เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 223 การบรรเทาภัยพิบัติ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 223 การบรรเทาภัยพิบัติ

กู้อิ๋นรั้งรออยู่ที่หมู่บ้านลี่เจียสองสามวันเพื่อพิสูจน์ว่าหมอซูและภรรยาได้เสียชีวิตไปแล้วจริง ๆ อีกทั้งความเศร้าโศกเสียใจของคนทั้งหมู่บ้านก็เป็นเรื่องจริงไม่ได้เสแสร้ง

นางเป็นคนหวาดระแวง ตอนนี้รู้สึกโล่งใจแล้วจึงได้เดินทางออกจากหมู่บ้านไปพร้อมกับสาวใช้และผู้คุ้มกันของตน

สิ่งที่กู้อิ๋นไม่รู้คือไป๋ซวี่หยางลอบติดตามนางมาจนถึงเขตชิงเหอ แต่เขาได้เปลี่ยนไปยังเมืองฉินโจวแทน เขาได้ยินมาว่า ไป๋มู่หยางเปิดเหมืองถลุงเหล็กอยู่ในฉินโจว ตอนนี้ตระกูลไป๋อยู่ในกำมือของไป๋มู่หยาง ทันทีที่โรงถลุงเหล็กเริ่มทำงาน ตระกูลไป๋จะก้าวไปสู่อยู่ยุครุ่งเรืองดั่งเช่นอดีตอีกครั้ง… ในยามนี้วันเวลาอันรุ่งโรจน์นั้นอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว

ไป๋ซวี่หยางแทบจะจินตนาการออกมาเป็นภาพได้เลยว่าหากถึงเวลานั้นเข้าจริง ๆ มารดาเขาจะโกรธมากสักเพียงใด นางจะดุด่าเขาเช่นไร เพียงแค่คิดก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเสียแล้ว

ไป๋ซวี่หยางเป็นคนประหลาดมาตั้งแต่เด็ก ๆ เขาไม่เคยสนใจเวลาคนอื่นมีความสุข แต่เขาชอบใจเวลาเห็นคนอื่นเจ็บปวด…

จนกระทั่งเขามาเจอกับอาอิ๋น กู้อิ๋นคือแสงสว่างของเขา อาอิ๋นต้องการให้เขาควบคุมอำนาจทั้งหมดของสกุลไป๋และสนับสนุนนาง เพราะฉะนั้นแล้วไป๋มู่หยางจะต้องตาย

ณ จางเจียโป ชานเมืองฉินโจว

ยามกลางคืนที่เงียบสงบดุจผิวน้ำที่เรียบนิ่ง บรรยากาศของจางเจียโปถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ภาพขององครักษ์ของไป๋มู่หยางกำลังต่อสู้กับชายผู้หนึ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย

โชคดีที่หลังจากเขาย้ายองครักษ์ของตนเองออกจากเมืองหลวงมา เขาได้ให้ฉีหยินถ่ายทอดฝึกฝนวรยุทธ์ให้

ไป๋มู่หยางสวมชุดสีขาวดั่งเช่นเคย ร่างสูงสง่างามดุจต้นสนยืนดูการต่อสู้ข้างหน้าไม่วางตา ใบหน้าหล่อเหลาของเขาไม่ฉายแววตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย

ฮั่วจีว์นั่งไขว่ห้างอยู่บนก้อนหินข้างๆเขามองเหตุการณ์เบื้องหน้าด้วยทีท่าเรียบเฉย

“ฉีหยินเป็นคนเก่ง เขามีฝีมือสูงมาก” ฮั่วจีว์พูดขึ้นมาในขณะที่ไป๋มู่หยางยังคงปิดปากเงียบ

“เหล่าไป๋.. น้องชายของเจ้าจะอยู่เฉย ๆ ไม่ได้หรือ? เหตุใดต้องสิ้นคิดจ้างคนพวกนี้ให้เปลืองเงินด้วยเล่า”

“เฮ้ เงียบทำไม?”

“เจ้ากลัวหรือเหล่าไป๋? มีข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”

ไป๋มู่หยาง : …..

ไป๋มู่หยางมองสหายของตน มุมปากของเขากระตุกขึ้น ตั้งแต่เด็กคนนี้ตามมาถึงที่นี่ หูของเขาไม่เคยได้พักเลยสักวัน

ทันใดนั้นเองฮั่วจีว์กระโจนขึ้นไป เสื้อสีแดงของเขาสะบัดพลิ้วไหว ก่อนที่มีดในมือจะถูกเหวี่ยงออกไปยังเป้าหมาย มีชายผู้หนึ่งกำลังจะโจมตีไป๋มู่หยางจากด้านหลัง!

คนผู้นั้นตกตะลึงกับความฉับไวของฮั่วจีร์ ชายหนุ่มไม่เกรงใจดึงดาบออกมาแล้วตบไปที่หัวเขาอย่างแรง!

“แอบลอบโจมตีหรือ! นี่แน่ะๆ”

“ข้าอยู่ตรงนี้แท้ ๆ เจ้าไม่เห็นหัวข้าเลยหรือ!”

“ฮึ่ม ! เจ้าตายแน่!”

ฮั่วจีว์ซัดไปเต็มกำลังจนคนผู้นั้นกระเด็นออกไป ชายหนุ่มหยุดมือ เขาชักดาบออกมา พุ่งกระโจนเข้าไปร่วมวงกับการต่อสู้ตรงหน้า

“ฉีหยินไปดูแลเจ้านายเจ้า ข้าจัดการเอง!”

ฮั่วจีร์เหมือนประทัดที่ระเบิดแตกออกมา ชายหนุ่มในชุดสีแดงสดใช้ดาบกวัดแกว่งไปมาอย่างดุเดือดเพื่อ ระบายพลังที่มากล้นของเขา

ตอนนี้ฉีหยินมีโอกาสได้พักหายใจบ้างแล้ว เขาเช็ดเลือดบนใบหน้าตัวเองถอยหลังออกไปเพื่ออารักขาเจ้านายไม่ให้ใครมาลอบโจมตีอีก ศึกครั้งนี้ไป๋มู่หยางเป็นฝ่ายชนะ

….

บนภูเขาไม่ไกลจากจางเจียโปมากนัก

บุรุษชุดสีดำรูปร่างสูงใหญ่ เขามีคิ้วที่คมกริบและใบหน้าที่หล่อเหลาดวงตาเป็นประกาย เขาเม้มริมฝีปากบางแน่นจ้องมองคนที่คุกเข่าตัวสั่นอยู่ตรงหน้า

“นายท่าน รอบตัวเขามียอดฝีมือมากมาย ไหนจะคนที่เป็นหัวหน้ารองผู้นั้นอีก ฝ่ายเราเสียหายล้มตายไปไม่น้อย ขอรับ!”

“คนที่พวกมันจับตัวไปได้มีไม่กี่คน นายท่านไม่ต้องกังวลเลย พวกมันไม่รู้เรื่องอะไร ไม่สามารถสืบสาวได้ขอรับ!”

“นายท่าน…พวกเขาพยายามที่สุดแล้ว แต่คนผู้นั้นระแวดระวังตัวมาก!”

ไป๋ซวี่หยางคลี่รอยยิ้มออกมา

“ข้าไม่โทษเจ้าหรอก”

คนที่คุกเข่าตรงหน้าเขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก

แต่ทว่าในเวลาถัดมาความเจ็บปวดก็บังเกิดขึ้น คมดาบที่เย็นเฉียบแทงเข้าที่ขั้วหัวใจของเขา ชายที่คุกเข่าเบิกตากว้างก่อนจะล้มลงสิ้นใจกับพื้น

ไป๋ซวี่หยางปล่อยมือจากดาบมองเลือดที่เปรอะเปื้อนฝ่ามือด้วยสายตารังเกียจ เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดจนสะอาดก่อนจะโยนผ้าผืนนั้นทิ้งและเดินจากไป

“ข้าไม่ชอบเก็บขยะไว้ข้างกาย”

เสียงของชายหนุ่มเรียบเฉยไร้อารมณ์ คนที่ไป๋ซวี่หยางพามาล้มตายไปหมด ในครั้งนี้เขาไม่สามารถฆ่าพี่ชายของตัวเองได้ ครั้งหน้าไป๋ซวี่หยางจะต้องไม่พลาดอีก!

……

ณ จางเจียโป บ้านที่ไป๋มู่หยางอาศัยอยู่

“นายท่านขอรับ ต่อให้เค้นสอบถามมากเพียงใดพวกมันก็ไม่รู้เรื่องเลยขอรับ”

ฉีหยินรายงานต่อไป๋มู่หยาง ที่จริงไป๋มู่หยางเองก็พอคาดเดาเรื่องราวได้ น้องชายที่เย็นชาและระแวดระวังของเขาคงไม่ตกหลุมพรางทิ้งหลักฐานเอาไว้อย่างแน่นอน

“เหล่าไป๋ เป็นน้องชายที่เหยียบหัวเจ้า เจ้ายังจะปล่อยเขาไว้อีกหรือ?” ฮั่วจีว์ถามในขณะที่แทะผลไม้

ตั้งแต่ที่ฮั่วจีว์มาถึงที่ห้องของไป๋มู่หยาง เก้าอี้ตัวใหญ่ก็ถูกเขายึดครองเป็นที่เรียบร้อย มันดูเล็กลงถนัดตายามที่เขาขึ้นไปนั่งอยู่บนนั้น

“ได้เวลาจัดการแล้ว” ไป๋มู่หยางพูดขึ้นมาอย่างเหี้ยมเกรียม

ก่อนหน้านี้เป็นเพราะเขาสุขภาพไม่ดี คนในตระกูลไป๋ส่วนใหญ่ยกเว้นคนที่ยังภักดีมักจะคิดว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกไม่นาน คนเหล่านั้นจึงหันไปหาสองแม่ลูกคู่นั้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาแทบไม่ได้ติดต่อข้องเกี่ยวกัน แต่ในความจริงแล้วพวกเขาต่างควบคุมชักใยตระกูลไป๋อยู่เบื้องหลัง แม้ตอนนี้ไป๋มู่หยางจะเป็นผู้นำตระกูล แต่คนเหล่านั้นไม่เห็นความสำคัญของคำสั่งที่มาจากปากของเขา ตอนนี้เขาได้เหมืองแร่มาอยู่ในกำมือแล้ว เท่ากับไป๋มู่หยางมีไพ่ตาย ถึงเวลาแล้วที่เขาจะทำความสะอาดตระกูลไป๋

…..

ถังหลี่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับคลื่นใต้น้ำของตระกูลไป๋ หลังจาก ‘งานศพ’ ของสามีภรรยาตระกูลซู ถังหลี่เรียกชาวบ้านที่เคยทำงานโรงงานถุงหอมมาพร้อมหน้ากัน ทุกคนมีอารมณ์หม่นหมองซึมเศร้า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหมอซูและฮูหยินซูเสียชีวิตอย่างกระทันหัน แต่อีกประการหนึ่งก็เป็นเพราะโรงงานมอดไหม้ไปแล้ว นั่นหมายถึงพวกเขาต้องสูญเสียช่องทางทำมาหากินไป

“พวกเราทุกคน ถึงหมอซูกับฮูหยินซูจะจากไปแล้ว แต่พวกเราต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ดังนั้นข้าจะเปิดโรงงานถุงหอมต่อ พวกท่านคิดอย่างไร?”

ถังหลี่กล่าวขึ้น

ชาวบ้านทั้งหลายมองไปที่หญิงสาวด้วยความประหลาดใจ โรงงานถุงหอมจะเปิดกิจการต่อหรือ?

หมอซูและฮูหยินซู….นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?

แต่ฮูหยินเว่ยไม่เคยผิดคำพูดของนางเลยสักครั้ง หากนางบอกว่าจะเปิดโรงงานก็แปลว่าโรงงานจะเปิดทำการอย่างแน่นอน! คงเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อยหากโรงงานผลิตถุงหอมยังเปิดกิจการต่อไป

ความสุขผุดขึ้นมาในหัวใจของชาวบ้านทุกคน

“ฮูหยินเว่ย แล้วใครจะรับผิดชอบเรื่องการจัดยาหรือ?” ชาวบ้านทั้งหมดยังกังวล พวกเขากลัวว่าความสุขและความหวังจะพังทลายหายไป

“จูเฉิงเรียนรู้เรื่องนี้มาจากหมอซูมาก รวมไปถึงกับงานปักที่หลันฮวารับผิดชอบด้วย หากหลันฮวาฟื้นร่างกายดีแล้วนางสามารถมาทำงานต่อได้ทันที” ถังหลี่อธิบายให้ชาวบ้านฟัง

เรื่องนี้นางได้ปรึกษาจูเฉิงกับหลันฮวาเป็นที่เรียบร้อยดีแล้ว น้องเขยของถังหลี่รีบตอบตกลงอย่างรวดเร็ว เมื่อหลันฮวาทราบข่าวความเศร้าหมองของนางก็ได้รับการบรรเทามากขึ้น

เด็กสาวจดจำสิ่งที่ฮูหยินซูพูดกับนางในวันก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ดี ฮูหยินซูกล่าวว่าโรงงานถุงหอมแห่งนี้คือความภาคภูมิใจของนาง หลันฮวาจะต้องดูแลมันให้ดี ดังนั้นการที่โรงงานถุงหอมกลับมาเปิดกิจการอีกครั้งจึงเป็นการปลอบประโลมหลันฮวาที่เศร้าหมอง นางให้สัญญากับฮูหยินซูไว้แล้ว นางจะต้องรักษาโรงงานแห่งนี้ให้ได้!

“แต่ตอนนี้พวกเราต้องมาช่วยกันซ่อมแซมตัวโรงงานกันก่อน” ถังหลี่พูดขึ้น

“เยี่ยมเลย”

“ฮูหยินเว่ยไม่ต้องกังวล ข้าจะรับผิดชอบการซ่อมแซมนี้เอง”

หลี่โหยวไฉ่เสนอตัว

“หัวหน้าหมู่บ้าน ข้าว่างนะมีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลย”

“สามีของข้าด้วย ข้าจะให้เขามาหาเจ้าตอนเขากลับมาแล้ว”

“ลูกชายข้าก็พอมีแรงอยู่”

ชาวบ้านทุกคนต่างพูดจาสนับสนุนไปในทิศทางเดียวกัน

นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ว่าหากโรงงานผลิตถุงหอมแห่งนี้ยังมีอยู่ต่อไป ความเจ็บปวดเรื่องการเสียชีวิตของสองสามีภรรยาในใจของพวกเขาจะได้บรรเทาลง

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท