บทที่ 165 ส่งทางการ
จ้าวลิ่วแฉเซี่ยฟางเฟยหมดสิ้นภายในประโยคเดียว
เหลยหมิงตกตะลึง
แม้ว่าตัวเขาเองจะขึ้นเหนือล่องใต้มาหลายปี เขาพบปะกับคนทุกประเภท แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องของคนอย่างเซี่ยฟางเฟย หญิงสาวสมคบคิดกับจ้าวลิ่วให้ลักพาตัวตนเอง เพื่อวางแผนรอโอกาสที่จะมีช่วงเวลากับเว่ยฉิง แต่สุดท้ายก็ต้องแพ้ภัยตนเอง… สตรีคนนี้ร้ายกาจกว่าที่เขาคิดไว้
หัวหน้าเว่ยที่น่าสงสาร เขาโชคร้ายอย่างไม่มีเหตุผล ทั้ง ๆ ที่เว่ยฉิงไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ต้องมาแบกรับคำปรามาสจากทุกคน นับว่าโชคดีที่ฮูหยินเว่ยเชื่อมั่นในตัวสามี ไม่เช่นนั้นบ้านของหัวหน้าเว่ยคงเจอปัญหาใหญ่แน่!
เหลยหมิงจับตงเสวี่ยมัดปากไว้ โยนนางเข้าไปไว้ด้วยกันกับจ้าวลิ่วในกระท่อมเก็บฟืน ก่อนจะกลับไปยืนเฝ้ายามที่หน้าประตู เพื่อไม่ให้มีเรื่องผิดพลาดพรุ่งนี้ทั้งสองคนต้องถูกส่งตัวไปให้ทางการเพื่อทำการไต่สวน ให้ทุกคนในเมืองได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเซี่ยฟางเฟย คืนความชอบธรรมให้แก่หัวหน้าเว่ย
ในตอนนั้นเองเซี่ยฟางเฟยก็เริ่มกังวลที่ไม่เห็นตงเสวี่ยกลับมา
ตงเสวี่ยที่ขี้ขลาดคงไม่ทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นใช่หรือไม่? เซี่ยฟางเฟยเดินวนไปรอบห้องก่อนจะเปิดประตู
“พี่เหลยเป้า” นางเรียกเบาๆ
เหลยเป้าวิ่งเข้าไปหาเซี่ยฟางเฟยอย่างรวดเร็ว
“พี่เหลยเป้า ท่านช่วยไปดูตงเสวี่ยให้หน่อยได้หรือไม่ ไม่รู้ว่านางหายไปไหนข้าเป็นห่วงมาก”
เหลยเป้าหันหลังกำลังจะจากไป
“พี่เหลยเป้า ก่อนที่ตงเสวี่ยจะหายไปตัวไป นางบอกว่านางต้องการแก้แค้นให้ข้า… ข้ากลัวว่านางจะไปหาโจรผู้นั้น” เซี่ยฟางเฟยพูดด้วยสีหน้ากังวล
“ไม่รู้ว่านางจะทำอะไรโง่ ๆ ลงไปหรือเปล่า”
เหลยเป้าเดินไปที่กระท่อมเก็บฟืน เขาพบพี่ชายตัวเองเฝ้ายามอยู่
“เจ้าเห็นตงเสวี่ยหรือไม่?” เหลยเป้าถามอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อเหลยหมิงเห็นน้องชายก็รู้ทันทีว่าเซี่ยฟางเฟยเป็นคนส่งเขามาอย่างแน่นอน
“เหลยเป้าข้ามีเรื่องต้องบอกเจ้า คนที่เราจับตัวมาวันนี้คือโจรที่ลักพาตัวคุณหนูเซี่ย” เหลยหมิงกล่าว
เหลยเป้าชะงักนิ่งไปอยู่ครู่หนึ่ง
“เป็นไปไม่ได้ คุณหนูเซี่ยบอกว่านางไม่รู้จักเขา”
“คุณหนูจะพูดความจริงหรือ?”
“คุณหนูเป็นคนจิตใจดีมาก นางไม่มีทางที่จะโกหกแน่นอน”
เหลยหมิงมองไปที่ยังท่าทีที่เชื่อมั่นของอีกฝ่าย ก็รู้ทันทีว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดต่อ
“ข้าไม่เห็นตงเสวี่ย” เหลยหมิงกล่าว
เหลยเป้ากำลังเดินไปที่กระท่อมเก็บฟืน ทว่าเหลยหมิงก็รั้งแขนเขาไว้
“ข้าเฝ้าอยู่ที่นี่ตลอด ตงเสวี่ยไม่ได้เข้าไปข้างใน พวกเราเป็นพี่น้องกัน เจ้าไม่เชื่อใจข้าหรือ?” เลยหมิงกล่าว
เมื่อคนทั้งคู่สบตากัน เหลยหมิงรู้สึกหนักใจ หากเหลยเป้าไม่ฟังคำพูดเขาอีกทั้งยังยืนยันที่จะเข้าไปดูด้านในกระท่อมเพราะเชื่อฟังคำสั่งของสตรีผู้นั้น โดยไม่คำนึงถึงความเป็นพี่น้องมาตลอดยี่สิบปี เขาจะทำเช่นไร? แต่สุดท้ายเหลยเป้าก็ไม่ได้เข้าไป
“ข้าจะไปหาที่อื่น”
เหลยหมิงมองไปที่แผ่นหลังของน้องชาย คิ้วของชายหนุ่มยังขมวดแน่นด้วยความทุกข์
…
เซี่ยฟางเฟยนอนไม่หลับทั้งคืน
ตงเสวี่ยหายไปราวกับอากาศ แม้แต่เหลยเป้ายังหาเด็กสาวไม่พบ ถ้าหากโจรจ้าวลิ่วผู้นั้นถูกส่งไปให้ทางการล่ะก็นางคงได้จบสิ้นเป็นแน่!
ในตอนรุ่งสาง เซี่ยฟางเฟยไปที่กระท่อมเก็บฟืนเพื่อหาเหลยหมิง แต่ไม่ว่านางจะพูดยกเหตุผลอะไรขึ้นมาเหลยหมิงก็ไม่ถอยให้นางเข้าไป แม้ว่าเหลยหมิงและเหลยเป้าจะเป็นพี่น้องกัน แต่พี่ชายของเหลยเป้าก็ไม่ได้หลอกง่ายเหมือนน้องชายของเขาเลย
หญิงสาวไม่มีทางเลือกอื่น นางจึงกัดฟันไปหานายท่านเซี่ย
“ท่านลุง…ข้าขอโทษเจ้าค่ะ เมื่อวานเป็นเพราะความหวาดกลัวข้าเลยไม่กล้าพูดออกไป โจรผู้นั้นคือคนที่ลักพาตัวข้าไปเจ้าค่ะ!”
“หากส่งเขาไปให้ทางการแล้วเขาคงจะพูดจาเหลวไหลเป็นแน่ ท่านลุง ข้าจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ!”
“ตอนนี้ชื่อเสียงข้ามีแต่อื้อฉาว หากเขาใส่ร้ายข้ามากกว่าเดิม ฮือออ ข้าคงตายแน่”
เซี่ยฟางเฟยร่ำไห้อย่างหนัก
ที่จริงแล้วในคำพูดของเซี่ยฟางเฟยมีคำบอกใบ้ที่นางแฝงเอาไว้แล้ว เพราะอย่างไรลุงของนางต้องไปถามจ้าวลิ่วแน่ เขาต้องบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง เซี่ยฟางเฟยจึงรีบชิงบอกก่อนว่าสิ่งที่ชายคนนั้นพูดเป็นเรื่องโกหกไร้สาระ เพื่อที่ท่านลุงเซี่ยจะได้ไม่เชื่อเขา!
นายท่านเซี่ยตกใจมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้
หากเป็นโจรธรรมดาส่งไปให้ทางการก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าหากโจรคนนี้พูดจาไร้สาระ ชื่อเสียงของหลานสาวเขาต้องย่อยยับในมณฑลเหอตงแน่
เหยาสุ่ยเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ ดังนั้นต่อให้จะมีข่าวลือแพร่กระจายก็จะอยู่แค่ในเมือง แต่ถ้าหากแพร่กระจายไปทั่วเหอตงล่ะก็ ข่าวลือพวกนี้ต้องลอยไปถึง ชิงเหอ และซ่างจิงอย่างแน่นอน!
“อย่าพาตัวมันไปให้ทางการ พามันมานี่!” นายท่านเซี่ยสั่งทันที
เซี่ยฟางเฟยถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตราบใดที่ชายคนนั้นยังไม่ถูกส่งไปในทางการก็พอ แต่ทว่าหลังจากรออยู่ครู่ใหญ่ ก็ไม่มีใครโผล่มายกเว้นเหลยหมิง
“เหลยหมิงเจ้าไม่ได้เฝ้าโจรคนนั้นอยู่หรือ? มันอยู่ไหนเหตุใดเจ้าไม่พาตัวมาให้ข้า” นายท่านเซี่ยถาม
“นายท่านขอรับ ไม่ใช่ว่าท่านตั้งใจจะส่งเขาให้ทางการหรือขอรับ? ข้าให้คนนำตัวชายคนนั้นไปส่งทางการแต่เช้าตรู่แล้วขอรับ” เหลยหมิงกล่าว
ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือดทันที ทางด้านชายชราก็ตกตะลึงมากเช่นกัน
“ส่งไปแล้วหรือ เหตุใดจึงรวดเร็วเช่นนี้”
“เขารังแกคุณหนู ทำให้ข้าโกรธมาก ข้าต้องการให้มันถูกทางการลงโทษโดยเร็ว” เหลยหมิงกล่าว
“เร็ว ไปพาตัวเขากลับมา!” นายท่านเซี่ยพูดอย่างรีบร้อน
“เหตุใดนายท่านถึงให้นำเขากลับมาหรือขอรับ?” เหลยหมิงงงงวย
“ชายคนนั้นคือโจรที่ลักพาตัวฟางเฟย!” ชายชรามีท่าที่ร้อนใจ
“โจร? แต่เมื่อวานคุณหนูบอกว่าไม่รู้จักเขา” เหลยหมิงพูดอย่างสับสน
เซี่ยฟางเฟยเห็นเหลยหมิงยังทำท่าสับสนชักช้าอยู่ นางจึงหันไปหาเหลยเป้าแทน
“พี่เหลยเป้า ไปพาเขากลับมา!”
เหลยเป้ารีบหันมามอง ทันใดนั้นเหลยหมิงก็ดูมีสติขึ้นมา
“แต่ว่านายท่าน… เมื่อวานข้าจับตงเสวี่ยสาวใช้ของคุณหนูได้ขอรับ นางพยายามวางยาพิษโจรผู้นั้น ข้าคิดว่าเรื่องนี้มีพิรุธไม่ชอบมาพากล ข้าเลยส่งพวกเขาทั้งคู่ไปให้ทางการพร้อมกันขอรับ”
ทันทีที่เหลยหมิงพูดจบคุณหนูเซี่ยก็อยากเป็นลมทันที นางรู้ว่าเหลยหมิงระแวงนาง นี่คือการจงใจพุ่งเป้ามาหานางชัดๆ!
…….
เหลยหมิงส่งข่าวไปให้เว่ยฉิงกับถังหลี่ว่าโจรโดนจับแล้ว
ชายหนุ่มยกนิ้วให้ภรรยาของเขาทันที
ฮูหยินของเขาสุดยอดจริง ๆ! นางคาดคะเนนไว้ได้อย่างแม่นยำ!
เมื่อถังหลี่ได้ยินข่าวนี้นางมีความสุขมาก หากจับโจรได้ล่ะก็ ทางการจะไต่สวนคืนความยุติธรรมให้สามีของนาง !
คิดได้เช่นนั้นทั้งสองไม่รอช้า พวกเขานั่งรถม้าเดินทางไปยังเหอตงตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อดูการไต่สวนคดีนี้ และเมื่อไปถึงเมือง คนทั้งคู่ก็ตรงไปยังศาลาว่าการของเมืองทันที
เมื่อมีการตัดสินคดีของทางการย่อมไม่เคยขาดแคลนผู้ชม ดังนั้นรอบศาลาว่าการจึงมีชาวบ้านอยู่จำนวนมาก
เว่ยฉิงที่มีรูปร่างสูงใหญ่ เขาปกป้องภรรยา ช่วยให้นางเดินเข้าไปด้านในได้อย่างสะดวก หลังจากแทรกฝูงชนเข้าไป พวกเขาก็พบกับคนรู้จักสองสามคน
ผู้คุ้มกันสองคนกับเหลยเป้า
ในตอนแรกเหลยเป้าตั้งใจจะมาพาตัวจ้าวลิ่วกลับไป แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเขามาช้าไปเพียงก้าวเดียวเท่านั้น ทันทีที่ชายหนุ่มมาถึงโจรผู้นั้นก็ถูกมอบตัวส่งให้เจ้าหน้าที่สองคนไปแล้ว และเมื่อผู้คุมเห็นเว่ยฉิงก็รีบทักทายทันที
“พี่เว่ย!”
“พี่เว่ย!”
เว่ยฉิงพยักหน้ารับ ส่วนเหลยเป้าชายตามองเว่ยฉิงอย่างเย็นชาและเมินเฉยไป เว่ยฉิงเม้มริมฝีปากแน่นไม่พูดอะไรออกมา
ที่ลานไต่สวนจ้าวลิ่วและตงเสวี่ยกำลังคุกเข่าอยู่ตรงกลางลาน เด็กสาวตกใจมาก นางเป็นลมไปหลายครั้ง หลังจากที่ฟื้นได้สติขึ้นมานางก็ทรุดตัวกองกับพื้นราวกับไร้เรี่ยวแรง ไม่นานนักเจ้าเมืองก็เดินทางมาถึง จ้าวเมืองจูนั่งลงที่โต๊ะพิจารณาทุบค้อนไม้ลงกับโต๊ะ
“ผู้ต้องหาเป็นใคร?”
คนคุ้มกันคนหนึ่งของจวนเซี่ยกล่าวขึ้น
“ท่านเจ้าเมือง ข้าเป็นผู้คุ้มกันจากจวนเซี่ยในเมืองเหยาสุ่ย ชายผู้นี้มีนามว่าจ้าวลิ่ว เขาลักพาตัวคุณหนูเซี่ยไป อีกคนคือตงเสวี่ยสาวใช้ของคุณหนูเซี่ยขอรับ นางนำขนมอาบยาพิษมาให้จ้าวลิ่ว ข้าคิดว่าเรื่องนี้มีพิรุธ จึงอยากให้ท่านจ้าวเมืองช่วยพิจารณาขอรับ”