บทที่ 574 หมู่บ้านงู
หลังจากนั้นไม่นานเด็กชายอายุเจ็ดแปดขวบก็เดินเข้ามา เด็กคนนั้นผอมแห้งแรงน้อย ในมือของเขาถือชามบิ่น เขามองเว่ยฉิงด้วยสายตาหวาดกลัว แต่จดจำคำสั่งขอท่านปู่ได้ เขาส่งชามใส่น้ำให้เว่ยฉิง
หลังจากส่งให้แล้วเด็กน้อยรีบวิ่งออกไปทันที ไม่นานนักก็โผล่หัวเล็กๆที่ประตูอีกครั้ง เด็กน้อยมองเว่ยฉิงด้วยความอยากรู้อยากเห็น เมื่อเว่ยฉิงหันไปเห็นเขาก็รีบหดหัวกลับไปทันที
เด็กน้อยตัวเล็กๆ ทำให้เว่ยฉิงคิดถึงซานเป่าและภรรยาของเขา… เว่ยฉิงขมวดคิ้ว ฮูหยินของเขาคงเป็นห่วงเขามาก หากนางรู้ว่าเขาตกจากหน้าผา
เขาอยากรีบรักษาตัวให้หายแล้วกลับไปหาภรรยาเขาเร็วๆ
แต่ตอนนี้เขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ชายสูงอายุกับเด็กน้อยเป็นใคร? มีจุดประสงค์ร้ายกับเขาหรือไม่?
เว่ยฉิงอ่อนล้า หากในฝันเขาสามารถเอ่ยปากบอกภรรยาได้ว่าเขาไม่เป็นอะไรก็น่าจะดี เว่ยฉิงหลับไปพร้อมกับความคิดที่ยุ่งเหยิงในหัวของเขา
เขาตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกถึงมือของใครบางคนที่เอื้อมมาแตะที่หน้าอก เขาคว้าเอาไว้ลืมตามองอย่างอ่อนเพลีย
“ปล่อย ปล่อยข้า…ข้ากำลังดูแผลให้เจ้า” ชายชราขู่ เว่ยฉิงรีบปล่อยมือเขา
คนผู้นี้กำลังเปลี่ยนผ้าพันแผลให้กับเขา แต่เขามือหนักเหลือเกิน ซ้ำยังโดนบาดแผลเขาอีกด้วย เว่ยฉิงเหงื่อตกด้วยความเจ็บปวด รู้สึกว่าตนเองโดนกลั่นแกล้ง ครั้งนี้เมื่อเขาได้สติขึ้นมา เว่ยฉิงรับรู้ว่าร่างกายของเขาฟื้นตัวไวมาก
หลังจากที่ได้ดื่มน้ำแล้ว เสียงของเขาก็ดีขึ้น
เมื่อได้พูดคุยกับชายชรา จึงได้ข้อมูลว่าหมู่บ้านที่เขาอาศัยอยู่ในตอนนี้เป็นหมู่บ้านงู หมู่บ้านแห่งนี้ถูกล้อมรอบด้วยภูเขา เต็มไปด้วยงู จึงค่อนข้างมีชื่อเสียง
ผู้เฒ่าที่ได้ช่วยเขาเอาไว้มีทักษะทางการแพทย์เล็กน้อย เขาเจอเว่ยฉิงในวันที่เขาออกไปรับยา เลยได้ช่วยเหลือเว่ยฉิง
ผู้อาวุโสไม่ได้อาศัยในหมู่บ้าน แต่อยู่ในภูเขา
เว่ยฉิงถามว่า เหตุใดเขาถึงอาศัยอยู่ที่นี่ แต่เขาไม่ตอบคำถาม
“ท่านผู้อาวุโส ข้าหมดสติไปกี่วันหรือ?” เว่ยฉิงถาม
“สิบวัน” ชายชรากล่าว
เว่ยฉิงตกใจมาก
สิบวัน….
ตอนที่เขาตกจากหน้าผา นั่นเป็นช่วงต้นเดือนกันยายนแปลว่าตอนนี้ก็ใกล้วันที่สิบห้ากันยาแล้ว ภรรยาของเขาตั้งครรภ์ได้แปดเดือน นางกำลังจะคลอดในอีกไม่ถึงหนึ่งเดือน
เขาจะต้องกลับไปในทันเพื่ออยู่ข้างกายภรรยาของเขา แต่คนที่มาลอบสังหารเขาย่อมต้องตามหาเขาอยู่ เว่ยฉิงไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นจะรู้ไหมว่าตอนนี้เขาอยู่ที่นี่…
ชายหนุ่มนอนกระวนกระวายอยู่บนเตียงถึงสองวัน ในที่สุดเขาก็ลุกเดินออกไปด้านนอกด้วยการพยุงตัวค่อยๆ เกาะฝาผนังไป
ในบ้านที่ทรุดโทรมหลังนี้ มีห้องอยู่สามห้อง เว่ยฉิงนั่งลงที่ขั้นบันไดบ้านเพื่ออาบแสงแดด
เด็กคนนั้นกำลังนั่งยองๆ ต้มยาอยู่ที่ประตู เมื่อเห็นเว่ยฉิงเขาก็เงยหน้าขึ้นบราวนี่ออนไลน์
“ตัวแสบ มานี่สิ” เว่ยฉิงเรียก แม้เขาจะมีความหวาดกลัวแต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงเดินไปหาชายหนุ่ม
“เจ้าชื่ออะไร?”
“โก่วหวา”
“โก่วหวา เจ้าอาศัยอยู่บนภูเขากับปู่ของเจ้าหรือ? แล้วคนอื่นๆ ในบ้านไปไหนกันหมด?”
“พ่อแม่ข้าตายแล้ว” โก่วหวาพูดอู้อี้
“ถ้าอยู่ในหมู่บ้านต้องจ่ายเงินมาก ท่านปู่ไม่มีเงิน”
“พ่อแม่เจ้าตายอย่างไรหรือ?”
“งูกัด”
เว่ยฉิงคุยกับโก่วหวาจึงเข้าใจ ในหมู่บ้านงูแห่งนี้มีที่นาไม่กี่แห่ง แต่เก็บภาษีสูงมาก จนทำให้ชาวบ้านไม่มีทางเลือกนอกจากขึ้นเขามาจับงูไปขายเพื่อนำเงินมาจ่ายภาษี
ทว่างูธรรมดาทั่วไปถูกจับไปแทบหมดแล้ว เหลือแต่งูพิษร้ายแรงเท่านั้น หากไม่ระวังก็จะถูกกัดตายได้
พ่อแม่ของโก่วหวาเป็นลูกชายและลูกสะใภ้ของผู้อาวุโส พวกเขาถูกงูพิษฉกตาย หลังจากสามีภรรยาตายไป ผู้เฒ่าและเด็กชายไม่มีเงินจ่ายภาษีจึงออกจากหมู่บ้านมาอยู่บนเขาแห่งนี้
ภาษีของต้าโจวไม่ได้สูงมาก แต่เหตุผลที่หมู่บ้านงูโดนเรียกเก็บภาษีมากกว่าปกติเป็นเพราะหมู่บ้านแห่งนี้อยู่ในเขตมณฑลวั่งเซี่ยน ซึ่งเป็นที่ดินศักดินาองค์หญิงใหญ่ นางเก็บภาษีเพื่อไปบำรุงกองกำลังทหารของตนเอง
ความทะเยอทะยานของนางทำให้ผู้คนต้องตกที่นั่งลำบาก ไม่รู้ว่ามีชาวบ้านอีกกี่คนที่ต้องตกอยุ่ในชะตากรรมที่เลวร้ายเช่นเดียวกับพ่อแม่ของโก่วหวา ท่านผู้เฒ่าเสียลูกชายไป ในมณฑลวั่งเซี่ยนมีหลายพื้นที่ที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกับหมู่บ้านงูแห่งนี้
“หากข้าโตขึ้นมากกว่านี้ข้าจะจับงู พวกเราจะได้กลับไปอาศัยอยู่ในหมู่บ้านได้ ข้ากับท่านปู่จะทำนาและกินข้าวขาวให้ได้” โก่วหวาพูดอย่างตื่นเต้น
ตอนที่พ่อแม่ของเขายังอยู่ พวกเขาได้กินข้าวขาว แต่ตอนที่ขึ้นมาอยู่บนภูเขา โก่วหวาและท่านปู่จะได้กินแค่ธัญพืชที่สามารถปลูกบนเขาได้เท่านั้น เว่ยฉิงได้กินในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา รสชาติทั้งขมและแข็งคล้ายกับมันฝรั่ง
“แล้วถ้าถูกงูกัดล่ะ?” เว่ยฉิงถาม
โก่วหวากัดปาก ท่าทีของเขาขัดแย้ง เวลาคนถูกงูกัดพวกเขาจะถูกส่งมาให้ท่านปู่รักษา แต่ปู่ของเขาช่วยเหลือไม่ได้ ในไม่ช้าคนเหล่านั้นก็เสียชีวิตลง ใบหน้าของพวกเขากลายเป็นสีดำ ร่างกายแข็งทื่อ ดูน่ากลัว โก่วหวาไม่อยากถูกงูกัดตายแบบนั้น แต่เขาอยากกินข้าวขาวจริงๆ
“เจ้าจะได้กินข้าวขาวโดยที่ไม่ต้องจับงู” เว่ยฉิงพูด โก่วหวามองหน้าเขาด้วยความคาดหวัง
“แต่…จริงหรือ?”
“จริง” เว่ยฉิงพูดพร้อมกับลูบศีรษะของเขา
“ท่านมีอำนาจหรือ?” โก่วหวาถาม
โกวหว่ารู้สึกได้ว่าคนตรงหน้าดูต่างไปจากคนที่เขาเคยรู้จัก เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก มีชายชราคนหนึ่งเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง เป็นเรื่องของหมู่บ้านที่ถูกปกครองโดยคนชั่ว พวกเขาต้องทำงานหนักหาเงินให้คนเลวทั้งๆ ที่ตัวเองยังไม่พอกิน วันหนึ่งก็มีเทพเซียนมาขับไล่คนเลวออกไปได้ ทำให้ชาวบ้านทั้งหลายใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
ในช่วงหลายปีมานี้ โก่วหวารอคอยการปรากฏตัวของเทพเซียนผู้นั้น เป็นไปได้หรือไม่ว่า ชายผู้นี้จะเป็นเทพเซียนที่ลงมาจากสวรรค์ช่วยเหลือพวกเขา?
“ใช่แล้ว ข้าเก่งมากนะ” เว่ยฉิงกล่าว
เขาตั้งใจแล้วว่าจะต้องโค่นล้มอำนาจองค์หญิงใหญ่ให้จงได้ เพื่อทำให้ผู้คนเหล่านี้มีชีวิตที่มั่นคงขึ้นมา
โก่วหวามองเขาด้วยสายตาเป็นประกาย เขาตามติดเว่ยฉิงทั้งวัน ในตอนเย็นเมื่อชายชรากลับมาจากการเก็บสมุนไพรโก่วหวาก็รีบวิ่งไปหาอย่างมีความสุข
“ท่านปู่ ท่านลุงบอกว่าพวกเราจะมีกินโดยไม่ต้องจับงูแล้ว!”
ชายชราคนนั้นไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนโก่วหวา เขามองเว่ยฉิงเป็นเวลานานก่อนจะถาม
“เจ้าเป็นใคร?”
ในตอนที่เขาเจอชายคนนี้ในแม่น้ำ เขาสัมผัสได้ว่าตัวตนของอีกฝ่ายคงไม่ธรรมดา ในตอนแรกเขาตั้งใจจะไม่สนใจแต่เมื่อเดินมาได้ครึ่งทางก็หันหลังกลับไปช่วยเขาจนได้
“ทูตของราชสำนัก” เว่ยฉิงเอ่ย ผู้อาวุโสรู้สึกแปลกใจมาก
“ทูตจากราชสำนัก?”
เขามีอายุมากแล้วทำให้เขารู้ดีว่าทูตจากราชสำนักคืออะไร? เขาคือคนที่มีอำนาจมากกว่าเจ้าเมืองหรือเจ้าคณะมณฑล เป็นบุคคลที่สามารถเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้ได้ จู่ๆ เขาก็คุกเข่าลงตรงหน้าเว่ยฉิง
“ได้โปรดช่วยพวกเราด้วยใต้เท้า ชีวิตของพวกข้าช่างยากลำบากเหลือเกิน”
เว่ยฉิงพยุงชายชราขึ้น จากนั้นจึงได้สนทนากับเขาถึงเรื่องหมู่บ้านงูและถามเรื่องภาษีต่างๆ พวกเขาคุยกันจนค่อนคืนจากนั้นจึงได้แยกย้ายกันไปพักผ่อน
เมื่อรู้จักตัวตนของเว่ยฉิงแล้ว ท่านผู้เฒ่าจึงสุภาพกับเว่ยฉิงมากขึ้น ทำแผลให้เขาอย่างเบามือ
เว่ยฉิงหวังว่าร่างกายของเขาจะหายเร็วขึ้นเพื่อที่จะกลับเมืองหลวงโดยเร็ว
ภรรยากำลังตั้งตารอให้เขากลับไป
ห้าวันต่อมาสุขภาพของเว่ยฉิงดีขึ้นมาก เขาสามารถเดินเหินได้มากขึ้น แต่ว่าบาดแผลของเขายังไม่หายดี ทักษะการต่อสู้ของเขายังทำได้ไม่ดีเท่าเดิม หากต้องเผชิญหน้ากับมือสังหารขององค์หญิงใหญ่เข้า เขาอาจจะเอาตัวรอดไม่ได้
ต้องใจเย็นและอดทนรออีกสักหน่อย
ผู้คนของเขาย่อมตามหาเขาเช่นกัน
กลางดึกเว่ยฉิงนอนอยู่บนเตียง ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมา ไม่รู้ว่าเสียงฝีเท้าเหล่านี้จะมาจากคนที่จะมาช่วยเขาหรือจะเป็นผู้มาสังหารเขากันแน่!