บทที่ 70 ลูกค้า
เดิมที่ฮั่วจีว์ต้องการมีตัวตนในสายตาของน้องสาวอยู่แล้ว แน่นอนว่าโอกาสทองแบบนี้เขาต้องรีบคว้าเอาไว้ ชายหนุ่มพาสหายของเขาไปที่โรงงานเพื่อข่มคนงานพวกนั้น ภายใต้การกดดันของฮั่วจีว์ คนงานยี่สิบคนที่เพิ่งจากไปย่อมไม่กล้าสร้างปัญหาอีกและผู้คนในโรงงานนี้ย่อมปฏิบัติกับถังหลี่ด้วยความเคารพ
ส่วนหลู่ชิงนั้น นอกจากนางจะดูแลแม่ที่ป่วยแล้ว นางยังเข้ามาโรงงานคอยควบคุมคนงานให้ทำงานกันอย่างมีระเบียบ ทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่น แต่สิ่งที่หลู่ชิงกังวลที่สุดคือหน้าร้าน
หน้าร้านไม่มีลูกค้า โรงงานผลิตไปเท่าใดก็ขายไม่ได้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะมีแต่รายจ่ายเกิดขึ้น ไม่มีรายรับเข้ามาเลย กำไรก็จะหดหาย
เดิมทีชื่อเสียงของเป่าชิงเก๋อในตอนนี้ก็ไม่ดีนัก ช่างยากที่จะดึงดูดลูกค้าให้เข้ามา นางเองก็ไม่รู้ว่าถังหลี่จะแก้ไขสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ได้อย่างไร หลู่ชิงกังวล แต่ไม่กี่วันต่อมาเมื่อนางเข้าไปที่หน้าร้านและพบว่ามีลูกค้าอยู่ด้านในเป่าชิงเก๋อ ทำให้นางแปลกใจไม่น้อยเลยทีเดียว
มีคนอยู่สองสามคนถึงจะไม่มากแต่ก็เป็นลูกค้า
ด้วยความสับสนปนดีใจ นางยืนนิ่งอยู่หน้าประตูร้านเฝ้าคิดว่าตนกำลังฝันอยู่หรือเปล่า? หลังจากที่ลูกค้าเดินออกไปนางรีบเดินไปหาถังหลี่
“ถังถังเจ้าทำได้อย่างไร?”
ถังหลี่นั่งอยู่หลังโต๊ะ ส่วนเด็กน้อยทั้งสองที่ตามนางมาก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเล็ก ๆ ทั้งสองคนถือหนังสือคนละเล่ม พวกเขาเรียบร้อยและสงบเสงี่ยมมาก
ถังหลี่เงยหน้าขึ้นเหลือบมองหลู่ชิง
“ข้าจ่ายเงินจ้างมา”
“จ้างมาหรือ?” หลู่ชิงตกใจ
หลังจากหายตกใจแล้วนางก็คิดว่า นี่ข้าดีใจเก้อหรือ? เป่าชิงเก๋อยังไม่สามารถทำเงินได้… และนั่นยิ่งทำให้นางสงสัยต่อไปอีกว่า เจ้าของกิจการที่ไม่สามารถขายของได้ นับวันมีแต่เงินจมลงไปเช่นนี้ .. เหตุใดนางถึงได้อยากทำกิจการที่ขาดทุนแบบนี้อยู่อีกเล่า? หลู่ชิงอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามขึ้นในใจ
ถังหลี่อธิบายด้วยรอยยิ้มว่า
“นี่เป็นกลยุทธ์ในการขาย ทุกคนล้วนคล้อยตามกันง่าย เมื่อร้านร้างไม่มีคน คนที่เดินผ่านไปมาย่อมไม่อยากเข้าร้านเพราะคิดว่าร้านขายไม่ดี กลับกันหากมีคนอยู่ในร้านล่ะก็ คนที่ผ่านไปมาย่อมอยากรู้อยากเห็นและเดินเข้ามา ถึงเวลานั้นเราจะได้ลูกค้าตัวจริงอย่างไรเล่า”
หลู่ชิงตกใจมาก มีกลยุทธ์การขายแบบนี้ด้วยหรือ?
แต่เมื่อคิดดูแล้วที่นางพูดมาย่อมมีเหตุผล หลู่ชิงเองก็คิดเช่นนี้ หากในร้านมีคนน้อยนางย่อมคิดว่าร้านนั้นขายไม่ดี!
แม้หลายคนจะเคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้ แต่คนที่นำมาประยุกต์ใช้ในการขายอย่างจริงจังคือถังหลี่ หลู่ชิงมองไปที่หญิงสาวด้วยดวงตาที่สดใสแววตาของนางเจือไปด้วยความชื่นชม
“ถังถังข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนที่น่าทึ่งมาก ข้าอยากทำได้เช่นเจ้าเหมือนกัน”
เก่งให้มากกว่านี้ กล้าให้มากกว่านี้ เดินตามเส้นทางที่บิดาวาดฝันเอาไว้
“ข้าสอนเจ้าเอง” ถังหลี่ยิ้มและกล่าวกับนาง
หลู่ชิงกอดแขนของถังหลี่และพูดด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อน
“เจ้าทำให้ข้ามีความสุข”
ถังหลี่และหลู่ชิงมีอายุใกล้เคียงกัน หลู่ชิงมีอายุมากกว่าเล็กน้อยแต่ถังหลี่มีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่กว่านาง ดังนั้นหลู่ชิงจึงยกย่องถังหลี่ให้เป็นพี่สาวของนาง ในตอนนั้นเองมีลูกค้าคนหนึ่งเข้ามาขัดจังหวะพวกนาง
ลูกค้าคนนั้นต้องการชาดแดงบรรจุกล่องหนึ่งโหล
“อาชิงเจ้าไปอธิบายเกี่ยวกับสีชาดแต่ละกล่องทีว่าเหมาะกับสีผิวใดบ้าง”
หลู่ชิงเข้าไปอธิบายให้ลูกค้าฟังอย่างใจเย็นและพิถีพิถัน เมื่อลูกค้าจากไปนางอดไม่ได้ที่จะพูดว่า
“ถังถัง เหตุใดลูกค้าที่เจ้าจ้างมาจึงดูสมจริงเช่นนี้? นางซื้อของกลับไปด้วย เจ้าได้ให้เงินนางไว้ซื้อของด้วยหรือ? นางจะนำชาดกลับมาคืนร้านภายหลังหรือไม่?
“นี่คือลูกค้าจริง ๆ วันนี้ขายได้เงินแปดตำลึงแล้ว” ถังหลี่กล่าว
หลู่ชิงตกใจอีกครั้ง นี่เป็นลูกค้าจริงๆ หรือ? เป่าชิงเก๋อขายของได้แล้ว!
ไม่กี่วันต่อมาหลู่ชิงมักจะเข้ามาที่หน้าร้านและรับลูกค้า มีอยู่วันหนึ่งที่ยอดขายสูงสุดถึงสิบห้าตำลึง!
เป่าชิงเก๋อเปิดให้บริการแล้ว!หลู่ชิงอดไม่ได้ที่จะดีใจ นางสั่งให้คนงานเริ่มผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นทันที
………..
ถังหลี่ต้องเข้าไปดูแลร้านและต้องดูแลลูกทั้งสองคนควบคู่ไปด้วย ตอนนี้นางกำลังประสบปัญหาอย่างใหญ่หลวง นั่นคือ นางไม่มีเวลาว่างเลย
ในช่วงเวลาที่ถังหลี่กำลังยุ่ง เว่ยฉิงก็พาคนกลับมาบ้านสองคน คนแรกเป็นหญิงวัยกลางคนอายุราวสามสิบห้าปี นางมีฝ่ามือหยาบกระด้างและท่าทางขี้อายเล็กน้อย อีกคนเป็นเด็กผู้ชายอายุสิบสี่หรือสิบห้าปี รูปร่างผอม ดวงตาของเขาฉ่ำวาว ท่าทางดูฉลาดเฉลียว
“นายหญิง ข้ามีนามว่าฉางลู่ หากท่านมีอะไรให้ข้ารับใช้ท่านสามารถสั่งข้าได้เลยนะขอรับ” ฉางลู่เอ่ยอย่างกระตือรือร้น
“นายหญิงข้ามีนามว่าจ้าวซิ่วเอ๋อร์…ข้าสามารถทำอาหาร ซักผ้าและดูแลเด็กได้เจ้าค่ะ…” จ้าวซิ่วเอ๋อร์กระซิบบอกแผ่วเบา
ถังหลี่มองไปที่เว่ยฉิงและพบว่าเขากำลังส่งยิ้มกว้างให้นางอยู่
“ภรรยา …พวกเขามีความสามารถหลายอย่าง เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย พวกเขาจะมาแบ่งเบาภาระของเจ้า”
เมื่อเห็นภรรยาของตนทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย เว่ยฉิงจึงได้พยายามหาคนรับใช้สองสามคนเพื่อช่วยงานในบ้าน เขาต้องการคนที่น่าเชื่อถือและซื่อสัตย์ ดังนั้นเขาจึงได้ใช้เวลาหาอยู่นานถึงหลายวัน
เว่ยฉิงทำได้ดีมาก… ดีจนหัวใจของนางอ่อนยวบ ถังหลี่ต้องการจ้างบ่าวรับใช้มานานแล้ว หากแต่นางยุ่งเกินว่าจะมีเวลาไปหาจ้างคน แต่สามีของนางก็ได้ช่วยแก้ปัญหาให้นางแล้ว
ถังหลี่เชื่อว่าชายหนุ่มมองคนไม่ผิดอย่างแน่นอน
“ป้าจ้าว” ถังหลี่มองไปที่จ้าวซิ่วเอ๋อร์” ต่อไปนี้ข้าจะเรียกว่าป้าจ้าวล่ะนะ ฉางลู่ เจ้ามากับข้า”
จ้าวซิ่วเอ๋อร์และฉางลู่รีบเดินตามถังหลี่ไป ถังหลี่ชี้ไปที่ห้องสองห้องที่อยู่ด้านหน้าของนาง
“พวกเจ้าอาศัยอยู่ในสองห้องนี้ ข้าจะให้เว่ยฉิงหาเตียงให้พวกเจ้าในภายหลัง หากต้องการอะไรเพิ่มก็บอกเขาไป”
ฉางลู่รู้สึกปลาบปลื้มใจ
“ข้ากับป้าจ้าวอยู่ห้องเดียวกันก็ได้?”
ฉางลู่เคยเป็นบ่าวรับใช้ของครอบครัวมีอันจะกินมาก่อน พวกเขาต้องนอนรวมกันเจ็ดหรือแปดคนภายในห้องเดียวกัน!
“นายหญิงเจ้าคะ ไม่ต้องใช้เตียงหรอกเจ้าค่ะ แค่เอาฟางมารองพื้นก็พอ” จ้าวซิ่วเอ๋อร์กระซิบเบา ๆ นางไม่ได้ต้องการอะไรมากนัก แค่มีที่กำบังลมและฝนก็เพียงพอแล้ว
“เจ้าต้องการที่นอนสิ หากเจ้าได้นอนหลับสบาย ตื่นมาก็จะได้มีแรงทำงาน” ถังหลี่พูดด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าสองคนพักผ่อนเถิด แล้วค่อยกินอาหารเย็นภายหลัง”
จ้าวซิ่วเอ๋อร์และฉางลู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ระหว่างทางที่มาพวกเขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจนักกลัวว่าเจ้านายคนใหม่จะไม่ค่อยดีกับพวกเขา…แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านายท่านและนายหญิงของพวกเขาจะเป็นคนที่ดีมาก
ถังหลี่กลับไปที่ห้องนอนหลักและเว่ยฉิงเดินตามหลังนางเข้าไปในห้อง ชายหนุ่มหยิบกระดาษสองแผ่นออกจากแขนเสื้อและส่งให้ถังหลี่รับไป
“ใบซื้อขายทาส?” ถังหลี่ประหลาดใจ นางมาจากสังคมที่มีความเท่าเทียมกัน แต่ทว่าในยุคโบราณเข่นนี้กลับต่างออกไปผู้คนถูกซื้อขายราวกับสินค้าอย่างหนึ่ง
แน่นอนว่าถังหลี่ไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่เข้าใจว่าในยุคสมัยนี้ การสนับสนุนความเท่าเทียมกันของมนุษย์จะช่วยให้การซื้อขายทาสหมดลง
ทาสแบ่งออกเป็นทาสเป็นและทาสตาย สำหรับทาสเป็นนั้นสามารถไถ่ชีวิตของตนให้เป็นอิสระได้ แต่ทาสตายนั้นจะไม่สามารถไถ่ชีวิตของตนได้ ย่อมตกเป็นทรัพย์สมบัติของตระกูลเจ้านาย แม้แต่ลูกหลานที่เกิดมาก็จะเป็นทาสของตระกูลเจ้านายเช่นกัน
“ใช่ ทาสตายนั้นย่อมจงรักภักดีกับนายของตน พวกเขาจะทำทุกอย่างเพื่อเจ้านาย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าพวกเขาจะทรยศหรือไม่? อีกทั้งพวกเขายังเต็มใจอีกด้วย”
“สามีของป้าจ้าวมีภรรยาใหม่ ทั้งสามีและลูก ๆ ของนางไม่ต้องการนาง ป้าจ้าวไร้บ้านพักพิง นางมีความต้องการเพียงแค่อาหารและที่พักก็พอแล้ว”
“ฉางลู่เคยทำงานในเมือง บิดาของเขาป่วยมานาน เงินทั้งหมดที่หามาได้เขานำไปรักษาบิดาจนหมด เมื่อบิดาของเขาเสียชีวิตลงเขาไม่มีเงินทำศพจึงขายตัวเองเป็นทาสนำเงินไปฝังศพพ่อ เขาเป็นเด็กกตัญญู”
เว่ยฉิงยังคงเล่าอะไรอีกมากให้นางฟัง หญิงกลางคนถูกสามีขับไล่ยิ่งกว่าสัตว์ หลังจากที่จ้าวซิ่วเอ๋อร์ออกจากบ้าน นางไปอาศัยอยู่ในวัดร้าง อาศัยผักป่าและดื่มน้ำจากคูน้ำเพื่อสนองความหิว
ส่วนทางฉางลู่ก็ไม่ได้ราบรื่นนัก เขาแอบออกมาหาพ่อ และเมื่อกลับไปที่บ้านเจ้านาย เขาถูกทุบตีก่อนเฉดหัวทิ้ง เขาทั้งผ่ายผอมและเป็นบุรุษ ทำให้ไม่มีใครต้องการเขาเข้าทำงาน
นี่จึงเป็นเรื่องดีที่มีคนซื้อพวกเขามา
***************