บทที่ 239 แม่มีวิธี
“นังสารเลว! ไอ้คนบ้านนอก!”
บัณฑิตเหล่านั้นสบถคำหยาบด่าไม่หยุด ก่อนที่เขาจะถอยหนีได้ทัน คอเสื้อก็ถูกกระชากขึ้นมา ผู้ชายคนนี้มีรูปร่างสูงที่สุด แต่ถังหลี่กลับหิ้วคอเขาราวกับหิ้วลูกเจี๊ยบ
เขาขัดขืนถังหลี่ แต่นางใช้มืออีกข้างจับแขนของเขาแล้วบิดทันที ชายหนุ่มร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด
“พี่จาง พี่หวัง ช่วยข้าด้วย เร็วสิ โอ๊ย!”
ชายผู้นั้นร้องขอความช่วยเหลือจากสหายของตัวเอง แต่เมื่อทุกคนเห็นเหตุการณ์ตรงหน้ากลับไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยสักคน
ผู้หญิงคนนี้…ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!
“พี่หลี่ … ข้าจะกลับไปเรียกให้อาจารย์มาช่วย รอก่อนนะ!” หลังจากพูดจบพวกเขารีบวิ่งหนีไปทันที
บัณฑิตคนนั้น : …..
ถังหลี่ลากเขาเข้าไปในโรงเตี๊ยมก่อนจะโยนลงไปกองที่พื้น เมื่อบัณฑิตคนนั้นทำท่าจะลุกขึ้น เท้าของถังหลี่ก็ยันขวางทางเขาไว้ ชายหนุ่มจึงได้แต่นั่งคุดคู้ตัวสั่นอยู่ที่มุมห้องด้วยความหวาดกลัว
“บอกข้ามาให้หมดมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? โกงอะไร?” ถังหลี่ถาม
นางกำลังอยากได้ข้อมูลเรื่องนี้อยู่ ช่างพอดีกับที่คนเหล่านี้มาหาเรื่องที่หน้าประตูเสียก่อน
“เว่ยจื่ออั๋ง สวี๋เจวี๋ย และจั๋วชู โกงข้อสอบ! พวกเขารู้คำถามล่วงหน้าของการสอบเซี่ยนชื่ออยู่แล้ว!”
บัณฑิตคนนั้นรวบรวมความกล้าโพล่งขึ้นมา
“ใครบอกเจ้า?” ถังหลี่ขมวดคิ้ว
“เรื่องนี้แพร่กระจายในหมู่นักเรียนที่เข้าสอบ ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบเรื่องทั้งหมดอยู่ ผลจะออกตามมาในไม่ช้านี้! คนที่ไม่มีความสามารถเช่นนี้ ก็ได้แต่โกงเพื่อให้ได้ตำแหน่งเท่านั้น เจ้าเสร็จแน่!”
ถังหลี่ขมวดคิ้วแน่นขึ้น
พวกเขาถูกขอร้องไม่ให้ออกจากเมืองเหอตงเพราะเหตุผลนี้หรือ?
โกง…
เป็นไม่ได้เลยที่ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยจะโกง ต้องมีคนใส่ร้ายพวกเขาแน่นอน!
เมื่อถังหลี่ได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้แล้ว จึงไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บเด็กหนุ่มผู้นี้เอาไว้ นางลากเขาออกไปโยนทิ้งนอกโรงเตี๊ยม เมื่อถังหลี่หันกลับไป เด็กทั้งสองคนกำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตูท่าทางดื้อรั้นและไม่พอใจเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่ได้โกง!
ถังหลี่เข้าใจอารมณ์ของเด็กทั้งสองคนดี เห็นได้ชัดว่าพวกเขาพยายามเล่าเรียนอย่างหนัก แต่กลับมาโดนกล่าวหาว่าโกงเช่นนี้ ย่อมทำให้พวกเขาไม่สบายใจเป็นธรรมดา ถังหลี่เองก็รู้สึกเศร้าใจเช่นกัน
“ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าไม่ได้โกง” คำพูดของนางทำให้ดวงตาของเด็ก ๆ เปล่งประกาย โชคดีที่มารดาเชื่อพวกเขา!
“สวี่เจวี๋ยไปเปลี่ยนเสื้อก่อนเถิด” ถังหลี่ลูบหัวเขาเบา ๆ
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเถอะ” ต้าเป่าดึงเด็กหนุ่มออกไป
สวี่เจวี๋ยโดนไข่เน่าเพราะเขาอยากปกป้องต้าเป่า พวกเขาเช็ดด้วยผ้าเช็ดหน้าเท่านั้นแต่ยังไม่สะอาดพอ สวี่เจวี๋ยต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ หลังจากถูกต้าเป่าลากไปไม่นานนักเขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ สักพักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“ท่านแม่” ต้าเป่าเรียก
“แม่เข้าไปได้ไหม?” ถังหลี่ถามอย่างอ่อนโยน
เด็กหนุ่มพยักหน้าเชื้อเชิญในมารดาเข้ามาในห้อง
“ท่านแม่ พวกข้าไม่ได้โกงนะขอรับ เหตุใดพวกเขาจึงใส่ร้ายกันเช่นนี้!” ต้าเป่าเสียใจ เพราะมีคนมากมายที่ข้างนอกเขาจึงได้แต่อดทนไว้
ตอนนี้ต้าเป่ามีเพียงแม่และสวี่เจวี๋ยเท่านั้น ดวงตาของเขาแดงก่ำ สวี่เจวี๋ยหรี่ตาลงประกายเย็นชาสาดส่องออกมาจากดวงตาคู่นั้นของเขา
มันจะเป็นอะไรไปได้อีก?
ความเจริญก้าวหน้าย่อมมาจากการแสวงหาผลประโยชน์ และความยุ่งเหยิงวุ่นวายมักจะมาจากการแสวงหาผลประโยชน์เช่นกัน
หากอันดับของพวกเขาตกลง คนที่ได้ลำดับต่ำกว่าจะถูกเลื่อนขึ้นทันที ไม่ว่าใครจะเป็นคนจุดประกายเรื่องโกงข้อสอบ แต่คนที่อยู่เบื้องหลังเป็นคนทำให้ข่าวลือลุกลามไปทั่ว
“ต้าเป่า สวี่เจวี๋ย สิ่งที่ผู้ชายคนนั้นพูดนั้นถูกต้องแล้ว หากผิดก็คือผิดเช่นเดียวกับ ความจริงย่อมเป็นความจริงเช่นกัน พวกเจ้าทั้งสองเป็นคนมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง พรสวรรค์ของเจ้าจะทำให้ความจริงเป็นที่ประจักษ์ ทำลายเสียงนินทาพวกนั้นให้พังลงไปเอง”
คำพูดของมารดาทำให้ต้าเป่ารู้สึกดีขึ้น
“ท่านแม่ แล้วข้าจะทำลายข่าวลือได้อย่างไร” ต้าเป่าถาม
“ขอแม่คิดดูก่อน”
แม้ว่าต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยจะฉลาดแค่ไหน แต่พวกเขาเป็นเพียงเด็กอายุสิบขวบเท่านั้น พวกเขาไม่มีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน
“พวกเจ้าอยู่ที่โรงเตี๊ยมกินของอร่อย ๆ รอแม่จัดการเอง” ถังหลี่พูด
ในสายตาของต้าเป่า ท่านแม่ของเขานั้นเก่งมาก เมื่อมารดาเอ่ยปากแบบนี้ทำให้เขารู้สึกโล่งใจขึ้น ต้าเป่าพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
ถังหลี่พูดคุยกับเด็กหนุ่มทั้งสองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกไป หลังจากถังหลี่จากไปแล้วต้าเป่ามีท่าทางเศร้าลง
เขาเสียใจที่โดนกล่าวหาว่าโกง…
“สวี่เจวี๋ยข้าอ่อนแอเกินไปหรือเปล่า? ข้าสัญญากับท่านพ่อว่าจะปกป้องท่านแม่ แต่ข้ายังให้ท่านแม่ปกป้องอยู่เสมอ”ไหล่ของ ต้าเป่าไหล่ลู่ลงด้วยความเศร้า
เขารู้สึกตัวเองไร้ประโยชน์
“ต้าเป่า เรายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องท่านพี่ ดังนั้นพวกเราต้องพยายามให้มากขึ้นเพื่อเติบโต แต่การเติบโตนั้นต้องใช้เวลา อย่ากดดันตัวเองจนเกินไปอีกไม่กี่ปีเราก็จะสามารถปกป้องท่านพี่ได้ ทั้งเอ้อร์เป่าและซานเป่าด้วย”
“ข้าจะทำได้ไหม…?”
“ข้าจะอยู่ข้างเจ้า”
เด็กหนุ่มทั้งสองคนมองหน้ากัน ต้าเป่ามีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเขาพยักหน้าให้อีกฝ่าย
ข่าวโกงข้อสอบนั้นแพร่กระจายไปในเมืองเหอตงอย่างรวดเร็ว ทุกหนทุกแห่งล้วนพูดถึงเรื่องนี้อย่างหนาหู คนทั้งสามที่อยู่ในอันดับแรก จากที่เคยได้รับคำชมและอิจฉากลับกลายเป็นเป้าหมายของการเยาะเย้ยและดูถูก ฉินเหวินซวนเองกำลังเดินอยู่บนถนนฟังคำนินทาเหล่านั้นด้วยหัวใจเปี่ยมสุข
ไอ้เด็กน้อยทั้งสองนั่นคงไม่กล้าออกมาเจอผู้คนแล้วใช่ไหม? กลับไปบ้านนอกเสียเถอะ! อย่าได้แม้แต่จะคิดจะมาเหยียบเส้นทางสว่างรุ่งโรจน์เช่นนี้อีก!
ในเวลาเดียวกันนั้นอาจารย์กัวรีบเดินทางไปยังเมืองเหอตงทันที เมื่อเขามาถึงชายชราถูกเรียกไปยังสำนักศึกษาหลวง เมื่อเข้าไปด้านในเขาได้เจอกับสหายเก่า และเจ้าสำนักศึกษาเหอตง
“ท่านเจ้าสำนักเหอ พี่จาง เกิดอะไรขึ้นหรือ” อาจารย์กัวถามอย่างกังวล
ศิษย์ทั้งสามของเขามาสอบเซี่ยนชื่อที่นี่ เขารออยู่ที่สำนักอย่างกระวนกระวาย แทบไม่มีจิตใจที่จะสอนหนังสือ ในชีวิตของเขา เขาไม่สอนศิษย์ที่ฉลาดอย่างเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยมาก่อน เขารู้ว่าเด็กทั้งสองต้องมีอนาคตที่สดใสแน่
การสอบเซี่ยนชื่อในครั้งนี้เด็กทั้งสองคนจะต้องเปล่งประกายอย่างแน่นอน
เขาตั้งตารอผลสอบของทั้งคู่โดยหวังว่าทั้งสองจะได้ลำดับที่ดีในการสอบ เขาและสำนักศึกษาเองก็จะได้รับเกียรติไปด้วยเช่นกัน อาจารย์กัวหวังว่าจะไม่เกิดอุบัติเหตุใด ๆ ระหว่างการสอบเซี่ยนชื่อในครั้งนี้
หลายวันที่ผ่านมาเขากระสับกระส่ายรอผลสอบมาตลอด
ทว่าสิ่งที่มาถึงเขาไม่ใช่ผลการสอบแต่เป็นจดหมายเรียกตัวให้เขามายังเมืองเหอตง ชายชรารีบร้อนมาที่นี่ทันทีระหว่างทางนั้นเขาได้ยินแต่ข่าวไม่ดีว่าเด็กทั้งสามคนโกงผลข้อสอบ ทำให้พวกเขาได้เป็นสามอันดับแรก!
การโกงนั้นเปรียบเสมือนหมวกใบใหญ่ หากเลือกที่จะโกงแล้วต่อไปย่อมไม่อาจเข้าร่วมสอบคัดเลือกขุนนางได้อีกเลย เมื่ออาจารย์กัวได้ยินเช่นนั้นเขาแทบล้มทั้งยืน เขาควรทำเช่นไร ไม่สิ เขาต้องคิดหาทางออกทวงความยุติธรรมได้แก่ลูกศิษย์ของเขา!
“ท่านเจ้าสำนัก พี่จาง เว่ยจื่ออั๋ง สวี่เจวี๋ย และ จั๋วชู ต่างเป็นศิษย์ที่ยอดเยี่ยม พวกเขาไม่มีทางโกงข้อสอบแน่นอน ต้องมีความเข้าใจผิดบางอย่าง!” อาจารย์กัวกล่าว
เจ้าสำนักเหออารมณ์เสียมาก
“เจ้าบอกว่าเข้าใจผิด! ส่วนบัณฑิตพวกนั้นบอกว่าเขาเห็นเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยโกงข้อสอบ ข้าควรฟังใครดี? เจ้าทั้งสองบอกความจริงกับข้ามาดีกว่า เข้าใจคำพูดหรือไม่?”
“ไม่ ไม่ใช่แน่นอน”
“ใช่ บัณฑิตจะทำเรื่องคดโกงแบบนั้นได้อย่างไร!”
อาจารย์จางและอาจารย์กัวต่างคัดค้าน
เจ้าสำนักเหอยังไม่เชื่อพวกเขานัก เพราะท้ายที่สุดศิษย์ทั้งสามก็ทำข้อสอบได้ดีและมีบัณฑิตจำนวนมากเห็นว่าเขาโกง เขาจึงคิดว่าอาจารย์ทั้งสองคนนั้นไม่กล้าบอกความจริงกับเขา
“ลืมมันไปเถอะ มันไม่มีประโยชน์ที่จะบอกข้า ไปบอกกับผู้พิพากษาเองเถอะ”