บทที่ 431 ทางแยกของกู้หวนเนี่ยนและฝางเหมี่ยว
ในนวนิยายเรื่องนี้คนทั้งสองพลัดพรากจากกัน ฝางเหมี่ยวแต่งงานกับผู้ชายพื้นๆ คนหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นเป็นคนดี แต่แม่สามีของของนางกลับมีนิสัยที่แย่มาก นางไม่ชอบฝางเหมี่ยว นางจู้จี้ขี้บ่นจับผิดฝางเหมี่ยวตลอด แต่ชีวิตคู่ของทั้งสองก็ดำเนินไปได้เพราะผู้ชายคนนั้นดูแลฝางเหมี่ยว ต่อมาฝางเหมี่ยวได้ให้กำเนิดบุตรชาย แม่สามีจึงได้มองนางดีขึ้น แม้ครอบครัวจะมีอุปสรรค ลำบากบ้างแต่ทุกอย่างก็ดำเนินไปด้วยดี พวกเขาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
แต่แล้วกลับเกิดเหตุไม่คาดฝันทำให้สามีของนางเสียชีวิตกระทันหัน แม่สามีจึงได้คิดว่านางเป็นตัวซวย จึงได้ระบายความเกลียดชังทั้งหมดที่มีให้กับฝางเหมี่ยว
หญิงสาวรู้สึกว่าตนเองเป็นคนนำเคราะห์ร้ายมาสู่ครอบครัวของสามี นางจึงได้ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมของตน นางหาเลี้ยงครอบครัวแต่เพียงลำพัง ออกจากบ้านแต่เช้ากลับดึกทุกวัน ทำงานไม่มีหยุดหย่อน ยามกลับบ้านก็ต้องทนต่อการด่าว่าของแม่สามีชีวิตเลวร้ายลำบาก เป็นคนก็ไม่ใช่เป็นผีก็ไม่เชิงยิ่งกว่าตกนรกเสียอีก
ส่วนกู้หวนเนี่ยน เขาแต่งงานกับหญิงสาวจากตระกูลใหญ่ผู้หนึ่ง ทั้งคู่มีนิสัยไม่ลงรอยกัน ทะเลาะกันบ่อยครั้ง ในช่วงแต่งงานกันสองสามวันแรกมีชีวิตที่สงบสุขดี แต่หลังจากนั้้นก็ค่อยๆ ห่างเหินกันไป กู้หวนเนี่ยนจะอยู่ที่ศาลต้าหลี่บ่อยครั้ง ไม่ค่อยกลับบ้าน ทำให้ทั้งคู่เป็นเสมือนคนแปลกหน้าซึ่งกันและกันไปโดยปริยาย
ต่อมากู้หวนเนี่ยนทำงานผิดพลาด เขาโดนไล่ออกจากตำแหน่งขุนนาง ชีวิตเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ญาติและเพื่อนฝูงหายหน้าไปกันหมด ไม่มีผู้ใดมาคบหา แม้กู้หวนเนี่ยนล้มป่วยลงก็ไม่มีใครอยากมาเยี่ยมเยียนเขา
ครั้งหนึ่งคนทั้งคู่ต่างพบกันโดยบังเอิญ ฝางเหมี่ยวไม่ได้เคยคิดมาก่อนว่าใต้เท้าของศาลต้าหลี่ผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตจะได้กลายเป็นคนที่โดดเดี่ยวไร้ชีวิตชีวาเช่นนี้
พวกเขาได้แต่มองสบตากัน ต่างคิดว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานแล้วผู้คนต่างเปลี่ยนไป
ตั้งแต่วันนั้นฝางเหมี่ยวหาเวลามาดูแลกู้หวนเนี่ยน นำอาหารและยามาให้เขาอย่างสม่ำเสมอ แม้ชีวิตของฝางเหมี่ยวจะลำบากทว่านางดูแลกู้หวนเนี่ยนเป็นอย่างดีจนกระทั่งผ่านไปหลายปี ต่อมากู้หวนเนี่ยนป่วยหนัก ฝางเหมี่ยวได้แต่จับมือเขาเอาไว้ร้องไห้ตลอดเวลา
“นายท่าน…ถ้าหากข้าได้ย้อนเวลาได้…ข้าจะ…”
ก่อนที่ฝางเหมียวจะพูดจบ กู้หวนเนี่ยนก็เอามือลง นางจึงได้แต่เก็บคำพูดที่เหลือกลืนลงท้องไป
ถังหลี่รู้สึกว่าทั้งสองคนชอบพอกัน บางทีอาจจะเป็นเพราะได้ใช้เวลาร่วมสืบคดีด้วยกัน พวกเขาจึงมีความประทับใจกัน แต่เป็นเพราะตัวตนหรือบุคลิกที่เงียบขรึมของกู้หวนเนี่ยน พวกเขาจึงต่างแคล้วคลาดกันไปอย่างน่าเสียดาย ต่างคนต่างไปมีครอบครัวของตน
ฝางเหมี่ยวต้องการจะพูดอะไร? ถ้าหากคนเรามีโอกาสอีกครั้งหนึ่งในชีวิต จะดีสักเพียงไหน?
ถังหลี่รู้สึกเศร้าเมื่อคิดถึงเรื่องราวของคนทั้งคู่
ช้าก่อน นี่เป็นนิยายมันย่อมแตกต่างออกไป ชะตากรรมของสกุลกู้เปลี่ยนไป พี่ชายทั้งสองคนของนางก็ไม่ได้มีชีวิตที่ตกต่ำเหมือนในนิยายเรื่องนั้นไม่ใช่หรือ? ทั้งสองคนแต่งงานกับคู่ครองที่ไม่เหมาะสมชีวิตคู่จึงไม่มีความสุข
ถังหลี่ได้แต่หวังอยากให้พี่ชายของนางได้พบกับคู่ชีวิตที่เข้ากับเขาได้ อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าอย่างมีความสุขตลอดไป
นางเล่าเรื่องนี้ให้สามีฟัง เว่ยฉิงลูบหัวของถังหลี่ พูดว่า
“ชีวิตนี้ของพี่ชายจะมีความสุขเพราะเจ้านี่แหละ”
เสี่ยวถังหลี่ของเขาคือปลาหลี่ที่นำความโชคดีมาให้แก่ผู้คนรอบข้าง
“ถ้าเช่นนั้น ข้าควรจับคู่พี่ชายกับฝางเหมี่ยวไหม?”
“ดีสิ!” เว่ยฉิงสนับสนุนนาง
วันถัดมา
ถังหลี่เป็นคนที่คิดแล้วลงมือทำเลยโดยไม่รีรอ นางไปหาฝางเหมี่ยวทันที
บ้านของหญิงสาวผู้นั้นหาไม่ยากเลย นางเป็นอู่จั้วหญิงเพียงคนเดียวของเมืองหลวง นางไปตามหาฝางเหมี่ยวบริเวณที่ได้เจอกับนางเมื่อวาน ถังหลี่เดินมาถึงบ้านตระกูลฟาง บ้านตระกูลฟางค่อนข้างทรุดโทรมมีผู้หญิงที่หลายคนที่ชี้มือมาแล้วบอกว่า
“นั่นเป็นบ้านของอู่จั้ว”
“นางอยู่ที่นี่เองหรือ ซวยจริงๆ ต่อไปข้าจะออกไปไหนคงต้องใช้ทางอ้อมแล้ว”
“ข้าไม่เข้าใจเลยว่านางเป็นเด็กสาวแต่กลับเลือกไปทำอาชีพเช่นนั้นได้ ต่อไปใครจะไปอยากแต่งงานด้วยเล่า?”
“ใช่! ใครจะไปกล้าแต่งงานกับนางกัน”
“ลูกชายของเจ้าก็อายุไล่เลี่ยกับนางไม่ใช่หรือ? ข้าเห็นเขาคุยกับนางเมื่อสองสามวันก่อน บอกให้เขาอยู่ให้ห่างจากนางเถอะ”
“อะไรนะ! นังสารเลวผู้นี้กล้ามาหลอกล่อลูกชายของข้าหรือ? ข้าจะฉีกให้เป็นชิ้นๆ เลย คอยดู!”
ถังหลี่ได้ยินเช่นนั้นก็เกิดความไม่สบายใจขึ้นมา ประตูบ้านตระกูลฝางปิดไว้อย่างแน่นหนาราวกับคนในบ้านคุ้นชินกับเสียงนินทาของขาวบ้านเช่นนี้แล้ว
นี่เป็นสภาพของความเป็นอยู่ในสมัยโบราณเช่นนี้ แรงกดดันจากชาวบ้านนั้นมีมากมายมหาศาล หากจิตใจอ่อนแอก็จะรับไม่ได้ทนไม่ไหว ถังหลี่ไม่อยากทะเลาะกับคนเหล่านั้น นางคงไม่อาจชี้นิ้วให้พวกเขาเลิกพูดแบบนั้นได้ ทางที่ดีที่สุดก็คือฝางเหมี่ยวต้องมีชีวิตที่ดีขึ้นเพื่อจะได้ตบหน้าชาวบ้านพวกนั้นได้
นางเดินไปเคาะประตูบ้านตระกูลฝาง เมื่อชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นได้เห็นหญิงสาวแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราก็เข้าใจว่านางมีฐานะไม่ธรรมดา พวกเขาจึงทักขึ้นว่า
“แม่นาง ท่านมาบ้านผิดหรือเปล่า?”
“ผู้ที่อยู่ที่นี่เป็นแม่ม่ายอาศัยอยู่กับบุตรสาวที่เป็นอู่จั้ว”
ถังหลี่ไม่ได้สนใจชาวบ้านด้วยซ้ำตอนที่นางเอ่ยตอบว่า
“ข้ามาหาฝางเหมี่ยว นางเป็นเพื่อนของข้า”
ฝางเหมี่ยวเปิดประตูออกมาเมื่อได้ยินที่ถังหลี่พูด นางได้ยินที่ชาวบ้านพูดแต่ไม่คิดว่าคนมาหาจะเป็นถังหลี่ ซ้ำยังเอ่ยว่าตนเป็นเพื่อนของนางอีกด้วย ดวงตาของฝางเหมี่ยวเป็นประกาย
ฝางเหมี่ยวออกมาต้อนรับขับสู้ถังหลี่ นางจ้องไปยังผู้คนที่ยืนอยู่หน้าบ้าน
“มองอะไรกัน กินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำหรือไง? ยังไม่รีบไปทำงานกันอีก!”
ฝางเหมี่ยวพูดอย่างก้าวร้าว ผู้คนเหล่านั้นหน้าเจื่อน ต่างรีบกันแยกย้ายไปทันที กระนั้นก็ยังอดสบถด่านางอยู่ในลำคอไม่ได้ เช่น ตัวซวยบ้าง ไม่มีใครอยากมาแต่งงานด้วยบ้าง
ฝางเหมียวปิดประตู เมื่อหันมาเจอถังหลี่นางจึงยิ้มแสดงอารมณ์นุ่มนวลอีกครั้ง
“ถังหลี่! เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร บ้านข้าสกปรก” ฝางเหมี่ยวพูดอย่างอับอาย
นางกวาดตามองไปรอบๆ แม้จะค่อนข้างซอมซ่ออยู่บ้าง แต่มีการทำความสะอาดอย่างหมดจด ไม่สกปรกเลยแม้แต่น้อย
“ไม่สกปรก”
“นั่งลงเถอะ” ฝางเหมี่ยวดึงมือถังหลี่ให้นั่งลง
วันนี้นางอยู่คนเดียว มารดาออกไปรับจ้างทำงานนอกบ้านเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว เป็นเพราะทุกคนคิดว่านางเป็นตัวอัปมงคล จึงไม่มีใครคิดอยากจ้างนางทำงาน วันไหนไม่มีงานของศาลต้าหลี่ นางจึงได้แต่นอนอ่านหนังสืออยู่กับบ้าน หากวันไหนมีงาน ศาลต้าหลี่จะส่งคนมาหานางที่บ้าน
ฝางเหมี่ยวนั่งจ้องถังหลี่อย่างอยากรู้อยากเห็น
“เหมี่ยวเหมี่ยว เจ้าคิดอย่างไรกับพี่ชายของข้า” ถังหลี่ไม่อ้อมค้อม
“ใต้เท้ากู้เป็นคนดีมาก เขามีความซื่อสัตย์ เป็นคนยุติธรรม เป็นขุนนางที่ดี”
“แล้วรูปร่างหน้าตาล่ะ?”
รูปร่างหน้าตา …ร่างกำยำสูงใหญ่ผุดขึ้นมาความคิดของฝางเหมี่ยว เขาเป็นคนหน้าตาดี
“ฝางเหมี่ยว เจ้าชอบพี่ชายของข้าหรือไม่?” ถังหลี่ถามอย่างตรงไปตรงมา เล่นเอาฝางเหมี่ยวตกใจสำลักน้ำลายตนเองถึงกลับกระอักไอออกมา
ใบหน้าของนางแดงระเรื่อ
“ถังหลี่ เจ้าพูดอะไรกันนี่ ข้า…ข้า…” ฝางเหมี่ยวพูดไม่ออกใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ แม้ฝางเหมี่ยวจะทำท่าปฏิเสธโดยการโบกไม้โบกมือ หากการแสดงออกของนางกลับเป็นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
เมื่อพูดถึงกู้หวนเนี่ยน สายตาของนางเป็นประกายเจิดจรัสขึ้นมาทันที