บทที่ 63 ตบหน้า
ในห้องนั้นมีบุคคลอยู่ด้วยกันถึงสามคนโดยที่ถังหลี่นั่งเป็นประธานอยู่ที่เก้าอี้หลัก แม้ว่านางจะเป็นเพียงสตรีแต่บรรยากาศโดยรอบกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นผู้นำ ด้านข้างของนางมีบุรุษสองคนนั่งอยู่
หนึ่งในนั้นก็คือเถ้าแก่จางที่ประสบความสำเร็จในกิจการของตนเองจนมีฐานะ ส่วนอีกคนเป็นชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบกว่า ๆ แต่งกายดูภูมิฐาน
คนทั้งคู่ดูให้ความเคารพนบนอบกับถังหลี่เป็นอย่างมาก..
เป็นไปได้อย่างไร?
“ฮูหยิน เจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุใดหรือ?” เถ้าแก่จางประหลาดใจทันทีที่เห็นนางเถียน เขาหันไปมองที่ถังหลี่ก่อนจะกล่าวว่า
“แม่นางถัง เชิญท่านกับเหล่าหลี่พูดคุยกันไปก่อน ข้าขอตัวสักครู่หนึ่ง” หลังจากที่เถ้าแก่จางพูดจบ เขาก็รีบออกจากห้องและปิดประตูทันที
“ฮูหยิน ที่บ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?” เถ้าแก่จางถามด้วยความเป็นห่วง ทำให้เถียนซื่อกลับมาได้สติอีกครั้ง
“เปล่า..ไม่มีอะไร ข้าแค่มาหาท่าน…ท่านกำลังคุยเรื่องการค้าอยู่หรือ? เถ้าแก่หลี่ผู้นั้นเป็นเจ้าของร้านที่นอกเมืองใช่ไหม? เหตุใดเขาถึงมาที่นี่เล่า? พี่ท่านกำลังคุยเรื่องการค้ากันอยู่หรือ?”
“ใช่แล้วลูกค้ารายใหญ่! เจ้าจำที่ข้าเคยบอกครั้งก่อนได้หรือไม่? นั่นคือเถ้าแก่เนี้ยถัง! แม่นางถังตั้งโรงงานผลิตถุงหอมอยู่ในหมู่บ้านลี่เจีย เป็นคู่ค้ารายใหญ่ของพวกเรา และช่างบังเอิญจริง ๆ ที่นางเป็นเพื่อนบ้านของเราอีกด้วย! “วันนั้นเขายุ่งจนลืมบอกภรรยาถึงเรื่องนี้ไป
อะไรนะ? สาวบ้านนอกที่นางดูถูกคือลูกค้ารายใหญ่ของที่ร้านหรือ?!
นางตระหนักได้ว่า.. สามีไม่ได้โกหกนางอย่างแน่นอน ดังนั้นลูกค้ารายใหญ่ของครอบครัวนางก็เป็นถังหลี่จริง ๆ
ใบหน้าของเถียนซื่อเห่อร้อนไปด้วยความอับอาย!
เมื่อได้ยินข้อเท็จจริงนี้แล้วเถียนซื่อพลันรู้สึกว่าทั้งอยากร้องไห้และหัวเราะในคราวเดียวกัน
“โอ้…เป็นแบบนั้นเองหรือ? ”
นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันสินะ
สามีของนางและหญิงสาวผู้นั้นกำลังทำการค้าร่วมกันจริง ๆ นางมองถังหลี่ผิดไปจากเดิมทันที
“แม่นางถังเป็นสตรีที่น่าทึ่งมาก”
“ใช่แล้วสตรีไม่ใช่บุรุษ คราวก่อนที่ข้าออกไปนอกเมืองจำได้หรือไม่? ข้าไม่นึกว่าครอบครัวของเหล่าหลี่จะมีสวนสมุนไพรจริง ๆ และเหล่าหลี่ก็สนใจการซื้อขายครั้งนี้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงเข้ามาที่เหยาสุ่ยเพื่อพบกับเถ้าแก่เนี้ยถัง”
“เอาละ ..หากเจ้าไม่มีเรื่องด่วนอะไร ข้าจะเข้าไปคุยต่อแล้ว”
“ไปเถิด เรื่องค้าขายต้องมาก่อน” เถียนซื่อพยักหน้า
เถ้าแก่จางหันกลับไปเดินเข้าห้องรับรองอีกครั้ง สามีของนางให้ความเคารพกับถังหลี่เป็นอย่างมาก เถียนซื่อก็รู้สึกผิดที่เข้าใจถังหลี่ไปในทางที่ไม่ดี
โชคดีเหลือเกินที่นางไม่ได้ทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตจนเกินไป
ไม่เช่นนั้นแล้วหากทำให้แม่นางถังขุ่นเคืองใจ ผลเสียจะตกกระทบที่กิจการของครอบครัวนางแน่นอน!
ทางด้านเฉียนกุ้ยอิงถึงกับตกตะลึงพรึงเพริดไปเลย
นางไม่เคยคิดเลยว่าหญิงสาวบ้านนอกผู้นี้ จะเป็นเจ้าของกิจการใหญ่โตได้ แม้แต่เถ้าแก่จางก็ยังให้ความเคารพนาง
เถียนซื่อมองไปที่เฉียนกุ้ยอิงด้วยความงุนงง
“เฉียนกุ้ยอิง สิ่งที่เจ้าพูดเป็นเรื่องไร้สาระจนอาจจะทำร้ายผู้อื่นได้ ”
เถียนซื่อพูดด้วยน้ำเสียงที่ห่างเหิน นางไม่ใช่คนโง่จนไม่รู้ว่าเฉียนกุ้ยอิงมีจิตใจที่คิดร้ายกับครอบครัวของนาง เดิมทีคนทั้งสองเป็นเพื่อนบ้านที่คอยช่วยเหลือกันและกัน แต่ตอนนี้เถียนซื่อรู้แล้วว่าไม่คุ้มที่จะผูกมิตรกับเฉียนกุ้ยอิง
…….
ในห้องรับรองด้านใน ถังหลี่และเจ้าของร้านทั้งสองตกลงซื้อขายกัน ในถุงหอมของถังหลี่ประกอบไปด้วยสมุนไพรทั้งหมดสิบสองชนิด โดยที่ยังคงซื้อจากเถ้าแก่จางจำนวนสิบเอ็ดชนิด และอีกหนึ่งชนิดซื้อจากเถ้าแก่หลี่ ทั้งสองทำการค้ากับถังหลี่ด้วยความจริงใจ สุดท้ายนางก็ได้สมุนไพรมาในราคาสองตำลึงต่อหนึ่งชั่ง[1]
ถังหลี่รีบกลับบ้านทันทีหลังจากที่ตกลงทำการค้าเสร็จ เด็กทั้งสองรอมารดาอยู่ที่บ้าน แม้ว่าเอ้อร์เป่าจะดูโตกว่าวัย เขาสามารถลงกลอนประตูให้แน่นหนาและไม่เปิดต้อนรับใครง่าย ๆ แต่นางก็ยังคงเป็นห่วงอยู่ พอกลับมาถึงบ้านแล้ว นางเห็นเด็กทั้งสองคนเล่นอยู่ในลานบ้าน หญิงสาวก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก
ตกบ่ายก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ถังหลี่เปิดประตูและพบกับใบหน้าที่คุ้นเคย เป็นเฉียนกุ้ยอิง เพื่อนบ้านที่นางทะเลาะด้วยวันก่อนนั่นเอง แต่วันนี้กลับยิ้มแย้มให้นางเป็นอย่างดี
“แม่นางถัง ข้าเพิ่งทำซาลาเปา เห็นลูกเจ้าชอบทานซาลาเปา ข้าเลยเอามาให้” เฉียนกุ้ยอิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“เมื่อสองสามวันก่อน ข้าเข้าใจเจ้าผิดไปมาก ข้อต้องขออภัยจากเจ้าด้วย นี่เป็นของแทนคำขอโทษจากข้า ”
สตรีผู้นี้รังแกซานเป่าเมื่อวันก่อน ดังนั้นถังหลี่จึงเย็นชากับนาง
“ไถ่โทษหรือ? ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก อีกอย่างลูกข้าก็ไม่ชอบกินซาลาเปา! ”
ถังหลี่พูดจบก็รีบปิดประตู แต่เฉียนกุ้ยอิงกับอาศัยความเร็วลอดตัวแทรกเข้ามา
“เรียกข้าว่า กุ้ยอิงเถิด ส่วนข้าจะเรียกเจ้าว่าเสี่ยวถัง พวกเราเป็นเพื่อนบ้านกัน เพื่อนบ้านก็เปรียบเสมือนญาติห่าง ๆ นั่นแหละ ..เสี่ยวถัง! ซาลาเปาของข้าอร่อยมากนะ ไม่เหมือนกับที่ทำทั่ว ๆ ไป ลูกใหญ่ไส้แน่น เด็ก ๆ ต้องชอบเป็นแน่ ”
ในขณะที่นางพูดก็มองเข้าไปในตัวบ้าน เห็นเด็กทั้งสองคน นางจึงเดินไปหาพร้อมกับยื่นซาลาเปาให้
“เด็กน้อย …รับซาลาเปาไปสิ!”
เอ้อเป่ามองซาลาเปาหากไม่ขยับตัว เขายังแค้นใจไม่หาย ถังหลี่เดินไปยืนบังลูกชายเอาไว้ นางพูดเสียงกร้าวว่า
“ไม่จำเป็น” เฉียนกุ้ยอิงหัวเราะสองสามที ก่อนที่จะวางซาลาเปาไว้บนโต๊ะ
“เสี่ยวถัง…ข้าจะบอกอะไรให้นะ เถียนซื่อผู้หญิงที่อยู่ข้างบ้านของเจ้านะ รีบไปไป๋เย่าถังเพราะคิดว่า เจ้ากับสามีนางกำลังเล่นชู้กัน! นางยังบอกอีกว่าสามีนางเป็นคนดี! เสี่ยวถังเจ้าหน้าตางดงามขนาดนี้จะไปชอบตาแก่แบบนั้นได้อย่างไรกันจริงหรือไม่? นางทำทีเป็นกระซิบกระซาบตีสนิทกับถังหลี่
“เสี่ยวถังเจ้าทั้งหน้าตาดีอีกทั้งยังอายุน้อย …ผู้ชายธรรมดาสามัญทั่วไปจะมาคู่ควรกับเจ้าได้อย่างไร? ”
นางแน่ใจว่าเถียนซื่อจะไม่มีวันเปิดปากพูดเรื่องน่าอายแบบนี้ออกมาแน่นอน ดังนั้นนางจึงรีบบอกเรื่องนี้แก่ถังหลี่ เพื่อให้หญิงสาวมองครอบครัวเถียนซื่อในทางไม่ดี แน่นอนว่าตอนนี้นางกับเถียนซื่อแตกหักกันโดยสมบูรณ์แล้ว แต่ใครจะสนใจเล่า …ในเมื่อถังหลี่ดีกว่าเถียนซื่ออย่างเห็นได้ชัด เพราะนางเป็นลูกค้ารายใหญ่ของครอบครัวเถียนซื่อนั่นเอง!
เฉียนกุ้ยอิงมีเจตนาร้าย
แต่น่าเสียดายที่ถังหลี่ไม่ใช่คนโง่ นางไม่ได้คล้อยตามใครง่าย ๆ เพียงเพราะแค่ถูกยกยอปอปั้น มิหนำซ้ำ ถังหลี่ยังรู้สึกรังเกียจมากกับสิ่งที่เฉียนกุ้ยอิงพ่นออกมา นางเป็นสตรีที่น่ารังเกียจ พวกปากยื่นปากยาว เลียขาคนไปทั่ว! น่าขยะแขยงอย่างยิ่ง!
“ข้ามีสามีแล้ว” ถังหลี่กล่าว
“ใช่ เจ้าให้กำเนิดเด็กน่ารักถึงสองคน สามีของเจ้าต้องเป็นคนแข็งแรงมาก! เด็กทั้งคู่น่ารักน่าชัง คนโตน่าจะอายุพอ ๆ กับจื้อเสวียของข้า จื้อเสวียของข้ากำลังจะเข้าเรียนที่สำนักศึกษาในปีหน้า หากพวกเขาเป็นเพื่อนเล่นกัน ในภายหน้าพวกเขาก็จะสามารถเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ในสำนักศึกษา”
“เจ้าลืมไปแล้วหรือ? ไม่กี่วันก่อน เจ้ายังบอกว่าลูกของข้านั้นซนเกินไปและทำให้ลูกของเจ้าเสียคน ในเมื่อลูกของเจ้ากำลังจะเป็นว่าที่บัณฑิตข้าก็ไม่อยากทำลายอนาคตของเขาหรอก!”
“ซุกซนบ้างก็นับว่าเป็นเรื่องดี เด็ก ๆ ต้องมีชีวิตชีวาสิ จื้อเสวียของข้าน่ะน่าเบื่อเกินไป” เฉียนกุ้ยอิงพูดด้วยรอยยิ้ม ทำให้ถังหลี่ถึงพูดไม่ออก ผู้หญิงคนนี้ช่างหน้าหนาเสียเหลือเกิน! ”
“ข้ามีเรื่องมากมายต้องทำ เชิญกลับไปเถิด หากเจ้ายังไม่ออกไปข้าจะไล่เจ้าออกไปเอง” ถังหลี่พูดและยัดก้อนซาลาเปากลับเข้าไปในแขนของเฉียนกุ้ยอิง ก่อนจะหยิบไม้กวาดด้วยมืออีกข้างของนาง เฉียนกุ้ยอิงเดินไปที่ประตูด้วยความสิ้นหวังก่อนจะหันกลับมาพูดว่า
“ในเมื่อเจ้ายุ่งข้าจะไม่รบกวนเจ้า แต่เราเป็นเพื่อนบ้านกัน ไว้ข้าจะมาใหม่อีกครั้ง”
จากนั้นนางก็เดินออกจากประตูไป หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าวนางก็บังเอิญเจอเถียนซื่อ นางเห็นเถียนซื่อถือห่อของมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร
เฉียนกุ้ยอิงไม่ได้พยายามที่จะประจบเถียนซื่ออีกแล้ว หากทักทายเถียนซื่อด้วยน้ำเสียงอย่างผู้ที่เหนือกว่าว่า
“พี่เถียน พี่มาหาเสี่ยวถังหรือ? ข้าเพิ่งกลับมาจากบ้านของนาง พวกเราคุยกันถูกคอมากแต่นางยุ่งเกินไป..ข้าจึงกลับออกมาก่อน นางยุ่งมาก พี่อย่าได้ไปรบกวนนางเลย ”
[1] 1 ชั่ง มีน้ำหนักเท่ากับ 1,200 กรัม