บทที่ 206 กำปั้นของเว่ยฉิง
เว่ยฉิงไม่ให้โอกาสให้ฟางเจี๋ยตั้งตัว เขาเดินไปคว้าคอเสื้อกระชากอย่างแรง ร่างกายของฟางเจี๋ยสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
“เจ้า…เจ้าคิดจะทำอะไร? หากเจ้ากล้าทำอะไร อย่าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปง่ายๆ!”
เว่ยฉิงเม้มปาก เขาไม่พูดอะไร ชายหนุ่มเหวี่ยงหมัดเข้าไปปะทะที่ใบหน้าของฟางเจี๋ยทันที
ผลัวะ!
ฟางเจี๋ยมึนงงไปด้วยความเจ็บปวด ภาพตรงหน้าพร่าเบลอวิงเวียน เลือดกำเดาค่อย ๆ ไหลออกมาจากจมูก ในขณะที่กำลังจะอ้าปากพูด เว่ยฉิงก็ต่อยเขาอีกครั้ง!
เว่ยฉิงที่ระงับความโกรธของตัวเองมาตลอด ขณะนี้เขาระเบิดทุกอย่างออกมาจนหมดสิ้น ชายผู้นี้ไม่ใช่บิดาของเอ้อร์เป่าอีกต่อไป เขาจึงไม่จำเป็นต้องเห็นอกเห็นใจคนผู้นี้
สามหมัดแรกสำหรับเอ้อร์เป่า!
เพราะเรื่องราวเหล่านี้ทำให้เอ้อร์เป่าเป็นทุกข์ ภรรยาของเขาแอบสลับตัวบุตรตัวเองกับเอ้อร์เป่า รังแกเขาอย่างไร้มนุษยธรรม!
หมัดที่สี่สำหรับตัวของฟางเจี๋ยเอง! มันทำตัวเองก็สมควรแล้ว!
หมัดที่ห้าสำหรับความลำบากใจของเมียข้า!
หมัดที่หก….
เว่ยฉิงชะงักเขาคิดไม่ออกว่าหมัดที่หกนั้นสำหรับอะไร แต่ลืมมันไปเถอะ อย่างไรเขาก็จะทุบตีชายผู้นี้ให้สาสม ไม่ต้องสนใจเหตุผลอะไรทั้งนั้น!
เว่ยฉิงซัดหมัดใส่ฟางเจี๋ยอย่างไม่ไว้หน้า
ฟางเจี๋ยที่ตอนแรกจะตวาดตอบโต้เว่ยฉิง จำต้องหยุดความคิดนั้น ได้แต่ร้องขอความเมตตาจากชายหนุ่มแทน
“พี่เว่ย ข้าผิดไปแล้ว อย่าทำข้าเลยพี่เว่ย”
“ได้โปรด! ทำเช่นนี้ท่านมีความผิดนะ ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยพี่เว่ย ข้าขอร้อง!”
เสียงของฟางเจี๋ยโอดครวญอย่างเจ็บปวด แต่ก็ไม่สามารถเรียกความเมตตาจากเว่ยฉิงได้เลย
ในขณะเดียวกันนั้นเอง
หลังจากถูกเจ้าหน้าที่พาตัวออกจากศาล นางไช่ที่กำลังโกรธแค้น เข้าไปกระชากนางถังเข้ามาตบอีกครั้ง! หญิงแซ่ถังสารเลว! บังอาจมาสลับลูกของนาง จนนางกับบุตรชายต้องแยกจากกัน!
มันทำร้ายลูกของนาง!
บุตรชายที่ข้าอุ้มท้องมาถึงสิบเดือน
นางถังไม่เพียงทำร้ายตัวเองเท่านั้น ยังทำร้ายลูกของนางด้วย!
นางไช่ทิ้งรอยฟกช้ำและคราบเลือดนับไม่ถ้วนบนใบหน้าของนางถัง
“ข้าจะฆ่าเจ้า! ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย!”
ในขณะที่นางไช่กำลังบีบคอนางถัง ฟางจวิ่นก็รีบเข้ามาห้ามภรรยาเอาไว้
“ฮูหยิน อย่าให้มือของเจ้าเปื้อนเลือดเลย” ฟางจวิ่นกล่าว
เขาเสียใจมาก และเศร้ามากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นภรรยาเป็นเช่นนี้
“ลูกกำลังดูอยู่นะ..”
ลูก…
นางไช่หันหลังไป นางเห็นเอ้อร์เป่ากำลังยืนมอง เด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่ยืนอยู่ข้างถังหลี่ มีใบหน้าที่อ่อนโยน ดวงตาของนางไช่แดงก่ำ นางจ้องไปทางเอ้อร์เป่าตาไม่กระพริบ ไม่แปลกใจเลยที่นางอยากอยู่ใกล้กับเด็กชายตัวน้อยผู้นี้ คงเป็นเพราะสายสัมพันธ์แม่ลูก
เด็กคนนี้…นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือน
เป็นเด็กที่นางและสามีเฝ้ารอมาตลอด
หญิงสาวรู้สึกสงสารบุตรชายมาก ตอนนี้นางไช่ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดไป..
โชคดีนักที่เขาได้เจอกับถังหลี่และเว่ยฉิง หลังจากที่โดนลักพาตัวไป ไม่รู้ว่าตัวเขาต้องทุกข์ทรมานมากเพียงใด โชคดีเหลือเกิน ที่สามีภรรยาคู่นี้รับเขาไปเลี้ยงดู
นางนึกไม่ออกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากไม่มีสามีภรรยาคู่นี้ น้ำตาของนางไช่ไหลออกมาเป็นสายอย่างควบคุมไม่อยู่
ไม่นะ ! นี่นางทำอะไรลงไป…ทุบตีคนอื่นต่อหน้าลูกตัวเอง เมื่อครู่นางใช้อารมณ์ไปกับนางถังอย่างบ้าคลั่ง ทั้งหมดอยู่ในสายตาของเอ้อร์เป่า…
ลูกชายจะเกลียดนางหรือไม่?
นางไช่นิ่งงันไปครู่หนึ่ง
ถังหลี่จับมือเอ้อร์เป่าเดินไปหาหญิงสาว
“ท่านอา..อย่าร้องไห้”
เด็กตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมอง
“อาไม่ได้ร้อง..” นางไช่สำลักและร้องไห้หนักกว่าเดิม
เอ้อร์เป่ามองไปที่มารดาอย่างขอความช่วยเหลือ หญิงสาวยื่นผ้าเช็ดหน้าให้แก่เด็กชาย เขายื่นมันให้กับนางไช่
“ท่านอา.. เช็ดน้ำตาแล้วหยุดร้องเถิดขอรับ”
นางไช่หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา นางรับรู้ถึงกระแสน้ำอุ่นที่ชโลมจิตใจของนาง เด็กคนนี้เป็นเด็กดีจริง ๆ
“เอ้อร์เป่า…”
ฟางจวิ่นที่เงียบมาตลอดจู่ ๆ ก็พูดขึ้น
เอ้อร์เป่า “….”
ใบหน้าของเด็กชายชะงักเล็กน้อย เขากลัวเวลาที่ผู้ใหญ่ร้องไห้มากที่สุด ตอนนี้เขายังไม่สามารถปลอบหญิงสาวตรงหน้าได้เลย ชายคนนี้ก็จะร้องไห้เช่นกันหรือ?
ฟางจวิ่นกลั้นน้ำตาไว เขาตบไหล่เด็กชายเบา ๆ
“ลูกของข้า…เจ้าเก่งมาก”
นี่คือบุตรชายของเขาเอง เขาภูมิใจในตัวเด็กคนนี้!
“พี่สาวไช่ กลับไปโรงเตี๊ยมกับเราก่อนเถิด หากมีอะไรค่อยคุยกันที่นั่นดีหรือไม่?” ถังหลี่ชักชวน
นางไช่พยักหน้ารับ แล้วผู้ใหญ่ทั้งสี่รวมถึงเด็กทั้งสองก็พากันไปที่โรงเตี๊ยมของเถ้าแก่เนี้ยฮวา ทันทีที่ฮวาเหนียงจื่อเห็นถังหลี่ นางสำรวจหญิงสาวไปทั่วก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งใจเมื่อเห็นว่านางปลอดภัยดี
“เซี่ยเซี่ย เห็นไหมข้าช่วยถังหลี่กับเว่ยฉิงได้นะ”
เฉาจีที่เดินออกมาจากไหนไม่รู้ โน้มตัวเข้าไปหาหญิงสาวและพูดทวงผลงานของตนเอง
เถ้าแก่เนี้ยฮวาตบไปที่ใบหน้าของเขาฉาดใหญ่
“ถังถัง น้องเขย พวกเจ้าไปอาบน้ำเสีย เดี๋ยวพี่สาวคนนี้จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกเจ้าเอง”
เถ้าแก่เนี้ยฮวาพูดขึ้น
ใช่ พวกเขาเพิ่งออกมาจากห้องขัง แม้จะโดนขังไม่นานนักแต่ก็เหมือนก้าวเท้าเข้าไปหาความอัปมงคลแล้วครึ่งหนึ่ง ต้องอาบน้ำเพื่อชำระโชคร้ายออกไป
สามีภรรยาจึงพาลูก ๆ ไปอาบน้ำ
ฟางจวิ่นกอดประโลมนางไช่ที่กำลังร่ำไห้อย่างอ่อนโยน
เมื่อถังหลี่และเว่ยฉิงอาบน้ำเสร็จ พวกเขาลงมาข้างล่างโรงเตี๊ยมและนางไช่หยุดร้องไห้ทันที งานเลี้ยงไล่สิ่งอัปมงคลของฮวาเหนียงจื่อคือการจ่ายเงินหลายสิบตำลึงเพื่อจองห้องในเหลาอาหารที่ร้านข้างเคียง พวกเขาจึงพากันไปที่เหลาอาหารแห่งนั้น
นางไช่ทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ เอ้อร์เป่า หญิงสาวไม่พูดอะไร นางทำเพียงแค่จ้องมองเด็กชายเงียบ ๆ เท่านั้น
“ท่านแม่ใบหน้าข้ามีอะไรติดอยู่หรือ?”” เอ้อร์เป่ามองไปที่ถังหลี่และพึมพำ
“อะไรหรือ?” ถังหลี่ตกใจ
“ท่านอาจ้องข้านานไปแล้ว ข้ากลัว”
เอ้อร์เป่าพูดงอแงเหมือนเด็กเล็ก ๆ
พอเขาพูดจบ ทุกคนพากันหัวเราะออกมาอย่างขบขัน หลังจากมื้อเย็นจบไปผู้ปกครองทั้งสี่คนของเอ้อร์เป่าก็เริ่มพูดคุยกัน
“ถังถัง… ข้าไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากคำว่าขอบคุณ ขอบคุณที่เจ้าเลี้ยงดูเอ้อร์เป่ามาเป็นอย่างดี”
นางไช่กล่าว
“ใช่แล้ว ต่อไปนี้เราถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน และข้าคงต้องรบกวนให้เจ้าช่วยดูแลเอ้อร์เป่าต่อไป”
ฟางจวิ่นกล่าว
ความจริงแล้วฟางจวิ่นอยากให้ลูกอยู่กับเขา เด็กคนนี้เป็นเด็กฉลาด มีเหตุผล ใครเล่าจะไม่ชอบเด็กดีเช่นนี้? แต่หลังจากผ่านประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับพี่ชายของเขาแล้วนั้น ชายหนุ่มจะไม่พยายามบังคับให้ลูกอยู่กับเขาเด็ดขาด
เด็กคนนี้รักครอบครัวในตอนนี้ของเขา เอ้อร์เป่ารักถังหลี่และเว่ยฉิง เขามีความสุขมากเมื่อได้อยู่สามีภรรยาคู่นี้ ฟางจวิ่นและนางไช่ไม่สามารถเห็นแก่ตัว เอาแต่ความสุขของตัวเองจนทำให้ลูกชายไม่มีความสุขได้อย่างเด็ดขาด
พวกเขาติดหนี้เด็กคนนี้มาก
ดังนั้นตอนนี้เขาเพียงอยากให้บุตรชายมีความสุขเท่านั้น
“ไม่ต้องห่วง เราสัญญา” เว่ยฉิงกล่าว
ตอนนี้ภายในหัวใจของถังหลี่พองโตและมีความสุขมาก พ่อแม่ที่ให้กำเนิดเอ้อร์เป่ารักเด็กชายมาก เอ้อร์เป่าเป็นเด็กดี ถังหลี่ไม่อยากให้เขามีพ่อแม่ที่เย็นชาและโหดร้าย ใช้เขาเป็นเครื่องมือ ถังหลี่รักลูกชายคนนี้มาก นางหวังเพียงว่าเด็กคนนี้จะเกิดมาเพื่อเป็นความหวังของครอบครัว และได้รักความรักจากบิดามารดาอย่างท่วมท้น
“เราจะพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมอีกสักสามสี่วันก่อนกลับเมืองเหยาสุ่ย”
ถังหลี่พูดขึ้น
ทันทีที่พูดจบนางไช่ก็รู้สึกดีใจอย่างยิ่ง เพราะความจริงแล้วระยะทางของเมืองเหยาสุ่ยและฉินโจวนั้นห่างไกลมาก หากถังหลี่ยังอยู่ที่นี่ต่ออีกสองสามวัน นางก็จะได้เห็นบุตรชายเพิ่มขึ้นอีกสักนิด
ฟางจวิ่นและนางไช่ขอตัวกลับไปยังจวนสกุลฟางทันทีหลังจากที่พูดคุยกันจบ
……..
ตระกูลฟางในเวลานี้
ฟางเจี๋ยอารมณ์เสียจากการถูกเว่ยฉิงทุบตี ทันทีที่เขาเห็นนางถังมีรอยฟกช้ำที่จมูกและใบหน้า เขาก็ยิ่งทวีความโกรธมาขึ้นจนเข้าไปทุบตีภรรยาซ้ำเติมอีกครั้ง
“เป็นความโชคร้ายของตระกูลข้า! เหตุใดข้าต้องเอาหญิงสารเลวเช่นเจ้ามาเป็นเมียด้วย! เจ้ากล้าดีอย่างไรมาสลับตัวลูก! เหตุใดกล้าทำเรื่องแบบนี้!”
“ก็ไม่ใช่เพราะเจ้าหรือที่ไม่สามารถทำให้ข้าตั้งท้องลูกชายได้! หากข้าไม่คลอดลูกชาย เจ้าก็จะฆ่าข้า!”
นางถังถูกสามีทุบตีจนฟางจวิ่นกลับมายังจวน
คุณหนูตระกูลถังได้รับการปรนเปรอมาตลอดชีวิต ใยต้องทนทุกข์กับความโกรธแค้นเช่นนี้ด้วย?
ใบหน้าของนางถังอาบนองไปด้วยน้ำตา
ฟางฉุนย้ายเข้าไปอยู่ในเรือนใหญ่ของจวนฟาง
ในอดีตนางถังรักฟางฉุนมาก ทั้งสองคนเข้ากันได้ดี เป็นเพราะประการแรกฟางฉุนคือลูกสาวที่แท้จริงของนาง และประการที่สองคือฟางฉุนเป็นสิ่งที่ทำให้นางเอาชนะนางไช่ได้
แต่เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้นางไม่อาจรักใคร่ลูกสาวคนนี้ลงได้ มุมมองที่นางถังมีต่อฟางฉุนจึงเริ่มเปลี่ยนไป หญิงสาวไม่อ่อนโยนกับเด็กหญิงเช่นเคย นางดุด่าฟางฉุนหลายครั้งและในไม่ช้าความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกก็ขาดสะบั้น
สิ่งที่ทำร้ายจิตใจของนางถังมากกว่าสิ่งใดคือหลังจากที่นางทำงานอย่างหนักให้สกุลฟางมาหลายปี ชื่อเสียงของนางตอนนี้ป่นปี้ไม่มีชิ้นดี สตรีร่ำรวยทั้งหลายในเมืองฉินโจวรู้กันทั่วเรื่องที่นางแอบสับเปลี่ยนบุตรของของสกุลฟางและใส่ร้ายพ่อแม่บุญธรรมของเด็ก
ตอนนี้นางถังเปรียบเสมือนงูพิษในสายตาของทุกคน
คนสกุลเดิมของนางหวาดกลัวว่าสิ่งที่นางทำจะส่งผลต่อการออกเรือนของญาติผู้หญิงในตระกูล ดังนั้นสกุลถังจึงตัดความสัมพันธ์กับนาง
ทรัพย์สมบัติต่าง ๆ หายไปในชั่วพริบตา
ส่วนทางด้านฟางเจี๋ยนั้น ชายหนุ่มและฟางจวิ่นตัดขาดกันแล้ว ฟางเจี๋ยโกรธแค้นมาก เขาทิ้งกิจการและความรับผิดชอบทุกอย่างไว้เบื้องหลัง แต่เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าการทำเช่นนี้เป็นโอกาสให้ฟางจวิ่นได้ครอบครองกิจการทั้งหมดของสกุลฟาง
ในไม่ช้าฟางจวิ่นก็ขึ้นเป็นผู้นำสกุลฟางอย่างแท้จริง
ต่อมาเมื่อฟางเจี๋ยตระหนักได้ว่าเขาอยากกลับมามีอำนาจอีกครั้ง เขาก็พบว่าตัวเองไม่มีที่ให้แทรกเข้าไปอีกแล้ว
ทั้งฟางเจี๋ยและนางถังกลายเป็นหนูสกปรกข้างถนนที่ไม่มีใครอยากยุ่งด้วย