บทที่ 114 ซื้อต้นกล้า
เมื่อหลี่โหยวไฉ่นำเงินสำหรับซื้อต้นกล้าเข้าเมืองมาให้ถังหลี่ นางกลับปฏิเสธเขา หญิงสาวใช้เงินส่วนตัวสำหรับซื้อต้นกล้า นางบอกให้เขานำเงินพวกนี้ไปคืนชาวบ้านให้หมด และเมื่อเขานำเงินกลับไปคืนชาวบ้านหลายคนดวงตาแดงก่ำ ถึงแม้เงินจำนวนนี้จะไม่มากมาย แต่สำหรับพวกเขานั้นมันคือเงินที่เอาไว้ต่อชีวิต ฮูหยินเว่ยมีน้ำใจกับพวกเขามาก
ไอ้พวกคนที่กล่าวหาว่านางโลภมากต้องการเอาเปรียบพวกเขานั้น อยากจะดึงลิ้นพวกมันออกมาเสียจริง!
“ฮูหยินเว่ยเป็นคนดีจริง ๆ คนดีเช่นนางจะต้องมีแต่เรื่องดี ๆ เข้ามาแน่นอน”
“หากปีหน้าข้าหาเงินได้ ข้าจะเอาเงินคืนให้นาง”
ต้นกล้าที่หลี่โหยวไฉ่ซื้อมานั้นสามารถปลูกได้แม้ในฤดูหนาว ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาชาวบ้านพลิกหน้าดินเพื่อรอต้นกล้า ทันทีที่ได้รับพวกเขาก็เอาลงดินปลูกได้ทันที
เถ้าแก่จางส่งคนมาสอนชาวบ้านถึงวิธีปลูกสมุนไพรและการดูแล ชาวบ้านทั้งหมดฟังคำอธิบายอย่างระมัดระวัง หลังจากที่ทุกคนนำต้นกล้าลงดินแล้ว พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะไปดูสวนสมุนไพรทุกวัน เพราะหวั่นกลัวว่าหากต้นกล้าตายแล้วจะสูญเงินทั้งหมด
เมื่อต้นกล้าที่ลงไว้แข็งแรงขึ้น ทุกต้นเริ่มเขียวขจี พวกเขาก็ยังคงไปเฝ้าดูทุกวัน ราวกับกำลังเฝ้ามองบุตรตัวเองเติบใหญ่อย่างมีความสุข เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวจะได้นำไปขายได้
…..
ครอบครัวสกุลขงเองก็ลำบากมากในช่วงฤดูหนาวของปีนี้
ขาของขงซวนหัก เขาต้องไปหาหมอเพื่อรักษา สกุลขงสูญเงินไปหลายสิบตำลึง เงินที่พวกเขาเก็บมาจึงร่อยหรอลงไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาใช้ชีวิตอย่างอดอยากไม่มีแม้แต่ข้าวสาร รวมถึงนางหยางและนางจางต่างเกียจคร้านและไม่ยอมทำงานกันเลย
พวกเขาถึงได้พากันเห็นความดีของนางมากขึ้น
คนสกุลขงรู้สึกเสียใจจนลำไส้ของพวกเขากลายเป็นสีเขียว[1]ไปเลยทีเดียว!
หากรู้อย่างนี้จะไม่ส่งนางไปที่เหมืองถ่านหินนั้นอย่างแน่นอน!
ขงซวนนอนพักฟื้นอยู่บนเตียง อดทนกับความเจ็บปวดทางร่างกายทุกวัน ชายหนุ่มสาปแช่งเว่ยฉิงอยู่ในใจ ชายหนุ่มพยายามจะให้ญาติไปทวงคืนความยุติธรรม แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขากับคนสกุลขงนั้นไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ถึงผู้เฒ่าขงจะเดินไปรอบหมู่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่มีเพียงญาติพี่น้องไม่กี่คนเท่านั้นที่จะยื่นมือเข้ามา
ผู้เฒ่าขงมองไปที่น้องชายและหลานชายผู้ที่มีรูปร่างผอมและอ้วน เขารู้ได้ในทันทีว่าไม่น่าจะต่อกรกับเว่ยฉิงได้ พวกเขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะทวงความยุติธรรมจนกระทั่งขงต้าจู้กลับมาบ้าน
“ท่านพ่อ ครั้งก่อนที่ข้าเข้าไปทำงานในเมืองได้พบปะเจอผู้คนไม่มากนัก แต่ครั้งนี้ได้บังเอิญไปสนิทสนมกับคนผู้หนึ่งเข้า”
เมื่อผู้เฒ่าขงกับนางหยางได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็รีบเดินเข้ามาทันที
“เป็นผู้ใดกันหรือ?” ผู้เฒ่าขงถาม
“พี่เขยของสหายข้าทำงานอยู่ที่ศาลาว่าการ สหายข้าบอกว่ามีทางทำให้เว่ยฉิงเข้าไปเน่าตายในคุกได้”
“งั้นก็จับเว่ยฉิงเข้าคุกซะ! ช่วยระบายความคับแค้นหน่อยเถิด!” ผู้เฒ่าขงพูดอย่างขุ่นเคือง
ในสายตาของเขา เว่ยฉิงเป็นชายป่าเถื่อน แต่น่าเศร้าที่ไม่มีใครปราบเขาลงได้
“ท่านพ่อ เรื่องนี้ไม่ง่ายเลยหากไม่มีเงินก็ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดสนใจหรอก” ขงต้าจู่กล่าว
“เท่าไรหรือ?” นางหยางถาม
ชายหนุ่มแสร้งทำเป็นครุ่นคิดก่อนจะตอบอีกฝ่ายไป
“คนรู้จักกันก็น่าจะประมาณยี่สิบสองตำลึง”
“ยี่สิบสองตำลึงหรือ?” นางหยางตกใจ “มากขนาดนั้นเลย!”
“ท่านแม่จ่ายให้ข้าสิบตำลึง ส่วนข้าจะออกอีกสิบสองตำลึง อย่างไรเสียซวนเอ๋อร์ก็เป็นน้องชายข้า ข้าก็ไม่อยากเห็นเขาทุกข์ทรมานเช่นนี้”
“ข้ามีไม่ถึงสิบตำลึงหรอก ใช้จ่ายรักษาซวนเอ๋อร์ไปหมดแล้ว” ผู้เฒ่าขงส่ายหัวและเดินจากไป โดยที่มีนางหยางตามไปไม่ห่าง
ขงต้าจู้นั่งลงบนเก้าอี้และจิบน้ำชาจากถ้วย ใบหน้ากลมอ้วนของเขาดูไม่ค่อยดีนัก
“แล้วข้าจะวิ่งเต้นไปเพื่ออะไร!”
“พี่! พี่ใหญ่!” เสียงของขงซวนดังออกมาจากในห้อง
ขงต้าจู้วางถ้วยน้ำชาลงและเดินเข้าไปหาเขา ตอนนี้ขงซวนขาหักทำให้ชายหนุ่มนอนติดเตียงไม่สามารถขยับและเคลื่อนไหวไปไหนได้ แม้แต่จะกินข้าวก็ต้องมีคนยกมาให้
“พี่ใหญ่ พี่ทำให้เว่ยฉิงเข้าคุกได้จริงหรือ?”
“ซวนเอ๋อร์ พี่ชายเจ้าวิ่งเต้นหาเส้นสายให้เจ้าจนขาแทบหัก ข้าทำดีที่สุดแล้ว แต่ในเมื่อท่านพ่อท่านแม่ไม่มีเงิน ข้าก็ไม่สามารถทำอะไรได้” ขงต้าจู้กล่าวออกมาอย่างท้อใจ
ขงซวนใบหน้าขมวดยับย่น ชายหนุ่มกัดฟันเมื่อรู้สึกเจ็บที่ขา ก่อนจะตัดสินใจ ตอนนี้ทุกวันความเจ็บปวดมันมากขึ้นจนขงซวนนอนแทบไม่ได้ ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเว่ยฉิง ตราบใดที่เขายังไม่สามารถส่งมันเข้าคุกได้ จะให้ทำอะไรก็ยอม!
“พี่ใหญ่ เปิดตู้ข้างเตียงหน่อยสิ”
ชายหนุ่มเปิดตู้ตามที่อีกฝ่ายบอกก
“ที่ด้านล่าง ท่านหยิบออกมาที”
ขงต้าจู้สัมผัสได้ถึงของบางอย่างเมื่อหยิบออกมาจึงพบว่ามันคือจี้หยก ดวงตาของเขาเป็นประกาย
“ซวนเอ๋อร์ ทำไมเจ้าซ่อนของดี ๆ เช่นนี้ไว้เล่า”
“พี่ใหญ่อย่าใส่ใจเลย” ขงซวนพูดอย่างคลุมเครือ
ที่จริงจี้หยกชิ้นนี้เป็นของสกุลเว่ย เขาเคยตามเว่ยเสี่ยวเถากลับไปที่บ้านเดิม พอเขาเห็น เขาก็ชอบใจทันที เขาแอบขโมยกลับมา ขงซวนคิดว่าของชิ้นนี้เป็นของมีค่า เชาซ่อนมันเอาไว้เผื่อวันหน้าจะได้แต่งงานใหม่อีกครั้ง
“ท่านพี่ ท่านเข้าเมืองแล้วจับเว่ยฉิงเข้าคุกซะ”
“ได้! ข้าจะออกเดินทางแต่เช้า หากไม่พอข้าจะควักเงินเพิ่มเข้าไป”
เช้าวันรุ่งขึ้น ขงต้าจู้เข้าไปที่โรงรับจำนำในเมือง เดิมทีเขาตั้งใจว่าจะขายมันในราคายี่สิบตำลึง นำห้าตำลึงไปติดสินบนเจ้าหน้าที่ และแอบเก็บไว้กับตัวเองอีกสิบห้าตำลึง ทว่าโรงจำนำให้เงินเขาถึงห้าสิบตำลึงซึ่งเป็นราคาที่สูงลิ่วสำหรับเขา ขงต้าจู้รับเงินมาเก็บไว้ในแขนเสื้อก่อนที่จะเดินไปศาลาว่าการ
ที่โรงรับจำนำแห่งนี้มีเถ้าแก่ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ จี้หยกชิ้นนี้ไม่ใช่จี้หยกธรรมดา มันคือหยกโลหิต หยกโลหิตนั้นมีค่ามหาศาลจนยากที่จะพรรณาได้ โรงรับจำนำแห่งนี้เป็นเพียงสาขาหนึ่งเท่านั้น
ของชั้นดีเช่นนี้ไม่สามารถหาได้ง่าย ๆ เถ้าแก่นำมันไปขายต่อหลังจากที่ถูกขายต่อไปเป็นทอด ๆ มูลค่าของมันก็มากกว่าเดิมเป็นสิบเท่าของราคาซื้อขายในตอนแรก
ผู้ครอบครองหยกคนปัจจุบันนำมันเดินเข้าไปในจวนหลังหนึ่งมอบมันให้กับเจ้านายของตัวเอง เมื่ออีกฝ่ายรับไปเขานำมันส่องไปกับแสงแดดจนสามารถมองเห็นคำว่า ‘ฉิง’ ได้อย่างชัดเจน
เขาเกิดอารมณ์ครุกรุ่นขึ้นมามือที่ถือหยกสั่นสะท้าน จนต้องใช้เวลานานกว่าจะสงบลง
“หลายปีผ่านไปในที่สุดก็พบเบาะแส! เร่งตรวจสอบซะ! ต่อให้ต้องขุดดินลงไปลึกสามฉื่อ[2]ก็ต้องหาให้เจอ!
…….
ถังหลี่กำลังยุ่งกับงานต่าง ๆ ในร้าน วันเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วเพียงกะพริบตาก็ถึงกำหนดที่เว่ยฉิงจะได้วันหยุด วันนี้เป็นวันที่นางตั้งตารอ เหมือนผู้คนในชาติก่อนของนางที่รอคอยวันหยุดสุดสัปดาห์
ในตอนเย็นเมื่อป้าจ้าวเตรียมอาหารทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว กลับยังไม่มีวี่แววว่าเว่ยฉิงจะกลับมาสักที ถังหลี่เริ่มกระวนกระวายไม่สบายใจขึ้นมา ทั้งครอบครัวกำลังนั่งรออยู่ที่โต๊ะทานข้าว แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้น
เว่ยฉิงกลับมาแล้วหรือ?
หญิงสาวรีบเดินไปเปิดประตู ที่หน้าประตูนางพบกับผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่สองคน หน้าตาคล้ายคลึงกัน ถังหลี่จำได้ทันทีว่าชายหนุ่มสองคนนี้เป็นลูกน้องของเว่ยฉิงที่เคยมาช่วยซ่อมถนน
พวกเขามาจากจวนตระกูลเซี่ย
ใบหน้าของคนทั้งสองแฝงไว้ด้วยความกังวลและร้อนใจ
“ฮูหยิน เกิดเรื่องแล้ว หัวหน้าเว่ยถูกเจ้าหน้าที่ของศาลาว่าการพาตัวไป!”
——————–
[1] เสียใจจนลำไส้เขียว หมายถึง เวลาคนตายแล้วไส้จะเป็นสีเข้ม (เพราะเลือดไปสะสมบริเวณนั้นจนกลายเป็นสีม่วงคล้ำ) จึงใช้ 腸子都悔青了 บรรยายความเสียใจหรือเสียดาย หมายถึง “เสียดาย, เสียใจสุด”
[2] 1 ฉื่อ เท่ากับ 10 ชุ่น (หรือ 10 นิ้ว)