บทที่ 115 ลูกน้องที่แสนดีของเว่ยฉิง
ผู้ชายสองคนนี้เป็นพี่น้องกันพวกเขาคือเหลยหมิงกับเหลยเป้า
ชาวบ้านส่วนใหญ่มักจะหวาดกลัวทางการ แม้ทั้งสองจะเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้มาแล้วก็ตาม แต่เมื่อเห็นว่าหัวหน้าเว่ยถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไป พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกจากนำข่าวมาบอกถังหลี่
เมื่อหญิงสาวได้ทราบข่าวสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที ถังหลี่ถึงกับสับสน
เว่ยฉิงถูกทางการจับตัวไป? เกิดเหตุอันใดขึ้น?
เหลยหมิงและเหลยเป้าเห็นท่าทางของถังหลี่ สมควรแล้วที่นางจะมีท่าทีสับสนเช่นนี้
“ฮูหยิน นายท่านเซี่ยไม่อยู่ในเมืองตอนนี้หากท่านกลับมา เราจะขอความช่วยเหลือจากเขาทันที ท่านไม่ต้องกังวลไป” เหลยเป้ากล่าว
เหลยเป้าเป็นคนที่ภายนอกดูดุดัน แต่ยามนี้เขากลับใช้น้ำเสียงอ่อนโยนคุยกับนางเพราะเกรงว่านางจะวิตกกังวลมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ท่าทางเขาจึงดูน่าขันอย่างไม่รู้ตัว
ทว่าถังหลี่กลับวุ่นวายใจจนไม่ได้สังเกตอะไรทั้งสิ้น
โดยปกติแล้วถังหลี่เป็นคนที่มีอารมณ์มั่นคงไม่ค่อยตื่นเต้นตกใจง่าย ๆ แต่วันนี้เมื่อได้รู้ข่าวนางถึงกับคิดอะไรไม่ออก สมองว่างโหวงไปชั่วครู่ ต่อเมื่อตั้งสติได้จึงพบว่าตนเองกำลังนั่งเก้าอี้ ลูกน้องของเว่ยฉิงกลับไปนานแล้ว บนตักของนางมีเอ้อร์เป่ากับซานเป่านอนหนุนอยู่ เด็กทั้งคู่มีสีหน้ากังวล ถังหลี่ฝืนยิ้มก่อนจะลูบหัวพวกเขาเบา ๆ
“แม่ไม่เป็นไร”
“นายหญิงเจ้าคะ ได้โปรดกินอะไรหน่อยเถอะเจ้าค่ะ” ป้าจ้าวยืนอยู่ที่ประตูพร้อมกับชามใบหนึ่ง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ
ถังหลี่ไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิดแต่เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาแสดงความเป็นห่วงของลูกชายลูกสาวทั้งสอง นางจึงได้แต่พยักหน้ารับคำ
“ป้าจ้าว พาเด็ก ๆ ไปกินข้าวเถิด” ถังหลี่สั่ง
ป้าจ้าวพาเอ้อร์เป่าและซานเป่าจากไป
อาหารมื้อนี้ควรจะเป็นมื้อที่อบอุ่น แต่เพราะเหตุการณ์นี้จึงทำให้บรรยากาศในโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความเศร้าซึม
ใจเย็น ๆ ก่อน…
เมื่อคืนนี้ถังหลี่จำได้ว่าไม่มีฝันเป็นลางบอกเหตุ นั่นย่อมหมายความว่าเว่ยฉิงจะไม่มีอันตรายร้ายแรงใด ๆ
พอคิดได้เช่นนี้หญิงสาวจึงสงบใจลงได้อย่างรวดเร็ว
สิ่งสำคัญตอนนี้ก็คือ ต้องรีบหาสาเหตุของเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด จะได้วางแผนรับมือกับมันได้ แต่นี่มืดค่ำเกินไปแล้ว พรุ่งนี้เช้าตรู่ถังหลี่จะรีบเข้าไปในเมืองเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ในขณะที่นางนั่งอยู่ในห้องนอนจู่ ๆ ก็มีศีรษะเล็ก ๆ ยื่นเข้ามา
“เอ้อร์เป่า ซานเป่า เข้ามาสิ”
เด็กทั้งสองเดินเข้ามาในห้องไปหยุดข้าง ๆ ถังหลี่ หนึ่งในสองคนนั้นเอื้อมมือมาจับมือนางไว้
“ท่านแม่…ท่านพ่อจะเป็นอันใดไหม?”
ในดวงตาของทั้งสองคนมีความหวาดกลัวแฝงอยู่
“ไม่ต้องกังวล บิดาของพวกเจ้าแข็งแรงมากเขาจะไม่เป็นไร” ถังหลี่คลี่ยิ้ม
หลังจากที่ทั้งสามพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อป้าจ้าวสังเกตว่านายหญิงของตนมีท่าทีไม่ค่อยดีนัก นางจึงรีบพาเด็ก ๆ ไปอาบน้ำเข้านอน
ถังหลี่นอนอยู่บนเตียงนิ่ง ๆ ตลอดทั้งคืน
เช้าวันรุ่งขึ้นหญิงสาวตื่นแต่เช้าเพื่ออาบน้ำแต่งตัว
ป้าจ้าวตื่นมาทำอาหารให้ถังหลี่แต่เช้าเช่นกัน ที่จริงแล้วหญิงสาวไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อเห็นความตั้งใจของนาง ถังหลี่จึงรับโจ๊กมาทาน
“ป้าจ้าวดูแลเอ้อร์เป่ากับซานเป่านะ ข้าจะไปที่เมืองเหอตง”
“ไม่ต้องห่วงนายหญิง ข้าจะดูแลพวกเขาให้ ระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ” ถังหลี่พยักหน้าและรีบออกไปทันที
ป้าจ้าวไปส่งหญิงสาวที่ประตูมองดูนางเดินลับตาไป หญิงวัยกลางคนประสานมือสวดภาวนาขอพรเงียบ ๆ ว่าอย่าให้เกิดเหตุร้ายใด ๆ นางอยู่ที่บ้านสกุลเว่ยมาสักพักใหญ่ ทั้งสองคนเป็นเจ้านายที่ดีมาก พวกเขาเป็นคนดีจริง ๆ
คนดีย่อมได้รับสิ่งดี ๆ
…
ถังหลี่จ้างรถม้าเดินทางไปที่เมืองเหอตง ใช้เวลาเดินทางถึงสองชั่วยาม นางถามทางมากับผู้คน จนในที่สุดก็มาถึงประตูศาลาว่าการ ที่ด้านหน้าประตูมีเจ้าหน้าที่สองคนยืนเฝ้ายามอยู่ ถังหลี่รีบเดินเข้าไปที่ประตูศาลาทันที
“พี่ชายทั้งสอง ข้ามีเรื่องอยากขอถามท่าน” ถังหลี่พูดด้วยรอยยิ้ม
เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนเหลือบมองถังหลี่ก่อนจะเบือนหน้าหนี หญิงสาวยังไม่คุ้นเคยกับระบบราชการในยุคโบราณนี้ แต่เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “ศาลาว่าการนั้นต่อให้มีเรื่องอันควรหากไม่มีเงินก็อย่าหมายว่าจะเข้ามาได้”
ดังนั้นนางจึงหยิบเงินสองอีแปะออกจากแขนเสื้อ แล้วยัดเข้าไปในมือเจ้าหน้าที่ทั้งสองคน
“พี่ชายทั้งสองท่านทำงานหนักมากแล้ว สินน้ำใจนี้ท่านนำมันไปซื้อสุราดี ๆ ดื่มเถิด”
เจ้าหน้าที่เก็บเงินที่ได้รับจากนาง ก่อนจะหันมาให้ความสนใจถังหลี่ในที่สุด
“เมื่อสักครู่แม่นางถามอะไรพวกข้าหรือ? ลมมันแรงมากข้าไม่ค่อยจะได้ยิน”
“สามีของข้านามเว่ยฉิง ถูกทางการควบคุมตัวมา ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น? แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ใด”
“ได้สิ หากได้เรื่องแล้วข้าจะแจ้งให้แม่นางรู้”
ทันทีที่หญิงสาวได้ยินก็รู้ว่านั่นคือข้อแก้ตัว พวกเขาไม่สามารถหาคำตอบให้นางได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมต้องรีบหาวิธีอื่น
“ฮูหยิน!”
ถังหลี่ได้ยินเสียงตะโกนขึ้น นางรีบหันไปมอง เห็นสองพี่น้องสกุลเหลยเดินมาแต่ไกล
“ฮูหยินท่านมาตรงนี้เถิด” เหลยเป้ากวักมือเรียกนาง
ชายสองคนนี้มีท่าทางดุร้าย คนส่วนใหญ่จึงไม่กล้าที่จะเข้าใกล้พวกเขา แต่ถังหลี่นั้นรับรู้ได้ถึงความมีน้ำใจของพวกเขา หญิงสาวจึงรีบเดินเข้ามาหา
“ฮูหยินท่านมาทำอะไรที่นี่? สอบถามเรื่องหัวหน้าเว่ยหรือ?” เหลยเป้าถาม
เหลยเป้าและเหลยหมิงมีความประทับใจในตัวภรรยาภรรยาของเว่ยฉิงมาก แม้ดูภายนอกนางจะเป็นเพียงสตรีตัวเล็กบอบบาง เดิมทีเขาคิดว่านางจะต้องตกใจมาก จนร้องห่มร้องไห้น้ำตาท่วมบ้าน แต่ไม่คิดเลยว่าเช้านี้จะเจอนางยืนอยู่ที่ทางเข้าศาลาว่าการแต่เช้า
“ฮูหยินเว่ย ข้ารู้ว่าท่านอับจนหนทาง แต่เจ้าหน้าที่พวกนั้นเป็นแค่เพียงคนโลภเท่านั้น พวกเขาไม่มีอำนาจใด ๆ ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าไปการเฝ้าประตูหรอก ก่อนหน้านี้มีชายชราที่ลูกชายถูกขังอยู่ในคุก เขาจ่ายเงินไปมาก แต่สุดท้ายก็สูญเงินเปล่า แม้แต่เบาะแสก็ไม่มี” เหลยหมิงอธิบายให้นางฟัง
คงไม่ได้ทำให้นางตกใจหรอกนะ?
เหลยเป้าพูดไม่ออกเมื่อเห็นน้องชายพูดแบบนั้น เขามองเหลยหมิงจากนั้นจึงส่งสัญญานให้เขาหุบปากเสีย
“ฮูหยิน อย่าไปฟังเขามากนัก เขาไม่ได้รู้อะไรมากหรอก!
แต่การถามไถ่เจ้าหน้าที่เฝ้าประตูเช่นนี้ก็ไม่มีประโยชน์จริง ๆ เราต้องหาคนรู้จักในนั้น” เหลยเป้ากล่าว
“พวกเรามีคนรู้จักอยู่ในศาลาว่าการของเหอตง ก่อนที่เขาจะมาเป็นเจ้าหน้าที่เขาเคยทำงานกับพวกเรามาก่อน”
ถังหลี่พยักหน้ารับ ครั้้งนี้นางใจร้อนเกินไปจริง ๆ
จะว่าไปนางเองก็รู้จักผู้คนในเมืองเหยาสุ่ยมาก ทั้งพี่ชายทั้งสองคนของนาง หรือแม้กระทั่งฮูหยินมู่ จริง ๆ แล้วนางสามารถไปขอความช่วยเหลือจากพวกเขาได้ก่อนที่จะมาเมืองเหอตง
ก่อนหน้านี้พี่น้องสกุลเหลยตั้งใจจะหาร้านสุราดี ๆ นั่ง แต่เมื่อเจอกับถังหลี่พวกเขาก็เปลี่ยนจุดหมายไปเป็นร้านน้ำชาทันที เมื่อพวกเขาเข้าไปนั่งในร้านน้่ำชาแล้ว ถังหลี่มองไปที่ทั้งสองก่อนจะถามอีกฝ่าย
“พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อช่วยสามีข้าหรือ?”
“หัวหน้าเว่ยถูกคุมตัวไปเช่นนี้ พี่น้องของเราพากันกังวลมาก ส่วนพวกเราสองคนก็รู้จักเจ้าหน้าที่ในเหอตงเลยตัดสินใจมาตามข่าวกัน ฮูหยินเว่ยไม่ต้องกังวลนะพวกเราจะพาหัวหน้าเว่ยกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน” เหลยเป้าพูด
หญิงสาวรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจ ปกติแล้วนางมัวแต่ยุ่งอยู่กิจการของตนเองไม่ได้คุ้นเคยกับพี่น้องร่วมงานของเว่ยฉิงเลย แต่ทันทีที่เว่ยฉิงถูกคุมตัวมาที่นี่ พี่น้องคู่นี้ก็พากันมาที่เมืองนี้แต่เช้าตรู่เพื่อหาทางช่วยเหลือเขาเช่นกัน นั่นแสดงให้เห็นว่าทั้งสองคนเป็นห่วงเว่ยฉิงมากเพียงใด
“ขอบคุณพวกเจ้ามาก” ถังหลี่กล่าวอย่างจริงใจ
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร! พวกเราเป็นพี่น้องกัน หัวหน้าเว่ยเองก็ดีกับพวกเรามาตลอด!” เหลยหมิงกล่าว
พวกเขาทั้งสองเคยเจอเรื่องเลวร้ายมาก่อน เหลยหมิงกล่าวว่าครั้งหนึ่งในขณะที่พวกเขากับเว่ยฉิงดื่มกัน มีศัตรูเข้ามาลอบทำร้าย เว่ยฉิงจัดการพวกมันอย่างกล้าหาญ ช่วยขวางคมมีดที่ฟาดฟันลงมา
ในเมื่อพวกเขาคือสหายกันสิ่งสำคัญคือความจริงใจและซื่อตรง หัวหน้าเว่ยเป็นคนซื่อตรงและยุติธรรมกับพวกเขาเสมอ ในเมื่อตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นกับเว่ยฉิงย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่ทั้งสองพร้อมจะช่วยเหลือเขาเช่นกัน
——————-