายตามองดูถ้วยน้ำชาบนโต๊ะของตนเองแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นนาง
  เว่ยชิงเดินไปหยุดยืนข้างกายหยูหรงก่อนจะกล่าวพึมพำเสียงเย็นชา
  ”คนชั่วย่อมต้องแพ้ภัยตนเอง”จากนั้นเขาก็รีบสาวเท้าออกไปจากที่นั่นพร้อมด้วยไป๋เซียว
  ตำหนักอันหนิง
  หอมรวยรินด้วยกลิ่นไม้จันทน์หอมทำให้ทั่วทั้งตำหนักเงียบสงบและรื่นรมย์
  ไทเฮาจับมือของไป๋หยานพร้อมกับเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
  หลังจากเข้าไปในพระตำหนักนางก็บอกให้ไป๋หยานรอก่อนจะรีบเข้าไปรื้อตู้
  เพียงไม่นานนางก็ถือถุงผ้าปักลายมังกรและหงส์ เดินมาหาไป๋หยาน
  ”หลานรักของข้านี่คือของที่ระลึกจากมารดาของเจ้า เยี่ยเอ๋อ ทิ้งไว้ให้ก่อนตาย นางสั่งไว้ว่า หากวันหนึ่งข้างหน้าเจ้าเติบใหญ่ขึ้น ให้ยายมอบถุงผ้านี้แก่เจ้า”
  ”ของที่ระลึกจากท่านแม่ของข้าหรือ?” ไป๋หยานนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะรับถุงผ้ามาจากมือของไทเฮา
  ถุงผ้าสามารถเปิดได้อย่างง่ายดายภายหลังจากเปิดถุงผ้าแล้ว ไป๋หยานก็หยิบกระดาษที่อยู่ในถุงขึ้นมา
  กระดาษเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแล้วเห็นได้ชัดว่ากระดาษแผ่นนี้ถูกเขียนไว้นานมากแล้ว ตัวอักษรก็เลือนเล็กน้อย หากแต่นางแทบจะทนไม่ได้ที่จะอ่านมัน
  ”ไป๋หยาน…บุตรสาวข้า
  เมื่อเจ้าได้อ่านจดหมายฉบับนี้แม่ของเจ้าคงจะไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว บางทีเจ้าและเซียวเอ๋ออาจจะตำหนิแม่อยู่ก็เป็นได้ ทว่าแม่ไม่เคยเสียใจเลยที่เลือกทำเช่นนี้ หาไม่แล้วเซียวเอ๋อจะเกิดมาได้อย่างไร ?”
  อ่านถึงท่อนนี้ไป๋หยานก็ขมวดคิ้ว หลานเยี่ยกล่าวถึงแต่ไป๋เซียว หรือเป็นไปได้ว่านางจะมิใช่บุตรสาวของหลานเยี่ยจริง ๆ ?
  ไป๋หยานไม่เสียเวลาคิดนางก้มลงอ่านต่อ
  ”แม่รู้ว่าแม่คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนัก นับแต่แม่แต่งเข้าบ้านสกุลไป๋ หยูฮูหยินก็วางยาพิษแม่ ช่างน่าขันที่แม้ว่าแม่จะรู้เรื่องยาพิษ แต่บิดาของเจ้ากลับไม่เชื่อแม่เลย เขาเชื่อเพียงแค่แม่-ลูกหยูหรงเท่านั้น”
  ตายระหว่างคลอด?
  นิ้วของไป๋หยานสั่นทันใดนั้นเองนางก็คิดได้ บางทีความจริงสิ่งที่นางค้นหามาตลอดอาจอยู่ในจดหมายฉบับนี้ก็เป็นได้ !
  “เรื่องจากนี้ไปบางทีเจ้าอาจไม่สามารถยอมรับในสิ่งที่แม่จะบอกได้ แต่แม่ก็ต้องบอกเจ้าตามความเป็นจริง เจ้ามิใช่บุตรสาวของแม่ กาลครั้งนั้นมีสตรีผู้หนึ่งใจดีกับแม่มาก ทว่าน่าเสียดายเมื่อแม่พบนางอีกครั้ง นางก็มายืนอยู่ข้างหน้าแม่พร้อมเลือดท่วมตัวนอกจากนี้ในอ้อมแขนของนางยังมีลูกน้อย
  เจ้าก็คือเด็กคนนั้น! นางขอให้แม่ดูแลบุตรสาวของนาง และแม่ก็รับปาก เดิมทีแม่อยากรับเจ้าเป็นบุตรสาวบุญธรรม ทว่าในราตรีนั้นแม่เองก็ให้กำเนิดบุตรเช่นกัน โชคร้ายที่ทารกน้อยของแม่สิ้นใจ เช่นนั้นแม่จึงสลับตัวเจ้าแทนที่บุตรสาวของแม่”
  บิดาของเจ้าไม่รู้เห็นในเรื่องนี้แม่เกรงว่าเขาจะปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดี เช่นนั้นแม่จึงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ
  หยานเอ๋อหากเจ้าออกจากตระกูลไป๋ เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแซ่ เพราะแซ่ที่แท้จริงของเจ้าก็คือไป๋เช่นกัน ด้วยว่ามารดาแท้ ๆ ของเจ้าก็แซ่ไป๋”
  ไป๋หยานตกใจมากดูเหมือนว่าหลานเยี่ยจะเดาได้แต่ต้นแล้วว่า วันใดวันหนึ่งข้างหน้านางจะต้องออกจากบ้านสกุลไป๋
  ทั้งหลานเยี่ยยังเข้าใจด้วยว่าเมื่อนางสิ้นใจ ไป๋เฉิงเซียงจะปฏิบัติต่อไป๋หยานและเซียวเอ๋อต่างจากที่เคย
  ”หยานเอ๋อของแม่แม้ว่าเจ้าจะมิใช่บุตรสาวของแม่ หากแต่แม่ก็รักเจ้ามาก แม่ไม่อยากทิ้งเจ้ากับเซียวเอ๋อไว้ที่นั่นเลย ทว่าเจ้าทั้งสองยังเด็กเกินไป ทั้งหลายสิ่งหลายอย่างแม่ก็ไม่สามารถบอกให้เจ้ารู้ได้ในตอนนี้ แม่ขอเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น แม่เป็นหนี้ท่านตากับท่านลุงของเจ้ามาก หากมีโอกาส แม่หวังว่าบุตรสาวของแม่จะทดแทนพวกท่านให้ได้รับความสุขสบาย … ”

บทที่ 282 : ความจริงปรากฏ
  ไป๋หยานอ่านประโยคสุดท้ายบนจดหมายในมือนางเงียบๆ หัวใจของนางมีแต่ความเจ็บปวดที่ไม่สามารถบรรยายได้
  ปรากฎว่าความจริงก็คือ
  แท้จริงแล้วหลานเยี่ยมิใช่คนโง่นางเพียงมีความรักลึกซึ้ง กระทั่งไม่อาจถอนตัวได้ แม้จะรู้ว่าด้านหน้าเป็นหลุม นางก็ยังยอมกระโดดลงหลุมโดยไม่ลังเล
  เพียงแต่ไป๋หยานไม่รู้เลยว่าตลอดชีวิตของหลานเยี่ย นางเคยนึกเสียใจบ้างหรือไม่
  ”หยานเอ๋อมารดาของเจ้าเขียนว่าอย่างไร ?” ไทเฮาทอดพระเนตรมองไป๋หยาน นางขมวดพระขนงพร้อมกับตรัสถาม
  ไป๋หยานกลับมารู้สึกตัวนางมองไปที่จดหมายพร้อมกล่าวว่า “ท่านแม่บอกว่า … ”
  ”พี่ไป๋หยาน”
  จู่ๆ เสียงก็ดังมาจากนอกตำหนัก
  ครั้นไป๋หยานเงยหน้าขึ้นนางก็เห็นหลานเสี่ยวหยุนวิ่งเข้ามาพร้อมใบหน้าซีดเผือด
  เมื่อหลานเสี่ยวหยุนเห็นไป๋หยานนางก็รู้สึกราวกับเห็นเทวดานางร่ำไห้ออกมาด้วยความดีใจ
  ”หยุนเอ๋อเกิดอะไรขึ้น” ไป๋หยานหน้าถอดสีด้วยความประหลาดใจ นางก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพื่อจับร่างของหลานเสี่ยวหยุน และเอ่ยถาม
  ”พี่ไป๋หยานมารดาของข้า นาง … ”
  “ป้าสะใภ้รึ? เกิดอะไรขึ้นกับท่านป้าสะใภ้”
  ไป๋หยานยิ่งหน้าเสีย
  ”เมื่อสองวันก่อนท่านแม่และพี่รองกลับไปเยี่ยมบ้านท่านตาของข้าหากแต่กลับกลายเป็นว่า … ” หลานเสี่ยวหยุนเช็ดน้ำตา “ท่านแม่ถูกทุบตีปางตาย ตอนนี้อาการของนางสาหัสยังไม่รู้จะเป็นหรือตาย ท่านพ่อและพี่ใหญ่กำลังรีบกลับจากการบำเพ็ญตนฝึกฝน ท่านปู่และท่านย่ากำลังจัดกำลังคน และม้าเพื่อออกไปล้างแค้นให้กับท่านแม่ข้า พี่ไป๋หยาน…ข้ากลัว … ”
  “ไม่ต้องกลัวท่านป้าจะไม่เป็นไร ข้าจะกลับไปพร้อมกับเจ้า”
  ตงรั่วหลานผู้ซึ่งอ่อนโยน พร้อมด้วยคุณธรรม ยังตราตรึงใจของไป๋หยาน ตงรั่วหลานไม่เคยโกรธ หรือต่อสู้กับผู้ใด ก็แล้วเหตุใดนางถึงถูกทำร้ายกระทั่งสิ้นสติได้เล่า ?
  ไป๋หยานคิดใคร่ครวญก่อนจะส่งจดหมายให้ไทเฮา
  ”ไทเฮาโปรดบอกเซียวเอ๋อด้วยว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขายังคงเป็นน้องชายของหม่อมฉัน และตระกูลหลานก็จะเป็นครอบครัวของหม่อมฉันเสมอ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”
  ถึงนางจะไม่ใช่บุตรสาวของหลานเยี่ยก็แล้วอย่างไร?
  ตราบใดที่นางยังยอมรับไป๋เซียวและตระกูลหลานในฐานะญาตินั่นก็เพียงพอแล้ว
  กล่าวจบไป๋หยานก็หันกลับไปฉวยข้อมือของหลานเสี่ยวหยุนที่ยังคงร่ำไห้ไม่หยุด พานางเดินไปที่ประตูอย่างช้าๆ
  ณบริเวณลานหลังพระราชวัง
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นพร้อมด้วยไป๋เสี่ยวเฉินกำลังรอไป๋หยานอยู่ครั้นทั้งคู่หันกลับไปก็มองก็เห็นหลานเสี่ยวหยุนเดินมาพร้อมกับไป๋หยาน
  ทันทีที่ตี้เสี่ยวอวิ๋นเห็นหลานเสี่ยวหยุนผู้ซึ่งยามนี้ใบหน้าของนางกำลังนองไปด้วยหยาดน้ำตาตี้เสี่ยวอวิ๋นก็นิ่งอึ้ง ก่อนจะมีโมโห
  “เสี่ยวหยุนบอกข้าสิว่าผู้ใดรังแกเจ้า? ข้าจะตีมัน !”
  นัยน์ตาของหลานเสี่ยวหยุนแดงก่ำ”ขอบใจนะ”
  “เจ้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่สะใภ้ย่อมเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าด้วย นอกจากนี้เราก็เคยต่อสู้ร่วมกัน ทั้งยังเคยสร้างปัญหาร่วมกัน หากข้าปล่อยให้เจ้าถูกกลั่นแกล้งแต่เพียงลำพัง แล้วฉู่อีอี้รู้ นางคงต้องโกรธข้าตายเป็นแน่” ใบหน้าของตี้เสี่ยวอวิ๋นยิ่งโกรธเคือง
  แม้แต่คนของนางก็ยังกล้ารังแกสมควรตายนัก !
  หลานเสี่ยวหยุนมองตี้เสี่ยวอวิ๋นที่กำลังโกรธแค้นหัวใจของนางพลันอบอุ่นขึ้นทันใด
  “ข้าไม่เป็นไรหากแต่มารดาของข้าสิ ยามนี้นางไม่ได้สติเลย”
  ”อะไรนะผู้ใดกล้าทุบตีท่านป้าของข้า ! พี่สะใภ้ ไปกัน ไปแก้แค้นให้เสี่ยวหยุน”
  ไป๋หยานมองหลานเสี่ยวหยุนพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย”เช่นนั้นก็เริ่มกันเลย”
  ”หม่ามี้เฉินเอ๋อร่วมด้วย”
  ไป๋เสี่ยวเฉินจับมือของไป๋หยานเขาเบิกนัยน์ตากลมโตอย่างน่ารัก พร้อมกับบุ้ยปาก “คนที่รังแกญาติของเราคือพวกมหาวายร้าย เฉินเอ๋อจะตามหาคนร้ายเพื่อล้างแค้นให้พวกเขา”
  ”ดี”
  ไป๋หยานกวาดตาไปที่มังกรแก้วผู้ซึ่งยามนี้กำลังนอนอยู่กับพื้น”แค่มีมังกรแก้ว ก็สามารถเดินทางได้ไกลหลายพันลี้ ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วยาม (3 ชั่วโมง) เราก็สามารถไปถึงบ้านท่านตาของเสี่ยวหยุนได้แล้ว”
  “ช้าก่อน”ตี้เสี่ยวอวิ๋นนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ นางจึงกล่าวท้วงไป๋หยาน “ไปหาเรื่องคนเช่นนี้ เราไม่ควรไปกันเองโดยไร้ฉู่อีอี้”

บทที่ 283 : สามสาวทลายฟ้า
  ไป๋หยานเลิกคิ้ว”พวกเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?”
  ”พี่สะใภ้”ตี้เสี่ยวอวิ๋นกล่าวพร้อมกับทำปากจู๋ว่า “ข้าเมา ทะเลาะกัน ตบตีกัน จูบกัน แล้วก็… เอ่อ…ไม่ ๆ … ”
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นเกือบจะพูดต่อทว่านางก็หยุดปากไว้ทัน
  เวลาที่นางกับฉู่อีอี้รู้สึกเบื่อหน่ายมากๆ พวกนางมักจะแต่งกายเป็นชายออกไปหาความสำราญกับสาว ๆ ที่หอบุปผา หากพี่สะใภ้รู้เข้า มีหวังพี่สะใภ้คงจะไล่พวกนางออกจากบ้านเป็นแน่
  ”สรุปแล้วฉู่อีอี้, เสี่ยวหยุน และข้า รวมกลุ่มกันสามคน พวกเราคือสามสาวทลายฟ้า ห้ามขาดผู้ใดแม้สักคนเดียว”
  บางทีอาจเป็นเพราะรู้ว่างานนี้ไป๋หยานจะออกโรงเองมารดาของนางย่อมไม่มีปัญหาใด เช่นนั้นหลานเสี่ยวหยุนจึงรู้สึกสนุกไปกับคำพูดของตี้เสี่ยวอวิ๋น
  “เช่นนั้นเจ้าก็ไปตามฉู่อีอี้ส่วนเสี่ยวหยุนเจ้าไปบอกท่านตาว่า ข้าจะจัดการปัญหาของท่านป้าสะใภ้เอง ท่านตาสูงอายุแล้ว ควรพักผ่อนอยู่กับบ้าน”
  ”ตกลงข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
  หลานเสี่ยวหยุนเชื่อฟังคำพูดของไป๋หยานเป็นอย่างมากเช่นนั้นเมื่อไป๋หยานกล่าวจบ นางก็รีบวิ่งไปที่ประตูวังหลวงอย่างรวดเร็ว
  โชคดีที่ทั้งบ้านสกุลหลานและคฤหาสน์โบราณตั้งอยู่ไม่ไกลจากวังหลวง คนทั้งสองจึงกลับมาโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน
  ”ตอนนี้พวกเราก็มากันพร้อมแล้ว ไปกันเถอะ”
  ไป๋หยานอุ้มไป๋เสี่ยวเฉินขึ้นมาจากนั้นก็กระโดดขึ้นขี่หลังของมังกรแก้ว ตามมาด้วยหลานเสี่ยวหยุนและสาว ๆ อีกสองคน เมื่อทุกคนต่างนั่งบนหลังมังกรแก้วเรียบร้อยแล้ว ร่างของมังกรแก้วก็เปลี่ยนเป็นสายฟ้า พุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วแสง
  ดินแดนเวิ่นเซียงนี้ประกอบด้วยสี่อาณาจักร
  ทั้งสี่อาณาจักรนี้ได้แก่ อาณาจักรหลิวฮั่วที่ไป๋หยานอาศัยอยู่ อาณาจักรฉื่อเสียที่บ้านสกุลตงของตงรั่วหลานอาศัยอยู่ อีกอาณาจักรมีนามว่าอาณาจักรฉีเยี่ย และอาณาจักรสุดท้ายซึ่งเป็นอาณาจักรเดียวที่มีจักรพรรดินีปกครองมีนามว่าอาณาจักรเฟิงฉี
  ตระกูลตงซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลชั้นนำตระกูลหนึ่งของอาณาจักรฉื่อเสียมีสถานะเทียบเท่ากับตระกูลหลานในอาณาจักรหลิวฮั่ว
  ในเวลานี้ณ ลานหลังบ้านสกุลตง
  หมองหม่นราวกับมีเมฆดำครึ้มปกคลุมไปทั่ว
  ในห้องๆ หนึ่ง ตงฮูหยินนั่งอยู่ที่หัวเตียง นางถอนหายใจไม่หยุด นางเฝ้ามองสตรีที่นอนหน้าซีดบนเตียงน้ำตาเอ่อคลอ ตลอดเวลานางเช็ดน้ำตาของนางเงียบ ๆ
  ”หลังจากกินยาแล้วอาจารย์วูหลินก็เข้ามาให้การรักษานางเป็นการส่วนตัว ทว่าเหตุใดรั่วหลานจึงยังไม่ฟื้นอีก ?”
  ชายชราแตะไหล่ฮูหยินตงเทียนหลิงเจ้าบ้านผู้เฒ่าแห่งตระกูลตง เฝ้ามองหน้านางอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร “หากบ้านสกุลหลานโชคดี นางก็คงไม่เป็นไร”
  ”ท่านยังกล้ากล่าวเช่นนั้นอีกหรือ!” หญิงชรามองตงเทียนหลิงพร้อมทั้งต่อว่า “บุตรสาวของข้าบาดเจ็บหนักถึงเพียงนี้ ท่านไม่คิดจะแก้แค้นให้นางบ้างเลยหรือไร ?”
  ใบหน้าของตงเทียนหลิงแข็งค้างราวกับว่าเขากำลังหายใจไม่ออกเขาอยากจะอธิบายบางอย่าง ทว่าชายหนุ่มผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาอย่างรีบเร่ง
  ”เรียนท่านเจ้าบ้าน เรียนฮูหยิน นายน้อยและฮูหยินน้อยมาขอพบ…ขอรับ”
  เดิมทีใบหน้าของหญิงชราก็ยังแลดูเฉยๆ แต่ครั้นได้ยินถ้อยคำดังกล่าวใบหน้าของนางก็เย็นชาลงทันที
  ”พวกเขายังกล้ามาที่นี่อีกกระนั้นหรือ? ให้พวกเขากลับไปซะ ข้าไม่ต้องการเห็นหน้าพวกเขา !”
  ทันทีที่นางกล่าวจบเสียงที่ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าปวดใจก็ดังลอยมา
  ”ท่านแม่ไยท่านถึงโมโหหนักถึงเพียงนี้ ? ก็มิได้หนักหนาอะไรมิใช่หรือ ?
  หน้าประตูชายหญิงคู่หนึ่งในอาภรณ์หรูหราสวยงามก็เดินเข้ามา
  หญิงผู้นั้นแลดูใจคอเราะร้ายทั้งมีท่าทีคล้ายกับว่าไม่เห็นทุกผู้คนอยู่ในสายตา
  ชายที่ยืนอยู่ข้างกายนางก็ดูเหมือนจะเชื่อฟังนาง กระทั่งไม่กล้าแม้แต่จะมองหญิงชราที่กำลังโกรธจัด
  ”โมโหอะไรงั้นรึ?” หญิงชราตบเข่าฉาดพร้อมกับลุกขึ้นยืน “บุตรสาวของข้าอาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน เจ้ายังบอกว่านางไม่เป็นอะไรอีกงั้นรึ ?”
  ฟู่เป่าหยุนจิกมุมปาก”มันเป็นอุบัติเหตุ ข้าก็เพียงตีนางนิดหน่อย ผู้ใดจะรู้ว่านางจะสลบไปง่าย ๆ เช่นนั้น ขนาดป้อนยาให้ฟื้น นางก็ยังไม่ฟื้น ข้าคิดว่าบางทีนางอาจกำลังเสแสร้งอยู่ก็เป็นได้”

บทที่ 284 : ตงฮูหยินโกรธจนเป็นลม (1)
  ครั้นได้ยินประโยคดังกล่าวหญิงชราพลันรู้สึกเจ็บปวดกระทั่งนางต้องลูบหน้าอกตนเอง นางหอบแรง ราวกับว่านางพร้อมจะล้มลงได้ทุกเมื่อ
  ตงเทียนหลิงรีบคว้าตัวหญิงชราไว้นัยน์ตาที่ดุร้ายของเขาไม่ต่างจากคมดาบยามจ้องมองชายที่ยืนข้างกายฟู่เป่าหยุน
  ”รั่วฉินเจ้าอยากฆ่ามารดาของเจ้าทั้งเป็นใช่หรือไม่ ? หากรั่วหลานมีอันเป็นไป เจ้าคิดว่าตระกูลตงของเราจะอยู่กันอย่างสงบสุขงั้นหรือ ?”
  ชายชราโกรธจัดความโกรธซึ่งเขาอดกลั้นมานานหลายวันพลันถูกปลดปล่อย
  ตงรั่วฉินเป็นบุตรชายของเขาและตงรั่วหลานก็เป็นบุตรสาวของเขาเช่นกัน !
  หยิกเล็บก็เจ็บเนื้อเขาจะไม่เจ็บได้อย่างไร ?
  ความสัมพันธ์ระหว่างสองคนพี่น้องนั้นดีมากนับแต่พวกเขายังเป็นเด็ก ทว่าตั้งแต่ฟู่เป่าหยุนก้าวเข้ามาทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป ?
  ”เป่าหยุน… ” ตงรั่วฉินมีสีหน้าเจื่อน ๆ เขาหันไปมองสตรีข้างกาย “เรากลับกันก่อนดีหรือไม่ ?”
  ”ตงรั่วฉินหุบปากไปเลย !” ฟู่เป่าหยุนจ้องตงรั่วฉินอย่างดุเดือด “อย่าลืมสิว่า ข้าเป็นลูกสะใภ้บ้านสกุลตง ส่วนตงรั่วหลานเป็นคนนอกที่แต่งออกไปแล้ว เจ้าต้องการมีเรื่องกับข้าเพื่อคนนอกงั้นรึ ? ข้าเพียงตีนางนิดหน่อย เหตุใดนางถึงได้อ่อนแอปวกเปียกนัก ?”
  ตงรั่วฉินไม่กล้ากล่าวต่อเขาทำได้เพียงก้มหัวลงจากนั้นก็ไม่กล่าวคำใดอีก
  ฟู่เป่าหยุนยอมแต่งงานกับเขาก่อนนางจะแต่งงานนั้น นางมีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงที่มีผู้ติดตามมากมาย ทว่านางกลับเลือกเขา
  หากเขาไม่ตามใจนางเขาจะไม่กลายเป็นผู้ที่ทำให้นางเป็นตัวตลกหรอกหรือ ?
  และเพราะการแต่งงานครั้งนี้ไม่เพียงแต่ตงรั่วฉินจะต้องอดทนมานานหลายปี แม้แต่เจ้าบ้านตงและตงฮูหยินเองก็ยังต้องตามใจนางเสมอ
  หากมิใช่ครั้งนี้ตงรั่วหลานกลับมาเยี่ยมบ้านเกิด แล้วฟู่เป่าหยุนต้องการให้หลานเสี่ยวหยุนสมรสกับองค์ชายสามที่ไม่เหมาะสมกับหลานเสี่ยวหยุนเลยแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นทำให้ตงรั่วหลานโกรธ กระทั่งต่อสู้กับฟู่เป่าหยุนจนหมดสติไป เช่นนี้จะไม่ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธได้อย่างไร ?
  องค์ชายสามเป็นเสือผู้หญิงเขาไม่เคยลังเลที่จะทำเรื่องเลวร้ายไม่ว่าเรื่องใด !
  จะให้หลานเสี่ยวหยุนสมรสกับเขาไม่ต่างจากผลักหลานเสี่ยวหยุนตกลงในทะเลเพลิง !
  อย่าว่าแต่ตงรั่วหลานจะไม่เห็นด้วยอาวุโสแห่งบ้านสกุลตงทั้งสองเองก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน
  ”ออกไปออกไปนะ !” ครั้นหญิงชราเห็นว่าบุตรชายของนางเอาแต่เชื่อฟังคำพูดของฟู่เป่าหยุนเช่นนั้น ใบหน้าของนางก็แลดูน่าเกลียดมากยิ่งขึ้น นางหอบอีกเล็กน้อย “หากไม่อยากให้ข้าโมโหจนตายก็รีบออกไปจากที่นี่ซะ !”
  นี่นางทำบาปอะไรเหตุใดนางถึงยินยอมให้บุตรชายของนางแต่งงานกับหญิงผู้นี้ หาไม่แล้วนางก็คงไม่ลากบุตรสาวของนางมาผจญเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ด้วย
  ”เป่าหยุน… ”
  ครั้นเห็นฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนตัวสั่นรั่วฉินก็เม้มริมฝีปาก “อย่าทำให้ท่านโกรธอีกเลย ท่านแม่ของข้าก็แก่มากแล้ว … ”
  ”ตงรั่วฉินเจ้าว่าอะไรนะ ?” ฟู่เป่าหยุนยกมือขึ้นเท้าสะเอว ภาพลักษณ์ขององค์หญิงยามนี้ไม่ต่างจากแม่ค้าในตลาด “มารดาของเจ้าสำคัญกว่าหรือข้าสำคัญกว่า ข้าเป็นถึงองค์หญิงนะ เป็นเกียรติของเจ้าแล้วที่ตระกูลตงได้เกี่ยวดองกับข้า นอกจากนี้ข้ายังมีลูกให้เจ้า เจ้าคิดจะช่วยพวกเขาอีกกระนั้นรึ ?”
  ”ข้า… ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” ใบหน้าของตงรั่วฉินแดงจรดใบหู
  ”งั้นเจ้าหมายความเช่นไร? ก่อนนั้นข้าเคยขอให้ตงรั่วหลานแต่งงานกับพี่ชายของข้าเพื่อส่งเสริมให้ตระกูลตงสูงส่งยิ่งขึ้น ! แต่เจ้าทำอะไรบ้าง นอกจากปล่อยให้นางแต่งงานไปกับบุตรชายของตระกูลชั้นสูงตระกูลหนึ่งเท่านั้น”
  ตระกูลชนชั้นสูงตระกูลนั้นก็คือตระกูลหลานซึ่งนับเป็นตระกูลผู้นำตระกูลหนึ่งซึ่งไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย
  แต่ไม่ว่าตระกูลหลานจะแข็งแกร่งสักเพียงใดจะยกมาเปรียบเทียบกับราชวงศ์ได้อย่างไร ?
  ”นั่น… นั่นเป็นเพราะองค์ชายมีสนมในพระตำหนักมากมาย ท่านแม่ของข้าจึงลังเลที่จะให้รั่วหลานต้องทนทุกข์ทรมานจากสิ่งเหล่านั้น นอกจากนี้ กฎระเบียบของตระกูลหลานนั้นเข้มงวดมาก พวกเขาไม่อนุญาตให้มีอนุในบ้าน … ”
  หากมิใช่เพราะเรื่องนี้ไหนเลยมารดาที่แก่เฒ่าจะยินดีให้บุตรสาวของนางแต่งงานไปอยู่ในที่ห่างไกล ? ทั้งไม่ง่ายเลยที่จะกลับมาเยี่ยมบ้านในแต่ละครา

บทที่ 285 : ตงฮูหยินโกรธจนเป็นลม (2)
  “ก็แล้วไงล่ะ? มีชายใดบ้างที่ไม่มีอนุ ? นี่เป็นเรื่องปกติที่ชายคนหนึ่งจะมีภรรยาหลวงสาม และภรรยาน้อยสี่ ก็แล้วเหตุใดตงรั่วหลานจึงปรนนิบัติสามีร่วมกับหญิงอื่นมิได้ ?”
  ครั้นเห็นว่าตงรั่วฉินที่ปกติมักจะเชื่อฟังคำพูดของนางเสมอมา วันนี้กลับกล้าต่อปากต่อคำกับนางหลายต่อหลายครั้ง ใบหน้าของฟู่เป่าหยุนพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ นางจ้องตงรั่วหลานซึ่งยังคงสลบไสลอยู่
  ตงรั่วฉินกล่าวว่า”แต่… แต่ข้าเองก็ไม่ได้มีอนุ ทั้งที่แต่งงานกับเจ้ามาก็นานหลายปีแล้ว”
  ”ตงรั่วฉินเจ้ากล้านำข้าไปเปรียบเทียบกับตงรั่วหลานกระนั้นรึ ?” ฟู่เป่าหยุนจิ้มจมูกของตงรั่วฉินด้วยโทสะ “ข้าเป็นถึงองค์หญิง สูงศักดิ์เพียงใด ข้ายอมแต่งงานกับเจ้า แล้วเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงคิดจะมีอนุ ? ทว่าตงรั่วหลานไม่เหมือนกัน หากนางยอมเป็นพระสนม นางก็จะได้เป็นพระสนมเอก ส่วนพี่ชายของข้านั้น การที่เขามีพระสนม รวมถึงนางกำนัลอีกมากมายนั้นถือเป็นเรื่องธรรมดา ”
  ได้เป็นพระสนมเอกนับว่าเป็นบุญยิ่งแล้ว
  นางไม่ได้ใกล้ชิดกับพี่ชายของนางนักเช่นนั้นหากตงรั่วหลานได้เป็นพระสนมเอก ตงรั่วหลานจะไม่ช่วยสนับสนุนนางบ้างหรอกรึ ?
  แต่เพราะคนงี่เง่าน่ารำคาญไม่ต่างจากหอยหลอดพวกนี้ที่ส่งให้ตงรั่วหลานแต่งงานไปอยู่ในแดนห่างไกล เพียงเพราะเกรงว่าตงรั่วหลานจะต้องไปเป็นพระสนมของพี่ชายนางไม่ใช่รึ ?
  ”ครานี้หลานเสี่ยวหยุนจะได้เป็นพระสนมรับใช้หลานชายของข้า นับเป็นโอกาสที่ข้าอุตส่าห์พยายามสร้างให้ ขอถาม…หลานชายที่สามของข้าไม่ดียังไง ? เขาถือกำเนิดในราชวงศ์ กำเนิดมาจากฮองเฮาผู้สูงศักดิ์ หลานเสี่ยวหยุนสามารถเป็นพระสนมของเขาได้ พวกเจ้าควรจะคำนับข้าสามครั้ง และสรรเสริญข้าเก้ารอบ ทว่าพวกเจ้ายังกล้าที่จะปฏิเสธอีก ทำให้ข้าเสียหน้า !
  ตงรั่วฉินที่โดนตวาดใส่ก็ไม่กล้ากล่าวคำใดเพราะการที่ฟู่เป่าหยุนแต่งงานกับเขา ก็ช่วยส่งให้ฐานะของเขาสูงขึ้นจริงมิใช่หรือ ?
  ”ฮูหยิน!”
  ทันใดนั้นเองตงเทียนหลิงก็ตะโกนขึ้นเขารีบเข้าไปช่วยพยุงหญิงชราที่หมดสติทันที นัยน์ตาของเขาเปลี่ยนเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
  ”ดูเหมือนว่าวันนี้เจ้าคิดจะสังหารข้าและมารดาของเจ้าแล้วจริง ๆ หากเช่นนั้นก็เข้ามา ! พวกเจ้าเอาดาบมา ! วันนี้ข้าจะฆ่าตัวตายให้คนทั้งโลกได้รับรู้ เพื่อที่จะเล่าขานสืบไปว่าที่ข้าตาย ก็เนื่องมาจากลูกชายกับลูกสะใภ้เนรคุณ ! ”
  ฟู่เป่าหยุนตกใจมากนางไม่อาจกล่าวคำใดได้อีก นางทำได้เพียงเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
  นางทำให้ตงรั่วหลานสลบไม่ฟื้นและหากมีคนพูดกันปากต่อปากว่านางบังคับให้พ่อสามีฆ่าตัวตาย นางคงเสียชื่อเสียงมีแต่ผู้คนติฉินนินทา
  ฟู่เป่าหยุนเป็นคนปากกล้าไม่กลัวเกรงผู้ใดมาตลอด
  นางได้แต่เก็บงำความรู้สึกไม่แสดงออกทางสีหน้าก่อนจะกล่าวเย้ยหยันว่า “เห็นแก่ที่ว่าเจ้าเป็นบิดามารดาของรั่วฉิน ข้าจะละเว้นพวกเจ้าสักครา ! อย่างไรก็ตามหลานเสี่ยวหยุนต้องแต่งงานกับหลานชายข้า ! หาไม่แล้วก็อย่าหวังว่านางจะได้แต่งงานอย่างมีความสุขไม่ว่ากับชายใด ! ”
  พระสนมในวังมีความสุขออกจะตายหากตาแก่ยายแก่ตระกูลตงยังคงยืนยันคำเดิม ก็จะเสียบรรยากาศกันหมด
  ”ยังไม่ไปอีกหรือ?” ตงเทียนหลิงโกรธยิ่งขึ้น เขากำหมัดแน่นเพื่อควบคุมอารมณ์ไม่ให้โจมตีคนทั้งสอง
  ครั้นเห็นนัยน์ตาแดงก่ำของตงเทียนหลิงฟู่เป่าหยุนก็ก้าวถอยหลังสองก้าวก่อนจะกล่าวต่อว่า “ท่านพ่อ ข้าเพียงพยายามแนะนำท่าน ราชวงศ์เรายิ่งใหญ่เพียงไร ? หากหลานเสี่ยวหยุนสามารถเป็นพระสนมได้ก็จะเป็นการดีต่อทุกคน นอกจากนี้ในวันหน้าองค์ชายสามยังอาจจะเป็นรัชทายาทองค์ต่อไป แม้ว่าพวกท่านจะไม่คิดถึงตนเอง แต่ก็ควรคิดถึงมู่เซียะกับมู่หลินบ้าง ถูกหรือไม่ ?
  ตงมู่เซียะกับตงมู่หลินเป็นบุตรทั้งสองของนางหากนางส่งเสริมให้หลานเสี่ยวหยุนได้เป็นพระสนม ย่อมจะดีต่อลูก ๆ ของนางในวันหน้า
  ตงเทียนหลิงขยับปากมุุบมิบเขาหยุดมองฟู่เป่าหยุน ก่อนจะอุ้มร่างของหญิงชราขึ้นมาแล้ววางลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง
  ครั้นเห็นตงเทียนหลิงไม่สนใจนางอีกฟู่เป่าหยุนก็ไม่รู้จะอยู่ต่อไปเพื่ออะไร นางทำเสียง “ฮึ” อย่างเย็นชา เชิดหน้าราวกับนกยูงพองขนก่อนจะหันหลังเดินจากไป
  ตงรั่วฉินมองดูหญิงชราที่สลบไสลเขาลังเล ด้วยต้องการที่จะอยู่ต่อ ทว่าทันทีที่เป่าหยุนผู้ซึ่งเดินนำหน้าไป หันกลับมาเขม้นมองเขา ความต้องการที่จะอยู่ต่อของเขาพลันวาบหายอย่างรวดเร็วไม่ต่างกับหนูกลัวแมวขย้ำ

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท