บทที่ 6 ภรรยาตัวน้อยของเว่ยฉิง
เว่ยฉิงมีงานยุ่งเกินกว่าที่จะดูแลเด็ก ๆ ถึงสามคน จึงเลี่ยงไม่ได้เลยที่บางครั้งอาจจะละเลยลูก ๆ ไปบ้าง และเจ้าก้อนแป้งทั้งสามก็รับรู้เป็นอย่างดี ดังนั้นต่อให้ถูกรังแกแค่ไหนก็ไม่เคยปริปากบอกเว่ยฉิงเลยแม้แต่น้อย กว่าจะเสร็จงานถึงบ้านก็มืดค่ำ ชายหนุ่มจึงไม่รู้เรื่องภายในบ้านมากนัก
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นเว่ยฉิงหยิบมีดเล่มหนึ่งแล้วเดินขึ้นไปบนภูเขา ส่วนถังหลี่ที่มีเวลานอนพักฟื้นมาหลายวันแล้ว ในที่สุดร่างกายของนางก็กลับมาแข็งแรงเกือบเท่าเดิม วันนี้หญิงสาวจึงตัดสินใจแล้วว่า นางจะไปเดินเล่น..
ถังหลี่อุ้มซานเป่าและเอ้อร์เป่าขึ้นมาในอ้อมแขน ส่วนต้าเป่านั้นยืนเกาะอยู่ที่ขาของนาง ทั้งสี่คนเดินออกจากบ้านไปพร้อมกัน เมื่อถึงหมู่บ้าน ถังหลี่จึงพบว่าหมู่บ้านลี่เจียนั้นตั้งอยู่บนภูเขา มีประชากรประมาณห้าสิบถึงหกสิบหลังคาเรือน
บ้านสกุลเว่ยตั้งอยู่ทางทิศเหนือของหมู่บ้าน แต่คนในหมู่บ้านลี่เจียนั้นส่วนมากมักจะสร้างบ้านอยู่ทางทิศใต้ มีเพียงไม่กี่ครัวเรือนเท่านั้นที่อยู่ทางทิศเหนือ ในหมู่บ้านมีการทำนาเป็นขั้นบันไดและมีการทำถนนที่แม้จะดูขรุขระไปบ้างแต่ก็เห็นได้ชัดถึงความสามัคคีของคนในหมู่บ้าน
ในขณะที่ถังหลี่กำลังเดินอยู่ หญิงสาวก็เห็นเด็กในหมู่บ้านหลายคนกำลังเล่นอยู่ข้างหน้า เด็ก ๆ เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนจนดูมอมแมมไปหมด
“ท่านแม่ เดินไปตรงนั้นกันเถิด” ต้าเป่ายื่นมือออกมาคว้าชายเสื้อของถังหลี่แล้วชี้ไปตรงกลุ่มเด็กข้างหน้า เมื่อถังหลี่เดินเข้าไปใกล้ ดวงตาของเหล่าเด็กน้อยก็มองมาที่นางด้วยความสนอกสนใจ
“โก่วต้าน นี่คือท่านแม่ของข้า”
ต้าเป่าพูดกับเด็กชายที่เนื้อตัวมอมแมม หน้าอกเล็ก ๆ ของเขายืดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ สีหน้าแววตาของเขามีความภาคภูมิใจอย่างเห็นได้ชัด โก่วต้านชอบล้อเลียนเขาว่าเป็นเด็กไม่มีแม่! แต่ใครจะสนกันล่ะ ตอนนี้เขามีท่านแม่เป็นของตัวเองแล้ว !
ยิ่งไปกว่านั้นมารดาของเขายังงดงามกว่ามารดาของโก่วต้านร้อยเท่า!
ท่านแม่ของข้าดีที่สุดในโลก!
“นี่ ๆ แม้แต่มวยผมของข้าก็เป็นท่านแม่ที่ทำให้” ต้าเป่ายังคงอวดต่อไป
“ใช่ ๆ ท่านแม่มัดให้ข้าด้วยเหมือนกัน” ซานเป่าอวด เมื่อสิ้นเสียงลูกชายคนโตและลูกคนสุดท้องแล้ว เด็กทั้งสามที่เลอะโคลนไปทั้งตัวก็ยังยืนงงอยู่ตรงนั้น โก่วต้านจับผมที่ยุ่งเหยิงของตัวเอง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกอิจฉาต้าเป่าขึ้นมา เขาเองก็อยากมีมารดาที่สามารถทำมวยผมสวย ๆ ให้บ้างเหมือนกัน!
ทุกคนในหมู่บ้านต่างรับรู้กันว่าเว่ยฉิงได้ตบแต่งภรรยาแล้ว วันนี้พวกเขาก็ได้พบกับถังหลี่ นางช่างเป็นสตรีที่มีหน้าตางดงามเสียจริง!
“ทำไมสตรีงดงามแบบนี้ถึงมาชอบเว่ยฉิงได้ หลี่เอ้อร์ต้านคนนี้ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร ..ทำไมถึงไม่มีเมียสวย ๆ แบบนี้บ้างเล่า!”
“เจ้าเพ้อเจ้ออะไรเอ้อร์ต้าน! ไปชะโงกดูเงาตัวเองในน้ำบ้างนะ”
“หึ! อย่างน้อยข้าก็ไม่ได้มีลูกติดนะ!”
ชายหนุ่มในหมู่บ้านต่างพากันอิจฉาเว่ยฉิง
“หน้าตาดีแล้วอย่างไร?”
“แต่บ้านเว่ยก็ไม่ได้มีฐานะมากนัก นางเองก็ดูอ่อนแอไม่มีทีท่าจะช่วยสามีได้เลย?”
“เหอะ! ข้าไม่คิดว่าจะอยู่กันยืดหรอกนะ ไม่เกินสองสามวัน เว่ยฉิงจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน!”
นี่คือสิ่งที่ผู้หญิงในหมู่บ้านพากันคิด..
….
เมื่อตะวันลับคล้อยเหลี่ยมเขา เว่ยฉิงกลับมาถึงบ้านพร้อมหมูป่าตัวหนึ่ง การจับหมูป่าได้นั้นสำหรับชาวบ้านทั่วไปถือว่าเป็นเรื่องใหญ่โตเอิกเกริกมาก มีเพียงแค่เว่ยฉิงผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถทำได้ บุรุษที่ล้มหมูป่าได้จะต้องแข็งแกร่งและทรงพลังอย่างมาก เขาแบกหมูป่าตัวใหญ่ขึ้นบนไหล่ราวกับแบกปุยนุ่น ใบหน้าคมคายเปื้อนไปด้วยเลือดของสัตว์ป่า ทั้งดูดุดันและน่าเกรงขามไปในตัว
เว่ยฉิงถอดเสื้อออก เผยให้เห็นร่างกายที่บึกบึนของเขา ชายหนุ่มกระชับมีดในมือและเริ่มชำแหละหมูป่าออกเป็นชิ้น ๆ ถังหลี่เดินเข้ามายืนใกล้ ๆ ความแข็งแรงของเว่ยฉิงทำเอาหญิงสาวถึงกับตกตะลึงไปเลยทีเดียว
“เจ้าจะเอามันไปทำอะไรหรือ?” ถังหลี่ถาม
“แค่เอาใส่หม้อต้ม” เว่ยฉิงว่า
แน่นอนว่าเว่ยฉิงมักเลือกทำอะไรง่าย ๆ ไม่ผิดจากที่ถังหลี่คาดเอาไว้เลยทีเดียว แต่มันจะดูน่าหงุดหงิดไม่น้อยถ้ายังปล่อยให้เจ้าคนสิ้นคิดผู้นี้ทำอาหารต่อไป ถึงแม้จะง่ายและไม่ยุ่งยาก แค่ตั้งน้ำให้เดือด ใส่เกลือและโยนเนื้อหมูลงไป แต่นี่เป็นวัตถุดิบชั้นดี ถังหลี่จะไม่ยอมให้มันสูญเปล่า!
“เดี๋ยวข้าทำอาหารเอง” เว่ยฉิงเหลือบมองสตรีบอบบางที่ดูไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงมากนัก
“เจ้าทำอาหารเป็นหรือ?”
“พูดมาก! อย่ามาอยากกินภายหลังก็แล้วกัน!” ถังหลี่หัวเสีย รอก่อนเถิด!นางจะแสดงฝีมือให้ดู! เว่ยฉิงจะต้องเสียใจที่ปรามาสนางไว้
ในตอนที่ถังหลี่เข้ามาทำงานในเมืองใหญ่นั้น นางใช้เวลาไปกับการเรียนทำอาหาร ถังหลี่ฝึกทำอาหารหลากหลายชนิดทั้งจากตำราและโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ใช้เวลาเรียนรู้ทำอาหารเกือบทุกวัน หลังจากนั้นไม่นานฝีมือการทำอาหารของถังหลี่ก็เทียบได้กับเชฟภัตตาคารชื่อดัง! วันไหนที่หญิงสาวถ่ายทอดสดการทำอาหาร ก็มีผู้ชมมาตามดูรายการของถังหลี่นับแสนคน!
ถึงในสมัยนี้เครื่องปรุงสำหรับทำอาหารจะมีอยู่น้อยนิด แต่หากเปรียบเทียบกับทักษะฝีมือการทำอาหารของเว่ยฉิงแล้ว ก็น่าจะดีกว่าหลายเท่า! ถังหลี่มั่นอกมั่นใจในตัวเองพอสมควร นางสั่งให้เว่ยฉิงหั่นแบ่งเนื้อหมูมาให้นางหนึ่งชิ้น เมื่อถังหลี่หันไปมองก็เห็นว่าเว่ยฉิงกำลังนำเลือดหมูไปทิ้ง ถึงรีบพูดขึ้นว่า
“อย่าทิ้ง! เดี๋ยวข้าจะเอามันมาทำอาหาร”
“เลือดหมูกินได้ด้วยหรือ?” เว่ยฉิงประหลาดใจ “ข้าว่าอย่ากินเลย” เขามองรูปร่างบอบบางที่อยู่ตรงหน้า หากนางมีหางมันคงชี้ขึ้นฟ้าไปแล้ว ชายหนุ่มรู้สึกขบขันและอยากลองดูว่าหญิงสาวผู้นี้กำลังจะทำอะไรกันแน่ ?
ถังหลี่เทน้ำมันลงในกระทะรอจนมันร้อน จึงทยอยใส่สมุนไพรลงไปสองชนิด ที่นี่ไม่มีขิง หัวหอม หรือกระเทียม แต่เป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่งที่มีกลิ่นหอม สรรพคุณคือช่วยขจัดกลิ่นคาวและความมันของเนื้อหมูได้ อีกทั้งยังมีความเผ็ดฉุน แม้จะไม่เท่าพริกก็ตาม ถังหลี่เทเนื้อหั่นชิ้นใส่ลงไปแล้วเริ่มผัด จนกลิ่นหอมฟุ้งโชยออกมาจากกระทะ
เว่ยฉิงมองไปยังอาหารที่ถังหลี่ทำ แววตาเขาตกตะลึงและรู้สึกน้ำลายสอ ชายหนุ่มเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่รู้ตัว และยิ่งถังหลี่เทเหล้าใส่ลงไป กลิ่นอาหารก็ยิ่งทวีความหอมหวนไปทั่วบริเวณนั้น เด็ก ๆ ทั้งสามออกมาจากห้องนอนมองจดจ้องไปที่เตา ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาถึงกับชะงักเท้าหยุดที่หน้าบ้านสกุลเว่ยต่างพากันสูดดมกลิ่นอาหารอย่างลืมตัว
หอมมาก! หอมกว่าอาหารที่แม่ยายเขาทำเสียอีก !”
โอ๊ย! เดินต่อไปไม่ไหวแล้ว มันช่างหอมยั่วยวนใจเกินไปแล้ว!
“เว่ยฉิง เจ้าไปเรียนทำอาหารมาหรือ?” ชาวบ้านคนหนึ่งชะโงกหน้ามองไปในตัวบ้าน
“เมียข้าทำ ข้าจะไปทำได้อย่างไร” เว่ยฉิงตอบอย่างโอ้อวด
ชาวบ้านหลายคนที่ผ่านมามองหน้ากันด้วยความตกใจ พวกเขารู้ว่าเว่ยฉิงแต่งงานกับหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งไม่ใช่หรือ?
นางมีทักษะปรุงอาหารขนาดนี้เชียวหรือ?
ถังหลี่ทำผัดหมูป่าใส่เลือดหมูและต้นหอมสับ อีกด้านหนึ่งมีหมั่นโถวที่นึ่งเอาไว้ก็สุกได้ที่พอดี มื้อนี้เจ้าหัวไชเท้าทั้งสามกินกันจนอิ่ม แม้แต่เอ้อร์เป่าที่ปกติไม่ค่อยเจริญอาหาร วันนี้ยังกินหมั่นโถวไปตั้งสองก้อนใหญ่! เด็กทั้งสามมองไปที่ถังหลี่อย่างชื่นชม พวกเขาไม่เคยกินอะไรที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย ท่านแม่ช่างน่าทึ่งจริงๆ!
อาหารทุกจานถูกกวาดจนหมดเกลี้ยง แม้แต่น้ำแกงเว่ยฉิงก็ยังเอาหมั่นโถวไปจุ่มเพื่อกินมัน ถังหลี่จ้องไปที่ชายหนุ่มจนเขาชะงัก
“ไหนใครบอกว่ากินไม่ได้กัน?”
“สมแล้วที่เป็นภรรยาข้า” เว่ยฉิงเอนหลังไปกับเก้าอี้ เหยียดแข้งขายาวออกเหมือนกวนประสาทคน
“ ใครเป็นภรรยาเจ้า?” ถังหลี่กลอกตา เว่ยฉิงดูถูกนางก่อนหน้านี้ เขาเป็นบุรุษหน้าหนาหรืออย่างไรนะ ไหนจะเคยกล่าวหาว่านางผอมแห้งแรงน้อยอีก
คอยดูนะ! เจอดีแน่!
“ภรรยาข้า เจ้าพักผ่อนเถิด ข้าจะล้างจานให้เอง” เว่ยฉิงหัวเราะเบา ๆ และเก็บจานชามไปล้างอย่างอารมณ์ดี
…..
ถังหลี่ยังไม่ได้พักผ่อน นางพาเด็กทั้งสามเดินเรียงแถวเพื่อย่อยอาหาร
“ทั้งหมดแถวตรง!” ซานเป่ายืนแอ่นอก และเอ้อร์เป่าก็ส่งเสียงขึ้น
“ท่านแม่ ข้ายืนตรงไหม!”
“เอ้อร์เป่าเก่งมาก!” ต้าเป่ายืนเงียบ ๆ เขาโตแล้วจึงไม่ได้ต้องการความสนใจจากมารดาเท่าใดนัก เขาไม่ไร้เดียงสาเหมือนน้องสองคนของเขา
“ต้าเป่าก็เก่งมาก ๆ เหมือนกันนะ” เมื่อได้ยินคำชม ในใจของเขาก็เบิกบาน แผ่นอกเล็ก ๆ ยืดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
หลังจากเดินย่อยอาหารแล้วถังหลี่ก็พาเด็กทั้งสามไปอาบน้ำ เด็ก ๆ ยืนเรียงกันเป็นแถวรอให้ถังหลี่เช็ดใบหน้าให้ทีละคน ใบหน้าขาว ๆ ของเด็กน้อยเมื่อโดนมารดาใช้ผ้าเช็ดหน้าก็ทำให้ขึ้นเลือดฝาด หลังจากอาบน้ำแล้วถังหลี่ก็พาทั้งสามเข้านอนพร้อมกับเล่านิทานให้ฟังอีกด้วย
ในยามค่ำอากาศเริ่มเย็นลง เว่ยฉิงหยิบเอาเสื้อคลุมมาสวมใส่แต่แล้วก็รู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดแปลกไป หลังจากดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็พบว่ารูบนเสื้อคลุมที่เคยขาดตอนนี้ถูกเย็บชุนอย่างเรียบร้อย ถ้าไม่สังเกตให้ดีก็ไม่อาจรู้ได้เลย เมื่อเขาคิดว่าเป็นฝีมือของใครที่ซ่อมแซมมัน ใบหน้ากระด้างดุดันก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา
…เมียข้ามีฝีมือเย็บผ้าเสียด้วยสิ..
———————————————————-