บทที่ 511 ฆาตกรตัวจริง
สวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งยืนนิ่งในขณะที่คนไร้กังวลยืนบิดไปมา
“พวกเจ้าไม่คิดว่าข้าฆ่าเฉินเหวินหานหรือ?” จ้าวจิ่งซวนถามอย่างสบายๆ ราวกับว่าเขาไม่สนใจ แต่ในความเป็นจริงนั้นเขาแอบกำมือไว้ด้านหลังรอคำตอบจากพวกเขา
“เราเชื่อในการสืบสวนของศาลต้าหลี่” สวี่เจวี๋ยกล่าว
นั่นคือสิ่งที่เขาพูดไว้ก่อนหน้า เกิดเป็นผลลัพธ์ที่ดีแก่ผู้ได้ยิน ต่อให้จ้าวจิ่งซวนจะเกเรเพียงใดก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำเรื่องแบบนี้
คนเหล่านั้นกล่าวหาจ้าวจิ่งซวนวางยาพิษเฉินเหวินหานจนตาย เขารู้สึกเสียใจที่ได้ยิน เขาไม่ใช่คนที่จะลอบทำร้ายผู้อื่นลับหลังอย่างแน่นอน
จ้าวจิ่งซวนยังคงเชื่อว่าจะมีใครสักคนที่เชื่อใจเขา ออกมาปกป้องตัวเขา เพียงแต่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นศัตรูของเขาอย่างสองคนนี้
“หากเจ้าไม่ได้ทำ เจ้าก็ไม่ต้องใส่ใจในเมื่อเจ้าบริสุทธิ์อย่างไรเสียศาลต้าหลี่ก็จะคืนความยุติธรรมให้แก่เจ้า” เว่ยจื่ออั๋งกล่าว
จ้าวจิ่งซวนฟัง เขาไม่แน่ใจว่าทำไมวันนี้เขารู้สึกแสบจมูกขึ้นมา
จริงๆแล้ว…เว่ยจื่ออั๋งเป็นคนค่อนข้างดีทีเดียว
ช่วงนี้อากาศปลอดโปร่งเขาจึงมาเรียนทุกวันตามปกติ แต่ความจริงแล้วเขาค่อนข้างเก็บตัว ไม่อยากมาเรียนหนังสือเลยด้วยซ้ำ จ้าวจิ่งซวนไม่อยากฟังคำพูดที่ใส่ร้ายตนเอง แต่เขาไม่อาจหลบหนีได้ หากทำเช่นนั้นจะเท่ากับเป็นการยืนยันว่าเขาเป็นคนทำเรื่องนี้จริงๆ
จ้าวจิ่งซวนเชิดคางขึ้นเล็กน้อยอย่างภูมิใจเขารับคำในลำคอเบาๆ
“เข้าใจแล้ว” หลังจากที่พูดจบเขาตั้งใจจะหันหลังกลับไป
“เรากำลังจะไปกินมื้อเที่ยง เจ้าอยากไปด้วยกันไหม?” เว่ยจื่ออั๋งถามออกไปทำให้จ้าวจิ่งซวนชะงัก
ก่อนหน้านี้เพื่อเห็นแก่แม่ทัพจิ้งหรีดเขาต้องอดทนและกินอาหารเย็นกับคนเหล่านั้น
มีเพียงเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยเท่านั้นที่คอยถากถางเขา แต่ตอนนี้เมื่อทุกคนหันหลังให้เขา ทั้งสองคนกลับเต็มใจที่จะไปกินข้าวกับเขาด้วย เมื่ออยู่ในช่วงที่ตกต่ำจึงจะได้เห็นธาตุแท้ของจิตใจคน
จ้าวจิ่งซวนอยากจะพยักหน้ารับ แต่หลังจากคิดแล้วเขาปฏิเสธ ตอนนี้เขาเป็นคนต้องสงสัย หากทั้งสองคนเข้าใกล้เขาแล้ว อาจจะทำให้ชื่อเสียงของพวกเขามัวหมองไปด้วย จิ่งซวนไม่อยากทำร้ายพวกเขา
“ไม่ล่ะ อาหารที่โรงอาหารไม่อร่อยเลย ข้าจะให้บ่าวไปซื้ออะไรให้กิน” เขาโบกมือให้ทั้งสองและเดินไปต่อ
…
พระราชวัง
“พระสนม” แม่นมเจิ้งมองพระสนมเหลียงด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้ข่าวลือที่เกิดขึ้นนอกวังลอยเข้ามาถึงพระกรรณของพระนางแล้ว พระสนมเหลียงยังคงเลือกที่จะนิ่งเฉย ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าพระนางทรงมีความคิดเห็นเป็นอย่างไร..
“พระสนม ได้โปรดบอกหม่อมฉันหน่อยเถิดเพคะว่าคนที่ทำเรื่องพวกนี้เป็นผู้ใดกันแน่?” แม่นมเจิ้งทูลถามอย่างไม่สบายใจ
“ปาหินก้อนเดียวได้นกถึงสองตัว… ไม่เพียงแต่ทำลายชื่อเสียงองค์ชายหกไปด้วย แต่ยังทำลายชื่อเสียงของอาจารย์เหลียงอีกด้วย”บราวนี่ออนไลน์
“จะเป็นใครไปได้ นอกจากคนของจ้าวชู ถ้าไม่ใช่เพราะคดีหอฉีอาน ป่านนี้เขาก็คงได้ตำแหน่งรัชทายาทไปโดยชอบธรรมแล้ว” พระสนมเหลียงเย้ยหยัน
“พระสนมเพคะ ให้องค์ชายหกกลับมาจะดีกว่าไหมเพคะ องค์ชายคงจะตกที่นั่งลำบากกับเรื่องข่าวลือในกั๋วจือเจี้ยน”
“เด็กคนนั้นให้เจ้ามาพูดกับข้าหรือ?” พระสนมเหลียงมองนางกำนัลเก่าแก่
“ไม่เพคะ หม่อมฉันเพียงเป็นห่วงองค์ชายเพียงเท่านั้น” แม่นมเจิ้งส่ายหน้า
“หากแค่นี้ยังทนไม่ได้ แล้วต่อไปในภายหน้าจะทำอย่างไร” สนมเหลียงเอ่ยอย่างเฉยเมย
แม่นมเจิ้งได้เพียงกลืนคำพูดลงไป นางรู้ว่าพระสนมเป็นห่วงองค์ชายมาก เมื่อคืนนี้พระนางแทบจะบรรทมไม่ได้ พระสนมเหลียงพลิกตัวไปมาทั้งคืน ทำให้นางรู้ว่าผู้เป็นนายอยากเรียกพระโอรสกลับมาเช่นกัน แต่อย่างไรต้องเป็นไปตามพระประสงค์ของพระสนม
นางเป็นพระมารดาย่อมรู้ว่าเรื่องนี้จะเป็นผลดีกับองค์ชายในภายหน้า ในตอนนั้นเอง มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“พระสนมเพคะ”
“มีเรื่องอะไรหรือ?” สนมเหลียงถาม
“องค์ชายส่งจดหมายมาเพคะ”
พระสนมเหลียงลุกขึ้นอย่างร้อนรน ไม่นานจึงได้สงบทรุดตัวลงประทับนั่ง
“เอาจดหมายมา” เจิ้งมาหมัวรับจดหมายส่งให้พระสนมเหลียง
สนมเหลียงรับจดหมายไปแต่กลับไม่เปิดอ่าน
“บอกข้าทีว่าในจดหมายฉบับนี้ของเจ้าเด็กเกเรนั่น ครึ่งหนึ่งของจดหมายคงจะพร่ำอ้อนวอนขอกลับมาที่วังหลวงและไม่อยากเรียนที่กั่วจื่อเจี้ยนอีกแล้วใช่หรือไม่? ”
สนมเหลียงถามด้วยรอยยิ้ม
แม่นมเจิ้งคิดว่าเป็นไปได้อย่างมาก
องค์ชายหกมีนิสัยเอาแต่พระทัยตนเอง จะทนผู้คนใส่ร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร พระสนมเหลียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ย้ำเตือนตัวเองว่าอย่าใจอ่อนก่อนจะเปิดจดหมายอ่าน ทว่าเนื้อหาในจดหมายกลับทำให้พระนางรู้สึกประหลาดใจ
จ้าวจิ่งซวนไม่ได้ขอร้องว่าจะกลับ แต่เขาพูดถึงเรื่องที่เขาทำตลอดทั้งวัน บอกว่าตัวเองเรียนหนักมากและขอให้พระมารดาดูแลท่านแม่ทัพจิ้งหรีดของเขาให้ดี
“ไอ้เด็กอันธพาลผู้นี้ยังคิดถึงแม่ทัพจิ้งหรีดของเขาอยู่อีก” พระสนมเหลียงทรงพระสรวลออกมา
ในตอนสุดท้ายของจดหมายเขายังกล่าวถึงสวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งว่าทั้งสองรังแกเขาอย่างไรบ้าง หลังจากมีคดีเกิดขึ้นจ้าวจิ่งซวนเล่าว่า แม้ทั้งสองจะไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร แต่พวกเขายังชวนตนเองไปกินอาหารด้วย สนมเหลียงรู้จักบุตรชายของนางดี
เขาจะไม่เสียเวลาพูดถึงคนที่เขาเกลียด นั่นหมายถึงจิ่งซวนชอบพวกเขา
พระสนมเหลียงอ่านจดหมายอีกหนึ่งครั้งก่อนที่จะพับอย่างจดหมาย ส่งให้แม่นมเจิ้งนำไปเก็บไว้
“จิ่งซวนโตขึ้นแล้วจริงๆ”
เขาไม่อ้อนวอนขอกลับ ไม่หนี และเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เด็กคนนี้โตขึ้นแล้วจริงๆ
“พระสนม ท่านจะส่งคนไปสืบเรื่องนี้ไหมเพคะ?” เจิ้งมาหมัวเอ่ยถาม
“ไม่…ศาลต้าหลี่กำลังสืบสวนเรื่องนี้อยู่ หากเราไปแทรกแซง จะยิ่งเพิ่มความสงสัยมากขึ้นเท่านั้น” พระสนมเหลียงกล่าว
จวนรุ่ยอ๋อง
จ้าวชูถูกปลดออกจากตำแหน่ง เขาโดนกักอยู่ในจวนเพื่อให้สำนึกผิด
วันนี้เขาสวมเสื้อคลุมหลวมๆ อ่านหนังสือและตกปลาตลอดทั้งบ่าย เขากลับมาที่ตำหนัก รู้สึกอารมณ์ดีเมื่อเห็นจินเซ่อ
“พระชายามานี่สิ” จินเซ่อเดินไปหาเขา
“ดูปลาที่ข้าจับมา” จ้าวชูกล่าว
องค์รักษ์ที่อยู่ข้างหลังเขา หิ้วถังที่มีปลาอยู่ด้านใน นางโน้มตัวไปมองปลาที่ว่ายไปมาด้วย ดวงตาเป็นประกาย
“สวามีของหม่อมฉันตกปลาได้เก่งจริงๆ เพคะ”
“ข้าจะทำน้ำแกงให้เจ้า” จ้าวชูพูดขึ้น หัวใจของจินเซ่ออ่อนยวบ แก้วแหวนเงินทองใดๆ ไม่อาจเทียบได้กับความจริงใจ กว่าจ้าวชูจะตกปลาได้แต่ละตัว นั่นย่อมแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของเขา
“พระองค์ดีกับหม่อมฉันเหลือเกินเพคะ” จินเซ่อพูดอย่างเขินอาย
“เจ้าเป็นพระชายาของข้า หากข้าไม่ดีกับเจ้าให้ข้าไปดีกับผู้ใดเล่า?” จ้าวชูโอบกอดจุมพิตนาง หลังจากที่พวกเขาคลอเคลียกันสักพัก จินเซ่อก็กลับไปที่เรือนของตน เมื่อประตูปิดลงใบหน้าของจินเซ่อมีแต่ความสุขจนปิดไม่มิด
นางรู้ว่าองค์ชายต้องการอะไร นางจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยให้เขาขึ้นไปถึงตำแหน่งนั้น
ทั้งจ้าวจิ่งซวนและเหลียงหยู ตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คน เหตุการณ์นี้ย่อมทำให้ฮ่องเต้ไม่นิ่งนอนพระทัยเป็นแน่ แผนการฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียวประสบความสำเร็จมาก แต่นางต้องการฆ่านกตัวที่สามด้วยหินก้อนเดิม มุมปากของนางโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มอำมหิต
“บอกเฉินหยางให้ไปทำอีกเรื่องอีกอย่างให้ข้า…”