บทที่ 104 ฝันร้ายของถังหลี่
ถังหลี่หันกลับเข้าไปในร้าน พลางสอนเจิ้งติ่งอ่านบัญชีต่อไป
ความคิดของเจิ้งติ่งนั้นซับซ้อนมาก เด็กชายตัดสินใจตอบแทนน้ำใจของถังหลี่ แต่เพราะเขายังเด็กและไร้เดียงสา ดังนั้นเมื่อถังหลี่บอกให้เขาฝึกเป็นเสมียน เขาก็ไม่คัดค้านนางเลย หากพูดถึงน้ำใจของถังหลี่ที่มีให้ครอบครัวเขา ไม่ต้องพูดถึงสิบปีเลย ต่อให้เป็นทั้งชีวิตเจิ้งติ่งก็จะทำ!
ตอนนี้ถังหลี่สอนให้เขาเริ่มอ่านบัญชีแยกประเภทต่างๆ
นางต้องการให้เขาเป็นเสมียนของร้านใช่หรือไม่?
เห็นได้ชัดว่านางอยากให้เขาเป็นเสมียนมากกว่าพนักงานขายธรรมดา แต่เด็กชายรู้สึกว่าจุดประสงค์ไม่ได้มีเพียงเท่านี้….
“นายหญิง หากข้าเรียนเรื่องบัญชีแยกประเภทพวกนี้แล้ว ต่อไปจะเป็นเช่นไรหรือ?” เจิ้งติงเงยหน้าถามนาง
“ข้าจะสอนเจ้าทุกอย่างที่ข้ารู้! ข้าจะไม่ให้ใครมาสอนเจ้า เจ้าต้องเรียนจากข้าโดยตรงเท่านั้น!” ถังหลี่กล่าว
นายหญิง….นี่จะทำให้เขาเป็นคนดูแลร้านหรือ!
ดวงตาของเจิ้งติ่งเบิกกว้าง สติเริ่มหลุดลอย แม้ว่าเด็กชายจะตัดสินใจตอบแทนบุญคุณของถังหลี่ไปตลอดชีวิตที่เหลือของเขา แต่ใครเล่าจะไม่อยากมีชีวิตที่เจริญก้าวหน้าขึ้น
นายหญิง เอ่อ…
เขาต้องเรียนให้หนักขึ้นจะไม่ทำให้นางผิดหวังอย่างเด็ดขาด!
เรื่องราวของวันนี้ได้หว่านเมล็ดพันธุ์บางอย่างไว้ในใจของเด็กน้อย เมล็ดพันธุ์แห่งความใฝ่รู้และอยากเจริญก้าวหน้าในการค้านี้นั้นได้หยั่งรากฝังลึกและแตกหน่อแตกกิ่งก้านผลิใบออกไป จนในที่สุดเขาได้กลายเป็นผู้ทรงอำนาจในแวดวงการค้าขนาดใหญ่
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า
หลังจากที่ถังหลี่ยุ่งกับงานที่ร้าน หญิงสาวก็กลับไปที่บ้าน วันนี้มีแขกมารออยู่ เป็นฮูหยินมู่นั่นเอง ถังหลี่และฮูหยินมู่เริ่มสนิทสนมกัน ทำให้นางได้รู้บางอย่างเกี่ยวกับอดีตของฮูหยินมู่ นั่นคือเมื่อครั้งที่นางยังเด็ก นางได้รับบาดเจ็บจนทำให้ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ แม้ว่านางจะเป็นบุตรสาวของสกุลเจียง เมื่อเลยวัยปักปิ่นยังไม่ทันที่คนมาสู่ขอจะก้าวพ้นธรณีประตู หลังจากที่พวกเขารู้ว่านางไม่สามารถมีบุตรได้ บุรุษทั้งหลายก็พากันถอยหนี มีเพียงมู่ซิ่วเหวินเท่านั้นที่ยืนกรานจะแต่งงานกับนาง แม้จะรู้ว่าฮูหยินมู่เป็นหมันก็ตาม อีกทั้งเขายังให้สัญญากับนางด้วยว่าจะไม่รับอนุคนไหนอีก
ในยุคโบราณนี้ การสืบทอดสกุลนั้นมีความสำคัญมากเพียงใดทุกคนย่อมรู้ ความมุ่งมั่นของนายท่านมู่ถือได้ว่ากล้าหาญมาก
ฮูหยินมู่ที่ถูกมู่ซิ่วเหวินมาสู่ขอก็ตัดสินใจแต่งงานกับเขา แม่สามีนั้นไม่ชอบนางตั้งแต่แรก หากโชคดีที่มู่ซิ่วเหวินนั้นปกป้องนางอยู่เสมอ ส่วนนายท่านมู่ก็ไม่ให้ความสนใจกับคนในสกุลมู่มากนัก ต่อมาฮูหยินมู่ได้แสดงความสามารถทางด้านการค้า ทำให้อคติของบิดามารดาสามีที่มีกับนางค่อย ๆ เปลี่ยนไป
ตอนนี้ในสกุลมู่ ฐานะของฮูหยินมู่สูงกว่ามู่ซิ่วเหวินผู้เป็นบุตรชายมากนัก
อย่างไรก็ตาม นายท่านมู่นั้นชอบเด็กมาก เขาเคยเปรยให้ฮูหยินมู่รับบุตรบุญธรรม นางเองก็มองหาเด็กหลายต่อหลายคน แต่ก็ไม่พบคนที่ถูกใจสักที แต่ฮูหยินมู่กลับชอบซานเป่าและเอ้อร์เป่ามาก
ทว่านางไม่อาจจะพรากเด็ก ๆ ออกจากอกของถังหลี่ได้ ฮูหยินมู่จึงทำได้แค่เข้ามาเล่นด้วยกับพวกเขาเท่านั้น เด็กทั้งสองคนปากหวานมาก ยิ่งพวกเขาเรียกนางว่าท่านป้า ยิ่งทำให้ฮูหยินมู่หลงหัวปักหัวปำ
เมื่อถังหลี่กลับถึงบ้าน ภาพที่หญิงสาวเห็นคือฮูหยินมู่กำลังถอดสร้อยข้อมือของตนมอบให้กับซานเป่า นางรีบเข้าไปท้วงอีกฝ่ายไว้ทันที
“พี่หลานท่านทำสิ่งใดอยู่ ?ท่านอย่าให้สร้อยข้อมือล้ำค่าเช่นนี้กับซานเป่าเลย”
“เสี่ยวถังเจ้ารู้หรือไม่ซานเป่าห่วงใยข้ามากเพียงใด? ข้าบอกว่ามือข้าเจ็บนางก็มานวดให้ข้า” ฮูหยินมู่ระบายยิ้มกว้าง หัวใจของนางกำลังละลายแทบจะรอไม่ไหวที่จะได้ประคองเด็กน้อยคนนี้ไว้บนฝ่ามือ
ซานเป่าเห็นมารดาตัวเองกลับมา นางจึงรีบวิ่งเข้าไปหาถังหลี่พร้อมกับกอดนางไว้ หญิงสาวโอบรับเจ้าก้อนเกี๊ยวน้อยมาไว้อ้อมกอด ก่อนอุ้มนางขึ้นมานั่งที่ตักตรงข้ามฮูหยินมู่
“ถ้าอยากให้อะไรนาง ท่านก็แค่ซื้อของอร่อย ๆ มาให้นางก็พอแล้ว เจ้าตัวน้อยนี้เป็นจอมตะกละ” ใบหน้าเล็ก ๆ ของซานเป่าแดงก่ำ นางเขินอายเล็กน้อยก่อน เด็กหญิงฝังใบหน้าไปที่อ้อมแขนของมารดา
“ช่างน่าอับอายเสียจริง ข้าเอาของมีค่าเช่นนี้ให้นาง นางคงไม่ชอบแน่”
ว่าแล้วฮูหยินมู่ก็สวมสร้อยข้อมือกลับเข้าที่เดิมพร้อมกับพูดจาหยอกล้อซานเป่า เมื่อถึงเวลาต้องกลับจวน ฮูหยินมู่แทบไม่เต็มใจที่จะจากเด็กทั้งสองคนไป ยิ่งใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นนางก็ยิ่งนึกถึงฝีมือทำอาหารของถังหลี่ ยิ่งทำให้ไม่อยากกลับมากขึ้นกว่าเดิม
เย็นนั้นพวกเขาจึงกินอาหารร่วมกัน จนมู่ซิ่วเหวินมารับนาง ทั้งคู่จึงกลับจวนสกุลมู่ไปด้วยกันท่ามกลางแสงดาว
……
เว่ยเสี่ยวเถาได้เลือกทางเดินของตัวเองแล้ว ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือหรือตัดสินใจแทนนางได้ หลังจากกลับมาที่บ้านสกุลขง ต่อไปนี้ชีวิตจะขมหรือหวาน นางเดินที่จะก้าวเดินต่อไปด้วยตัวเอง
ทว่าในคืนนั้นถังหลี่ฝันร้าย
ในความฝันนั้นนางเห็นเป็นถ้ำที่มืดมิดและหดหู่ ทุกคนต่างวิ่งหนีเอาตัวรอด เว่ยเสี่ยวเถาอยู่ในนั้น นางวิ่งหนีอย่างสุดกำลังแต่ขาของนางถูกหินก้อนหนึ่งหล่นมาทับไว้ หญิงสาวทำได้แค่มองทางออกหนึ่งเดียวของตนค่อย ๆ ถูกปิดกั้นและหายไป
บนภูเขาที่มีแต่ความมืดมิด บัดนี้เหลือเพียงแต่เสียงร้องของความสิ้นหวัง
นางไม่รู้ว่าเวลาผ่านมานานแค่ไหน ท่ามกลางความมืด เสียง “ตูม” ของหินถล่มได้กลืนเสียงร้องขอความช่วยเหลือไปจนหมดสิ้น
ถังหลี่ตื่นจากฝันร้าย ตอนนี้ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มสว่างเห็นแสงรำไร
เว่ยเสี่ยวเถากลับไปที่บ้านแล้ว นางควรจะอยู่ที่บ้านสกุลขงไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงได้ไปอยู่ในถ้ำที่มืดมิด?
หญิงสาวสับสนงุนงง
ฝันร้ายของถังหลี่คือลางบอกเหตุ มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นเรื่องจริงตามที่นางฝัน เสียงร้องไห้อย่างสิ้นหวังของเว่ยเสี่ยวเถาดังสะท้อนก้องอยู่ในใจของถังหลี่ ทำให้นางรู้สึกใจเต้นสั่นระรัว
ถังหลี่ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพี่สาวสามีอีก แต่ก็ไม่อาจจะทนเห็นเสี่ยวเถาตายได้ หญิงสาวลุกขึ้นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่กินข้าวเช้า นางรีบไปที่จวนสกุลเซี่ยเพื่อหาเว่ยฉิง นางเล่าถึงฝันร้ายของตนเองให้สามีฟัง ชายหนุ่มมีท่าทีเคร่งขรึมขึ้น
“ข้าจะไปลางานกับนายท่านเซี่ย แล้วจะรีบเดินทางไปที่บ้านสกุลขง”
เว่ยฉิงเข้าจวนไปลางาน ใช้เวลาไม่นานนักเขาก็ออกมา
เว่ยฉิงจ้างรถม้าให้พาทั้งเขาและถังหลี่ไปที่หมู่บ้านขงเจียด้วยกัน เมื่อรถม้าแล่นไปถึงทางเข้าหมู่บ้านซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านสกุลขง ขงซวนกำลังนอนอยู่ที่หน้าบ้าน เมื่อเห็นรถม้าเข้ามาเขามองด้วยความสนใจ ก่อนจะรีบหนีเข้าบ้านไปเมื่อเห็นว่าใครลงมาจากรถม้าคันนั้น
ถังหลี่และเว่ยฉิงเดินไปที่ประตูบ้านขงด้วยกัน ลานบ้านขงนั้นมีรั้วกั้นอยู่เมื่อตะโกนเรียกถึงสองครั้งไม่มีใครตอบรับ ชายหนุ่มจึงบุกเข้าไปทันที ก่อนจะหันไปเปิดประตูรั้วให้ถังหลี่เข้ามา
ในขณะนั้นเองประตูบ้านขงเปิดออก นางหยางเดินออกมาต้อนรับ
“น้องชายเสี่ยวเถา เจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุใดหรือ? เข้ามานั่งก่อนสิ” นางหยางพูดอย่างกระตือรือร้น ในอดีตที่ผ่านมา นางหยางไม่เคยชายตามองเว่ยฉิงสักนิดเพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะมาฉวยโอกาสเอาเปรียบสกุลขง แต่ตอนนี้ต่างออกไปจากเดิมเพราะเว่ยฉิงมีฐานะที่ดีขึ้น ว่ากันว่าหากมีเงินมากขึ้น ผู้คนจะดูเปลี่ยนไป เว่ยฉิงสลัดภาพหนุ่มบ้านนอกออกไปแทบไม่เหลือเค้าเดิมเลย ชายหนุ่มไม่อยากเสียเวลาพูดเรื่องไร้สาระกับนางหยางอีก เขาถามออกไปตรง ๆ ว่า
“เว่ยเสี่ยวเถาอยู่ที่ใด?”
“เสี่ยวเถาไปทำงาน บ้านเรายากจนจะอยู่เฉย ๆ ได้อย่างไร ไม่อย่างนั้นเราก็อดตายกันหมดนะสิ” นางหยางกล่าว
“ไปทำงานที่ใด?” เว่ยฉิงถามอย่างร้อนใจ เขาขมวดคิ้ว
นางหยางตกใจกับท่าทีที่ดุร้ายของเว่ยฉิง
“นี่…นางอาจจะไปขุดมันก็ได้ ข้าไม่ใช่หางของนางนะ ถึงจะได้รู้ว่านางไปที่ใด? ”
“ปกติข้าจะไม่ทำอะไรผู้หญิงนะ แต่ถ้าเจ้ายังไม่พูดตอบข้ามาดี ๆ ข้าคงต้องยกเว้นเจ้าเสียแล้ว!” นางหยางตกใจมากจนถอยหลังไปสองก้าว หญิงชรายืดคอตะโกนเสียงดัง
“ท่านพี่! ซวนเอ๋อร์! ออกมาเร็ว มาไล่เขาไปที!!”
ผู้เฒ่าขงและขงซวนต่างเบียดเสียดกันอยู่ในห้อง พวกเขากลัวเว่ยฉิงมากที่สุด และเมื่อนางอย่างตะโกนเข้ามา พวกเขาก็ยิ่งหดตัวเข้ามุมของห้องมากยิ่งขึ้น
————-