บทที่ 11 เว่ยฉิงได้รับบาดเจ็บ
ถังหลี่เดินทางเข้าไปในหุบเขาหมีเพียงลำพัง หญิงสาวมีจิตวิญญานของปลาหลี่[1]ต่อให้สัตว์ร้ายใด ๆ ก็ตาม ย่อมไม่ประหวั่นพรั่นพรึง ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลของถังหลี่ยังเลื่องชื่อในโชคลาภและสุขภาพที่แข็งแรงอีกด้วย!
หญิงสาวปลอบใจตัวเองขณะที่ย่ำเท้าไปข้างหน้า ในตอนนั้นเองก็ได้กลิ่นคาวเลือดโชยมา ถังหลี่ตามกลิ่นไปโดยใช้คบไฟเป็นแสงสว่างนำทาง เวลาผ่านไปอย่างไม่รู้ตัว ทันใดนั้นเองถังหลี่ก็เห็นร่างหนึ่งยืนพิงต้นไม้ใหญ่ด้วยท่าทางอิดโรยรอบกายเต็มไปด้วยซากศพหมาป่า!
“เว่ยฉิง!”
เว่ยฉิงเองก็ตกตะลึงเช่นกัน ขาของเขาบาดเจ็บสาหัสขยับแทบไม่ได้ หากชายหนุ่มยังประคองสติไว้ได้อยู่ แต่ก็มีอาการมึนงงอยู่ไม่น้อย เว่ยฉิงรู้สึกว่าคราวนี้เขาต้องตายอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน ในหุบเขาหมีแห่งนี้แทบไม่เคยมีผู้คนย่างกรายเข้ามาเลย เขาอาจจะตายเพราะเสียเลือดมาก หรืออดตายก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
ชายหนุ่มไม่เคยหวาดหวั่นกลัวต่อความตาย แต่ที่บ้านของเขายังมีภรรยาและลูก ๆ ทั้งสามคน… เว่ยฉิงกัดฟันพยายามที่จะเอาชีวิตรอดให้ได้ แต่เขาไม่คิดเลยว่าภรรยาตัวน้อยของเขาจะปรากฏตัวต่อหน้าเขาแบบนี้ !
หรือข้าเห็นภาพหลอน..?
“ถือคบเพลิงที” เสียงของภรรยาตัวน้อยกล่าวขึ้นเบา ๆ นางยื่นคบเพลิงใส่ในมือของเขา
นี่ไม่ใช่ความฝัน…
เมื่อเห็นถังหลี่กำลังจดจ้องไปที่ขา เว่ยฉิงก็เอื้อมมือมาปิดตาถังหลี่ไว้อย่างรวดเร็ว
“อย่ามอง..”
“ข้าไม่กลัว” ถังหลี่จับมืออีกฝ่ายออก และมองไปที่ขาของชายหนุ่ม
บาดแผลที่ขาดูเหวอะหวะเนื้อถูกกัดกระชากออกจากต้นขาของเขาเผยให้เห็นกระดูกขาวข้างใน เป็นภาพที่ไม่น่าดูยิ่งนัก เว่ยฉิงพยายามห้ามเลือดให้ตัวเองแต่มันยังคงไหลไม่หยุด ถังหลี่ปลดผ้าคาดเอวออกพันไว้กับบาดแผลจนแน่น จากนั้นก็พยุงเว่ยฉิงขึ้นหลัง
“ภรรยา นั่นเจ้าทำอะไร?”
“พาเจ้าลงจากเขาไง”
“เจ้าแบกข้าไม่ไหวหรอก” เว่ยฉิงตกใจมาก
“ข้าแข็งแรงน่ะ เร็วเข้า! ก่อนที่หมีจะมาลากเราทั้งคู่ไปแทน” เดิมทีถังหลี่คิดว่านางแข็งแรงมาก หากต่อเมื่อได้แบกชายหนุ่มขึ้น หญิงสาวรู้สึกราวกับภูเขาหล่นทับใส่ตัวนาง ถังหลี่ยืนขึ้นได้ไม่เต็มที่นัก
“เจ้าทิ้งข้าไว้เถิด…ลงเขาไปตามคนอื่นมาดีกว่า” น้ำเสียงของเว่ยฉิงจริงจัง หากทำตามที่เขาว่า เช้าพรุ่งนี้เจ้าวายร้ายของนิยายเรื่องนี้คงโดนหมีน้อยลากไปแล้วล่ะ และถ้าไม่มีวายร้ายอย่างเว่ยฉิงแล้วละก็ กู้อิ๋นตัวเอกของเรื่องจะกลายเป็นฮองเฮาโดยปราศจากอุปสรรคน่ะสิ เฮอะ! ผู้ใดจะยอม..
ถังหลี่ไม่ฟังเสียง นางยังคงแบกเขาขึ้นหลัง กัดฟันค่อย ๆ เดินลงจากเขา ทุกย่างก้าวของนางช่างยากลำบากนัก แต่นับได้ว่าโชคยังเข้าข้าง หลี่ต้าซานและลูกชายยังไม่ได้กลับลงจากเขาไป สองพ่อลูกเป็นคนซื่อสัตย์มาก พวกเขารับเงินจากถังหลี่ และรู้สึกว่าไม่ถูกต้องที่จะเอาเปรียบนาง คนทั้งคู่ยังคงรออยู่ ถึงจะไม่กล้าเข้าไปในหุบเขาหมีแต่ อย่างน้อยก็จะรออยู่ที่ตีนเขา
เมื่อพวกเขาเห็นถังหลี่กำลังแบกใครบางคนไว้บนหลัง พ่อลูกทั้งสองรีบเข้าไปช่วยเหลือและก็พากันลงมาจากภูเขา เมื่อถึงบ้านเว่ยฉิงก็หมดสติไป ลูกชายของหลี่ต้าซานวิ่งเข้าไปในหมู่บ้านอีกครั้งและเรียกหมอเพียงคนเดียวในหมู่บ้านมาทำแผลและห้ามเลือด ถังหลี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยเลือดก็หยุดไหลและรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ได้
ต้าเป่ายืนอยู่ที่ประตู ทุกคนดูตกใจที่เห็นท่านพ่อบาดเจ็บอย่างสาหัส เขาเป็นเด็กเพียงคนเดียวที่ตื่นขึ้นมากลางดึก เด็กน้อยเห็นบิดาถูกอุ้มเข้ามาเลือดท่วมตัวอาการเป็นตายเท่ากัน ในหัวใจดวงน้อยของต้าเป่าแล้วบิดาเปรียบเสมือนท้องฟ้ากว้าง และสิ่งที่เขาเห็นราวกับท้องฟ้ากำลังถล่มลงมา ร่างกายเล็ก ๆ ของเขาสั่นสะท้าน
“ท่านแม่…ท่านพ่อจะตายหรือไม่?” ต้าเป่าเงยหน้าขึ้นมอง
“ไม่หรอก มีแม่อยู่ที่นี่แล้ว บิดาของเจ้าแค่หมดสติไปเท่านั้นพรุ่งนี้เขาก็ฟื้นแล้ว”
“จริงหรือ?”
“จริงสิ แม่ไม่โกหกหรอก”
เด็กน้อยกอดถังหลี่แน่น หญิงสาวประคองกอดลูบแผ่นหลังปลอบประโลมบุตรชายเบาๆ หัวใจของต้าเป่าค่อยๆสงบลง การปลอบโยนและความอบอุ่นในช่วงเวลาที่สิ้นหวังนี้เขาจะจดจำมันไปชั่วชีวิต เขาจะเติบโตอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง ต้าเป่าจะหาเงินให้มาก จนสามารถเลี้ยงดูบิดาและมารดาให้มีความสุขความสบายให้ได้
….
วันรุ่งขึ้น เว่ยฉิงฟื้นขึ้นมา ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเผือดเนื่องจากสูญเสียเลือดไปมาก รวมถึงบาดแผลต่าง ๆ ที่ทิ้งร่องรอยไว้บนใบหน้าที่ดุดันของเว่ยฉิง
ถังหลี่เข้ามาในห้อง นำผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดไปตามใบหน้าของเขาที่มีบาดแผลขีดข่วนมากมาย หลีกเลี่ยงบาดแผลอย่างระมัดระวัง หลังจากเช็ดเสร็จแล้วเว่ยฉิงจับมือนางไว้ อารมณ์ของเว่ยฉิงค่อนข้างสับสน เดิมทีเขาคิดจะซื้อภรรยาเพื่อมาดูแลบุตรทั้งสาม แต่ไม่คาดหวังว่าสตรีตรงหน้าจะทำหน้าที่ภรรยาที่ดีได้อย่างสมบูรณ์ขนาดนี้
“ไม่ต้องกังวลให้มากนัก เจ้าพักผ่อนให้หายดีเถิด” ถังหลี่พูดราวกับล่วงรู้ความในใจของเขา
“ข้ารู้” เว่ยฉิงตอบเสียงต่ำ
“ เอาล่ะ..ข้าจะไปทำงานก่อน”
หญิงสาวเดินออกจากห้องและเข้าไปในครัว ในห้องครัวต้าเป่ากำลังยืนอยู่บนม้านั่งตักโจ๊กในหม้อใส่ชาม อาหารเช้ามื้อนี้ต้าเป่าเป็นคนทำอาหาร เด็กชายตื่นเช้ากว่ามารดา เมื่อลืมตาขึ้นมาถังหลี่ก็เห็นลูกชายเข้าครัวทำแทนเสียแล้ว แต่เพราะต้าเป่ายังเด็กจึงดูทุลักทุเลอยู่บ้าง ถังหลี่รีบหยิบกระบวยในมือของเขา และอุ้มบุตรชายลงจากม้านั่ง
“แม่ตักให้” หญิงสาวตักโจ๊กใส่ชามที่ต้าเป่าเตรียมไว้ นางนั่งยอง ๆ ต่อหน้าบุตรชาย
“ต้าเป่า เจ้าจะต้องเป็นพี่ใหญ่ของครอบครัวเราในภายภาคหน้านี้ เจ้าต้องคอยดูแลพ่อแม่และน้อง ๆ ตกลงหรือไม่?” ต้าเป่ายืดหน้าอกเล็กน้อยรู้สึกถึงความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่พุ่งเข้ามาในหัวใจของเขา
“ขอรับท่านแม่!”
“ไปปลุกน้อง ๆ เถิด” เด็กน้อยวิ่งไปด้วยขาสั้น ๆ ของเขาเพื่อปลุกเอ้อร์เป่าและซานเป่า ถังหลี่ถือชามโจ๊กร้อน ๆ เข้ามาในห้อง เห็นเว่ยฉิงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง นางมองไปที่ขาของชายหนุ่มอย่างเวทนา
“เจ็บหรือไม่?” ถังหลี่ถาม “นั่งแบบนี้อึดอัดหรือเปล่า”
“ข้าไม่เป็นไร” เว่ยฉิงกล่าว
ผ่านไปสักพักหมอก็เข้ามาดูอาการและให้ยาเว่ยฉิงไว้ เป็นยาสำหรับใส่แผลกับยาสมุนไพรไว้ต้มดื่ม ถังหลี่ออกไปต้มยาและนำมันกลับมาให้เขา หญิงสาวพบว่าเว่ยฉิงจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างเงียบ ๆ
เมื่อเว่ยฉิงได้ยินเสียงถังหลี่ เขาจึงหันมายิ้มให้ ใบหน้าคมคายซีดเซียว แต่ก็ยังคงดูดีเสมอ รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นทำให้เขาดูดุดันน้อยลงกว่าปกติ ท่าทีของอีกฝ่ายทำให้นางรู้สึกแปลกตา โดยปกติแล้วชายคนนี้ชื่นชอบที่จะกลั่นแกล้งล้อเลียน พูดจาหยอกเย้านางอยู่เสมอ
“ดื่มยาก่อน” ถังหลี่กล่าว
เว่ยฉิงดื่มยาในถ้วยหมดไปในรวดเดียว
“มีงานอะไรต้องทำหรือไม่? เดี๋ยวข้าจะเข้าไปในไร่” หญิงสาวเอ่ย
ยามปกติเว่ยฉิงจะเป็นฝ่ายทำงานทุกอย่าง ถังหลี่อยู่บ้านราวปลาเค็ม[2]ตากแห้ง แต่บัดนี้เว่ยฉิงบาดเจ็บสาหัส นางจึงต้องแบกภาระเป็นเสาหลักของครอบครัวชั่วคราว เว่ยฉิงมองไปยังรูปลักษณ์ที่อ่อนโยนของถังหลี่ ผิวของนางบอบบางมาก คาดว่ามันคงจะโดนแดดในฤดูใบไม้ร่วงเผาไหม้อย่างแน่นอน
“มีมันเทศยังไม่ได้ขุด แค่ขอให้ชาวบ้านช่วยก็พอ”
“ได้สิ ข้าจะจัดการให้”
ถังหลี่ยุ่งทั้งงานนอกบ้านและในบ้านจนหัวหมุน ทว่านางก็จัดการกับมันได้อย่างดี ในไม่ช้าข่าวอาการบาดเจ็บที่ขาของเว่ยฉิงก็แพร่กระจายในหมู่บ้าน ผู้คนในหมู่บ้านรู้สึกใจหาย แต่ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่รู้สึกยินดีกับข่าวนี้
“เขาเพิ่งตบแต่งภรรยามาใช่หรือไม่? เมียเขาดูบอบบางขนาดนั้น นางจะเต็มใจใช้ชีวิตยากลำบากไปกับเว่ยฉิงหรือ?”
“ใช่ ให้ข้าเดานะอีกไม่นานเกินรอ นางต้องทิ้งเว่ยฉิงไปอย่างแน่นอน”
“มาพนันกันไหมล่ะ? ว่าภรรยาของเขาจะหนีไปเมื่อใด”
“ข้าพนันเลยว่าไม่เกินพรุ่งนี้นางหนีแน่!”
“สามวัน!!”
“ข้าว่าห้าวัน!”
ถังหลี่ไม่ได้ล่วงรู้เลยว่า ชาวบ้านเริ่มพนันลงขันเกี่ยวกับการอยู่หรือไปของนาง
—————————————
[1] จิตวิญญานของปลาหลี่ เป็นเรื่องเล่าท้องถิ่นที่เชื่อกันว่าปลาที่พากเพียรจนกระโดดข้ามประตูมังกรในแม่น้ำฮวงโหจะกลายเป็นมังกร หมายถึงผู้ที่มีความพยายาม จะสามารถบรรลุเป้าหมาย
[2] ปลาเค็ม ในภาษาจีน มีความหมายแฝง หมายถึง คนไร้ความสามารถ, ขี้แพ้