@ตอนนี้มี 1582 ตอนแล้วครับ ติดตามได้ที่ – ห้องสมุดคนรักนิยายแปล
SGS บทที่ 322 – บิงเมียนขึ้นสนาม! โดนตบหน้าสั่นล่ะ!
บนลานประลอง วู่หยานยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ใจกลางสนาม นัยน์ตาสีแดงเป็นประกายแวววาวจ้องไปยังภาพติดตารอบๆตัวที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้คนปัจจุบันของเขา!
Eternal Arms Mastership(วิถียุทธอมตะ ชื่อนี้ดีไหม?) ได้เพิ่มความสามารถในการใช้เทคนิควิชาต่างๆกับเขาจนถึงขอบเขตอันน่าเหลือเชื่อ เป็นขอบเขตที่คนทั่วไปไม่อาจมาถึงได้ตลอดชีวิต!
ด้วยร่างกายทรงพลังของแวมไพร์สายเลือดแท้ บวกเข้ากับวิถียุทธอมตะทำให้ตัววู่หยานในเวลานี้ ‘เก่ง’ กว่าตัวเขาเองเมื่อวานมาก!
ถ้าก่อนหน้านี้เขาพอมั่นใจว่าจะถ่วงเวลาแรงค์8ด้วยร่างอมตะของตน งั้นเขาในตอนนี้ก็สามารถสู้กับแรงค์8ได้แล้ว!
ถ่วงเวลากับต่อสู้แบบตรงไปตรงมา สองอย่างนี้แตกต่างกันอย่างมาก……
ใจกลายเป็นสงบนิ่ง เสียงดังจากผู้คนมากมายได้เลือนหายไปเหลือเพียงแค่ตัวเขากับคู่ต่อสู้ที่วิ่งวนไปมาไม่หยุด!
ชั่วขณะนึง วู่หยานก็โยกหัวไปด้านข้างเล็กน้อย พริบตาต่อมาก็มีหมัดปรากฏออกมาจากความว่างเปล่าชกเฉียดแก้มเขาไปด้านหลัง! (ฮาคิ!)
วู่หยานตวัดมือไปจับข้อมืออีกฝ่ายที่กำลังทำสีหน้าตื่นตระหนกและหวาดกลัว ฉีกยิ้มเล็กๆให้จากนั้น….เขาก็ซัดฝ่ามือใส่กลางอกอีกฝ่าย!
เสียงคุ้นเค้ยได้ดังขึ้นอีกครั้ง ส่งนักเรียนพิเศษที่เด่นด้านความเร็วและเป็นคนของ ปฐพีสีชาด ไปยังกำแพงหอคอยที่ตอนนี้เต็มไปด้วยร่างไร้สติมากมาย!
กรรมการเองก็ดูเหมือนจะชินชาแล้วเช่นกัน หลังจากเกิดเสียงกระแทกตู้ม เขาก็ยกมือขึ้นประกาศเสียงดัง “นักเรียนใหม่ วู่หยาน เป็นฝ่ายชนะ!”
นักเรียนทุกคนได้พร้อมใจกันหันไปมองยังกำแพงที่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าวและรูที่มีร่างคนเสียบคาไว้ พวกเขาทุกคนรู้สึกซับซ้อนกับสถานการณ์ในตอนนี้มาก…..อ่ะยกเว้นคนของป่าแห่งความตายนะ….
นี่เป็นรอบที่เก้าแล้วแต่เด็กใหม่ก็ยังชนะทุกรอบ!
บางคนที่คิดจะประจบขุมกำลังใหญ่โดยการขึ้นไปสั่งสอนเด็กใหม่ที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า ต่างก็ได้โยนความคิดนี้ทิ้งเมื่อมองเห็นสภาพคนที่คิดคล้ายๆตนบนกำแพง
สุดยอดมาสเตอร์ผู้ครองบันลังค์40อันดับแรก แต่กลับไม่มีเลยแม้แต่คนเดียวที่สามารถสร้ายรอยแผลให้เด็กใหม่ได้ แล้วพวกตน….จะไปมีปัญญาทำได้ยังไง?…….
พวกนักเรียนชั้น1,2,3และ4ก็คิดแบบเดียวกัน…….
บางคนที่ตอนแรกได้ตีค่าวู่หยานต่ำก็จำต้องหันมามองใหม่อย่างช่วยไม่ได้ ขนาดอันดับที่31ยังแพ้ แล้วถ้ายังมองวู่หยานต่ำต่อไป…..งั้นพวกเขาจะเป็นกลายเป็นตัวอะไรดีล่ะ?……
ณ เวลานี้ นักเรียนทุกคนใน Silvaria World Academyต่างก็ได้ยอมรับความสามารถของวู่หยานแล้ว! และนี่ทำให้เขากลายเป็นคนดังอย่างแท้จริง!
เด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่ถึงสองวัน แต่กลับสามารถท้าทายขุมกำลังใหญ่และกลายเป็นผู้ครองบันลังค์อันดับที่31 ด้วยความจริงนี้จะไม่ให้เขาไม่ดังก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว……
ข้างล่างนอกลานประลอง เฟยเฟยกำลังยืนอมยิ้ม ความกังวลก่อนหน้านี้ได้หายสลายหายไปหมดแล้วเมื่อเห็นความเหนือชั้นของวู่หยาน เธอไม่คิดเลยว่าขนาดต่อสู้มาตั้งหลายครั้งแต่เขากลับไม่มีท่าทางเหนื่อยอ่อนให้เห็นเลย
ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ เฟยเฟยได้สังเกตวู่หยานอยู่ตลอด และนี้ทำให้เธอพบว่า ทุกการกระทำ ทุกการเคลื่อนไหวของเขามันดูแม่นยำมากยังกับว่าได้ผ่านการคำนวณมาอย่างดี มันไม่มีการเคลื่อนไหวที่สูญเปล่าให้เห็นเลย ราวกับว่า…….
เขาได้ฝึกฝนทักษะการต่อสู้ทุกรูปแบบไปจนถึงจุดสูงสุดแล้ว!
เฟยเฟยจำต้องยอมรับว่า ตัววู่หยานในตอนนี้เก่งกว่าตอนที่สู้กับเธอครั้งก่อนมาก!
และเธอก็มั่นใจว่าเขา…ยังไม่ได้เอาจริงเลยด้วยซ้ำ!
เฟยเฟยกำดาบภูติราตรีคู่ใจแน่นด้วยแววตากระหายการต่อสู้แล้วพูดพึมพำว่า “….ไม่ใช่นายคนเดียวหรอกนะ ที่เก่งขึ้นน่ะ…….”
ฮินางิคุกับมิโคโตะที่ได้ยินเสียงพึมพำของเฟยเฟยก็ได้หันหน้ามามองกันแล้วยิ้ม จากนั้นหันกลับไปมองบนลานประลองอีกครั้ง แตกต่างจากเฟยเฟยที่กังวล ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้พวกเธอไม่ได้คิดเลยว่าวู่หยานจะแพ้!
ที่พวกเธอกังวลก็คือวู่หยานจะบ้าระห่ำเกินจนได้รับบาดเจ็บโดยไม่จำเป็นก็เท่านั้นเอง……
แตกต่างจากบรรยากาศสดใสมีความสุขของเฟยเฟย ฮินางิคุ และ มิโคโตะ เหล่าคนของแปดขุมอำนาจใหญ่กำลังมีสีหน้าดำคล้ำ
เป็นเพราะอีกฝ่ายเอาชนะไปง่ายๆแบบนี้มันอาจจะทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาหม่นหมอง……
โดยเฉพาะบิงเมียน ที่หน้าตาไม่สามารถใช้คำว่าดำมาอธิบายได้อีกแล้ว เพราะเขาเป็นคนที่ไม่ชอบวู่หยานที่สุด!
“พอ!ได้!แล้ว!”
มองดูด้านหล้งไปยังผนังกำแพงที่เต็มไปด้วยร่างมนุษย์ บิงเมียนก็ได้ตะโกนเสียงดัง และนี่ได้ดึงความสนใจของทุกคนมาที่ตัวเขา บิงเมียนหายใจฟืดฟาดจากนั้นกัดฟันเดินขึ้นลานประลอง
โหๆ สุดท้ายก็ยอมขึ้นมาแล้วสินะ?…..
นัยน์ตาสีแดงที่เดิมได้สงบนิ่งก็ได้กลายเป็นเย็นชา บิงเมียนไม่ชอบเขา แล้วคิดว่าเขาชอบมันหรือไง?……
เอาแค่สายตาน่าขยะแขยงที่มันใช้มองพวกฮินางิคุ ก็ทำวู่หยานปรี๊ดแตกแล้ว นี้ยังไม่นับว่ามันเป็นหมาลอบกัดที่คิดวางยาเขาอีกนะ!
…..ครั้งนี้เอ็ง เละ แน่!
ทั้งสองยืนประจันหน้ากันด้วยความคล้ายคลึงกัน บิงเมียนมองวู่หยานด้วยสายตาเย็นชาที่ข้างในบรรจุด้วยไอสังหาร!
“ฉันรอต่อไปไม่ไหวแล้ว!!”
ได้ยินวู่หยานก็หัวเราะกร๊าก
“ฉันก็บอกไปแต่แรกแล้วนี่ว่า ถ้าเวลานายมีค่ามากเหมือนอย่างที่พูด งั้นนายก็ไม่ควรเสียเวลารอ แค่ขึ้นมาบนนี้แล้วให้ฉันอัดสักหน่อยก็ได้กลับบ้านแล้ว ไม่ดีเหรอไง?”
บิงเมียนโกรธเลือดขึ้นหน้า โกรธจนต้องหัวเราะออกมาเสียงดัง “เหรอ? งั้นมาลองกัน!!”
สิ้นเสียง มือทั้งสองข้างของบิงเมียนก็ปรากฏมีดสั้นขึ้นทันที เป็นมีดสั้นคู่ธาตุน้ำแข็ง!
วู่หยานขมวดคิ้ว “…..ยุทธภัณฑ์ดินสินะ” (อุปกรณ์ระดับ C)
บิงเมียนยิ้มเย้ย “ถูกต้อง! เป็นยุทธภัณฑ์ดิน! หึๆอย่าคิดว่าฉันเอาเปรียบล่ะ ก็ลานประลองมันไม่ได้มีกฏห้ามใช้ยุทธภัณฑ์นี่!”
วู่หยานหัวเราะตอบ “เปล่าเลย ฉันไม่ได้คิดว่านายเอาเปรียบ…..”
จากนั้นวู่หยานก็หันกลับไปมองสีหน้าผู้คนด้านล่าง และหันมาส่งยิ้มให้บิงเมียน “นิสัยของนาย ทุกคนที่นี่เข้ารู้ดีไปถึงแก่นอยู่แล้ว! ไหนเลยจะจำเป็นให้ฉันต้องมาด่า!”
บิงเมียนกัดฟันกรอดแล้วพุ่งตัวเข้าไปหาวู่หยาน!
“คอยดูฉันฉีกปากเน่าๆนี้ให้ดีเถอะ!!!”
วู่หยานยังคงรอยยิ้มกวนทีนมองบิงเมียนที่ใกล้เข้ามาโดยไม่ได้เคลื่อนไหว จนกระทั่งถึงจังหวะนึงเขาก็เอื้อมมือออกไป!
ใบมีดพุ่งผ่านง่ามนิ้วของเขาก่อนที่จะถูกคีบไว้แน่นโดยนิ้วทั้งสองของวู่หยาน! จากนั้นมืออีกข้างก็ตะวัดวูบไปยังแก้มของบิงเมียน!
“เพี๊ยะ!!!”
เสียงดังชัดออกมาจากแก้มของอีกฝ่าย วู่หยานตบแรงเสียงจนหน้าบิงเมียนมีรอบฝ่ามือแดง นี่ทำให้ทุกคนนิ่งอึ้ง
ฉัน….โดนตบ…..
บิงเมียนยกมือกุมแก้มด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ ความแสบร้อนที่ส่งออกมายิ่งทำให้เขาโกรธเกรี้ยวกว่าเดิม
“แก! ไอ้บัดซบ!!”
บิงเมียนคำราม ขณะที่เหวี่ยงมีดทั้งสองใส่มือข้างที่ตบหน้าตนด้วยความตั้งใจที่จะตัด!
ก่อนที่จะสำเร็จ ใบมีดทั้งสองก็ถูกมือนึงคีบไว้ด้วยนิ้วอีกครั้ง ส่วนอีกมือก็ได้พุ่งเข้ามาที่หน้าเหมือนเดิม!
“เพี๊ยะ!!!”
เสียงตบดังก้องขึ้นอีกครั้ง ความเงียบได้เข้ามาปกคลุมลานประลองและคนดู หัวใจของคนดูต่างเต้นระรัวเมื่อเห็นภาพนี้…….