บทที่ 88 ชีวิตและความตาย
ถังหลี่กำชับสั่งงานกับฉางลู่สองสามคำ ก่อนจะรีบไปที่บ้านของเด็กชาย บ้านของเขาอยู่ในตรอกแคบ ๆ ที่ชื้นและอากาศไม่ถ่ายเท มีกลิ่นเหม็นอับ ห้องเล็กคับแคบ มีเพียงห้องเดียวในบ้าน ภายในนั้นเรียบง่ายมาก มีเพียงโต๊ะ เก้าอี้ เตียงใหญ่หลังหนึ่ง และเตียงเล็กหลังหนึ่ง มันดูแออัดมาก
หยุนเหนียงนอนอยู่บนเตียงใหญ่ มีผ้าฝ้ายขาดรุ่งริ่งห่มร่างกายของนางไว้ ใบหน้าของนางซีดเผือด หน้าอกไม่ขยับขึ้นลง ราวกับว่านางได้จากโลกนี้ไปแล้ว
ถังหลี่เข้าไปหาหยุนเหนียง เอื้อมมือไปอังที่จมูกของนาง หญิงสาวพบว่านางยังมีลมหายใจอยู่ ใบหน้าของถังหลี่ดีขึ้น
“หาหมอหรือยัง?”
“หาแล้วขอรับ”
“หมอบอกอย่างไร?” ถังหลี่ถาม
“หมอบอกว่าเกินเยียวยาแล้ว” เสียงของเด็กชายสั่นใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา เขามีแต่ความสิ้นหวัง
“เจ้าไปพบหมอคนไหนหรือ?”
“ท่านหมอหลี่จากโรงหมอเหมี่ยวยี่”
“ไปเรียกพ่อของเจ้ามา” ถังหลี่สั่ง
เด็กชายพยักหน้าหันหลังวิ่งออกไป
ถังหลี่รู้เพียงแค่หลักการแพทย์ธรรมดา ๆ บางอย่างเท่านั้น ดังนั้นนางจึงไม่สามารถช่วยชีวิตของผู้คนได้ นางเลือกที่จะไปขอความช่วยเหลือจากหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเหยาสุ่ยที่ชื่อหมอเฉิน เมื่อถังหลี่พาหมอเฉินกลับมา เด็กชายก็พบกับพ่อของตัวเองเช่นกัน
ชายมีเครานอนเนื้อตัวสกปรกอยู่บนพื้น ตัวเขาเปื้อนไปด้วยโคลนและมีกลิ่นเหม็น เด็กชายมองบิดาด้วยความไม่พอใจ และเมื่อเขาเห็นถังหลี่พาหมอกลับมา ดวงตาของเขามีแสงแห่งความหวังวาดผ่าน เด็กชายรีบกุลีกุจอเชิญหมอเฉินเข้าบ้าน
เขารู้ว่าหมอเฉินคือหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเหยาสุ่ย มีคนมากมายที่ขอให้เขารักษา แต่ก็ไม่มีใครสามารถให้เขารักษาได้แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีเงินแค่ไหนก็ตาม ในเมื่อหมอเฉินมารักษาเช่นนี้ แม่เขาจะมีโอกาสรอดใช่หรือไม่?
ความหวังเล็ก ๆ ผุดขึ้นในใจของเด็กชาย
เด็กชายรีบรับกล่องยาจากหมอเฉินอย่างรวดเร็ว หมอเฉินทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงเขากวาดตามองไปรอบ ๆ และตรวจดูอาการของหยุนเหนียง
เด็กชายมองไปที่หมอตรงหน้าด้วยความหวัง
หลังจากที่ตรวจดูอาการแล้ว หมอเฉินได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ
“เถ้าแก่เนี้ยถัง ผู้ป่วยขาดสารอาหารมากเกินไป ทำให้รากของโรคที่เป็นต้นตอฝังลึกในร่างกาย ตอนนี้มันแสดงอาการออกมาทำให้นางไม่สามารถฟื้นได้”
เมื่อหมอเฉินพูดจบ ขาของเด็กชายก็อ่อนแรง เขาทรุดตัวนั่งลงกับพื้น หญิงสาวขมวดคิ้วมองไปที่หยุนเหนียงบนเตียง แล้วมองไปที่เด็กหนุ่มที่อยู่บนพื้น
“หมอเฉิน โสมเก่าแก่ที่สุดของท่านมีอายุกี่ปีหรือ?”
“หนึ่งร้อยปี” หมอเฉินเข้าใจเจตนาของถังหลี่ “นายหญิงถัง…โสมทำได้เพียงปรับสมดุลในร่างกายเท่านั้น ไม่สามารถรักษาโรคได้หรอก”
“แค่ยื้อไว้ ตราบใดที่นางยังมีลมหายใจก็แปลว่ายังมีความหวังไม่ใช่หรือ?” ถังหลี่มองดูเด็กหนุ่มที่อยู่ที่พื้น
“เด็กน้อย…เจ้าตามหมอไปเอาโสมมาเถิด”
เขาก้มหัวขอบคุณถังหลี่และเดินตามหมอออกไป
ถังหลี่มองไปที่ชายขี้เมาบนพื้น คิ้วของนางขมวดแน่นและความโกรธในหัวใจของนางก็ปะทุขึ้น
ภรรยาของเขากำลังจะตาย! แต่เขายังดูดายเช่นนี้หรือ!
ถังหลี่หยิบกระบวยที่แขวนอยู่บนผนังออกมา ตักน้ำและสาดไปที่ใบหน้าของชายขี้เมา เขาลืมตาขึ้นมาด้วยความงุนงงและมองไปที่ถังหลี่ หญิงสาวตบหน้าเขาสองครั้งทำให้เขาตื่นขึ้น ชายคนนี้หรี่ตามองไปที่นาง หญิงสาวคว้าคอเสื้อเขาขึ้นและลากเขามาที่หน้าประตูบ้าน ก่อนจะให้เขาเงยหน้ามองไปที่เตียง
“ดูนางสิ! นางคือภรรยาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเจ้า แต่ตอนนี้นางกำลังจะตายแล้ว!”
ตาย?
เขามองไปที่สตรีที่นอนอยู่บนเตียง ฉับพลันจิตใจของเขาก็ค่อย ๆ เข้าใจความหมายของคำว่า “ตาย”
“นางเป็นแบบนี้ก็เพราะเจ้า หากไม่ใช่เพราะเจ้า!ผู้หญิงที่อายุไม่ถึงสามสิบปีเช่นนางจะดูทรุดโทรมเพียงนี้หรือ? เจ้าทำอะไรบ้าง? นอกจากดื่มเหล้าเมาหยำเปทั้งวัน นางต้องอดทนมากแค่ไหนเพื่อพยุงครอบครัวของเจ้าไว้จนร่างกายทรุดโทรม เป็นลมไปไม่รู้กี่ครั้งกี่หน ตอนนี้นางไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว!”
“ข้าไม่รู้เรื่องในอดีตของเจ้า แต่เจ้าแต่งงานกับนางสร้างครอบครัวกับนาง พร้อมที่จะแก่ชราไปด้วยกัน ข้าคิดว่าเจ้ารักนาง แต่ในเมื่อรักนางเหตุใดเจ้าถึงทำกับนางเช่นนี้? เจ้าปล่อยให้ครอบครัวต้องทุกข์ทรมานเพื่อเจ้า ตอนนี้นางยอมตายเพื่อเจ้าแล้ว เจ้าพอใจหรือยัง?”
คำพูดของถังหลี่กระทบเข้ากับจิตใจของชายขี้เมาผู้นั้น เขาตัวสั่นสะท้านใจเต้นระรัว
หยุนเหนียงกำลังจะ…ตาย? เขาจะสูญเสียนางไปตลอดหรือ?
ชายคนนั้นเดินโซเซเข้าไปในห้อง เขาทรุดกายลงข้างเตียง
หยุนเหนียง….หยุนเหนียง!” ไม่ว่าเขาจะตะโกนเรียกนางอย่างไร …ตาของนางก็ยังคงปิดแน่นอยู่อย่างนั้น ภายใต้ความกลัวอย่างถึงที่สุด ในที่สุดเขาก็ได้สติขึ้นมา
เขามัวแต่ทำอะไรอยู่หลายปี? ทำให้เมียของเขาต้องทนทุกข์เช่นนี้
นี่ข้าทำบ้าอะไรลงไป!
เขาตบใบหน้าตัวเองอย่างแรง
“หยุนเหนียงข้าขอโทษ! ข้าผิดเอง!”
“หยุนเหนียงข้าผิดไปแล้ว ได้โปรดลืมตามองข้าได้ไหม? หยุนเหนียง เจ้าลืมตาขึ้นมาเถอะ!”
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ เด็กชายก็กลับมาพร้อมกับโสมในมือ เมื่อเห็นบิดาที่กำลังร้องไห้อยู่ข้างกายมารดา เขาถึงกับตกตะลึง แววตาของเขาขุ่นขึ้ง เด็กหนุ่มรีบวิ่งไปผลักบิดาออกทันที
“ไปให้พ้นแม่ข้า! ท่านเป็นคนฆ่านาง!”
เขาปกป้องมารดาเหมือนกับลูกหมาป่าที่ไม่ยอมให้พ่อเข้าใกล้
ถังหลี่หั่นโสมชิ้นหนึ่งที่เด็กชายนำมาด้วยมีดทำครัว ก่อนจะนำมันเข้าปากของหยุนเหนียงในที่นางก็กลืนมันลงไป
“นายหญิง ข้าควรทำเช่นไร? ” เด็กน้อยมองถังหลี่และถามขึ้นมา บิดาของเขาไม่ใช่คนที่พึ่งพาได้ ส่วนคนแปลกหน้าที่พบโดยบังเอิญผู้นี้กลับกลายเป็นคนที่เขาไว้เนื้อเชื่อใจอย่างที่สุด
“ข้ารู้จักหมอที่เก่งมาก ข้าจะไปตามเขามาดูอาการแม่ของเจ้า เจ้าอยู่บ้านดูแลนาง หากลมหายใจของนางแผ่วลงเจ้าก็ป้อนโสมให้นางหนึ่งชิ้น” ถังหลี่กล่าว
“ขอรับ” เด็กชายพยักหน้ารับคำอย่างแข็งขัน เขาเริ่มมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง แต่ถังหลี่เตือนเขาไว้
“อย่าคาดหวังมากนัก ข้าไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถช่วยได้มากเพียงใด…แต่ต้องลองดู เจ้าชื่ออะไรหรือ? ”
“เจิ้งติ่ง”
“ตกลงเจิ้งติ่ง เจ้ารอข้ากลับมา”
ถังหลี่เดินออกไป
เจิ้งติ่งยืนอยู่ข้างกายมารดา เขาจ้องมองนางอย่างใกล้ชิดและหมั่นตรวจลมหายใจของนางหลายครั้ง ชายขี้เมาหยุดร่ำไห้เขานั่งเฉย ๆ อยู่ที่ประตู จ้องไปยังร่างของผู้ที่นอนอยู่บนเตียง
..
รถเทียมวัวนั้นช้าเกินไป ส่วนถังหลี่ก็ขี่ม้าไม่เป็นนางจึงตัดสินใจเข้าไปที่ตลาดและจ้างรถม้าเพื่อไปที่หมู่บ้านลี่เจีย ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยามนางก็เดินทางถึงหมู่บ้านและตรงไปที่โรงงานผลิตถุงหอม ถังหลี่พบหมอซูและอธิบายเรื่องนี้กับเขาสั้น ๆ หลังจากได้ฟังหมอซูรีบเก็บกล่องยาของเขาและตามถังหลี่ขึ้นรถม้ากลับเข้าไปในเมือง
เสียง ‘เอี๊ยด’ หยุดของรถม้า ราวกับเสียงที่พวกเขาตั้งตารอคอย
เจิ้งติ่งกระตือรือร้นมากขึ้น เมื่อเห็นถังหลี่เดินทางมาพร้อมกับหมอ สองสามชั่วยามที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับเจิ้งติ่ง เขากลัวว่ามารดาของตนจะไม่สามารถทนได้ก่อนที่หมอจะเดินทางมาถึง เมื่อเห็นหมอเขาถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรีบหลีกทางให้อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
หมอซูมาที่เตียงและตรวจชีพจรของหยุนเหนียงก่อน ชีพจรของนางอ่อนมาก ก่อนจะเปิดเปลือกตาแต่เมื่อเห็นรูม่านตาของนางที่ขยายออกทำให้เขารู้อาการทันที
“อาการป่วยของนางเร่งด่วนมาก ข้าต้องรีบฝังเข็มให้นาง” หมอซูกล่าว
เขาเปิดกล่องยาและหยิบเข็มเงินออกมาวาง หมอซูถือเข็มเงินและจิ้มไปที่ศีรษะของหญิงสาวด้วยความชำนาญ ในขณะที่ถังหลี่ช่วยเป็นลูกมือให้เขา
เจิ้งติ่งสวดอ้อนวอนอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่ชายขี้เมามองดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่กะพริบตา หลังจากฝังเข็มเสร็จหมอซูก็เก็บทุกอย่าง
“ท่านหมอขอรับ แม่ข้าเป็นเช่นไรบ้าง?” เจิ้งติ่งถามอย่างกระตือรือร้น
“ร่างกายของนางอ่อนแอมาก นางทำงานหนักเกินไป ทำให้มีอาการเจ็บป่วยในสมอง ข้าฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการแล้ว แต่ข้าไม่สามารถบอกได้ว่านางจะตื่นขึ้นมาได้หรือไม่…”
—————————-