บทที่ 35 หมัดจิ้งจอก
ตู้เสี่ยวเหอดึงหลี่เที่ยมู่ให้มองเข้าไปด้านในบ้าน ในทันใดนั้นเองไม้กวาดก็ฟาดลงมาบนตัวนาง ถังหลี่ยืนถือไม้กวาดอยู่ในมือด้วยท่าทางดุร้าย
นางไม่ใช่ผู้หญิงที่ใครจะมารังแกกันได้ง่าย ๆ นะ!
“อาศัยอยู่ที่นี่หรือ?! นี่คือบ้านของข้า พวกเจ้ากำลังบุกรุกบ้านข้า ต่อให้ไปฟ้องเจ้าหน้าที่ เจ้าก็จะถูกจับ ต่อให้ข้าตีเจ้าจนตายข้าก็ไม่ผิด!”
ถังหลี่ทุบตู้เสี่ยวเหออย่างแรง หญิงสาวแข็งแกร่งและดุดันมาก ตู้เสี่ยวเหอมองนางอย่างตกตะลึง นางวิ่งออกจากบ้านในขณะที่เอามือป้องหัวตัวเองไว้
“หลี่เที่ยมู่ เจ้ามัวทำอะไรอยู่ มาช่วยข้าเร็ว!” ตู้เสี่ยวเหอตะโกนเสียงดัง หลี่เที่ยมู่กลับมาได้สติและรีบวิ่งไปคว้าไม้กวาดในมือถังหลี่ เขาเหล่ตากวาดมองไปที่สะโพกงอนงามของถังหลี่ ภรรยาของเขาดุร้ายมากจนเขาไม่กล้าแตะต้องหญิงอื่นในยามปกติ ขนาดหญิงหม้ายยังไม่กล้ามอง นี่ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ใกล้ชิดและแอบสัมผัสหญิงงามผู้นี้…
หลี่เที่ยมู่จงใจเดินไปที่ด้านหลังของถังหลี่ แต่ทันทีที่เขาเดินเข้าไปใกล้ ไม้กวาดก็ฟาดลงมาที่หัวของเขา ทำให้ชายอ้วนล้มลงไปกองที่พื้น ปลายไม้กวาดของถังหลี่จิ้มแทงไปที่หน้าและลำคอของเขา หลี่เที่ยมู่ไม่มีแม้แต่ทางสู้ ได้แต่เอามือกุมหัวตัวเองและตะโกนเรียกภรรยา
“เมียจ๋า ช่วยข้าด้วย!”
ดวงตาของถังหลี่เขม่นมองไปที่ตู้เสี่ยวเหอ หญิงสาวเตะไปที่ก้นของนางทำให้ถลาลงไปกองกับหลี่เที่ยมู่ และเริ่มฟาดอีกครั้ง ทำให้ทั้งสองโอดครวญร้องขอความเมตตาจากนาง
ผู้หญิงคนนี้ทำไมแรงเยอะขนาดนี้!
ต่อให้หญิงแกร่งที่สุดในหมู่บ้านก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้แก่นาง!
ตู้เสี่ยวเหอและหลี่เที่ยมู่ คนไร้ยางอายที่สุดในหมู่บ้าน รีบพากันหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
หลันฮวารีบวิ่งกลับไปบ้าน ป้าเการอที่จะได้พบหน้าหลานสาวหลังจากที่นางกลับมาจากในเมือง เด็กสาวมอบเงินให้แก่ป้าเกา หญิงชราดีใจมากเมื่อเห็นเงินถึงห้าสิบอีแปะ ป้าเกามองหลานสาวตัวเองด้วยความภูมิใจ
หลานสาวของนางโตแล้ว… รู้จักกตัญญูตอบแทนผู้เฒ่าอย่างนางแล้วสินะ !
ทันใดนั้นป้าเกาจึงสังเกตเห็นรอยเท้าบนเสื้อของหลันฮวาอย่างรวดเร็ว หญิงชราเย็นชาขึ้นทันใด นางดูดุร้ายและเคร่งขรึม
“หลันฮวาเป็นอะไร? ใครรังแกเจ้า?”
หลันฮวาร้อง “อ่า” แล้วทำท่าทาง ป้าเกาเดินไปถามเพื่อนบ้านสองสามคนและเข้าใจอย่างรวดเร็วว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ตู้เสี่ยวเหอจิตใจหยาบช้าจริง ๆ มารังแกหลานสาวของนาง…ทำแม้กระทั่งขโมยเงินของหลันฮวาเสียด้วยซ้ำ!
แม้ว่าครอบครัวป้าเกาจะดูอ่อนแอ แต่สามีของนางก็มีพี่น้องร่วมสายเลือดอยู่หลายคน ป้าเกาเรียกสตรีหลายสิบคนมาและวิ่งไปที่บ้านของตู้เสี่ยวเหออย่างอุกอาจ ตู้เสี่ยวเหอและหลี่เที่ยมู่ยังไม่ทันได้หายใจเต็มปอด ป้าเกาก็เข้ามาพร้อมกลุ่มคนและรุ่มทึ้งตบตีพวกเขา
ช่างน่าอายเหลือเกิน !
ไม่กี่วันต่อมา ป้าเกามักจะเดินวนไปรอบ ๆ พร้อมกับญาติของนาง เมื่อเจอตู้เสี่ยวเหอที่ไหนก็จะกระชากนางมาทุบตี ไปเสียทุกครั้ง..
นางต้องการที่จะทุบตีตู้เสี่ยวเหอให้ตาย!
…………..
ถังหลี่เฝ้าโรงงานถุงหอมอยู่สองวัน เมื่อเห็นว่าหมอซูและฮูหยินซูจัดการงานในโรงงานได้ดี นางก็โล่งใจ ถังหลี่จะได้แบ่งเวลาไปทำอย่างอื่นได้
วันนี้ …ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยเดินเข้ามาหาถังหลี่
“ท่านแม่ สวี่เจวี๋ยกับข้าจะไปช่วยงานในโรงงานถุงหอม พวกเราสามารถช่วยหมอซูจัดเตรียมยาได้”
ต้าเป่าเอ่ยขึ้นมา และสวี่เจวี๋ยพยักหน้ารับ เห็นได้ชัดว่าเด็กทั้งสองตกลงกันมาดีแล้ว ถังหลี่จับมือของเด็กน้อยไว้ นางดีดหน้าผากพวกเขาเบา ๆ
“เจ้าจะไปโรงงานถุงหอมกันด้วยเหตุใด?.. พวกเจ้าต้องไปสำนักศึกษากับแม่ พรุ่งนี้แม่จะพาพวกเจ้าไปสมัครเรียนที่ในเมือง”
“เรื่องเงินปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อกับแม่เป็นคนจัดการ พวกเจ้าไม่ต้องกังวล”
ทั้งคู่คือมหาเสนาบดีใหญ่ในอนาคต หากนางไม่ช่วยผลักดันให้พวกเขาไปถึงฝั่ง นางคงได้แต่ละอายใจต่อนิยายเรื่องนี้ไปชั่วชีวิตเป็นแน่
ไปสำนักศึกษาหรือ?
ดวงตาของสวี่เจวี๋ยเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ครอบครัวของเขาเต็มไปด้วยบัณฑิตมาหลายชั่วอายุคน ตั้งแต่เขายังเด็ก ท่านพ่อเคยบอกเอาไว้ว่า หนทางเดียวที่จะปีนป่ายขึ้นไปมีตำแหน่งขุนนางที่สูงส่งและยิ่งใหญ่ได้คือการต้องร่ำเรียนหนังสืออย่างหนักเท่านั้น ดังนั้นสวี่เจวี๋ยจึงศึกษาอย่างขะมักเขม้น เขาอยากเป็นเหมือนปู่ทวดของเขาที่สร้างชื่อเสียงและเกียรติยศให้แก่วงศ์ตระกูล
อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของเขาได้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกระทันหัน จากตระกูลที่มั่งคั่งแต่เดิมในเมืองฉินโจว เมื่อเกิดการบุกรุกเข้ายึดครองจากบรรดาผู้ลี้ภัยและอพยพ บิดาของเขาได้รับบาดเจ็บจากคนเหล่านั้นจึงได้แต่พาเขาหนีมา
สวี่เจวี๋ยคิดว่าชีวิตนี้เขาคงไม่ได้ไปโรงเรียนอีกแล้ว เดิมทีเขาพอรู้หนังสือไม่กี่คำ หากโตขึ้นไปก็สามารถไปเป็นเสมียนได้ สวี่เจวี๋ยตั้งใจจะทำงานให้หนักเพื่อหาเงินและส่งต้าเป่าไปเรียนที่สำนักศึกษา ต้าเป่าฉลาดมาก เขาจะต้องได้รับการยอมรับอย่างแน่นอน!
เขาไม่เคยคาดหวังว่าตัวเองจะได้เรียนหนังสือต่ออีกเลย…
ส่วนต้าเป่านั้น เขาอยากไปสำนักศึกษาจริง ๆ เขาอิจฉาเด็กในหมู่บ้านที่ได้ไปเรียนในสำนักศึกษาในเมืองมาก แต่ขาของบิดาบาดเจ็บ อีกทั้งมารดาต้องหาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว เด็กน้อยทำได้เพียงซ่อนความปรารถนานี้ไว้ในหัวใจของเขา…
เด็กทั้งสองมองไปที่ถังหลี่ด้วยดวงตาที่เปล่งประกายวาววับ จนทำให้ถังหลี่ถึงกับใจอ่อนยวบ
“ตกลงตามที่แม่ว่า…พวกเจ้าไปนอนกันได้แล้ว พรุ่งนี้เราต้องเข้าเมืองกันแต่เช้า”
…….
วันถัดมา
ในยามเช้าตรู่ เด็กทั้งสองเเต่งตัวเรียบร้อยและยืนรออยู่ที่หน้าประตู ถังหลี่พาพวกเขาทั้งสองคนไปนั่งเกวียนเทียมวัว เกวียนเทียมวัวคิดค่าบริการห้าอีแปะต่อหนึ่งคน สามคนก็เป็นเงินสิบห้าอีแปะ ตอนนี้ถังหลี่เป็นเศรษฐีแล้ว และเงินเพียงเล็กน้อยนี้ย่อมคุ้มค่าอย่างแน่นอน!
ทั้งสามเดินเข้าไปในเมือง ถังหลี่ได้สอบถามเกี่ยวกับสำนักศึกษามาสักพักแล้ว ในเมืองนี้มีเพียงที่เดียวเท่านั้นคือสำนักหงเหวิน สำนักนี้เปิดมาร่วมยี่สิบปีแล้ว ในสำนักมีอาจารย์สามคนและลูกศิษย์ประมาณหกสิบคน รวมถึงมีที่พักอาศัยสำหรับศิษย์ซึ่งมาจากหมู่บ้านที่ห่างไกล
ถังหลี่พาเด็กน้อยทั้งสองไปที่สำนัก เด็กทั้งคู่รู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่ก็ยังยืนตัวตรงและเคร่งขรึม ท่าทางสงบนิ่ง ราวกับผู้ใหญ่ หญิงสาวเข้าไปข้างในพร้อมเด็กชายทั้งสองคน เมื่อสมัครเสร็จแล้วก็จบธุระกับสำนักหงเหวิน สำนักศึกษาจะเปิดเรียนวันแรกในวันที่้สิบห้านี้ เด็กทั้งสองสามารถมาเรียนหนังสือในวันนั้นได้เลย
ถังหลี่ยังไม่กลับบ้านในทันที นางเดินทางไปยังจวนสกุลไป๋ ตั้งแต่ที่ไป๋มู่หยางปะทะกับพวกโจรโฉดและได้รับบาดเจ็บ นางยังไม่ได้ไปเยี่ยมชายหนุ่มเลย
…….
จวนสกุลไป๋
ฮั่วจีว์ที่กำลังเล่นหมากรุกกับไป๋มู่หยางกระโดดขึ้นจากเก้าอี้ แล้วรีบไปที่ประตูทันทีเมื่อได้ยินว่าถังหลี่เดินทางมาที่จวน
“ข้าจะไปรับถังถัง!”
ชายหนุ่มผู้นี้ช่างใจร้อนเสียจริง ๆ ไป๋มู่หยางยิ้มและส่ายหัวอย่างจนใจ เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามหลังฮั่วจีว์ไป
ฮั่วจีว์ที่วิ่งไปได้ครึ่งทาง เมื่อเขาเห็นถังหลี่แต่ไกลชายหนุ่มก็ชะลอฝีเท้าลง จากนั้นก็ยืนพิงราวบันไดด้วยมือข้างเดียว ทำท่าชายงามอวดถังหลี่
“ถังถัง” เขาจ้องมองไปที่ถังหลี่ด้วยดวงตาวิบวับ หญิงสาวไม่ได้ทักทายเขากลับแต่อย่างใด แต่จู่ ๆ ก็มีหัวเล็ก ๆสองหัว โผล่ออกมาจากด้านหลังของนาง
“ท่านแม่ เขาเป็นใครหรือ?”
“ท่านพี่ เหตุใดเขาถึงได้มาขวางทางพวกเรา?”
ร่างกายของฮั่วจีว์แข็งทื่อ ใบหน้าของชายหนุ่มถึงกลับว่างเปล่าไปชั่วครู่
แม่…แม่?!
ถังถังมีลูกแล้วหรือ?!
อะไรกัน! นี่เขายังไม่ทันลงแข่งก็แพ้แล้วหรือ ?!
ไป๋มู่หยางที่ยืนอยู่ตรงนั้น มองเด็กน้อยอายุราวหกเจ็ดขวบสองคน…เขาเองก็ถึงกับตกตะลึงไปเช่นกัน
แม่นางถังแต่งงานแล้วหรือ?
ชายหนุ่มไม่เคยถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของนางเลย และตอนนี้เมื่อได้รับรู้ว่าหญิงสาวได้แต่งงานแล้ว หัวใจของไป๋มู่หยางก็อ้างว้างขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่จะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
———————–