บทที่ 58 โดนค้นบ้าน
ไม่ใช่คนเลวหรือ?
ตู้เย่ตกใจกับคำตอบที่ได้ยิน โชคดีที่เขาเป็นคนหน้าตาย ใบหน้ามักเรียบเฉยอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะตกใจหรือดีใจเขาก็ไม่เคยแสดงสีหน้าอย่างอื่นเล็ดลอดออกมาให้ผู้อื่นได้เห็น
‘เสวียน เซิง ตู้ เย่’
ชื่อที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว อกสั่นขวัญหาย มือของเขาเปื้อนเลือดมามากแค่ไหนแล้วก็ไม่อาจรู้ได้ แต่นางบอกว่าเขาไม่ใช่คนเลว! ตู้เย่คิดทบทวนในใจสักพักก่อนที่จะสรุปกับตัวเองว่า นั่นเป็นเพราะนางเป็นคนเรียบง่ายอีกทั้งยังเห็นโลกมาน้อยเกินไป!
“ยาลูกกลอนเม็ดนี้สำหรับบรรเทาอาการปวด เจ้ากินเข้าไปจะได้ไม่ปวดแผลมากนัก …ข้าจะไปล้างจานก่อน ” ถังหลี่วางยาลูกกลอนสีดำสองเม็ดใส่ในมือเขา จากนั้นนางจึงเดินออกไปพร้อมกับชามเปล่า
ตู้เย่มองยาเม็ดสีดำในฝ่ามืออย่างมึนงง ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ เขาเคยชินกับการลิ้มรสชาติของเลือดด้วยปลายมีดมาตลอดไม่เคยมีใครมาสนใจว่าเขาจะเจ็บปวดหรือไม่?
ตู้เย่ไม่เคยกลัวความเจ็บปวด เขาชินชากับมันเสียแล้ว การเป็นคนร้ายที่มีผู้คนไล่ล่าแต่กลับได้ใช้ชีวิตที่สะดวกสบายราวกับประหนึ่งเดินอยู่บนก้อนเมฆเช่นนี้ ช่างเหมือนภาพมายาดูไม่สมจริงเอาเสียเลย
อย่างไรก็ตามเขาโยนยาเม็ดเข้าปาก รสหวานแพร่กระจายไปทั่ว ไม่นานนักความเจ็บปวดบริเวณหน้าท้องก็ค่อยทุเลาลง เขาเอนหลังและนอนบนเตียงนุ่ม ๆ นั้น
******
ในขณะที่ล้างชามถังหลี่รู้สึกว่านางเป็นปลาหลี่นำโชคจริง ๆ ตอนนี้นางพบกับบุคคลสำคัญอีกคนหนึ่ง หากจะดูอย่างผิวเผินแล้ว นักบวชผู้นี้ เป็นเพียงฆาตกรที่หลบหนีการจับกุม หากทว่าในภายภาคหน้าเขาจะกลายเป็นเทพเจ้าสงครามผู้กำชัยชนะทุกสมรภูมิรบ เขาเป็นตัวประกอบผู้หนึ่งในนิยายเรื่องนี้ ในเนื้อเรื่องต้นฉบับได้กล่าวถึงตู้เย่ที่เป็นนักบวชลึกลับ เบื้องหลังเขาเป็นนักฆ่าฝีมือฉกาจ เป็นคนหน้าตาดีแต่อำมหิต สามารถที่จะหักคอคู่ต่อสู้ได้ในพริบตา
ตู้เย่จึงเป็นตัวละครที่ถังหลี่ชื่นชอบในความงดงามที่มีพิษของเขา แต่กระนั้นเขาก็เป็นตัวละครที่มีความขัดแย้งในตนเองอย่างสูง กล่าวคือ เขาถือคติว่าจะฆ่าแต่คนเลวเท่านั้น ต่อมาเมื่อเขาได้รับสมญาว่าเป็นเทพเจ้าสงคราม เขาสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อองค์ชายสามเท่านั้น อีกทั้งเขายังเป็นมือขวาที่ทรงพลังและเก่งกาจขององค์ชายสาม แต่น่าเสียดายเหลือเกิน หลังจากที่องค์ชายสามได้ครอบครองบัลลังก์แล้ว เขาได้กลายเป็นหมาไล่เนื้อ[1]ที่ถูกฆ่าตายหลังจากหมดประโยชน์แล้ว จุดจบของตู้เย่น่าอนาถเหลือเกิน
ถังหลี่ไม่รู้ว่าทำไมนักฆ่าที่เย็นชาเช่นนี้จึงได้สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อคนผู้หนึ่งจนสิ้นลมหายใจ!
นางรู้สึกสงสารเขาเหลือเกิน ถังหลี่คิดว่าเขาคู่ควรที่จะเป็นวีรบุรุษผู้กล้าหาญแทนที่จะเป็นเพียงคมดาบหรือหมาไล่เนื้อให้ใครจนตัวเองต้องตายอยู่ในมุมที่มืดมิด หญิงสาวล้างจานจนเสร็จ จากนั้นจึงเข้าไปทำความสะอาดในห้องพักที่ใช้สำหรับรับรองแขก นางทำความสะอาดอย่างรวดเร็ว โชคดีที่บ้านหลังนี้ใหญ่และมีหลายห้องจึงทำให้ไม่แออัดมากนัก
หลังจากทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว นางจึงเดินเข้าไปในห้อง ผู้ที่นอนอยู่บนเตียงลุกขึ้นตามสัญชาตญาณที่หวาดระแวงผู้คน เขากระชับมีดสั้นเอาไว้ หลังจากเห็นว่าเป็นถังหลี่ เขาจึงค่อยวางมีดสั้นลง
“ตู้เย่! เจ้าเปลี่ยนห้องนอนเถิด!”
“เพราะเหตุใด? ”
“นี่เป็นห้องนอนของข้ากับสามี หากเจ้ายังนอนอยู่ที่นี่สามีข้าจะคิดว่าสวมหมวกเขียว[2]ให้เขานะสิ!”
สวมหมวกเขียว? …เขานะหรือ?
ตู้เย่รู้ว่าเขาเป็นคนหน้าตาดี ในตอนแรกเขาคิดว่านางช่วยเหลือเขาเป็นเพราะชื่นชอบในหน้าตาของเขา? ..
เขาถึงกับชำเลืองมองถังหลี่อย่างระแวดระวัง พลางรวบสาบเสื้อที่หน้าอกเพื่อปกปิดกล้ามหน้าท้องสีแทนของเขาจากสายตาของถังหลี่
ถังหลี่”……”
เหตุใดนางจึงรู้สึกว่าเขามองราวกับนางเป็นพวกโรคจิตอย่างนั้นแหละ?
“ไปเถอะ ไปพักที่ห้องรับแขกกับข้า ”
“ข้าเป็นฆาตกรที่ทางการต้องการตัว” ตู้เย่ย้ำให้นางเห็นข้อเท็จจริง เหตุใดผู้หญิงคนนี้ถึงได้ยังให้เขาอาศัยอยู่ในบ้าน อีกทั้งปฏิบัติต่อเขาราวกับเป็นแขกผู้ทรงเกียรติ …ตู้เย่อดรนทนไม่ไหวต้องชี้แจงให้นางเห็นความจริงในเรื่องนี้
“นี่! ข้าไม่ได้เชิญเจ้าเข้ามาในบ้านนะ เจ้าลอบเข้ามาเองและขู่จะฆ่าข้า!” ถังหลี่พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
ตู้เย่ “…..” ก็เป็นจริงอย่างที่นางว่า ดูเหมือนนางจะไม่ได้โง่เขลาเพียงแต่มีความกล้าหาญเท่านั้นเอง
นางพาเขาไปที่ห้องรับแขก
“นี่เป็นชุดเก่าของสามีข้า เจ้าเปลี่ยนเสื้อเถิด ชุดเก่าของเจ้าเปื้อนเลือดไปหมดแล้ว ข้าจะเอาไปจัดการเอง …ต่อไปนี้เจ้าต้องอยู่แต่ในห้องนี้นะ ข้าจะคอยเอาอาหารมาให้ เจ้าอย่าได้เดินไปไหนมาไหนให้ลูกข้าเห็น พวกเขาจะตกใจกลัวได้”
นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่าเขาน่ากลัว!
หลังจากอธิบายให้เขาฟังแล้ว นางจึงเดินออกจากห้องไป หญิงสาวเข้าไปในห้องนอนใหญ่ของตนกับเว่ยฉิงก่อนที่จะลงมือเปลี่ยนผ้าปูที่เปื้อนเลือด เช็ดคราบเลือดที่แห้งกรังบนพื้น เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท หากมีเจ้าหน้าที่มาตรวจค้นตามบ้านแล้วเห็นคราบเลือดพวกนี้ ถังหลี่ต้องพบกับปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน ดังนั้นนางจึงต้องจัดการให้เรียบร้อย โดยการขุดหลุมแล้วฝังเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดของตู้เย่ลงไป
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อยดีแล้ว หญิงสาวจึงเดินไปที่ห้องของเด็ก ๆ เห็นลูกทั้งสองคนกำลังก้มหน้าก้มตาทำงานที่นางได้มอบหมายให้กับเขาอย่างตั้งอกตั้งใจ เด็กน้อยไม่ได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายนอกห้องเลย
นางดูแลและเล่นกับลูก ๆ จนถึงเวลาอาหารกลางวัน
เป็นเพราะมีบุรุษวัยฉกรรจ์อยู่ในบ้านด้วย ถังหลี่จึงทอดเนื้อเพิ่มให้เขาเป็นพิเศษ กลิ่นหอมของเนื้อทอดฟุ้งกระจายจากในห้องครัวลอยไปถึงห้องพักรับรองแขก ตู้เย่จึงเปลี่ยนท่าทางจากนอนมาลุกขึ้นนั่งแทน
ในไม่ช้าถังหลี่ก็นำอาหารเข้ามา
มีจานเนื้อทอดสองชิ้น ผักนึ่งและน้ำแกงชามใหญ่
ตู้เย่รู้สึกว่าตอนนี้เขาไม่ใช่ผู้ร้ายที่ทางการกำลังตามล่า หากแต่เป็นแขกกิตติมศักดิ์ผู้หนึ่ง
“เจ้าอย่านั่งหรือนอนตลอดทั้งวัน แผลของเจ้าจะหายช้า!”
“น้ำแกงชามนี้มีรสชาติขมเล็กน้อย แต่ช่วยให้แผลดีขึ้น เจ้าดื่มน้ำแกงให้หมดอย่าให้เหลือ ”
สตรีผู้นี้พูดมากช่างน่ารำคาญเสียจริง!
ถึงแม้นางจะจู้จี้จุกจิกแต่ก็เป็นน้ำใสใจจริงของนาง ทำให้หัวใจที่ด้านชาของเขาถูกห่อหุ้มไปด้วยความอบอุ่น
หลังจากนั้นเพียงสองวัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาได้พักผ่อนอย่างเพียงพอหรือเพราะน้ำแกงชามนั้นกันแน่ ตู้เย่ก็ลุกจากเตียงเดินเหินไปมาได้อย่างปกติ
*********
สามวันถัดมาในขณะที่ถังหลี่ทำสวนอยู่ที่สนามหลังบ้าน จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างกระชั้นและเร่งเร้า
หญิงสาวพอจะคาดเดาได้ นางเหลือบไปมองที่ห้องพักรับรองแขกก่อนจะวางจอบ เช็ดมือ แล้วเดินลัดลานบ้านไปเปิดประตูพอเปิดออกก็พบกับเจ้าหน้าที่ถึงห้าคนยืนอยู่หน้าประตูบ้าน
“เหตุใดจึงเปิดประตูช้าเช่นนี้ หรือเจ้ากำลังซ่อนนักโทษหลบหนีอยู่? ”
ถังหลี่หงุดหงิดไม่น้อย ทว่าใบหน้าของนางก็ยังประดับไปด้วยรอยยิ้ม
“นายท่าน หากว่าบ้านข้ามีนักโทษเข้ามาหลบหนีอยู่ละก็ ข้าคงต้องรีบไปรายงานกับท่านอยู่แล้ว คงไม่มีทางที่จะมานั่งปลูกผักอย่างสบายใจเช่นนี้หรอก…นายท่านเข้ามาก่อนเถิด ข้าจะรินชาให้พวกท่านดื่มกันนะเจ้าคะ ”
หญิงสาววิ่งไปรินน้ำชาที่เตรียมไว้ พร้อมกับพาเด็กทั้งสองมาอยู่ข้างกายด้วย นางเกรงว่าพวกเขาจะตกใจกับเจ้าหน้าที่และทหารเหล่านี้ พวกเจ้าหน้าที่เริ่มค้นหาภายในบ้านของถังหลี่อย่างรวดเร็ว หลังจากรื้อค้นห้องนอนใหญ่แล้วก็ไล่ค้นไปตามห้องอื่น ๆ จนสุดท้ายก็เหลือเพียงแค่ห้องเก็บฟืนอยู่ห้องเดียว
“มีใครอยู่ในห้องเก็บฟืนหรือไม่? หนึ่งในผู้ต้องหาที่ข้าจับกุมได้ก็ซ่อนตัวอยู่ในห้องเก็บฟืน ข้าต้องขอค้นด้วย” เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบกล่าว หลังจากนั้นการค้นหาก็ได้เริ่มขึ้นอีกครั้งทำให้ฟืนในห้องถึงกับกระจัดกระจาย แต่ก็ไม่มีวี่แววพบผู้ต้องสงสัยแต่อย่างใด
ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังหันหลังเดินกลับ ยังไม่ทันที่เจ้าหน้าที่คนสุดท้ายจะผ่านประตูไป ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากภายในห้อง พวกเขาตื่นตัวขึ้นทันทีต่างหันหลังกลับมามองเป็นตาเดียวกัน
“ผู้ใดกัน?!”
———————-
[1]หมาไล่เนื้อ คือ คนที่รับใช้ผู้อื่นเมื่อเวลายังทำประโยชน์ให้ได้ ผู้เป็นนายก็เมตตาเลี้ยงดู แต่เมื่อทำประโยชน์ไม่ได้แล้ว ผู้เป็นนายก็ทอดทิ้งไม่ไยดีหรือหาเรื่องลงโทษขับไล่ไสส่ง เป็นต้น เปรียบเสมือนหมาไล่เนื้อ เมื่อแก่สิ้นเขี้ยวสิ้นเล็บ ใช้ไล่ล่าสัตว์ไม่ได้ เจ้าของก็ไม่เมตตาเลี้ยงดูอีกต่อไป
[2] สวมหมวกเขียว มีความหมายว่า ภรรยาคบชู้ หรือภรรยานอกใจ