เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 570 กองกำลังทหารส่วนพระองค์ขององค์หญิงใหญ่

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 570 กองกำลังทหารส่วนพระองค์ขององค์หญิงใหญ่

คนเหล่านี้ขัดขวางเว่ยฉิง พวกเขาจงใจสร้างกำแพงห้อมล้อมเขาเอาไว้ อยากให้เขาเห็นในสิ่งที่ต้องการให้เห็นเท่านั้น

ในขณะที่เว่ยฉิงกำลังอับจนหนทาง เขาได้รับจดหมายที่ส่งมาจากถังหลี่

เขาไม่ได้เจอภรรยามานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว

เว่ยฉิงคิดถึงนางทุกวัน เขาเก็บจดหมายของภรรยาไว้ข้างๆ กายเพื่อเอาไว้อ่านก่อน และเมื่อมีจดหมายอีกฉบับมาถึงเขาจึงรู้สึกดีใจมาก เว่ยฉิงรีบกลับไปยังที่พัก เปิดจดหมายของถังหลี่ค่อยๆ อ่านทีละคำ แต่หลังจากอ่านแล้วเว่ยฉิงก็อดไม่ได้ที่จะอ่านซ้ำอีกครั้ง

ถังหลี่พูดถึงวันเกิดเขา…

วันที่สิบห้าเดือนเก้า…

ภรรยาของเขาหวังว่าเว่ยฉิงจะกลับบ้านไปในวันเกิด ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาได้ฉลองวันเกิดกับเว่ยเหล่าซาน แต่ไม่ใช่วันที่สิบห้ากันยายน

ภรรยาของเขารู้เรื่องนี้ดี เป็นไปไม่ได้ที่นางจะจำวันเกิดของเขาผิด เว่ยฉิงจ้องมองจดหมายอย่างครุ่นคิดเป็นเวลานาน นางจงใจเขียนวันนี้ย่อมต้องมีจุดประสงค์บางอย่าง ภรรยาของเขาเขียนเตือนอะไรมาในจดหมายฉบับนี้?

เก้า สิบห้า…

เว่ยฉิงนับอักขระตัวที่เก้าของจดหมายฉบับนี้ มันคือคำว่า ‘ส่วนตัว’ และอักขระที่สิบห้าหมายถึงคำว่า ‘ทหาร’ หากรวมกันแล้วย่อมหมายถึงกองกำลังทหารส่วนตัว!

เว่ยฉิงเบิกตากว้างทันที ภรรยาของเขาต้องการบอกว่าองค์หญิงใหญ่แอบซ่องสุมกองกำลังลับ

นี่นางกล้าซ่องสุมกองทหารไว้ได้อย่างไร? แต่เมื่อคิดไปคิดมาแล้วก็สมเหตุสมผลดี

องค์หญิงใหญ่ผู้มีความทะเยอทะยานมีหรือจะไม่กล้า? ถ้าเขาสามารถหาหลักฐานที่นางซ่องสุมกองกำลังทหารเอาไว้ เขาจะมีโอกาสที่จะจัดการนาง…

เดิมทีเขาอยู่ที่นี่เพราะคดี แต่โชคดีที่ภรรยาของเขาส่งข่าวมาบอกทิศทางใหม่แก่เขา มุมปากของเว่ยฉิงโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนเป็นพิเศษ

เขาเก็บจดหมายอย่างระมัดระวังไว้ใกล้ตัวก่อนจะหยิบพู่กันและกระดาษออกมา เขาจินตนาการถึงใบหน้าของนางและเริ่มวาดภาพของถังหลี่

เขาคิดถึงนางมากเหลือเกิน

เว่ยฉิงถือพู่กันไว้ในมือ เขาวาดใบหน้าภรรยาที่กำลังบึ้งตึงให้เขา จากนั้นก็ยิ้มแย้มให้กับรูปภาพอย่างเผลอไผล

ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“เข้ามา”

คนที่มาคือคนของกรมอาญาที่มาพร้อมกับเขา ชายผู้นี้อายุได้สามสิบปีแล้ว เขาแซ่หู่ เว่ยฉิงจึงเรียกเขาว่าเหล่าหู่

เขาเดินเข้ามาเห็นเว่ยฉิงกำลังวาดภาพบางอย่างด้วยใบหน้าเรียบเฉยก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยถามออกมา เขามองรูปนั้นครู่หนึ่งก่อนจะเดา

“ใต้เท้า ท่านกำลังวาดเต่าหรือ?”

เต่าตัวนี้นี่สิ่งที่พวกข้าราชการทำความยุ่งยากให้กับพวกเขาใช่ไหม?บราวนี่ออนไลน์

“….” เว่ยฉิงเงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าเย็นชา เหลาหู่หดคอของตัวเองด้วยความตกใจ เขาเดาผิด?

จากนั้นเขาจึงรีบเข้าเรื่องทันที

“ใต้เท้าขอรับ เหล่าขุนนางพวกนั้นไม่ให้ความร่วมมือเลย ไม่มีทางที่จะสืบสวนคดีนี้ได้”

“ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ต้องสืบสวน” เว่ยฉิงกล่าว

เหลาหู่รู้สึกประหลาดใจ เจ้านายของเขารอบคอบกว่าเขามาก เหตุใดจึงไม่สืบสวนล่ะ

“ใต้เท้า..ในช่วงเวลาไม่กี่วันมานี่ ข้าน้อยพบว่าปัญหาที่ชัดเจนของเล่อสุ่ยคือการเก็บภาษี ข้าไม่คิดว่ามีแค่เล่อสุ่ยเท่านั้นแต่ยังเป็นทั่วทั้งมณฑลวั่งเซี่ยน ภาษีดูผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด อีกอย่างเงินพวกนี้ถูกส่งไปที่ไหน?” เหลาหู่พยายามพูด

“เราจะคุยกันเมื่อเรากลับไป” เว่ยฉิงกล่าว

“ใต้เท้า…” เหลาหู่เป็นคนซื่อตรง เขาต้องการหาความจริงของคดีนี้

“คืนนี้รีบเข้านอนและพรุ่งนี้เราจะออกเดินทางแต่เช้า” เว่ยฉิงกล่าว

เหลาหู่ถอนหายใจ ดูเหมือนว่าแม้แต่ใต้เท้าเองก็ยอมจำนน แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจ แต่จะทำอะไรได้นอกจากเชื่อฟังคำสั่งเท่านั้น

วันรุ่งขึ้น เมื่อเว่ยฉิงอำลาทุกคนเขาก็บอกว่าจะออกจากเล่อสุ่ย ทำให้เจ้าเมืองเล่อสุ่ยรู้สึกประหลาดใจ เดิมทีพวกเขาคิดว่าเว่ยฉิงจะอยู่ที่เล่อสุ่ยอีกสักระยะหนึ่ง ไม่คิดเลยว่าเขาจะยอมรามือไปง่ายๆ

“ที่จริงก็สมเหตุสมผลอยู่แล้ว มณฑลวั่งเซี่ยนเป็นที่ดินศักดินาขององค์หญิงใหญ่ ในเมื่อคดีถูกเปิดเผยแล้ว การที่ดึงดันจะสอบสวนนั่นไม่เป็นการรุกรานองค์หญิงใหญ่หรือ?”

“ผู้ที่เข้าใจสถานการณ์ย่อมคือยอดบุรุษ ท่านราชทูตเองคงรู้เรื่องนี้ดีสินะ”

“รีบส่งเทพแห่งโรคระบาดออกไปเถอะ ข้ากลัวว่าเขาจะสืบรู้อะไรบ้างอย่าง”

“ใช่ เขากลับไปแบบนี้แล้วข้าค่อยนอนหลับสบายหน่อย”

“ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันจัดการ”

คนเหล่านี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เว่ยฉิงเก็บข้าวของขึ้นหลังม้า เมื่อเขาออกจากเมืองเล่อสุ่ยเจ้าเมืองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

พวกเขาขี่ม้าออกไปจากเล่อสุ่ยแต่แทนที่จะกลับไปเส้นทางเดิม เขากลับหันหัวไปทางอื่น

“ใต้เท้า ไม่ได้จะกลับหรือ เราจะไปไหน?” เหลาหู่ถามอย่างสงสัย

“ตรวจสอบเรื่องอื่น” เว่ยฉิงกล่าว

“เรื่องอะไรหรือ?” เหล่าหู่พูดอย่างประหลาดใจ

เขาเป็นคนสนิทของเว่ยฉิงในกรมอาญา ดังนั้นเว่ยฉิงเลยพูดออกไปตามตรง

“สืบหากองกำลังส่วนพระองค์ขององค์หญิงใหญ่”

“กองกำลัง…ทหารส่วนพระองค์?” เหล่าหู่อ้าปากกว้าง สีหน้าของเขาเต็มไปความคาดไม่ถึง

“เรื่องของอดีตท่านเจ้าเมืองที่ถูกใส่ร้ายนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย” เว่ยฉิงพูดขึ้นมา

“เหตุผลที่เขาถูกใส่ร้ายและประหารชีวิตเพราะเขารู้สึกว่าภาษีที่เก็บในเมืองเล่อสุ่ยนั้นมากเกินไป เขาต้องการทวงความยุติธรรมให้ประชาชน มีคนที่ไม่พอใจต่อว่าเรื่องภาษีที่แพงขึ้น เหตุใดในเล่อสุ่ยหรือทั้งวั่งเซี่ยนภาษีถึงแพง? เงินพวกนี้หมดไปกับอะไร?”

“เอาไปเลี้ยง…เลี้ยงกองกำลังส่วนพระองค์หรือ”

“ข้าแค่เดา ยังไม่ได้ตรวจสอบ” เว่ยฉิงกล่าว

“เรื่องทั้งหมดนี้อาจจะเกี่ยวโยงกัน?” เหลาหู่นึกถึงคนที่อาจจะเกี่ยวข้องเบื้องหลัง ลำคอของเขาแห้งผากทันที

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาสืบคดี สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือการคืนความยุติธรรมให้กับเหยื่อไม่ใช่หรือ? ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม

เว่ยฉิงไม่ได้สนใจเขาอีกต่อไป ชายหนุ่มขี่ม้า ควบไปยังที่สูงเพื่อมองออกไปในระยะไกล

วั่งเซี่ยนเป็นมณฑลที่ใหญ่มาก เป็นการยากที่จะค้นหาว่ากองกำลังลับได้ซ่องสุมอยู่ที่ใด อย่างไรก็ตามเพื่อหลอกผู้อื่นกองกำลังเหล่านี้จะต้องซ่อนอยู่ในป่าลึกหรือกลางหุบเขา

เมื่อคืนที่ผ่านมาเว่ยฉิงดูแผนที่ของเขตวั่งเซี่ยน ในที่สุดเขาก็วิเคราะห์ได้ว่ากองกำลังทหารพวกนี้จะอยู่ที่ไหน ที่ๆ เขามองหาจึงไม่ได้หายากอีกต่อไป พวกเขามุ่งหน้าไปที่ภูเขาและป่าทึบที่อยู่ห่างไกลออกไป

หลังจากเดินทางแบบนี้มาสี่ห้าวันจึงได้ถึงเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งที่สามารถพักผ่อนได้ มีห้องพักในโรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งเดียวในเมืองนี้ ทั้งเก่าและทรุดโทรม

เว่ยฉิงและผู้ติดตามรวมกันแล้วมีอยู่หกคน เหลาหู่เป็นคนที่มาจากกรมอาญา ส่วนคนอื่นคือองครักษ์เงาที่ปกป้องเขา พวกเขาหกคนแบ่งกันนอนเป็นสามห้อง

ห้องพักอยู่บนชั้นสอง เว่ยฉิงเข้าไปในห้องเพื่อพักผ่อน ส่วนเหลาหู่คุยกับเจ้าของโรงเตี๊ยมเป็นเวลานานที่ชั้นล่าง เขาเป็นคนอัธยาศัยดีสามารถพูดคุยกับใครก็ได้ ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เข้าไปในห้อง

“ใต้เท้า ข้าเจอบางอย่าง”

เมื่อเห็นว่าใต้เท้าของเขากำลังอ่านจดหมายด้วยสีหน้าอ่อนโยน เขาก็เข้าใจทันทีว่าอีกฝ่ายคงจะคิดถึงภรรยาของเขาอีกแล้ว เมื่อเห็นเขาเว่ยฉิงเก็บจดหมายไปด้วยท่าทางเฉยเมย

“ใต้เท้า ข้าเพิ่งคุยกับเจ้าของโรงเตี๊ยม เมืองนี้คนที่แข็งแรงจะถูกจับไปทุกปี ที่นี่ไม่มีเขื่อนและหอคอยให้สร้าง ไม่มีกองกำลังที่ประจำการอยู่ เป็นเรื่องแปลกมากที่จะจับกุมชายที่แข็งแรงไป” เหลาหู่ลดเสียงพูดลงต่ำ

“ตอนนี้มีคนหนุ่มสาวน้อยมากบนถนน” เว่ยฉิงกล่าว

“ใต้เท้า หรือท่านจะไม่..”

เหลาหู่และเว่ยฉิงมองหน้ากัน ทั้งคู่เข้าใจความหมายจากสายตาของกันดี หากจะเลี้ยงกองกำลังส่วนพระองค์นั้น จะต้องเกณฑ์ทหารในบริเวณใกล้เคียงกับที่ตั้ง ซึ่งหมายความว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่มีกองกำลังทหารซ่องสุมอยู่

“ใต้เท้า เราโชคดียิ่ง” เหลาหู่กล่าว

มณฑลวั่งเซี่ยนเป็นมณฑลที่มีขนาดใหญ่ เขาคิดว่าต้องเสียเวลาหาอย่างน้อยครึ่งเดือนไม่คิดเลยว่าจะพบเร็วแบบนี้

เว่ยฉิงสัมผัสไปที่ตำแหน่งตรงหัวใจของเขาอย่างไม่รู้ตัว ที่นั่นมีเครื่องรางที่ภรรยาให้ไว้อยู่

ภรรยาของเขาเป็นดาวนำโชคให้เขาจริงๆ แม้ว่าจะอยู่ในพื้นที่ห่างไกลหลายร้อยลี้ แต่ภรรยาก็ยังปกป้องเขาอยู่ เขาหวังว่าตัวเองจะพบหลักฐานโดยเร็วเพื่อที่จะกลับไปยังเมืองหลวงได้พบกับถังหลี่อีกครั้ง

พวกเขาพักผ่อนอยู่ที่เมืองเล็กๆ ตลอดทั้งคืน จากนั้นจึงได้ออกเดินทางในเช้าวันรุ่งขึ้น

ทั้งหมดเข้าไปในป่าลึก พวกเขาอยู่ในป่าเป็นเวลาสามหรือสี่วัน จนในที่สุดจึงพบกับที่ตั้งของกองกำลังทหาร กองกำลังทหารประจำอยู่ที่ด้านหลังของภูเขา เป็นพื้นที่ราบขนาดใหญ่มีแม่น้ำไหลผ่าน ภูมิประเทศค่อนข้างดีมาก ทั้งสองทางของแม่น้ำมีกระโจมเรียงรายอยู่มากมายตั้งอยู่อย่างหนาแน่น เหล่าหูตกตะลึง

“ใต้เท้า ดูจากกระโจมที่ตั้งแล้วต้องมีกำลังคนนับหมื่นนายแน่” เหล่าหู่พูด เว่ยฉิงพยักหน้าทันที เมื่อดูจากกระโจม ย่อมมีจำนวนหลายหมื่นคน

องค์หญิงใหญ่ช่างกล้าหาญเสียจริง เลี้ยงดูคนจำนวนมากถึงขนาดนี้ภายใต้พระเนตรพระกรรณของฮ่องเต้

พวกเขาจำเป็นต้องสืบเรื่องทหารเหล่านี้ให้มากขึ้น อาทิเช่นมีกำลังพลเท่าไหร่ มีผู้ใดเป็นแม่ทัพ และเกณฑ์กำลังพลมาจากที่ไหน?

…..

หลังจากการตรวจสอบแน่ชัดแล้วเรื่องนี้สามารถถวายรายงานต่อองค์ฮ่องเต้ได้

เมืองหลวง

นับตั้งแต่ฮ่องเต้ส่งราชทูตไปยังเมืองเล่อสุ่ย มณฑลวั่งเซี่ยน องค์หญิงใหญ่ก็รู้สึกไม่สบายใจ นางจึงให้ความสนใจเรื่องนี้อย่างมาก หลังจากที่ได้รับจดหมายว่าอู่อวี้กลับออกมาจากเล่อซุ่ยไปเมืองหลวงแล้วนางก็รู้สึกโล่งใจทันที

อย่างไรก็ตามจากเล่อสุ่ยมาเมืองหลวงนั้นใช้เวลาเดินทางนานสูงสุดคือห้าหรือหกวัน แต่หกวันต่อมา ก่อนที่อู่อวี้จะกลับเข้าเมืองหลวง องค์หญิงใหญ่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางครุ่นคิดด้วยแววตาที่เย็นชา นางเรียกคนสนิทของตัวเองมาและตรวจสอบที่อยู่ของอู่อวี้

“ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็สังหารเขาเสีย!” ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความมาดร้าย

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท