จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 321-325

ตอนที่ 321-325

บทที่ 321 : สมองพิการนี่เป็นกรรมพันธุ์รึเปล่า ? (2)
  “ฟู่เป่าหยุนเจ้าบ้าไปแล้วจริง ๆ สาปแช่งกระทั่งบุตรชายตนเอง”
  ตงมู่หลินก็เป็นบุตรชายของตระกูลตงนางสาปแช่งบุตรชายของตระกูลตง นั่นไม่ได้หมายความว่านางสาปแช่งบุตรชายของนางด้วยงั้นรึ ?
  อย่างไรก็ตามตงรั่วฉินก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก เขาไม่รู้ความหมายแท้จริงที่แฝงในคำพูดของฟู่เป่าหยุน
  ภายในห้อง
  ฟู่เป่าหยุนรับรู้ได้ถึงเสียงฝีเท้าที่เดินจากไปพลันนัยน์ตาของนางก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
  ”ขยะก็เป็นขยะไร้ค่าจริง ๆ ! หากเป็นพี่ฉี เขาคงจะไม่ยืนดูข้าโดนทุบตีโดยไม่สนใจเลยเช่นนี้”
  ความรักครั้งเดียวในชีวิตนี้ของนางก็คือลูกพี่ลูกน้องของนางเอง
  ครานั้นลูกพี่ลูกน้องของนางแต่งงานมีภรรยาแล้วเพื่อไม่ให้นางต้องกลายเป็นอนุ เขาจึงไม่ลังเลที่จะยินยอมให้นางแต่งงานกับชายอื่น
  หากเขาไม่รักนางสุดขั้วหัวใจลูกพี่ลูกน้องของนางจะอดทนต่อความปวดร้าวใจ และยอมให้นางแต่งงานกับชายอื่นได้อย่างไร ? เขาพยายามปกป้องชื่อเสียงของนางใช่หรือไม่ ?
  เช่นนั้นหากเรื่องนี้เปลี่ยนเป็นลูกพี่ลูกน้องนาง เขาคงจะไม่ขี้ขลาดเยี่ยงตงรั่วฉินอย่างแน่นอน !
  ”พวกเจ้าช่วยแต่งตัวให้ข้า ข้าจะออกไปข้างนอก !”
  ”เจ้าค่ะฮูหยินน้อย”
  สาวใช้ที่ยืนอยู่ตรงหัวเตียงลดศีรษะลงอย่างนอบน้อม”อาการบาดเจ็บของท่านยังไม่หายดี ข้าเกรงว่า หากท่านออกไปข้างนอกตอนนี้ มันจะ… ”
  เพี้ยะ!
  ฟู่เป่าหยุนตบหน้าสาวใช้นัยน์ตาของนางดุดัน “นี่เจ้าเชื่อจริง ๆ หรือที่ตงรั่วฉินบอกว่าเขาจะทิ้งข้าน่ะ ? ข้าขอบอกเจ้า ตราบใดที่ข้าไม่ต้องการไป เขาก็บังคับข้าไม่ได้ และข้าก็ยังคงเป็นเจ้านายของตระกูลตง แต่งตัวให้ข้าเดี๋ยวนี้”
  สาวใช้กัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวดก่อนจะเอ่ยตอบว่า “เจ้าค่ะ”
  นอกเหนือจากหน้าอกของฟู่เป่าหยุนจะถูกไป๋หยานกระทืบซ้ำแล้วซ้ำอีกกระทั่งปรากฏรอยเท้าหลายรอย ริมฝีปากของนางก็แตกยับเยิน ทั้งแก้มของนางก็บวมแดง
  นางให้สาวใช้ไปหาผ้าคลุมหน้าเพื่อปกปิดใบหน้าของนาง ก่อนจะลุกจากเตียงด้วยความเจ็บปวดทั่วทั้งร่าง
  ยามนี้ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยนางได้นอกจากลูกพี่ลูกน้องของนาง ! นางอยากพบเขา !
  ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาบ่อยครั้งที่ฟู่เป่าหยุนจะออกไปข้างนอกพร้อมกับลูกพี่ลูกน้องของนาง ทั้งนางก็ไม่เคยสนใจไว้หน้าตงรั่วฉินเลยแม้แต่น้อย ส่วนตงรั่วฉินนั้นก็โง่เขลาพอที่จะไม่ระแวงเลยว่า นางจะมีสัมพันธ์กับลูกพี่ลูกน้องของตนเอง
  ยิ่งไปกว่านั้นทันทีที่นางพ้นจากสายตาเขา นางก็เข้าโรงเตี๊ยมพร้อมกับลูกพี่ลูกน้องของนาง
  เช่นนั้นฟู่เป่าหยุนจึงทำตามใจตนเองเรื่อยมา นางไม่เคยต้องคอยระแวงใด ๆ
  *****
  หอบุปผา
  ที่นี่เป็นหอคณิกาที่ใหญ่ที่สุดของอาณาจักรนี้
  ยามนี้ฟู่เป่าหยุนยืนอยู่หน้าประตูหอบุปผา คิ้วเรียวแหลมของนางขมวดเล็กน้อย “เหตุใดลูกพี่ลูกน้องของข้า จึงนัดให้ข้ามาพบที่หอบุปผานี่ล่ะ ? เอ…หอบุปผา ชื่อนี้ฟังคุ้น ๆ ยังไงไม่รู้ ดูเหมือนว่าข้าจะเคยได้ยินมาจากที่ใดซักที่ ?”
  ที่ผ่านมานางนิยมเพียงหาความสุขนางจึงไม่เคยใส่ใจเกี่ยวกับกลุ่มอำนาจใด ๆ บนแผ่นดินใหญ่นี้เลย
  กลุ่มๆ เดียวที่นางรู้จักก็คือพรรคสัตว์อสูร เพราะเคยได้ยินเสด็จพ่อของนางมีรับสั่งถึง ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเสด็จพ่อรับสั่งถึงพรรคสัตว์อสูร ทุกถ้อยคำของพระองค์ก็เต็มไปด้วยความชื่นชม
  เว้นแต่พรรคสัตว์อสูรแล้วนางก็ไม่รู้จักกลุ่มอำนาจอื่นใดเลย
  เนื่องจากนางนึกอะไรไม่ออกฟู่เป่าหยุนจึงไม่ได้คิดอะไรมากนัก นางเดินเข้าไปอย่างช้า ๆ
  ทันทีที่นางก้าวเข้าหอบุปผาร่างอรชรอ้อนแอ้นก็เดินมาดักหน้านาง ทำให้นางจ้องมองด้วยสายตานึกรังเกียจ
  ”แม่นางผู้นี้คือตงฮูหยินใช่หรือไม่ ?”
  พร้อมกันนั้นหญิงสาวสวยก็สะบัดพัดริมฝีปากสีแดงของนางยกยิ้มยั่วเย้า เอวของนางส่ายไหวเล็กน้อย นางย่างกรายผ่านบรรดาลูกค้าชายอย่างยั่วยวนใจ
  ”เจ้าออกไปให้ห่างๆ ข้า” ฟู่เป่าหยุนถอยหนีไปสองสามก้าว “ข้าเป็นสตรีสูงศักดิ์ ส่วนเจ้าเป็นเพียงนางคณิการีบไปไกล ๆ ข้า ! อย่าให้ความสกปรกจากร่างของเจ้ามาแปดเปื้อนร่างอันบริสุทธิ์ของข้า ”
  แสงเย็นยะเยือกวาบผ่านแววตาของหญิงสาวสวยนางยิ้มไม่เชิงยิ้ม “ข้าเพียงจะออกมาต้อนรับเจ้าแทนนายน้อยฉี หากเจ้าไม่ต้องการ เช่นนั้นเชิญกลับไปได้ !”
  ”เจ้า…”
  ใบหน้าของฟู่เป่าหยุนเปลี่ยนไป”เจ้าก็แค่นางคณิกา อย่ายโสนักเลย สักวันหนึ่งข้าจะทลายหอนางโลมของเจ้าซะ ดูสิว่าเจ้ายังจะโอหังอยู่หรือไม่ ?”
  ***จบบทสมองพิการนี่เป็นกรรมพันธุ์รึเปล่า ? (2)***

บทที่ 322 : สมองพิการนี่เป็นกรรมพันธุ์รึเปล่า ? (3)
  แท้ที่จริงก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ฟู่เป่าหยุนจะจำหอบุปผาไม่ได้
  เพราะครานั้นฟู่เทียนฉีเอ่ยถึงหอบุปผาเพียงครั้งเดียวตอนที่เขาพูดถึงฐานะแท้จริงของไป๋หยาน
  ทว่าในเวลานั้นฟู่เป่าหยุนก็สนใจเพียงข่าวที่ว่าพรรคสัตว์อสูรต้องการรับไป๋เสี่ยวเฉินเข้าพรรค ส่วนหอบุปผานั้นนางไม่ได้ให้ความสนใจเลย
  เป็นหญิงคณิกาแล้วไง? ยังดีกว่าหญิงแพศยาที่เสแสร้งเป็นสาวพรหมจรรย์ก็แล้วกัน” หญิงสาวสวยเย้ยหยัน นางยกยิ้มเหยียดหยาม “นายน้อยฉีอยู่ในห้องพิเศษบนชั้นสอง เชิญเจ้าเดินไปเองก็แล้วกัน ข้าไม่ส่งล่ะ”
  นางสะบัดชายแขนเสื้อก่อนจะเดินจากไป
  ใบหน้าของฟู่เป่าหยุนบิดเบี้ยวก็แค่หญิงขายตัว กล้าดียังไงมาต่อล่อต่อเถียงนาง ?
  หากมิใช่เป็นเพราะนางต้องการพบลูกพี่ลูกน้องแล้วนางคงไม่มีวันปล่อยให้หญิงผู้นี้เดินจากไปง่าย ๆ เป็นแน่ !
  หลังจากที่ฟู่เป่าหยุนเดินสวนจากไปหญิงสาวสวยก็รีบเดินขึ้นไปบนชั้นสอง ครั้นนางเดินผ่านห้องพิเศษเทียนซี นางก็ได้ยินเสียงหอบกระเส่าดังมาจากภายในห้อง พลันริมฝีปากของนางก็ยกขึ้นยิ้มเยาะ
  นางมิได้หยุดเดินทว่ายังคงเดินต่อไปยังห้องพิเศษข้าง ๆ จากนั้นก็ผลักออกช้า ๆ
  ภายในห้องพิเศษอีกห้องนั้นไป๋หยานกำลังนั่งจิบชา นางเงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อย นัยน์ตาดำขลับของนางมองหญิงผู้นั้นพลางเอ่ยถามว่า “เป็นไงบ้าง ?”
  ”นายหญิงนางผู้นั้นมาถึงแล้ว” หญิงที่ก่อนหน้าแสดงท่าทียั่วยวนบัดนี้ได้เปลี่ยนกิริยาเป็นแสดงความเคารพนบนอบพร้อมกับก้มหัวลง
  “เช่นนั้นรีบไปที่บ้านสกุลตงทันทีแจ้งทุกคนในบ้านสกุลตงว่า การแสดงดี ๆ ได้เริ่มขึ้นแล้ว”
  ไป๋หยานยกยิ้มอย่างมีเลศนัยนางไม่มีวันปล่อยผู้ที่ทำร้ายป้าของนาง อย่าหวังเลยว่าตลอดชีวิตมันผู้นั้นจะได้อยู่อย่างสุขสบาย !
  ”เจ้าค่ะ”
  หญิงผู้นั้นโค้งคำนับ
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นหันหน้ามามองอย่างนึกสงสัยมือของนางแตะแก้มอย่างครุ่นคิด “พี่สะใภ้ การแสดงประเภทใดที่พี่จะให้พวกเราได้ดู ?”
  ไป๋หยานค่อยๆ เผยยิ้มกว้างอย่างล้ำลึก “เดี๋ยวเจ้าก็รู้”
  ไป๋เสี่ยวเฉินไม่ถามสักคำเขาหยิบขนมอบบนโต๊ะใส่เข้าปาก เต็มกระพุ้งแก้มจนเขาพูดอะไรไม่ออก
  ”หม่ามี้วันนี้ช่างเป็นวันดีจริง ๆ เพราะเสี่ยวมี่ไม่อยู่ ของอร่อย ๆ พวกนี้เลยเป็นของเฉินเอ๋อคนเดียว ไม่มีใครมาแย่ง”
  เสี่ยวมี่น้อยผู้น่าสงสารเมื่อมันต้องห่างจากไป๋เสี่ยวเฉิน มันก็คิดว่าเจ้านายตัวน้อยของมันจะต้องรู้สึกเหงาที่ต้องแยกจากมัน
  ผู้ใดจะรู้ว่าไป๋เสี่ยวเฉินกลับคิดว่าดีเสียอีกที่เสี่ยวมี่ไม่อยู่ด้วย
  อย่างน้อยก็ไม่มีใครแย่งเขากิน
  *****
  ขณะเดียวกันนี้ที่ห้องพิเศษซึ่งอยู่ถัดไป ฉีหลินกำลังหาความสุขกับสตรีที่อยู่ใต้ร่างเขา กระทั่งอดไม่ได้ที่จะครวญคราง
  ทว่าเขายังไม่ทันร้องสักแอะก็มีเสียงคำรามอยู่หน้าประตู
  ”ฉีหลินเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ในนั้นน่ะ ?”
  ทันทีที่เสียงนั้นดังมาฉีหลินก็ตกตะลึงพร้อมกับเสร็จสม เขาขมวดคิ้วก่อนจะหันไปมองสตรีที่ปรากฏตัวตรงประตู นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายเล็กน้อย “เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่ได้ ?”
  ”ฉีหลิน!” ดวงตาของฟู่เป่าหยุนเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ ร่างของนางสั่นเทาด้วยความโกรธ “เจ้านัดข้ามาที่หอบุปผา เพื่อที่จะให้ข้าได้เห็นเจ้านอนกับหญิงอื่นงั้นหรือ ? เจ้าเคยคิดถึงความรู้สึกของข้าบ้างหรือไม่ ?”
  เขานัดนางออกมากระนั้นรึ?
  ฉีหลินหัวเราะเยาะหญิงผู้นี้ก็เป็นเช่นนี้เสมอ บางครั้งเป็นนางเองที่พยายามติดตามหาตัวเขา แต่นางกลับบอกว่าเขานัดนาง
  ครานี้ก็คงจะเหมือนกัน
  ”อืม”เขาลุกขึ้นจากเตียง พร้อมรอยยิ้มที่อ่อนโยน “น้องสาว เจ้าควรรู้ว่าข้าเป็นบุรุษ เป็นเรื่องปกติที่บุรุษย่อมจะมีความต้องการ นางเสือตัวเมียที่บ้านข้าไม่อนุญาตให้ข้าเข้าห้องของอนุ ทั้งข้าก็ไม่ค่อยได้พบเจอเจ้า จะให้ข้าทำยังไง ?”
  นัยน์ตาของฟู่เป่าหยุนแดงก่ำนางกัดริมฝีปากแน่น “แต่เจ้าก็ไม่ควร … ”
  ***จบบทสมองพิการนี่เป็นกรรมพันธุ์รึเปล่า ? (3)***

บทที่ 323 : สมองพิการนี่เป็นกรรมพันธุ์รึเปล่า ? (4)
  ในเมื่อนัดข้ามาท่านก็ไม่ควรร่วมรักกับหญิงอื่นเช่นนี้
  “น้องสาวข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นเหมือนหญิงทั่ว ๆ ไปหรอกนะ ? ฉีหลินก้าวช้า ๆ เข้าไปหาฟู่เป่าหยุน พลางใช้นิ้วของเขาปัดผ้าคลุมหน้าของนางด้วยความอ่อนโยน “เหตุใดวันนี้เจ้าจึงต้องใช้ผ้าคลุมหน้าด้วยเล่า ?”
  ครั้นเห็นว่าฉีหลินกำลังจะเปิดผ้าคลุมหน้าฟู่เป่าหยุนก็รีบก้าวถอยหลังสองก้าว น้ำตาของนางไหลริน นางกล่าวพึมพำว่า “พี่ฉีหลิน ครานี้พี่ต้องช่วยข้า นอกจากพี่ก็ไม่มีผู้ใดช่วยข้าได้อีกแล้ว”
  นัยน์ตาของฉีหลินเย็นชาทว่าใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยน
  หากหญิงผู้นี้ไร้ประโยชน์เช่นนั้นเขาจะเสียเวลาเอาอกเอาใจนางมาหลายปีเพื่ออะไร ?
  ”เมื่อเจ้าพูดถึงเพียงนี้ข้าก็จะช่วยเจ้าเอง”
  ฟู่เป่าหยุนเหมือนได้พบคนหนุนหลังนางรีบเล่าทันทีว่าวันนี้เกิดสิ่งใดขึ้นกับนางบ้าง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาและความปวดร้าว
  “พี่ฉีหลินข้าเกือบถูกนางแพศยานั่นฆ่าตาย ทั้งตงรั่วฉินคนขี้ขลาดคนนั้นกลับยังต้องการหย่าขาดจากข้า ! นับเป็นพรอันยิ่งใหญ่เพียงใดที่เขาสามารถแต่งงานกับข้าได้ ทว่าเหตุใดเขาถึงต้องหย่ากับข้าด้วย ?”
  ฉีหลินนิ่งเงียบประกายลามกวาบผ่านแววตาของเขา “ไป๋หยานนั่นยังไม่ได้แต่งงาน ไม่มีสามีจริงกระนั้นหรือ ?
  ”ใช่”
  ฟู่เป่าหยุนกัดฟันด้วยความเกลียดชัง
  ”น้องสาวข้าจะรับมือกับหญิงผู้นั้นเอง” ฉีหลินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ในเมื่อนางยังไม่ได้แต่งงาน กลับต้องมามีลูก เช่นนั้นนางคงจะทุกข์ทรมานมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ไม่มีชายใดในโลกที่ต้องการแต่งงานกับสตรีที่มีลูกแล้ว หากยามนี้ข้ามอบความรักให้กับนาง ข้าจะต้องได้ใจนาง นางจะต้องรักข้า และอยู่กับข้าจนวันตาย ! ”
  แม้ว่าฉีหลินจะมีอายุล่วงเข้าวัยกลางคนแล้วทว่ารูปลักษณ์ของเขายังดูหนุ่มกว่าวัยมาก ซึ่งนั่นทำให้เขามั่นใจในตนเองอย่างยิ่ง
  ”กระไรนะ?” ฟู่เป่าหยุนอุทาน “นี่พี่คิดจะเกี้ยวหญิงผู้นั้นหรือ ? ไม่ ไม่อย่างเด็ดขาด ! นางปฏิบัติกับข้าถึงเพียงนี้ ท่านยังต้องการที่จะได้นางอีกกระนั้นหรือ ?”
  นัยน์ตาของฉีหลินนั้นเย็นชา”หากเจ้าไม่อยากหย่าขาดกับตงรั่วฉิน ทั้งยังต้องการให้พี่ชายคนนี้ปฏิบัติต่อเจ้าดี ๆ นี่ก็เป็นเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้น”
  “ตะ…แต่ว่าข้างกายของไป๋หยานมีหญิงสาวติดตามมาด้วยอีกหนึ่งคน เด็กสาวคนนั้นเรียกนางว่าพี่สะใภ้ด้วย”
  ”แล้วเจ้าได้พบกับสามีของนางหรือไม่ล่ะ?” ฉีหลินเอ่ยถามพร้อมเสียงหัวเราะ
  ฟู่เป่าหยุนส่ายศีรษะ
  ”นั่นไง”ฉีหลินกล่าวพร้อมกับนัยน์ตาฉายประกายวาบ “นางตั้งครรภ์ก่อนแต่ง นางไม่ได้ปฏิบัติตามหลักการของสตรีที่ดี หากนางต้องการเรียกชื่อเสียงกลับคืนมา นางต้องพิสูจน์ให้ได้ว่านางมีสามี ! เห็นได้ชัดว่าเมื่อไม่มีผู้ใดยอมรับสมอ้างเป็นสามีของนาง เช่นนั้นนางจึงจำต้องหาหญิงสาวสักคนมาเรียกนางว่าพี่สะใภ้ ถึงเวลานั้น ต่อให้นางไม่ชอบข้า นางก็จะแต่งงานกับข้าเพื่อลูกของนางแน่”
  และแล้วเมื่อถึงเวลานั้นผู้นำของพรรคสัตว์อสูรก็จะเป็นบุตรชายของเขา !
  ต่อไปไม่ว่าจะเป็นนางเสือที่บ้านหรือผู้หญิงโง่ ๆ เยี่ยงฟู่เป่าหยุน เขาก็ไม่จำเป็นต้องกล่าววาจาประจบประเจงพวกนางอีกแล้ว
  เขาแค่เปลี่ยนไปเอาอกเอาใจเด็กไม่มีพ่อนั่นแทนก็เพียงพอ!
  *****
  ห้องพิเศษของหอบุปผานั้นกันเสียงได้ทว่าสำหรับผู้แข็งแกร่งนั้น ต่อให้มีผนังกันเสียงดีสักเพียงใด แต่หากอยู่ในห้องติดกันก็ยังสามารถได้ยินอย่างชัดเจน
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นลุกขึ้นยืนหลายต่อหลายครั้ง หากมิใช่เป็นเพราะไป๋หยานห้ามไว้ นางคงจะถลันออกไปฉีกชาย-หญิงคู่นั้นเป็นชิ้น ๆ แล้ว !
  “หม่ามี้…”ไป๋เสี่ยวเฉินกล่าว พร้อมกัดขนมคำโต “สมองพิการนี่เป็นกรรมพันธุ์รึเปล่า ?”
  ”ฉีหลินกับฟู่เป่าหยุนเป็นยังไงแม่ก็ไม่รู้นะ แต่แม่คิดว่าพอจะอธิบายอาการสมองพิการของตงมู่เซียะได้”
  ไป๋หยานลูบคางพลางกล่าวอย่างใจเย็น
  ”ยังไงหรือ?” ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบดวงตากลมโต พร้อมกับเอ่ยถามอย่างไร้เดียงสา
  ”ก็ทารกที่เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างญาติสนิทย่อมต้องมีข้อบกพร่อง!”
  ***จบบทสมองพิการนี่เป็นกรรมพันธุ์รึเปล่า ? (4)***

บทที่ 324 : เผยโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง (1)
  ตี้เสี่ยวอวิ๋นหันไปมองไป๋หยานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อดวงตางดงามของนางเบิกกว้าง
  ”พี่สะใภ้หมายถึงตงมู่เซียะ ไม่ได้เกิดจากตงรั่วฉินงั้นหรือ ?”
  ไป๋หยานเหยียดปากทว่าไม่ปฏิเสธ “รอดูต่อไป เดี๋ยวก็จะได้เห็นอะไรสนุก ๆ แล้ว”
  *****
  ภายในห้องส่วนตัวฟู่เป่าหยุนเหลือบมองหญิงที่ยังคงนอนเฉยอยู่บนเตียงอย่างไม่พอใจพลางกล่าวว่า “พี่ฉีหลิน ท่านบอกให้หญิงผู้นี้ออกไปก่อน ข้ามีบางเรื่องต้องสนทนากับพี่”
  หญิงสาวบนเตียงอยู่ในสภาพกึ่งเปลือยร่างของนางเต็มไปด้วยรอยช้ำเป็นจ้ำ ๆ ทันทีที่นางได้ยินถ้อยคำของฟู่เป่าหยุน นางก็ใช้สายตาเว้าวอนที่มีหยาดน้ำตาไหลเอ่อจ้องมองฉีหลินอย่างรันทด
  หัวใจของฉีหลินอ่อนยวบทันทีเมื่อเปรียบเทียบกับฟู่เป่าหยุนซึ่งมีอายุมากกว่าสาวกึ่งเปลือยนางนี้ เห็นได้ชัดว่า หญิงผู้นี้เปี่ยมเสน่ห์ดึงดูดใจเขามากกว่าฟู่เป่าหยุนเป็นไหน ๆ
  ”เป่าหยุนคนในหอบุปผาหาใช่พวกปากสว่างไม่ ไม่ว่าพวกนางได้ยินเรื่องใด พวกนางก็ไม่พูดออกไปหรอก เจ้ามิต้องเป็นกังวล”
  ฟู่เป่าหยุนปวดใจกะแค่หญิงนางโลม ท่านไปพกความมั่นใจในตัวนางมาจากที่ใด ?
  เห็นได้ชัดว่าหญิงแพศยานั่นพยายามล่อลวงลูกพี่ลูกน้องของนาง เพื่อให้เขาออกหน้าปกป้องเช่นนี้
  แววตาของนางเต็มไปด้วยเจตนาสังหารและเยาะเย้ย
  นางแพศยาเจ้าอยากรู้เรื่องมากนักใช่หรือไม่อยากฟังกระทั่งต้องยั่วยวนคนรักของข้า หากเรื่องของข้าแพร่งพรายออกไป มั่นใจได้เลยว่าเจ้าจะไม่มีวันได้เห็นโลกใบนี้อีก
  ”พี่ฉีหลิน”ฟู่เป่าหยุนกัดฟัน “ท่านสามารถอ่อยเหยื่อไป๋หยานให้ติดเบ็ดได้จริงกระนั้นหรือ ? หากพี่ทิ้งข้าหลังจากที่พี่ได้ไป๋หยานแล้วล่ะ ?”
  ลูกพี่ลูกน้องของนางยังไม่เคยเห็นหน้าไป๋หยานหากเขาเห็นหน้าไป๋หยานแล้วเกิดเปลี่ยนใจไปเข้าข้างไป๋หยานแทน ไม่เท่ากับนางยื่นคนรักของนางให้กับหญิงอื่นด้วยมือตนเองหรอกหรือ ?
  ”เจ้าไม่รู้หรือว่าสตรีที่มีบุตรโดยไม่ได้แต่งงานนั้นโสมมเพียงใด? แล้วสตรีเช่นนี้จะคู่ควรได้รับหัวใจของข้าได้อย่างไร ?” ฉีหลินกล่าววาจาดูถูกและเย้ยหยัน “ข้าทำทุกอย่างก็เพื่อหลินเอ๋อกับเซียะเอ๋อเท่านั้น พวกเขาต่างก็เป็นลูกของข้า ข้าต้องมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่พวกเขา !”
  ฟู่เป่าหยุนตื่นตระหนกนางไม่คาดคิดว่าลูกพี่ลูกน้องของนางจะพูดเรื่องของหลินเอ๋อ และเซียะเอ๋อออกมาโพล่ง ๆ ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน นางก็สงบใจลงได้
  ”พี่ฉีหลินในโลกนี้ ท่านดีกับพวกเราแม่-ลูกที่สุด ต่างจากตงรั่วฉินคนโง่นั่น คราที่บุตรชายของเขาถูกทุบตีเขาก็ไม่ช่วย ข้าโดนรังแกเขาก็ไม่แยแส แม้แต่เซียะเอ๋อก็ถูกบังคับจนเกือบฆ่าตัวตาย !”
  เมื่อนึกถึงความขี้ขลาดของตงรั่วฉินแล้วฟู่เป่าหยุนก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพลางกล่าวต่อว่า “อย่าไปพูดถึงคนไร้หัวใจเช่นนั้นเลย โชคดีที่หลินเอ๋อและเซียะเอ๋อไม่ใช่ลูกของเขา คนขี้ขลาดเช่นนั้นไม่คู่ควรจะมีลูกดี ๆ”
  “ตงรั่วฉินนี่โง่จริงๆ เลี้ยงลูกคนอื่นมานานหลายปีก็ไม่รู้เรื่อง เขายังคงคิดว่าเด็กทั้งสองเป็นลูกของตน หากไม่มีเรื่องผิดพลาดใด ต่อไปตระกูลตงก็จะตกเป็นของบุตรชายข้าไม่ช้าก็เร็ว”
  ผู้อื่นอาจจะไม่รู้ทัศนคติของฟู่เทียนฉีที่มีต่อฟู่เป่าหยุนทว่าในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลฉี เหตุใดเขาจะไม่รู้เล่า ?
  เช่นนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะยอมรับนางเป็นอนุ
  ไม่เพียงแค่นั้นเขายังเป็นผู้เลือกสามีโง่ ๆ ให้กับฟู่เป่าหยุนอีกด้วย
  หากตงมู่หลินเป็นหลานชายของตระกูลตงวันหน้าตระกูลตงก็จะตกเป็นของบุตรชายเขา
  หาไม่แล้วเขาจะพยายามให้ฟู่เป่าหยุนได้แต่งงานกับตงรั่วฉินเพื่ออะไร ? ฟู่เป่าหยุนหลงรักเขามาก เท่ากับในวันหน้าตระกูลตงก็ต้องตกอยู่ในกำมือของเขา
  *****
  ภายนอกห้องพิเศษ
  ตงรั่วฉินราวกับโดนสายฟ้าฟาดดังเปรี้ยงสมองของเขาว่างเปล่า
  ในใจของเขายังมีเสียงที่เฉยเมย และเย้ยเยาะของฉีหลินดังก้องซ้ำ ๆ
  “ตงรั่วฉินนี่โง่จริงๆ เลี้ยงลูกคนอื่นมานานหลายปีก็ไม่รู้เรื่อง เขายังคงคิดว่าเด็กทั้งสองเป็นลูกของตน หากไม่มีเรื่องผิดพลาดใด ต่อไปตระกูลตงก็จะตกเป็นของบุตรชายข้าไม่ช้าก็เร็ว”
  ***จบบทเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง (1)***

บทที่ 325 : เผยโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง (2)
  ตงรั่วฉินจับหน้าอกตนเองแน่นเขารู้สึกว่าหน้าอกของเขาอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
  ”ปัง!”
  ตงเทียนหลิงมอบตงฮูหยินที่เกือบจะเป็นลมให้แก่ตงรั่วหลานก่อนจะก้าวไปข้างหน้า จากนั้นก็เตะประตูห้องพิเศษนั้นเปิดออก
  คนทั้งสองที่กำลังพรอดรักกันอยู่ในห้องพลันตกใจกลัวขึ้นมาทันทีฟู่เป่าหยุนหันไปมอง ทันทีที่เห็นกลุ่มคนที่อยู่หน้าประตู ใบหน้าของนางพลันเปลี่ยนเป็นซีดขาว
  ”พวกเจ้า… เหตุใดพวกเจ้าจึงมาที่นี่”
  คนพวกนี้ได้ยินอะไรบ้างได้ยินมากแค่ไหนกัน แล้วรู้ฐานะที่แท้จริงของหลินเอ๋อและเซียะเอ๋อหรือไม่ ?
  ไม่ไม่ ! พวกเขาคงเพิ่งมา พวกเขาต้องไม่ได้ยินอะไรมากมายนักหรอก !
  ”ตงรั่วฉินข้าไม่เคยบอกเจ้าหรือไรว่าห้ามรบกวนข้า ในยามที่ข้าสนทนากับลูกพี่ลูกน้องของข้า ?” ฟู่เป่าหยุนสงบใจลง ก่อนจะเอ่ยกล่าววาจาพร้อมใบหน้าที่น่าเกลียด
  ตงรั่วฉินหลับตาลงกายของเขาสั่นสะท้าน หัวใจของเขาเต้นตูมตาม ลำไส้ของเขาบิดเป็นเกลียว เขาไม่มีพลังแม้แต่จะกล่าวคำใดออกมา เพราะความปวดใจ
  นี่คือสตรีที่เขารู้สึกผิดต่อนางมานานทั้งอดทนกับนางตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา
  ทว่านางไม่เพียงแต่จะทำร้ายหัวใจของบิดามารดาเขาเท่านั้น หากแต่ยังทำร้ายพี่สาวที่รักเขามากอีกด้วย
  น่าขัน!
  น่าขันสิ้นดี!
  ครั้นเห็นว่าตงรั่วฉินไม่กล่าวคำฟู่เป่าหยุนก็ตื่นตกใจเล็กน้อย ทว่านางก็กัดฟันพูดต่อ “ตงรั่วฉิน ! เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดกับเจ้าหรือไร ?”
  ”โอหังนัก!” ใบหน้าของตงเทียนหลิงเคร่งขรึม เขาตะคอกออกมา “ฟู่เป่าหยุน หลายปีที่ผ่านมานี้ ตระกูลตงของข้าปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี เป็นเพราะความรู้สึกผิด ทำให้ข้าอดทนกับเจ้าเรื่อยมา ทว่าเจ้ากลับมีสัมพันธ์กับชายอื่น ! ทั้งยังให้ตระกูลตงต้องดูแลลูกชู้สองคนนั่นเป็นเวลาหลายปีอีกด้วย”
  ไม่ต่างจากโดนสายฟ้าฟาดฟู่เป่าหยุนตกตะลึงยืนนิ่งงันอยู่กับที่
  นี่พวกเขา… ได้ยินจริง ๆ หรือ ?
  เพียงครู่ใบหน้าของนางก็ซีดเผือดร่างของนางสั่นเทา หัวใจของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก นัยน์ตาของนางส่องประกายหวาดกลัว
  เหตุที่นางกล้าโอหังนั่นก็มิใช่เพราะความดีของนางที่เลี้ยงดูบุตรหลานตระกูลตงหรอกหรือ ?
  หากให้ตระกูลตงรู้ว่าหลินเอ๋อและเซียะเอ๋อมิใช่บุตรของตงรั่วฉิน นางจะอ้างสิทธิ์ใดมาเย่อหยิ่ง ยโส และเอาแต่ใจได้อีกเล่า
  ”นี่คือภรรยาที่แสนดีของเจ้า!”
  ที่สุดตงฮูหยินก็หันหน้ามาพูดกับตงรั่วฉินด้วยความโกรธ”เพื่อหญิงผู้นี้แล้ว เจ้าไม่เคยลังเลที่จะทำให้พี่สาวของเจ้าเสียใจ ! ท้ายสุดเพื่อลูกชู้ เจ้าก็ยังไม่เต็มใจที่จะแก้แค้นแทนพี่สาวของเจ้า !”
  ลูกชู้…
  คำสองคำนี้ไม่ต่างจากเข็มแทงทะลุหัวใจของตงรั่วฉิน ทำให้หัวใจของเขาพรุนราวกับมีรูนับพันรู ความเจ็บปวดร้าวลึก เขามองจ้องฟู่เป่าหยุนแน่วนิ่งราวกับไม่อยากจะเชื่อ
  ”เจ้าแต่งงานกับข้าคงมิใช่เพราะเจ้ากำลังตั้งท้องลูกของฉีหลินหรอกนะ ?”
  เขาพูดได้แค่นี้เสียงของเขาก็สั่นระริก เขากำมือแน่นจนสั่นไปหมด
  ”ก็แล้วไงล่ะ?”
  มาถึงตอนนี้แล้วฟู่เป่าหยุนก็คร้านจะโต้แย้ง นางกัดฟันเอ่ยต่อว่า “หากข้าไม่ท้อง เจ้าคิดว่า เจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะแต่งงานกับข้างั้นหรือ ?”
  แม้ว่าจะแน่ใจในความจริงข้อนี้ก็ตามแต่ครั้นฟังฟู่เป่าหยุนยืนยัน หัวใจของตงรั่วฉินก็ยิ่งเจ็บปวด
  เหมือนเขาจะยังเจ็บปวดไม่พอเขาสูดลมหายใจเข้าลึก
  ”หลินเอ๋ออาจจะเป็นไปได้เพราะเจ้าบอกว่าเจ้าตั้งครรภ์ก่อน แต่เซียะเอ๋อเป็นลูกที่เรามีหลังจากเราแต่งงานกัน ข้าไม่ดีพอสำหรับเจ้างั้นหรือ ? เหตุใดเจ้าจึงทำกับข้าเยี่ยงนี้ ?”
  ครั้งแรกเขาถูกฟู่เป่าหยุนมอมจนเมา ทันทีที่เขาตื่นขึ้น ผ้าปูที่นอนก็ถูกผลัดเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นเขาจึงไม่ได้คิดมาก
  ตอนนี้เขาคิดได้แล้วว่าทั้งหมดนั่นเป็นแผนการของฟู่เป่าหยุน
  ***จบบทเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง (2)***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท