บทที่ 507 ถังหลี่คือมารดาของเว่ยจื่ออั๋ง
ตอนแรกจ้าวจิ่งซวนต้องการที่จะเยาะเย้ยเว่ยจื่ออั๋งแต่เห็นว่าเขา พูดจาไพเราะ มีชั้นเชิง มีโวหารที่คมคาย จนหาที่ติไม่ได้ เขาจำต้องยอมรับว่าเว่ยจื่ออั๋งมีความสามารถจริงๆ
เขาเหลือบมองถังหลี่เห็นว่านางกำลังตั้งใจฟังอย่างจริงใจ ท่าทีของหญิงสาวดูอ่อนโยน ยิ่งให้จ้าวจิ่งซวนรู้สึกหดหู่ใจเพิ่มขึ้น หญิงสาวผู้นี้จะต้องชอบเว่ยจื่ออั๋งเป็นแน่ เหตุใดเด็กสองคนนั่นถึงได้น่ารำคาญยิ่งนัก? พวกเขาได้ทุกอย่างที่ต้องการอย่างง่ายดาย ท่านลุงก็ด้วย เสด็จแม่ก็ด้วย และยังสตรีผู้นี้อีก จ้าวจิ่งซวนหงุดหงิดใจ
ในที่สุดเว่ยจื่ออั๋งก็ชนะการโต้วาทีในครั้งนี้ ศิษย์จากฉิงโจวคารวะเว่ยจื่ออั๋งและยอมรับความพ่ายแพ้
“ในเมืองหลวงมีคนที่มากด้วยความสามารถถึงเพียงนี้ น้องจื่ออั๋งสมควรได้รับเกียรติ ข้าขอชื่นชมท่าน”
“ขอบคุณท่านมาก” เว่ยจื่ออั๋งตอบรับด้วยความสุภาพ
เถ้าแก่ของหอฉิงเฟิงยืนอยู่ที่กระดานเขาเขียนชื่อเว่ยจื่ออั๋งเอาไว้บนกระดาน ต่อมาเหล่าบัณฑิตจึงได้แยกย้ายกันกลับไปเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยยังไม่ได้กลับ พวกเขาเดินขึ้นไปบนชั้นสอง ตรงไปหาจ้าวจิ่งซวนและถังหลี่
สองคนนี้มาทำไม? สตรีผู้นี้อยู่กับเขานะทำไมถึงต้องมาแย่งนางด้วย?!
เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยมองถังหลี่ ตอนนี้เขาดูเป็นเด็กหนุ่มที่มั่นใจและเปล่งประกาย อีกทั้งยังดูอ่อนโยน พวกเขามองนางด้วยความชื่นชม เว่ยจื่ออั๋งเรียกเสียงอ่อนหวานว่า
“ท่านแม่”
“ท่านพี่” แม้สวี่เจวี๋ยจะมีสถานะเป็นบุตรชายบุญธรรมของถังหลี่ แต่คำเรียกก็ยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิม เขาเรียกนางด้วยรอยยิ้ม
“ท่านแม่ เหตุใดท่านมาที่นี่?” เว่ยจื่ออั๋งประหลาดใจเมื่อเห็นถังหลี่
“ข้าแค่อยากมาดูต้าเป่าของข้า” ถังหลี่พูด เว่ยจื่ออั๋งเขินเล็กน้อยแต่ก็มีความสุข
เมื่อครู่ข้าทำได้ดีมากท่านแม่จะต้องภูมิใจในตัวข้าแน่นอน
จ้าวจิ่งซวนที่ยืนมองจากด้านหลังตกตะลึงทันที
ท่านแม่??
สตรีนางนี้คือมารดาของเว่ยจื่ออั๋งหรือ? เขาเป็นบุตรชายของนาง?!
เขามองถังหลี่อีกครั้ง หากเป็นสตรีที่แต่งงานแล้วผมของนางจะถูกรวบขึ้นไป ผมของถังหลี่ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่เพราะนางดูอ่อนเยาว์มากเขาจึงไม่รู้สึกว่าถังหลี่นั้นอายุมากกว่าตนเอง ใครจะคิดว่านางจะมีลูกชายที่โตขนาดนี้!
หัวใจของจ้าวจิ่งซวนยุ่งเหยิง
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดนางจึงดูชื่นชอบเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ย เพราะนางเป็นมารดาของพวกเขานั่นเอง ซ้ำตัวเขายังพูดจาไม่ดีถึงบุตรชายนางอีกด้วย น่าละอายมาก จ้าวจิ่งซวนอยากจะตบหน้าตัวเองนัก
เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยกลั้นยิ้มมองไปที่จ้าวจิ่งซวนก่อนจะโค้งคำนับ
“คารวะพี่จ้าว”
หากเป็นจ้าวจิ่งซวนในยามปกติคงจะสบถออกมาแน่ แต่เพราะมีถังหลี่ยืนอยู่ด้านข้าง เขาไม่อยากทำให้นางไม่ประทับใจ เขาจึงคารวะตอบคนทั้งคู่ ถังหลี่ยืนขึ้น
“พวกเราต้องกลับแล้ว เด็กน้อย หากเจ้ามีเวลาก็มาเยี่ยมที่จวนอู่โหวสิ”
จ้าวจิ่งซวนตอบรับอย่างไม่สบอารมณ์ เขาไม่อยากไปที่จวนอู่โหว เพราะหากเขาไปที่นั่น เขาก็ต้องทนเห็นเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยที่แสนน่ารำคาญนั่น
ทั้งสามคนเดินลงมาที่ชั้นล่างก่อนจะออกจากหอฉิงเฟิงไป
จ้าวจิ่งซวนที่ดูเฉยเมยอดไม่ได้ที่จะเดินไปดูสามแม่ลูกที่หน้าต่าง
“พี่จ้าวไปดื่มต่อกันเถอะ” เกาเฉิงเดินมาชวนจ้าวจิ่งซวนอย่างกระตือรือร้น
แต่เด็กหนุ่มอารมณ์ไม่ดีแล้ว เขาเหลือบมองเกาเฉิงแล้วหันหลังจากไป
ถังหลี่พาลูกทั้งสองกลับไปที่จวนอู่โหว วันนี้เว่ยฉิงกลับมาก่อนเวลา เขาจึงอยู่ในชุดลำลอง เมื่อเห็นถังหลี่เดินมากับบุตรชายเขาทักทายอย่างดีใจ เด็กหนุ่มทั้งสองคนเคารพเว่ยฉิงก่อนจะกลอกตามองไปที่มารดา และบิดา
“ท่านพ่อ…สวี่เจวี๋ยกับข้าขอตัวไปอ่านตำราในห้องต่อนะขอรับ”
“ไปเถอะ” เว่ยฉิงพยักหน้า
เด็กหนุ่มทั้งสองคนวิ่งหายไป เว่ยฉิงวางมือบนไหล่ของถังหลี่โอบนางไว้ในอ้อมแขนของเขา เป็นภาพที่ทุกคนคุ้นตาดี
“ฮูหยินไปไหนมาหรือ?” เว่ยฉิงกระซิบถาม
“ข้าไปที่หอฉิงเฟิงมา ไปดูการโต้วาที ต้าเป่าของเราโตขึ้นมาก”
ถังหลี่เล่าถึงการโต้วาทีของจื่ออั๋งและสี่เจวี๋ยให้เว่ยฉิงที่ฟังอย่างตั้งใจ น่าเสียดายที่ตอนนี้เขายุ่งอยู่กับกรมอาญาไม่เช่นนั้นคงได้ไปดูว่าบุตรชายคนโตของตนเองโดดเด่นและเก่งกาจมากเพียงใด หากมีโอกาสเขาจะต้องไปดูให้ได้
“สามี ยังมีเวลาเหลืออีกยี่สิบวันก่อนจะถึงการสอบชุนเหวย” ถังหลี่พูด ถังหลี่คำนวนการการสอบชุนเหวย นางดูกังวลมากกว่าเด็กๆ ทั้งสองเสียอีก
“ใช่ ในตอนนั้นลูกทั้งสองของเราก็พร้อมแล้ว”
“ท่านไม่กังวลหรือ?” ถังหลี่ตีเขา
“จะกังวลไปทำไม? พวกเขาเป็นลูกของเรานะ” เว่ยฉิงพูด โดยส่วนตัวแล้วเขามั่นใจมาก
“ลูกสองคนเป็นคนเก่งอยู่แล้ว อย่าเอาดีเข้าตัวสิ” ถังหลี่ขัด
“ถ้าเช่นนั้น ฮูหยินเรามามีลูกกันเถอะจะได้พิสูจน์ว่าที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่? เว่ยฉิงพูดอย่างมีนัย
หากเป็นบุตรสาวที่หน้าเหมือนภรรยาของเขาคงดีไม่น้อย ถึงแม้ทั้งคู่จะอยู่กินกันมานานแล้ว แต่การพูดเรื่องแบบนี้ในตอนกลางวันก็ทำให้ถังหลี่หน้าแดง
“แล้วถ้าเป็นคนโง่แบบท่านล่ะ”
“เขาก็มีจะพี่น้องมากมายที่ปกป้องเขาได้ ลูกของเราจะเป็นคนโง่ที่มีความสุขที่สุด” เว่ยฉิงพูดอย่างเฉยเมย
“ท่านยอมรับว่าตนเองโง่หรือ?”
“คำพูดของภรรยาย่อมถูกต้องเสมอ”
ทั้งสองเดินเข้าไปในเรือนด้านใน กระซิบกระซาบพูดคุยกันราวกับมีเรื่องราวไม่รู้จบ
วันถัดมา ที่กั๋วจื่อเจี้ยน
จ้าวจิ่งซวนครุ่นคิดเรื่องนี้ทั้งคืน เขาตัดสินใจแล้วว่าจะเรียนให้หนัก เป็นคนเก่ง ทุกคนจะได้ชื่นชมในตัวเขา วันนี้เมื่อจ้าวจิ่งซวนไปถึงห้องเรียน เขาก็หยิบตำราขึ้นมาเปิดหน้าแรกอย่างตั้งใจ หนึ่งชั่วยามแรกยังอยู่ที่หน้าแรก อีกครึ่งชั่วยามต่อมาก็ยังอยู่ที่หน้าเดิม ในไม่ช้าความง่วงงุนก็กัดกินเขา
ศีรษะของจ้าวจิ่งซวนซบไปบนโต๊ะ
เขารู้สึกง่วงมากแต่ก็ต้องสะดุ้งตื่น เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงเห็นเหลียงหยูจ้องมองเขาอย่างเคร่งขรึม
“ตามข้ามา”
จ้าวจิ่งซวนเดินตามเขาออกไปอย่างสงบเสงี่ยม เหลียงหยูพาจ้าวจิ่งซวนไปด้านนอกแต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไร จ้าวจิ่งซวนก็พูดขัดขึ้น
“ศิษย์ผิดไปแล้วขอรับ ศิษย์ไม่ควรหลับในห้องเรียน แต่เป็นเพราะเมื่อคืนนี้ข้าอ่านตำราดึกเกินไป”
“แน่ใจหรือว่าอ่านตำรา ไม่ใช่เมาหรือ? เจ้าไปดื่มกับใครมา?” ดวงตาของเหลียงหยูจ้องมองอย่างจริงจัง
ดื่ม…ดื่ม?
ท่านลุงรู้เรื่องที่เขาไปดื่มได้อย่างไร
จ้าวจิ่งซวนกลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น เหลียงหยูดุเขาจากนั้นก็ให้ลงโทษให้คัดตำราแล้วจึงปล่อยตัวเขาไป จ้าวจิ่งซวนคัดจนปวดมือไปหมด
ในตอนที่เขาเดินอยู่ ก็ครุ่นคิดไปว่าใครเอาเรื่องนี้ไปบอกลุงของเขา?
หมาลอบกัดเช่นนี้ช่างน่ารังเกียจนัก!
เขาเงยหน้าขึ้น เห็นเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยกำลังเดินมา หรือจะเป็นสองคนนี้?