เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 283 การเรียนกับท่านจิ่วถิง

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 283 การเรียนกับท่านจิ่วถิง

หลังจากที่ถังหลี่และตู้ชิงหยูจัดการกับลู่ต้าหนิวแล้วพวกเขาก็ออกจากโรงเตี๊ยมแห่งนั้นและกลับไปบ้านพร้อมกัน

“ชิงหยูเจ้าตั้งใจหรือ?” ถังหลี่ถาม

“เรื่องอะไร?” ตู้ชิงหยูเอียงศีรษะมองนาง

“เจ้าปล่อยให้ลู่ต้าหนิวหนีไปเอาเงินที่แอบซ่อนเอาไว้ จากนั้นเจ้าจึงค่อยมาจัดการเขาพร้อมกับเงินใช่ไหม?” ถังหลี่ถาม

ตู้ชิงหยูย่อมรู้จักแหล่งกบดานของลู่ต้าหนิว อันที่จริงหลู่ต้าหนิวไม่สามารถที่จะหลบหนีออกจากเฟิงเหอจูเลย ถ้าหากตู้ชิงหยูไม่ยินยอม แต่เป็นเพราะนางมั่นใจว่าลู่ต้าหนิวจะออกไปเอาเงินที่เขาเก็บซ่อนเอาไว้ก่อนที่จะออกจากเมืองเหอตง นางจึงได้ปล่อยเขาไป

“เมื่อเจ้ารู้ว่าลู่ต้าหนิวเป็นตัวปลอม เจ้ายังไม่คิดจะเปิดเผยตัวตนของเขาเพื่อให้เขาหลอกลวงตระกูลฉินใช่หรือไม่?”

นางปล่อยให้ลู่ต้าหนิวโกงเงินของตระกูลฉินให้หมดก่อนจึงเปิดเผยตัวตนของเขา จากนั้นก็มาชิงเงินที่ลู่ต้าหนิวโกงไป ทั้งตระกูลฉินและลู่ต้าหนิวจึงหมดตัว

แบบนี้ก็เหมือนกับตั๊กแตนจับจั๊กจั่นนกขมิ้นอยู่ด้านหลังสินะ ส่วนตู้ชิงหยูคือนกขมิ้นตัวนั้น

ตู้ชิงหยูชะงักฝีเท้าลงก่อนจะหันหลังกลับมามองไปที่ถังหลี่

“เป็นอะไรไปหรือ?”

ตู้ชิงหยูกุมหน้าอกตรงตำแหน่งหัวใจของตัวเอง

“เสี่ยวหลี่ในที่สุดเจ้าก็เข้าใจถึงความจริงใจของข้า”

ถังหลี่ยิ้มก่อนจะพูดว่า

“ข้าเข้าใจดี เจ้าทำทั้งหมดนี้เพื่อแก้แค้นให้ตัวเจ้าเองและข้า”

“ถ้างั้นหอมแก้มข้าสิ” ตู้ชิงหยูเอียงใบหน้าให้นาง

ถังหลี่รู้สึกจนใจ นางเดินเข้าไปหอมแก้มตู้ชิงหยูก่อนจะจับมือนางไว้เดินกลับบ้านด้วยกัน

ที่สนามภายในบ้าน ตู้เสี่ยวไป๋กำลังนั่งอยู่บนม้านั่ง ในมือของเด็กชายมีมีดเล็ก ๆ ด้ามหนึ่ง เขากำลังลับคมอยู่อย่างตั้งใจ ถังหลี่โน้มตัวไปดูเห็นว่าเขากำลังทำคันธนูและลูกศรอยู่สองชุดด้วยกัน

ชุดหนึ่งสำหรับซานเป่า ส่วนอีกชุดสำหรับเอ้อร์เป่า

ก่อนหน้านี้นั้นเอ้อร์เป่ายังหวาดระแวงตู้เสี่ยวไป๋เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะมาแย่งน้องสาวของตนไป นางไม่รู้ว่าเด็กชายเตรียมของพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อเขาส่งให้เอ้อร์เป่า เด็กชายตกตะลึงไป หลังจากนั้นมาเอ้อร์เป่าก็ไม่กีดกันตู้เสี่ยวไป๋อีกเลย

ในเมื่อเอ้อร์เป่าไม่สามารถขัดขวางตู้เสี่ยวไป๋ได้ พวกเขาจึงเริ่มเล่นด้วยกันสามคน

ตู้ชิงหยูมองน้องชายประหนึ่งว่า หมูที่นางเลี้ยงไว้ไปติดพันหมูของคนอื่น ในตอนที่น้องชายคนนี้ของนางร้องตามมา เขารู้จักแต่สรรหาของกินเท่านั้น แต่ตอนนี้เสี่ยวไป๋สามารถทำอะไรเองได้ แล้วอีกทั้งยังเชี่ยวชาญในการทำของเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกด้วย

ด้านข้างของเขานั้นซานเป่ากำลังดูตำราภาพอยู่ ในนั้นไม่มีตัวอักษรสักตัวมีเพียงภาพวิชาหมัดมวยเต็มไปหมด นางทำตามท่าทางในตำราเหวี่ยงกำปั้นน้อย ๆ ของตนไปมาอย่างจริงจัง ตู้ชิงหยูมองไปที่เด็กหญิงจากนั้นก็มองไปที่ตู้เสี่ยวไป๋ที่กำลังทำงานฝีมือตั้งใจจะเรียนรู้ในเรื่องเย็บปักถักร้อย

ไม่นานนักต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยก็กลับมา

เด็กหนุ่มทั้งสองเดินเคียงข้างกัน เขาพูดคุยถึงเรื่องบางอย่างด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า เมื่อทั้งสองเห็นถังหลี่จึงเข้าไปล้อมหน้าล้อมหลัง

“ท่านแม่ วันนี้มีเรื่องน่าสนใจเกิดขึ้นด้วย! ท่านจำที่ข้าบอกได้ไหมว่าท่านจิ่วถิงมีบรรยายวันนี้ แต่วันนี้เขาโดนเปิดโปงโดยท่านจิ่วถิงตัวจริง! ชายผู้นั้นเป็นพวกต้มตุ๋น!” ต้าเป่าเล่าให้มารดาฟัง

วันนี้ที่สำนักศึกษามีเพียงต้าเป่า สวี่เจวี๋ย จั๋วชู และเจียงเฉิงเป่า รวมถึงสหายร่วมชั้นสองคนที่ยืดหยัดจะอยู่กับเขา ก่อนที่จะหมดเวลาเรียน เหล่าศิษย์ทั้งหลายก็กลับมาพร้อมกับข่าวที่น่าตกใจ

นั่นคือท่านจิ่วถิงเป็นตัวปลอม!

แม้ว่าต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยจะคาดเดาไว้แล้ว แต่พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจอย่างน่าประหลาด เมื่อคิดว่าบัณฑิตในเมืองเหอตงนั้นตามเลียแข้งเลียท่านจิ่วถิงผู้นี้จนพวกเขาก็เริ่มหายใจไม่ออกแล้ว!

เหล่าคนที่เคยล้อเลียนเว่ยจื่ออั๋งเมื่อครั้งที่จิ่วถิงผู้นั้นวิจารณ์เขาให้ได้อับอายขายหน้า สุดท้ายแล้วไม่ใช่เว่ยจื่ออั๋งที่ไร้ความสามารถ แต่เป็นเพราะจิ่วถิงคนนั้นคือตัวปลอม!

“ท่านแม่ ท่านจิ่วถิงตัวจริงอยู่ในเมืองเหอตงด้วย! พวกศิษย์อยากถามอะไรเขาสองสามข้อ หากท่านจิ่วถิงแนะนำได้คงจะดีมากกว่าการอ่านหนังสือถึงสามปี น่าเสียดายที่เขาหายตัวไป วันนี้ข้ากับสวี่เจวี๋ยเองก็ไม่ได้ไปที่เฟิงเหอจู ไม่อย่างนั้นคงจะได้เจอกับเขาสักครั้ง”

ต้าเป่ากล่าว

ท่านจิ่วถิงคือนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เป็นผู้มีความสามารถยากที่หาพบได้ง่าย คนผู้นี้มีพรสวรรค์และคงเป็นคนใจกว้างเป็นแน่

ทั้งเขาและสวี่เจวี๋ยเองก็ปรารถนาที่จะได้พบสักครั้ง ถังหลี่มองท่าทีกระตือรือร้นของเด็ก ๆ นางลอบกลอกตา

“ต้าเป่า สวี่เจวี๋ย เจ้าบอกแม่ได้ไหมว่าท่านจิ่วถิงนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร?”

“พวกเขาบอกว่าท่านจิ่วถิงเป็นชายหนุ่มรูปงามมาก” ต้าเป่ากล่าว

“เขาถือพัดท่าทางโอ่อ่า” สวี่เจวี๋ยพูดต่อ

“เขาสวมกวานหยกมีสายคาดเอวสีขาว” ต้าเป่าพูด

“มีดวงตาดอกท้อ คิ้วราวกับภูเขา” สวี่เจวี๋ยพูดขึ้น พวกเขาผลัดกันเล่าถึงลักษณะของท่านจิ่วถิงที่ได้ฟังมา

“หันไปดูป้าชิงหยูสิ” ถังหลี่กล่าว

เด็กหนุ่มทั้งสองคนหันไปมองตู้ชิงหยูพร้อมกันตอนนี้ตู้ชิงหยูอยู่ในรูปลักษณ์ของชายหนุ่มรูปงาม ถือพัด ท่าทางดูโอ่อ่า สำรวย สวมกวานหยก มีสายรัดเอวสีขาว ดวงตาดอกท้อ คิ้วที่เหมือนภูเขา….

ถูกต้อง!

เด็กหนุ่มทั้งสองคนตกใจอย่างมากจนพวกเขาอ้าปากกว้างพร้อมกัน หลังจากนั้นไม่นานนักพวกเขาถึงได้หาเสียงตนเองเจออีกครั้ง

“ท่านป้าชิงหยู ท่านคือท่านจิ่วถิงจริง ๆ หรือ?” ต้าเป่าถามด้วยความตกใจ

ตู้ชิงหยูใช้พัดเคาะที่ศีรษะของต้าเป่า

“ไม่ใช่ตัวปลอมแน่นอน”

เด็กหนุ่มทั้งสองตกใจมากกว่าเดิม!

กลายเป็นว่าท่านจิ่วถิงตัวจริงอยู่เคียงข้างพวกเขามาตลอด!

ในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ท่านจิ่วถิงสอนพวกเขา!

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใด ท่านป้าชิงหยูจึงมีความรู้ความสามารถมากเช่นนั้น นางเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาเสมอ เด็กหนุ่มทั้งสองมองไปที่ตู้ชิงหยูอย่างตกตะลึงแต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ

พวกเขาพูดคุยและถามคำถามตู้ชิงหยูหลายข้อ หลังจากได้รับคำตอบพวกเขาก็นำคำตอบนั้นไปคิดค้นด้วยตัวเอง ในที่สุดตู้ชิงหยูก็เป็นอิสระ นางเดินไปนั่งด้านข้างของถังหลี่

“เสี่ยวหลี่ข้าอยากรับต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยเป็นศิษย์…เจ้าคิดอย่างไร?”

ตู้ชิงหยูขอความเห็นของหญิงสาวด้วยใบหน้าจริงจัง

หากตามความเห็นของถังหลี่แล้ว…แน่นอนว่านางย่อมเห็นด้วย!

ท่านจิ่วถิงผู้นี้ต้องการรับบุตรชายทั้งสองคนของนางเป็นศิษย์ นี่เป็นเรื่องที่ดีและเหลือเชื่อมาก ๆ หญิงสาวรีบพยักหน้ารับอย่างเร็ว

“เสี่ยวหลี่ เจ้าเคยถามว่าเหตุใดข้าจึงมาที่มณฑลเหอตง อันที่จริงแล้วก่อนหน้าที่จะมาเมืองนี้ ข้าไปหลายที่เพื่อเสาะหาผู้ที่มีพรสวรรค์ไม่เหมือนใคร ข้าพนันกับผู้อาวุโสเอาไว้ว่าใครจะได้ลูกศิษย์ที่ยอดเยี่ยมกว่ากัน” ตู้ชิงหยูกล่าว

“ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยคือคนมากพรสวรรค์ที่ข้ากำลังตามหา”

ถังหลี่พยักหน้าเข้าใจที่อีกฝ่ายพูด ท่านจิ่วถิงเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยเป็นถึงว่าที่อัครเสนาบดี ถ้าพวกเขาไม่นับว่ามีพรสวรรค์ก็คงไม่มีใครมีอีกแล้ว

“แล้วก็เสี่ยวหลี่…ข้าคือท่านจิ่วถิงผู้ยิ่งใหญ่ หากจะรับศิษย์ล่ะก็ พิธีรับศิษย์คงไม่ใช่ธรรมดาและต้องจัดขึ้นให้ใหญ่โต” ตู้ชิงหยูพูด ดูเหมือนว่านางต้องเริ่มเตรียมการ

“มันเป็นงานใหญ่ที่มณฑลเหอตงต้องรับรู้กันโดยทั่ว”

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท