จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 536-540

ตอนที่ 536-540

บทที่ 536 : วันเกิดของไป๋ฉางเฟิ่ง (1)
  หลานเฉาหยันก้มหน้าลงด้วยทีท่าสำนึกผิดหากไม่ใช่เพราะเขา บางทีคนในตระกูลหลานอาจจะไม่ต้องมีเรื่องกังวลกันถึงเพียงนี้
  ”นายน้อยนายน้อย !”
  ชั่วขณะนั้นเองชายร่างเล็กก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามารายงานว่า”นายน้อยใหญ่ นายน้อยรอง มีเรื่องสำคัญ … ”
  ”เรื่องอะไร?”
  หลานเฉาหลิงตกใจส่วนหลานเฉาหยันเองก็เงยหน้าขึ้น สายตาของพวกเขาต่างก็หันไปจับจ้องชายร่างเล็ก
  ”เกิดอะไรขึ้น”
  เป็นไปได้หรือไม่ที่สำนักเซี่ยเยว่จะมาหาเรื่องถึงหน้าประตูบ้านเรา?
  มีความเป็นไปได้หลานเฉาหยันหัวใจเต้นแรง นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายด้วยความเป็นกังวล ทว่าเพียงไม่นานแววตานั้นก็กลับกลายเป็นแน่วแน่
  ไม่ว่าสำนักเซี่ยเยว่ต้องการจะทำสิ่งใดเขาก็เต็มใจที่จะยอมรับไว้เอง เขาจะไม่ลากทุกคนที่เขารักลงโคลนกับเขาด้วยเป็นแน่
  ”ไปเราไปดูกันเถอะ”
  หลานเฉาหลิงตบไหล่หลานเฉาหยันพลางถอนหายใจเบาๆ “ทำใจสบาย ๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก”
  หลานเฉาหยันพยักหน้าเขามองหลานเฉาหลิงซึ่งเดินตามบ่าวรับใช้ไปทางห้องโถง ก่อนจะรีบสาวเท้าก้าวตามไปอย่างรวดเร็ว
  *****
  ที่ห้องโถง
  ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยอาการตกตะลึงห้องโถงทั้งห้องเต็มไปด้วยกล่องของขวัญกระทั่งแทบจะไม่มีที่วาง
  สองพี่น้องตระกูลหลานเดินเข้ามาทันทีที่เห็นกล่องในห้องโถง พวกเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ท่านปู่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?”
  ยามนี้ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานยังคงตกอยู่ในอาการงงงวยราวกับว่าเขายังไม่ฟื้นคืนสติจากเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่
  ที่สุดเมื่อเขาหลุดพ้นออกจากวังวนความคิดของตนได้เขาก็กลับมารับรู้คำพูดของสองพี่น้องสกุลหลาน เสียงฝีเท้าอย่างรีบเร่งก็เดินผ่านเข้าประตูมาอีกครั้ง
  ”ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานท่านผู้อาวุโสจากสำนักหวู่หยิงส่งของขวัญมากำนัล ทั้งยังขอเข้าพบท่าน”
  สำนักหวู่หยิงรึ?
  เฮ้อ!
  พี่น้องสองชายแห่งตระกูลหลานถอนใจแววตาของพวกเขาเปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ
  ”น่าจะเป็นคนจากสำนักเซี่ยเยว่มิใช่รึ? เป็นไปได้อย่างไรที่กลายเป็นสำนักหวู่หยิง เฉาหยัน เจ้าไปมีเรื่องกับคนสำนักหวู่หยิงด้วยงั้นรึ ?”
  แววตาของหลานเฉาหลิงแลดูจริงจังเพียงสำนักเซี่ยเยว่สำนักเดียวก็ยากที่จะรับมือแล้ว บัดนี้ยังมีสำนักหวู่หยิงร่วมด้วย เห็นทีครั้งนี้เป็นการยากยิ่งที่จะเผชิญหน้า
  ดูเหมือนว่าเรื่องนี้คงต้องบอกไป๋หยานแล้ว
  ”โอ้! ข้ายังไม่ได้บอกเจ้า” ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานกล่าวเบา ๆ “สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกส่งมาจากสำนักระดับสอง และระดับสามในดินแดนใหญ่นี้”
  หัวใจของหลานเฉาหลิงชะงักงันแววตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ “เหตุใดสำนักจากดินแดนใหญ่เหล่านั้นจึงส่งของขวัญให้ตระกูลหลานของเรา ?
  ”ข้าเองก็ไม่รู้”ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานขมวดคิ้วแน่น “บางที … พวกเขาอาจจะบ้าไปแล้ว”
  นอกจากเหตุผลนี้เขาก็คิดถึงเหตุผลอื่นไม่ออก
  ทันใดนั้นเองผู้อาวุโสของสำนักหวู่หยิงก็ก้าวผ่านประตูเข้ามา เขาโบกมือขึ้น เรียกคนให้นำกล่องของขวัญเข้ามา
  ”ข้าคิดว่าท่านพี่คงจะเป็น ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานใช่หรือไม่ ?”
  ท่านพี่?
  ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานถูกเรียกขานว่า‘ท่านพี่’ จากผู้ที่เหนือกว่าเขาทั้งฐานะ ทั้งความแข็งแกร่ง เขาอยากจะหัวเราะ กระทั่งแทบกลั้นไว้ไม่ได้ ริมฝีปากเขากระตุกยิ้มออกมา “อย่ายกย่องข้าเช่นนั้นเลย ไม่ทราบว่าท่านประสงค์ให้ข้าช่วยการใดงั้นรึ ?”
  ”ไม่ไม่ ในใจข้า ท่านเปรียบดั่งพี่เสมอ ข้าได้ยินชื่อเสียงร่ำลือเกี่ยวกับท่านพี่มาโดยตลอด ครั้นบัดนี้ข้าได้พบตัวจริงของท่าน ก็เป็นดั่งเช่นที่เขาร่ำลือจริง ๆ” ชายชราหัวเราะเสียงดัง “ดังนั้นข้าจึงมาเยี่ยม พร้อมทั้งเตรียมของขวัญมามอบให้ด้วย ได้โปรดรับไว้เถิด” เขากล่าวพลางหัวเราะ
  ยามนี้ในใจของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานเริ่มสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ มาแค่คนเดียวยังพอเข้าใจได้ แต่นี่มากันมากมายเพียงนี้ จะให้เขาสบายใจได้เยี่ยงไร ?
  ”ผู้อาวุโสข้าขอเรียกท่านว่าผู้อาวุโสจะดีกว่า ท่านช่วยบอกข้าหน่อยได้หรือไม่ว่า นี่มันเกิดเรื่องใดขึ้น ? ไยตระกูลหลานของข้าถึงได้รับของขวัญจากสำนักต่าง ๆ จากดินแดนใหญ่มากมายถึงเพียงนี้”
  ***จบบทวันเกิดของไป๋ฉางเฟิ่ง (1)***

บทที่ 537 : งานวันเกิดไป๋ฉางเฟิ่ง (2)
  ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานมีท่าทีเป็นกังวลเขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงอาการงงงวย
  “ท่านยังไม่รู้หรือนี่?” ผู้อาวุโสกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ยังไม่มีคนจากสำนักเวชโอสถมาหาท่านอีกหรือ ?”
  บัดนี้ข่าวได้แพร่กระจายออกไปทั่วดินแดน หลังจากที่ผู้คนต่างลอบถอนหายใจในความโชคดีของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน ขณะเดียวกันเจ้าสำนักต่าง ๆ ก็ต้องออกคำสั่งถึงเหล่าศิษย์ของตนว่า
  ไปยั่วยุยมบาลยังดีเสียกว่าไปกระตุ้นตระกูลหลาน!
  เพราะการมีเรื่องกับตระกูลหลานนั้นน่ากลัวกว่าห้องพิพากษาของพยายม!
  นี่คือเหตุผลที่ว่าไยสำนักต่างๆ จึงต้องรวมตัวกันมาเอาอกเอาใจตระกูลหลาน …
  ”ข้าไม่รู้ข้าไม่รู้เรื่องใดเลย” ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานกล่าวพลางหันไปมองกล่องเหล่านั้น “ข้ารู้เพียงว่า ก่อนหน้าท่านจะมา ก็มีสำนักต่าง ๆ มากมายในดินแดนใหญ่นี้ส่งกล่องของขวัญมาให้ข้า เว้นเสียแต่ท่านจะเกลียดชังเจ้าสำนักเซี่ยเยว่ เมื่อท่านทราบว่าบุตรชายของข้าเป็นผู้ทำร้ายนายน้อยของสำนักเซี่ยเยว่ เลยอยากขอบคุณพวกเราเป็นพิเศษ เป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่ ? ”
  ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานคิดอยู่ครู่สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปเช่นนี้
  “…..”
  ผู้อาวุโสท่านนั้นนิ่งงันไปเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับสำนักเซี่ยเยว่ ?
  จู่ๆ ชายร่างเล็กที่รีบถอยกลับไปเมื่อครู่ ก็ผลุนผลันเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขารีบก้าวเข้ามารายงานว่า “นายท่าน…เกิดเรื่องใหญ่แล้ว เจ้าสำนักเซี่ยเยว่นำคนของเขามาด้วยตนเองเลย !”
  ฟุ่บ!
  ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานลุกขึ้นยืนพร้อมเสียงอันดังชั่วขณะนั้นใบหน้าชราของเขาก็แลดูจริงจังขึ้น เขากำหมัดพลางถามว่า “สำนักเซี่ยเยว่งั้นหรือ ?”
  คนเหล่านี้… อย่างไรเสียข้าก็ต้องพบพวกเขาจนได้
  ”เอ๊ะ!” บ่าวรับใช้เช็ดเหงื่อบนหน้าผากของตนพลางกล่าวต่อ “คนของสำนักเซี่ยเยว่ส่งจดหมายแสดงความนับถือมา ทั้งขอให้ท่านเจ้าบ้านอ่านจดหมายก่อน
  จดหมายแสดงความนับถือ…นับถือรึ ?
  ใบหน้าของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานเปลี่ยนจากจริงจังเป็นตกตะลึง
  พี่น้องตระกูลหลานต่างก็มองหน้ากันด้วยความตกใจ
  สำนักเซี่ยเยว่สุภาพถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? แม้แต่จะมาตามหาคนเพื่อคิดบัญชี พวกเขายังส่งจดหมายแสดงความนับถือมาก่อนงั้นรึ ?
  ต้องสุภาพกันถึงเพียงนี้ด้วยรึ?
  ”ให้พวกเขาเข้ามา”ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานลูบกำปั้นอย่างโกรธแค้น เขาระงับอารมณ์ขณะกล่าวคำ
  อย่างไรเสียก็ต้องเผชิญหน้าดีกว่าจะยอมเป็นเต่าหดหัวอยู่ในกระดอง
  ”ขอรับท่านเจ้าบ้าน”
  หลังจากรับคำสั่งแล้วบ่าวรับใช้ก็ถอยกลับไป
  จากนั้นเพียงไม่นานชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่ ติดตามมาด้านหลังก็คือเปลที่ถูกหามมาพร้อมชายหนุ่มที่กำลังร้องคร่ำครวญ
  ”เจ้าสำนักหลิวยินดีที่ได้พบ” ทันทีที่ชายผู้นั้นมาถึง หัวใจของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานก็พลันสั่นไหว ทว่าสีหน้าของเขากลับไม่แปรเปลี่ยนเลย “นี่เป็นความผิดของหลานชายข้า แต่ข้ารู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น หากมิใช่เขา … … ”
  ปัง!
  ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานกล่าวยังไม่ทันจบเขาก็เห็นหลิวหยางสั่งให้คนของตนหยุด จากนั้นหลิวหยางก็เตะเข้าที่เปลหาม พร้อมกับกล่าวด้วยความโกรธว่า “เหตุใดเจ้าจึงยังนิ่งเฉยอยู่อีก แกล้งตายอยู่หรือไร ?
  ”…..”
  ใบหน้าของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานแข็งทื่อสถานการณ์เช่นนี้หมายความว่าไง ? เจ้าสำนักเซี่ยเยว่ไม่ได้มาคิดบัญชีพวกเขาหรอกหรือ ?
  ”โอ๊ย!”
  หลิวซู่กลิ้งลงจากเปลขาที่หักของเขาถูกกระแทกอย่างแรงอีกครั้ง เขาร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวด “ท่านพ่อ…ข้า … ”
  ”ปัง!”
  หลิวหยางเตะเข้าที่หลังของหลิวซู่อีกครั้งจากนั้นก็เหยียบใบหน้าของหลิวซู่กดลงกับพื้นโดยตรง ใบหน้าที่เจ็บปวดของหลิวซู่ซีดเผือด
  ”เหตุใดข้าถึงให้กำเนิดคนชั่วช้าเช่นเจ้า! เจ้ากล้าฉุดคร่าผู้หญิง ! ขอโทษท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานไว ๆ หากท่านผู้เฒ่าต้องการสังหารเจ้า เจ้าก็ต้องตายแน่ ๆ !” หลิวหยางตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว ทว่าสีหน้าของเขากลับแลดูน่าสังเวช ราวกับบิดาที่ปากแข็งแต่ใจอ่อน
  อย่างไรก็ตามท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานก็ชัดแจ้งแล้วว่า สำนักเซี่ยเยว่นั้นเป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอกไม่อาจไว้ใจได้
  ***จบบทงานวันเกิดไป๋ฉางเฟิ่ง (2)***

บทที่ 538 : งานวันเกิดไป๋ฉางเฟิ่ง (3)
  หากคนพวกนี้มีเหตุมีผลก็คงไม่ทำตัวเป็นอันธพาลเช่นนี้แน่
  ดังนั้นเมื่อเห็นพฤติกรรมของหลิวหยางใบหน้าของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานก็ยิ่งเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ปากของเขาพลันอ้ากว้าง
  ผู้ใดช่วยบอกข้าหน่อยได้หรือไม่ว่านี่มันเกิดเรื่องใดขึ้น ? บรรดาเจ้าสำนักใหญ่ ๆ เหล่านี้เป็นบ้าไปหมดแล้วหรือไร ?
  ”ผู้อาวุโส”หลิวหยางจ้องมองหลิวซู่อย่างดุดัน ก่อนจะหันไปมองท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มประจบประแจง “บุตรชายของข้ากระทำการหยาบช้า ทำให้ท่านขุ่นเคือง ข้าได้ให้บทเรียนเขาแล้ว โปรดอย่าใส่ใจเขาอีกเลย”
  หลังจากที่เขากล่าวจบเขาก็หันกลับไปมองหลานเฉาหยันอีกครั้งพลางยิ้มเล็กน้อย “ข้าคิดว่า นี่คงจะเป็นหลานชายคนรองของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านใช่หรือไม่ ? ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ วันนั้นเป็นบุตรของข้าที่กระทำผิด ต้องขอบคุณที่มอบบทเรียนให้แก่เขา ยอดเยี่ยมจริง ๆ ที่เจ้าช่วยสั่งสอนเขาแทนข้า”
  หากมิใช่เพราะสายตาที่จริงใจของหลิวหยางหลานเฉาหยันอาจคิดว่าชายผู้นี้กำลังตำหนิเขาอย่างลับ ๆ
  ทว่าตอนนี้ตระกูลหลานก็ยิ่งเหมือนคนหลงทางไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น …
  ”ดูเหมือนว่าพวกท่านจะไม่รู้กันจริงๆ ” ผู้อาวุโสของสำนักหวู่หยิงถอนหายใจ “เช่นนั้นข้าขอถามท่านหน่อย ท่านรู้เรื่องที่หลานเยี่ยรับเลี้ยงไป๋หยานบ้างหรือไม่ ?”
  คิ้วของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานย่น”ข้าได้อ่านจดหมายของบุตรสาวข้าแล้ว หากแต่ไม่ว่า หยานเอ๋อจะเป็นบุตรสาวแท้ ๆ ของเยี่ยเอ๋อหรือไม่ ? นางก็ยังคงเป็นหลานสาวของข้าเสมอ ท่านพูดถึงหยานเอ๋อ หรือตอนนี้นางมีปัญหาใด ? หากนางก่อปัญหาใดให้ท่าน ท่านก็มากล่าวโทษข้าแทนได้เลย”
  ”หาได้เป็นเช่นนั้นไม่”ผู้อาวุโสรีบส่ายศีรษะ “ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานอย่าได้เข้าใจข้าผิด ที่ข้าอยากจะบอกตอนนี้ก็คือ มารดาผู้ให้กำเนิดไป๋หยาน แท้จริงก็คือคุณหนูไป๋หนิงผู้ซึ่งหายตัวไปจากสำนักเวชโอสถ !”
  บูม!
  คำตอบนี้ดังเช่นสายฟ้าฟาดลงมาจากฟากฟ้าทุกคนในตระกูลหลานต่างก็ตกใจเป็นอย่างมาก
  คุณหนูไป๋หนิงผู้ซึ่งหายตัวไปจากสำนักเวชโอสถเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดไป๋หยาน
  จู่ๆ ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานก็จำได้ว่า มีคนมาถามเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อไม่นานมานี้เอง ทั้งเขายังจำได้ว่าครั้งหนึ่งหญิงสาวที่เคยมาพบหลานเยี่ยก็คือไป๋หนิง …
  “ที่ท่านกล่าวมาเป็นความจริงหรือ?” นิ้วของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานสั่นระริก ทั้งกว่าเขาจะหลุดถ้อยคำออกมาได้ก็ค่อนข้างลำบาก “ทว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลหลานของข้าอย่างไรกัน ?”
  ความจริงที่ว่าไป๋หยานเป็นศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แพร่กระจายไปทั่วดินแดนหากแต่ทัศนคติของคนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะคนเหล่านั้นต่างก็เชื่อว่าเมื่อไป๋หยานมิใช่บุตรสาวแท้ ๆ ของหลานเยี่ย เช่นนั้นก็สมควรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับตระกูลหลานอีก
  บัดนี้ไป๋หยานก็ได้พบมารดาแท้ๆ ของนางแล้ว หนำซ้ำตระกูลของนางก็มีอำนาจมาก เขาย่อมมีความสุขไปกับนางด้วย หากแต่สิ่งที่ทำให้เขางงก็คือทัศนคติที่เปลี่ยนไปของคนเหล่านี้
  “แน่นอนว่าเป็นเพราะ”ผู้อาวุโสหัวเราะ “คุณหนูไป๋หยานกล่าวที่สำนักเวชโอสถว่า ในวันเกิดของไป๋ฉางเฟิ่ง ท่านเจ้าสำนักเวชโอสถ นางต้องการเชิญคนตระกูลหลานเข้าร่วมงานด้วย และเพื่อเอาอกเอาใจหลานสาว ไป๋ฉางเฟิ่งจึงประกาศในงานชุมนุมหมอปรุงยาว่าเนื่องจากเขาสำนึกในบุญคุณที่แม่นางหลานเยี่ยชุบเลี้ยงหลานสาวเขามา เช่นนั้นไม่ว่าจะเป็นหมอปรุงยาหรือผู้ใดก็ตามในดินแดนนี้ ขอให้ปฏิบัติต่อตระกูลหลานอย่างเคารพนับถือเสมือนที่ปฏิบัติกับเขา ! ผู้ใดก็ตามที่กล้าต่อต้านตระกูลหลานถือเป็นศัตรูของเขาด้วย ! และเพราะประโยคนี้ สำนักเซี่ยเยว่จึงต้องพาคนมาขอขมาท่าน” ผู้อาวุโสเหลือบมองไปยังเจ้าสำนักเซี่ยเยว่ผู้ซึ่งกำลังมีสีหน้าบูดบึ้ง
  หมายความว่าหากมิใช่ด้วยเหตุนี้หลิวหยางก็คงจะไม่กดดันบุตรชายของตน ให้มาขอขมาถึงที่นี่ ทั้งเขาอาจจะทำบางอย่างกับตระกูลหลานอีกด้วย !
  ”เข้าใจผิดนี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด”หน้าผากของหลิวหยางผุดเหงื่อเย็น ๆ ออกมา “บุตรชายของข้ามันชั่วช้าจริง ๆ ที่คุณชายรองให้บทเรียนแก่เขาก็เหมาะสมแล้ว นับจากนี้ไปคนของอาณาจักรหลิวฮั่ว ถือเป็นคนของสำนักเซี่ยเยว่ของข้า ! ข้าจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นอีก”
  ***จบบทงานวันเกิดไป๋ฉางเฟิ่ง (3)***

บทที่ 539 : งานวันเกิดไป๋ฉางเฟิ่ง (4)
  ”และ… ” หลิวหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้มประจบ “ข้าจะพาบุตรชายไปขอโทษหญิงสาวผู้นั้น ทั้งจะชดเชยให้นางเท่าที่จะทำได้”
  สมองของเจ้าบ้านหลานยังคงอยู่ในอาการมึนๆ เขาพยักหน้าอย่างงงงันยามนี้เขายังไม่หลุดจากภวังค์คำพูดของผู้อาวุโสจากสำนักหวู่หยิง
  ครั้นเห็นเช่นนี้แล้วหลิวหยางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาจ้องมองผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างหลังเขา “พวกเจ้ายังมัวรีรออะไรอยู่ ยืนงงกันอยู่ได้ ลากตัวไอ้ลูกชั่วนี่ไปขอโทษหญิงสาวผู้นั้นซะ ! วันนี้นับเป็นบทเรียนของเจ้า หากต่อไปเจ้ายังกล้าทำเรื่องเช่นนี้อีกล่ะก็ ! ”
  หลิวหยางยกขาขึ้นเตะหลิวซู่อีกสองสามครั้งพร้อมกับตะโกนด้วยความโกรธ
  เกือบไปแล้ว…
  เกือบจะทำให้สำนักเซี่ยเยว่ทั้งสำนักถูกทำลายลงเพราะไอ้ลูกชั่วเพียงคนเดียว
  โชคดีที่หลานเฉาหยันไม่ได้รับบาดเจ็บใดหาไม่แล้วหากสำนักเวชโอสถรู้ สำนักเซี่ยเยว่จะยังคงอยู่ได้อย่างไร ?
  เวลาผ่านไปอีกครู่ใหญ่
  หลิวซู่ก็ยอมจำนนหากแต่ก็ไม่กล้าร้องขอความเมตตาใด ๆ เขาสัมผัสได้ถึงสายตาของหลานเฉาหยันที่จ้องมองมา เขาพลันเนื้อตัวสั่นเทา รีบหันศีรษะหนีไม่กล้ามองหลานเฉาหยันอีกต่อไป
  ผู้คุ้มกันของสำนักเซี่ยเยว่ก้าวไปข้างหน้าจากนั้นก็ลากร่างของหลิวซู่ออกไป
  หลิวหยางหันกลับมายิ้มร่า”ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน ข้าขออำลาก่อน ไว้ข้ามีเวลาว่างจะกลับมาเยี่ยมท่านใหม่ หากมีผู้ใดกล้ารังแกตระกูลหลานท่านสามารถบอกข้าได้ สำนักเซี่ยเยว่ของข้าจะช่วยท่านอย่างไม่มีเงื่อนไขใด ๆ”
  รังแกงั้นรึ?
  ผู้อาวุโสสำนักหวู่หยิงหัวเราะเยาะตอนนี้ยังจะมีผู้ใดบ้างที่กล้ารังแกตระกูลหลาน ?
  นอกจากนี้หากตระกูลหลานถูกรังแกจริง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องถึงสำนักเซี่ยเยว่ เพราะสำนักหวู่หยิง รวมถึงผู้คนอีกมากมายจะรีบเข้ามาช่วยพวกเขาทันที
  ”ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานข้าเองก็ต้องขอตัวก่อน ไว้เราค่อยพบกันใหม่ในวันคล้ายวันเกิดของเจ้าสำนักเวชโอสถ ฮ่าฮ่าฮ่า”
  ผู้อาวุโสสำนักหวู่หยิงหัวเราะอย่างเต็มที่อีกครั้งหลังจากมอบกล่องของขวัญแล้ว เขาก็จากไปพร้อมกับคนของสำนักหวู่หยิง …
  ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านยังคงตะลึงงันหลังจากนั้นเพียงครู่ เขาก็กลับมารู้สึกตัว ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ท่านน้าของเจ้าตลอดชีวิตของนางกระทำเรื่องผิดมากมาย นางมอบยาเม็ดจิตวิญญาณทุกเม็ดที่บิดาของเจ้าเก็บรักษาอย่างดี ให้แก่ไป๋เฉิงเซียง ทั้งนางยังยืนยันที่จะแต่งงานกับไป๋เฉิงเซียง และ … แม้กระทั่งช่วงสุดท้ายของชีวิต นางก็ไม่เคยกลับมาขอความช่วยเหลือจากตระกูลหลาน”
  ”หากแต่สิ่งที่นางทำถูกต้องที่สุดก็คือนางมีจิตใจดี นางเลี้ยงดูไป๋หยานและปฏิบัติต่อไป๋หยานเป็นอย่างดีตลอดเวลาหลายปีที่นางมีชีวิตอยู่”
  ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานถอนหายใจอีกหลายครั้ง
  ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมานั้นไป๋หยานนับเป็นบุตรสาวสุดที่รักของตระกูลไป๋ เพราะหลานเยี่ยรักนางมาก
  หากแต่ที่น่าประหลาดใจก็คือเพียงไม่กี่ปีหลังจากที่หลานเยี่ยถึงแก่กรรมตระกูลไป๋กลับปฏิบัติต่อไป๋หยาน และน้องชายเช่นนั้น
  “โชคร้ายที่ไป๋เฉิงเซียงตายเร็วเกินไป”หลานเฉาหยันกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว “หากเขายังมีชีวิตอยู่ และได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของไป๋หยาน เขาจะต้องเสียใจหนักยิ่งกว่าเดิม !”
  เพราะเขาปล่อยให้คุณหนูสำนักเวชโอสถหลุดมือไปทั้งเขาเองก็เป็นคนที่ทำให้ไป๋หยานกลายเป็นศัตรู !
  หากเขายังมีชีวิตอยู่และรับรู้ว่าแท้จริงแล้วไป๋หยานเป็นหลานสาวของเจ้าสำนักเวชโอสถ คาดว่าเขาคงจะต้องอกไหม้ไส้ขมเป็นแน่
  ”ข้าจำได้ว่าอีกสองวันที่จะถึงนี้จะเป็นวันประหารหนานกงอี้ ?” ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานพึมพำ เขากล่าวต่อว่า “เจ้าให้ใครสักคนไปบอกฐานะที่แท้จริงของหยานเอ๋อกับเขาสักหน่อยก็แล้วกัน”
  ปากของหลานเฉาหยันกระตุกนี่มันโหดร้ายมากจริง ๆ
  เมื่อเทียบกับไป๋เฉิงเซียงแล้วหนานกงอี้ต้องเสียใจมากกว่ามาก !
  เพราะไป๋หยานเกือบจะเป็นภรรยาของเขาแล้วนอกจากเขาจะสูญเสียไข่มุกเม็ดงามแล้ว เขายังคว้าตาปลาขึ้นมาแทนที่
  ”ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง”หลานเฉาหลิงกล่าวเสียงต่ำ “หนานกงอี้มีความผิดใหญ่หลวงโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูง เขาสมควรตาย ทว่าถึงตอนนี้ฮ่องเต้ยังยื้อชีวิตเขาไว้ และนี่ก็ใกล้สิ้นสุดฤดูใบไม้ร่วงแล้ว”
  แม้ว่าจะเป็นไป๋รั่วที่ปลอมแปลงตัวตนของพระนัดดาฮ่องเต้หากแต่ไป๋รั่วก็เป็นชายาของหนานกงอี้ พวกเขาทั้งคู่ต้องรับผิดชอบในการหลอกลวงครั้งนี้ร่วมกัน
  ***จบบทงานวันเกิดไป๋ฉางเฟิ่ง (4)***

บทที่ 540 : งานวันเกิดไป๋ฉางเฟิ่ง (5)
  ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นหนานกงหยวนรู้ดีว่า หากเขาไม่ได้จัดการหนานกงอี้ อาจทำให้ไป๋หยานขุ่นเคือง เช่นนั้นเขาจึงต้องสังหารบุตรชายของเขาด้วยมือตนเอง
  โชคดีที่ยังเหลือเวลาอีกสองวัน ก่อนจะถึงการลงทัณฑ์หนานกงอี้ด้วยโทษประหาร นั่นจึงยังพอมีเวลาที่จะทำให้เขารู้สึกเสียใจอย่างถึงที่สุด …
  *****
  ในห้องขังที่ทั้งชื้นแฉะและมืดมิดหนานกงอี้นั่งคุดคู้อยู่มุม ๆ หนึ่ง ร่างกายของเขาสกปรกมาก แมลงวันจำนวนนับไม่ถ้วนบินวนเวียนไปมารอบตัวเขา
  เดิมทีชีวิตเช่นนี้เป็นสิ่งที่หนานกงอี้รับไม่ได้เลยเขาผู้ซึ่งเคยเป็นที่เคารพยกย่องมาโดยตลอดกลับต้องมาเผชิญชีวิตเช่นนี้
  ทว่าหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ชาชินกับมัน …
  ”เจ้าเคยได้ยินเรื่องบางเรื่องบ้างหรือไม่? เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักระดับสาม และสองของดินแดนใหญ่เราได้ส่งของขวัญไปยังตระกูลหลานจำนวนมากมาย กล่าวกันว่าของกำนัลเหล่านั้นล้วนมีค่ามหาศาล”
  จู่ๆ เสียงก็ดังขึ้นจากนอกห้องขัง นัยน์ตาว่างเปล่าของหนานกงอี้ค่อย ๆ มีแววรับรู้
  จากนั้นอีกเสียงหนึ่งก็ดังตามมา
  ”หึจะมีผู้ใดบ้างที่ไม่รู้เรื่องนี้ เรื่องนี้แพร่กระจายไปทั่วดินแดน พระชายาอ๋องคังของเราเป็นถึงหลานสาวของเจ้าสำนักเวชโอสถ หญิงสาวที่ส่งมอบนางให้กับหลานเยี่ยเมื่อหลายปีก่อนก็คือไป๋หนิง คุณหนูใหญ่แห่งสำนักเวชโอสถ ! เจ้าสำนักเวชโอสถสำนึกบุญคุณของตระกูลหลาน จึงถ่ายทอดคำสั่งในงานชุมนุมหมอปรุงยาว่า หากผู้ใดพบเจอตระกูลหลานให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับยามได้พบเจอเขา”
  ”และ… ในยามนี้แม้แต่ไทเฮา และองค์ชายเจ็ดหนานกงซุ่นก็เพิ่งทราบเรื่องนี้ องค์ชายเจ็ดหนานกงซุ่นก็เป็นลูกศิษย์ของพระชายาอ๋องคัง ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างไทเฮากับพระชายาอ๋องคังก็สนิทแน่นแฟ้นดีมากด้วยเช่นกัน เพลานี้บรรดาสำนักใหญ่ต่างก็มาขอเข้าเฝ้าไทเฮาและองค์ชายเจ็ดกันยกใหญ่”
  *****
  ”อ๊า!!!”
  ผู้คุมที่อยู่นอกห้องขังกำลังสนทนากันอย่างออกรสทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดระคนน้ำตาดังออกมาจากห้องขัง
  ชั่วขณะนั้นคิ้วของพวกเขาพลันขมวด”นั่น…เขาเป็นอะไรไปน่ะ ?”
  ”จะมีการตัดสินประหารชีวิตของเขาในอีกสองวันข้างหน้านี้ข้าเชื่อว่าเขาคงจะกลัวจนคลั่งน่ะ อย่าได้สนใจเขาเลย เรามาคุยกันต่อเถอะ … ”
  *****
  ยามนี้ภายในคุก หนานกงอี้จิกทึ้งศีรษะตนเองด้วยความเจ็บปวด เขาเต็มไปด้วยความเสียใจ หยาดน้ำตาไหลรินลงมาจากดวงตาทั้งสอง
  ร่างของเขาสั่นเทาใบหน้าที่มืดมนของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
  ไป๋หยานเป็นหลานสาวของเจ้าสำนักเวชโอสถ…
  บทสนทนาของผู้คุมทั้งสองยังคงดังก้องอยู่ในใจของหนานกงอี้นั่นทำให้หัวใจของเขายิ่งปวดแปลบ เขากัดฟันกระทั่งมันแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
  เดิมทีไป๋หยานก็จะเป็นภรรยาของเขาอยู่แล้ว! สิ่งที่ตระกูลหลานได้ก็สมควรจะเป็นของเขา ! เขาผลักไสนางให้ผู้อื่น ทั้งยังผลักดันความรุ่งโรจน์ทั้งหมดของเขาออกไปด้วยมือตนเอง !
  จะไม่ให้เขาเสียใจได้อย่างไร?
  ”ฮ่าฮ่าฮ่า!!”
  หนานกงอี้เดี๋ยวก็ร้องไห้เดี๋ยวก็หัวเราะทว่าเสียงหัวเราะนั่นกลับฟังไม่เหมือนเสียงหัวเราะ มันกลับฟังเสมือนเสียงร่ำไห้โหยหวนของปีศาจที่น่าขนหัวลุก
  ”ไป๋หยานหากสามารถกลับไปเริ่มชีวิตใหม่ได้ ข้าจะไม่มีวัน … ยอมรามือจากเจ้าอีกเป็นแน่ !”
  ณเวลานี้ภาพในอดีตฉายวนขึ้นในความคิดของเขา เหมือนละครทีละฉาก
  ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ว่าเขาทำผิดไปหลายเรื่อง ทั้งยังมีเรื่องใดบ้างที่เขามองข้ามไปในช่วงปีที่ผ่านมานี้ !
  และทั้งหมดนี้เป็นเพียงเพราะเขาทระนงตนเกินไป
  บรรดาผู้คุมซึ่งอยู่นอกคุกได้แต่ส่ายศีรษะเมื่อพวกเขาได้ยินหนานกงอี้ร้องไห้แล้วก็หัวเราะสลับไปมา
  องค์ชายไร้ค่าผู้นี้คงไม่สามารถทนรับฟังเรื่องราวเหล่านี้ได้เขากลายเป็นบ้าไปแล้ว !
  ”แล้วเราควรทำเช่นไรต่อไปดี?” ชายร่างเตี้ยยักไหล่ ก่อนจะหันไปหาเพื่อนที่อยู่ข้างกาย
  ”จะทำอะไรได้เราก็แค่ไปรายงานท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานก็พอ” เพื่อนของเขาหัวเราะเบา ๆ “หากเราสามารถทำให้ตระกูลหลานโปรดปรานเราได้ เราก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกผู้อื่นรังแกอีกต่อไป … ”
  ครั้นกล่าวจบพวกเขาก็เดินออกจากซุ้มประตู ทิ้งไว้เพียงเสียงร้องไห้สลับเสียงหัวเราะของหนานกงอี้ที่ดังวนเวียนอยู่ในคุกแห่งนี้ …
  ***จบบทงานวันเกิดไป๋ฉางเฟิ่ง (5)***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท