บทที่ 381 การสมรู้ร่วมคิดของนางติง
มารดาของไป๋มู่หยางกระโดดลงบ่อน้ำเพื่อปลิดชีวิตตัวเอง บิดาก็ไม่สนใจเขา ทำให้พี่ชายของนางรู้สึกว่าเขาโดนทอดทิ้ง ไป๋มู่หยางโหยหาความรักจากครอบครัวจริงๆ
เมื่อไป๋มู่หยางมีนางเป็นน้องสาวบุญธรรม เขาจึงดีใจและพยายามที่จะดูแลนางเป็นอย่างดี เพราะถังหลี่ทำให้เขารู้สึกเหมือนมีครอบครัว
“พี่ชาย ท่านยังมีข้า” ถังหลี่กล่าว
แสงแดดอันอบอุ่นทอประกายอยู่ในดวงตาของไป๋มู่หยาง
“ที่จริงแล้วมีเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่อาจปล่อยวางได้” เสียงของไป๋มู่หยางแหบพร่า ถังหลี่เอียงศีรษะหันไปรอให้เขาพูดออกมา
“ตอนแรกท่านแม่บอกข้าว่า อยากให้ข้ามีชีวิตที่ดี เมื่อนางคิดได้จึงตัดสินใจเปลี่ยนเสื้อผ้า หวีผม…” ในตอนนั้นเองไป๋มู่หยางในวัยเยาว์รู้สึกมีความสุขมาก ท่านแม่ที่เขาคุ้นเคยได้กลับมาแล้ว
“แต่ในชั่วพริบตา นางกลับกระโดดลงไปในบ่อน้ำ เมื่อข้าเห็นนางอีกครั้งท่านแม่ก็กลายเป็นศพที่เย็นชืด ทิ้งโลกใบนี้และบุตรชายของนางไปเสียแล้ว”
ไป๋มู่หยางหัวเราะเบาๆ คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ เขาเป็นเด็กอายุแค่เจ็ดแปดขวบเท่านั้น เด็กที่ต้องสูญเสียมารดาไปอย่างกระทันหัน ไม่มีมารดาคอยปกป้องก็ยากที่จะเอาตัวรอดในเรือนหลังของตระกูลที่ร่ำรวยเช่นนี้ได้
พี่ชายของนางต้องทนทุกข์ทรมาน ทั้งยังโดนลอบสังหารไม่รู้กี่ครั้ง ถังหลี่ทุกข์ใจเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
“ช่างมันเถิด ไม่ได้สำคัญอะไรมากนัก อย่างไรเสียนางก็เป็นมารดาของข้า ข้าต้องล้างแค้นให้นางอยู่แล้ว” ไป่มู่หยางเอ่ย
เขาไม่ใช่คนขี้ขลาดเหมือนมารดา เขาต้องการทวงคืนทุกอย่างของเขาในตระกูลไป๋กลับคืนมา เขาจะทำให้บิดาและนางติงได้รับผลจากการกระทำของพวกเขา! ดวงตาของไป๋มู่หยางฉายแสงเย็นวาบออกมาดูน่ากลัว
“พี่ชาย แค้นต้องได้รับการชำระ แต่ท่านยังมีครอบครัวและมีเพื่อนฝูง พี่ฮั่วจีว์และข้าจะคอยอยู่เคียงข้างท่านเสมอ ท่านลุงฝูเองก็เป็นห่วงท่าน มีคนหลายคนที่รักและห่วงใยท่าน ท่านสามารถที่จะมีชีวิตที่ดีได้”
นางมองเขาพูดอย่างจริงจัง
เมื่อไป๋มู่หยางที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง อาฆาตแค้น ได้สบดวงตาที่ฉายความกังวลและเป็นห่วงของถังหลี่ ความขุ่นเคืองคับข้องหมองใจค่อยๆ เลือนหายไป ใช่แล้วเขามีถังหลี่เป็นน้องสาว มีเพื่อนและมีญาติที่คอยเป็นห่วงดูแลเขา
เขาต้องมีชีวิตให้ดี เพื่อคนที่เขาคอยห่วงใย
ดวงอาทิตย์อาจจะทำให้ร่างกายอบอุ่น แต่คำพูดของน้องสาวเปลี่ยนจิตใจที่เหน็บหนาวของเขาให้อุ่นร้อนขึ้นมาได้ ไป๋มู่หยางยิ้มให้ถังหลี่
“ตกลง ข้าจะมีชีวิตที่ดี” นางยิ้มให้พี่ชายอย่างสดใส
“พี่ชาย พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ”
ไป๋มู่หยางพยักหน้า ในขณะที่เขากำลังจะสั่งให้บ่าวรับใช้ไปเตรียมอาหาร ลุงฝูก็เข้ามาทันที
“อาหารเตรียมพร้อมแล้วขอรับ”
สาวใช้สองคนที่ตามหลังลุงฝูมาถืออาหารที่ปรุงใหม่เข้ามา ไป๋มู่หยางนั่งลงกินอย่างสุภาพ ถังหลี่และลุงฝูมองอย่างมีความสุข
แค่นายน้อยยอมกินข้าวก็ถือว่าเรื่องคลี่คลายแล้ว!
ยามที่เขาเห็นนายน้อยอารมณ์เสีย หงุดหงิดบึ้งตึงมันน่าอึดอัดมาก โชคดีที่มีคุณหนู… ลุงฝูยกนิ้วให้กับถังหลี่ ในขณะที่รับประทานอาหาร ไป๋มู่หยางเงยหน้ามองคนทั้งคู่และยิ้ม
หลังจากที่กินอาหารเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว ถังหลี่ก็พูดคุยกับเขาว่า นางได้เผชิญหน้ากับโจรที่ต้องการปล้นแร่เหล็กคนเหล่านั้นเป็นคนของสกุลติง ใบหน้าของไป๋มู่หยางพลันเย็นชาขึ้น
“คนสกุลติงไม่เคยอยู่เฉยจริงๆ” เขาพูดเสียงกร้าว หากเมื่อเบนสายตาไปมองน้องสาว แววตากลับนุ่มนวลขึ้น
“เสี่ยวถัง โชคดีจริงๆ ที่ข้ามีเจ้า”
“เรื่องเพิ่งเกิดขึ้น จึงนับเป็นโชคร้ายของนาง” ถังหลี่กล่าว
“โจรเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่ พวกมันจะเป็นพยานเรื่องตระกูลติงได้” ไป๋มู่หยางยิ้มเล็กน้อยก่อนจะครุ่นคิด แม้ว่าเขาจะเกลียดบิดาของเขามากก็ตาม แต่นายท่านไป๋ยังมีอำนาจอยู่มาก ก่อนหน้านี้เขาได้รวบรวมหลักฐานที่นางติงวางยาพิษเขาแล้วเปิดเผยให้บิดาดู แต่บิดากลับเข้าข้างนางติงและไป๋ซวี่หยาง ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังกับบิดาเป็นอย่างมาก
“ในเมื่อเจ้าไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว จะทำให้กระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องไปทำไมกัน?”
นี่เป็นคำพูดของบิดาเขา ชายผู้นั้นไม่สนใจความเป็นความตายของไป๋มู่หยางเลย แต่กลับคิดว่าการกระทำของเขาจะทำให้กระทบกับความสัมพันธ์ในครอบครัว
ในสายตาของบิดามีเพียงนางติงและไป๋ซวี่หยางเท่านั้น ช่างน่าละอายเหลือเกินที่เขาเนรคุณภรรยาเอกและทำร้ายจิตใจของนางแต่กลับให้ความจริงใจรักใคร่ต่อนางติงเป็นอย่างมาก
ต่อให้เขาเอาเรื่องที่นางติงจ้องทำลายกิจการแร่เหล็กของสกุลไป๋ไปบอก บิดาของเขาก็ยังคงปกป้องนางอยู่ดี เรื่องนี้เขาต้องคิดวางแผนให้รอบคอบ เพื่อให้นางติงได้รับผลกระทบจากการกระทำในครั้งนี้
…
ที่เรือนหลักสกุลไป๋
มีเด็กสาวผู้หนึ่งกำลังนวดไหล่ให้หญิงสาว ระหว่างนวดนางเลียบเคียงถามอย่างอยากรู้อย่างเห็น
“ท่านอา ทำไมท่านถึงอยากให้พี่สาวแต่งงานกับคุณชายใหญ่ไป๋เจ้าคะ?”
อาหญิงที่นางเรียกคือนางติง ส่วนตัวนางคือติงเสี่ยวเยว่บุตรสาวของพี่ชายรองของนางนั่นเอง ใบหน้าของติงเสี่ยวเยว่ดูเขินอาย
“ทำไมท่านถึงไม่เลือกข้าแทนเจ้าคะ ข้าไม่ดีพอหรือ?”
ไป๋มู่หยางทั้งหล่อเหลาและอ่อนโยน นางตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเจอ
“เสี่ยวเย่ว อาไม่อยากให้เจ้าแต่งงานกับเขา”
เป็นเพราะสกุลติงได้รับความช่วยเหลือจากนางจึงทำให้สามารถเปิดร้านค้ามากมายขึ้นในเมือง หลานสาวของนางล้วนแต่เป็นบุตรสาวของพี่ใหญ่ หลานสาวคนโตเงอะงะ ซุ่มซ่าม นางติงไม่ชอบจึงอยากให้นางแต่งงานกับไป๋มู่หยางเพื่อที่จะได้ให้นางเป็นหูเป็นตาให้ ไม่ช้าก็เร็วสกุลไป๋ต้องตกเป็นของนาง ไป๋มู่หยางจะสิ้นไร้ไม้ตอกเหลือแต่ตัว นางจึงไม่อยากให้หลานสาวที่ฉลาดคนนี้ของนางแต่งงานกับไป๋มู่หยาง
ผ่านไปสักครู่มีบ่าวรับใช้เดินเข้ามา
“นายท่านเรียกคนผู้นั้นมาหรือยัง? ข้าจะได้ไปที่ห้องโถงหลัก?”
“ยังไม่มีใครมาขอรับ”
“แม้แต่นายท่านยังเรียกเขามาไม่ได้อีกหรือ? ปีกของไป๋มู่หยางช่างกล้าแข็งแล้วสินะ”
“มีคุณหนูจากสกุลกู้มาหานายน้อยขอรับ นายน้อยเลยยังมาไม่ได้”
คุณหนูจากสกุลกู้หรือ?
นางติงสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้คุณหนูสกุลกู้ยังเป็นกู้อิ๋น บุตรชายของนางและกู้อิ๋นมีความสนิทสนมกัน นางยังนึกดีใจเนื่องจากเป็นคุณหนูจากตระกูลแม่ทัพกู้ ซวี่หยางดีกับนางมาก
ใครเลยจะไปรู้ว่ากู้อิ๋นไม่ใช่บุตรสาวที่แท้จริง หนำซ้ำคุณหนูสกุลกูผู้นั้นยังสนิทสนมกับไป๋มู่หยางเสียอีก
หากสกุลกู้ยืนหยัดอยู่ข้างกายไป๋มู่หยาง นางจะต้องเดือดร้อนเป็นแน่ นางไม่รู้เลยว่ายามนี้ผู้ที่นางส่งไปปล้นแร่เหล็กจะจัดการเรื่องราวไปถึงไหนแล้ว แต่ที่นางติงรู้อย่างแน่ชัดคือ ราชสำนักกำลังรอแร่เหล็กของไป๋มู่หยางเพื่อจะนำไปหลอมทำอาวุธ หากไม่สามารถส่งไปตามกำหนดได้ จะทำให้ราชสำนักขุ่นเคืองใจอย่างแน่นอน
นางอยากรอดูว่าไป๋มู่หยางจะดิ้นรนเอาตัวรอดไปได้อย่างไร
ในไม่ช้าสกุลไป๋ย่อมตกเป็นของนางต่อให้คุณหนูกู้ก็ไม่อาจเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในของสกุลกู้ได้!
แววตาของนางติงเต็มไปด้วยความโลภและความทะเยอทะยาน