บทที่ 575 ค้นหาเว่ยฉิง
เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้เว่ยฉิงไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้มากนัก เขาม้วนผ้าห่มเป็นก้อนกลมยัดไว้ใต้เตียง จากนั้นจึงเปิดประตูออกไป ปิดประตูไว้วิ่งไปซ่อนตัวอยู่ในป่าทึบ สักพักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
เสียงเคาะประตูดังมากราวกับต้องการจะพังประตูกระนั้น ในไม่ช้าชายชราก็เปิดประตูออกมา เขามองผู้ที่ยืนอยู่ด้านนอกอย่างหวาดกลัว ที่นั่นมีคนสี่ห้าคนสวมชุดเจ้าหน้าที่ยืนถือคบเพลิงอยู่
“ท่านเจ้าหน้าที่…เกิดอะไรขึ้นหรือ?” ชายชราถาม
“เจ้าได้ห็นชายอายุยี่สิบกลางๆ ท่าทางแข็งแรงและสูงประมาณนี้หรือไม่?” หัวหน้าเจ้าหน้าที่ถามขึ้น เขาคิดว่าคนเหล่านี้กำลังตามหาทูตจากราชสำนักไม่ใช่หรือ?
ชายหนุ่มเล่าว่าตัวเขาตกหน้าผาจากการตามล่าเพราะเขาต้องการตรวจสอบเรื่องภาษีที่เรียกเก็บสูงเกินไป เขาต้องการถวายรายงานให้ฮ่องเต้
แต่อิทธิพลในท้องถิ่นย่อมไม่อยากให้เขาตรวจสอบอย่างแน่นอน
“ข้าไม่เห็น” ชายชราก้มหน้าแววตาของเขาตื่นตระหนกเขาส่ายหัว
“ค้นหาให้ทั่ว!”
เจ้าหน้าที่ให้คนค้นหาไปทั่วบ้าน โก่วหวาที่กำลังหลับอยู่ตื่นขึ้นทันที เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ววิ่งไปที่ด้านข้างของปู่
ชายชรากอดหลานไว้ในอ้อมแขนของเขา ในตอนที่เจ้าหน้าที่ผลักประตูห้องถัดไปทำให้หัวใจของเขาเกือบหยุดเต้น ทูตจากราชสำนักอาศัยอยู่ในห้องนั้น! ถ้าเขาโดนจับไปใครจะช่วยเขา!
“มีใครอาศัยอยู่อีก?” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งถาม
เมื่อชายชราเดินเข้าไปดู ก็ไม่เห็นมีใครอยู่ในห้องเขาโล่งใจมาก ผู้ชายคนนั้นคงจะรู้ตัว หนีไปซ่อนแล้ว
“นายท่านหากมีคนที่มาจับงูบนเขา พวกเขาจะแวะมาพักที่บ้านของข้าขอรับ” เขากล่าว เนื้อตัวสั่นเทาในตอนพูด ชาวบ้านพวกนี้จะกลัวเวลาที่ต้องพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ ทำให้พวกเจ้าหน้าที่ไม่คิดมาก
เจ้าหน้าที่ค้นหาบ้านไม้ทั้งหลัง จากนั้นจึงได้ย้ำกับเขาว่าหากเห็นบุคคผู้นั้นให้รีบบอกพวกเขาทันที หลังจากที่พวกเขากลับไปแล้ว ชายชราจึงได้รู้ตัวว่าเหงื่อเขาออกจนชุ่มแผ่นหลังไปหมด
“ท่านปู่…ท่านลุงเขา…” โก่วหวาที่กำลังหวาดกลัวปริปากพูดขึ้น
ชายชรารีบปิดปากของหลานชายเอาไว้ไม่ให้พูด ทั้งสองยืนอยู่ที่ประตูสักพัก เฝ้ามองเจ้าหน้าที่เดินลับตาไป พวกเขายังไม่เข้าไปในบ้านจนกว่าจะไม่เห็นแสงจากคบไฟแล้ว
เขากลัวว่าหลานชายจะหนาว จึงยัดเด็กชายไปไว้ในผ้านวม หลังจากรอพักหนึ่งก็เห็นคนผู้หนึ่งปรากฏกายที่หน้าประตู
“ขอบคุณท่านมาก” เว่ยฉิงกล่าว
ชายหนุ่มรู้สึกขอบคุณชายชราที่เชื่อในตัวของเขาและไม่บอกเจ้าหน้าที่เหล่านั้นไป
“ใต้เท้า มาแล้วหรือ” เขาทักขึ้น
“ไม่เป็นไรๆ ท่านผู้อาวุโสนอนเถอะ” เว่ยฉิงพูด
ชายชราพยักหน้าแล้วปิดประตู เว่ยฉิงกลับไปที่ห้อง เขาคว้าผ้าห่มมานอนบนเตียง รู้สึกปวดแผลขึ้นมา ดูจากอาการของเขาในตอนนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขยับการเดินทางให้เร็วขึ้น เว่ยฉิงต้องพักฟื้นอีกสองสามวัน
เว่ยฉิงนอนไม่หลับ เขาลุกไปหยิบจดหมายออกมาจากตู้เสื้อผ้า หลังจากที่ตกจากหน้าผาลงไปในแม่น้ำ จดหมายของเขาแม้จะแห้งแล้วแต่ก็เลือนลาง ยับยู่ยี่จนไม่สามารถอ่านตัวอักษรบนนั้นได้
ชายชรากล่าวว่าลูกธนูถูกเจาะใกล้กับหัวใจของเขามาก เว่ยฉิงรู้ว่าเครื่องรางที่ถังหลี่คล้องคอให้เขาได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เพราะหลังจากนั้น เครื่องรางก็ได้หายไป
ภรรยาช่วยเขาไว้อีกครั้งหนึ่งแล้ว
เขากำจดหมายแน่น เงยหน้ามองไปที่ดวงจันทร์บนท้องฟ้า ประหนึ่งว่ากำลังเห็นใบหน้าของนางบนดวงจันทร์
มุมปากของเว่ยฉิงกระตุกยิ้ม เขาคิดถึงภรรยามาก
เว่ยฉิงอาศัยอยู่ที่นั่นต่ออีกสักระยะหนึ่ง เมื่อเขาเดินเหินได้อย่างอิสระและแผลที่หน้าอกเริ่มตกสะเก็ด เขาจึงวางแผนที่จะจากไป
คนขององค์หญิงใหญ่กำลังตามหาเขาอยู่ หากเขาอยู่ต่อย่อมจะเกิดอันตรายขึ้น อีกทั้งยังใกล้วันกำหนดคลอดของถังหลี่ด้วย
เขาพบว่าหมู่บ้านงูอยู่ในเมืองจางมู่ ที่นี่มีเหลาอาหารหนิงเฟิ่งอยู่ เหลาอาหารแห่งนี้เป็นกิจการของภรรยาเขา ไม่เพียงแต่เป็นสาขาของร้านอาหาร เบื้องหลังยังเป็นเครือข่ายข่าวกรองขนาดใหญ่อีกด้วย
เว่ยฉิงพบคนจากเหลาอาหารหนิงเฟิ่ง ขอให้เขาช่วยพาตัวเองกลับไปเมืองหลวง เมื่อชายชราและโก่วหวาได้ยินว่าเว่ยฉิงจะเข้าเมืองเขาก็รีบพูดขึ้นว่า
“ใต้เท้า ข้าไปกับท่านเอง แต่ก่อนข้าเคยเข้าไปในเมือง ข้าคุ้นเคยชำนาญทางดี ”
สมัยยังเป็นหนุ่มก็น่าจะหลายสิบปีกว่าแล้ว
“ข้าจะไปด้วย ข้าอยากไปด้วย” โก่วหวาตะโกน เขาอยากไปเล่นในเมือง เด็กชายได้ยินมาว่าในเมืองมีชีวิตชีวาและน่าตื่นเต้น ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยไปเลยสักครั้งเดียวในที่สุดพวกเขาก็เข้าเมืองไปทั้งสามคน
แต่เดิมเว่ยฉิงสวมเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง แต่พอถึงวันออกเดินทางท่านผู้เฒ่าจึงได้ให้เสื้อผ้าใหม่แก่เขา
“นี่เป็นเสื้อผ้าของบุตรชายข้า” ชายชรามองเว่ยฉิง ลูกชายของเขาตัวเล็กว่าคนผู้นี้เล็กน้อย ถึงจะคับไปหน่อยแต่ก็พอสวมได้ เสื้อผ้าตัวอื่นๆ เขาขายเพื่อเอาไปแลกกับของอย่างอื่นแล้ว มีแต่ชุดนี้ที่เขายังเก็บไว้ วันนี้ลูกชายของเขากำลังจะจากไปตลอดกาล
“ใส่นี่สิ” เขาส่งหมวกไม้ไผ่ให้เว่ยฉิง จากนั้นจึงได้เดินลงมาจากภูเขา
จากหมู่บ้านงูไปถึงอำเภอเมืองไกลมาก หากเดินเท้าจะต้องใช้เวลาหลายวันหลายคืน เขาจึงติดต่อเกวียนวัวในหมู่บ้านไปส่งถึงที่เขตเมือง
“อาสุ่ยจับงูเก่งเขาทำเงินได้เยอะมาก แต่ภรรยาของเขาเป็นห่วงไม่อยากให้เขาขึ้นไปบนภูเขาอีก เลยควักเงินซื้อเกวียนให้” ชายชรากล่าว
“ไม่ต้องกังวลไป อาสุ่ยเป็นคนปากหนัก เขาไม่พูดเรื่องไร้สาระแน่นอน”
เพราะชายอาวุโสเคยช่วยอาสุ่ยไว้ เมื่อเขาขอร้อง อาสุ่ยจึงรีบจัดเกวียน และพูดคุยกับเขาอย่างสุภาพ ทั้งสามขึ้นเกวียนวัวของอาสุ่ยไปพร้อมกัน
เว่ยฉิงอยู่ที่หมู่บ้านงูเป็นเวลานาน เขาพยายามทำตัวให้กลมกลืนให้เหมือนกับชาวบ้าน เมื่อชายชราบอกว่าเขาเป็นญาติห่างๆ อาสุ่ยจึงไม่ติดใจอะไร กว่าพวกเขาจะถึงตัวเมืองก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว
เว่ยฉิงเดินไปจนสุดทาง เขาเคยไปมาหลายเมืองแล้ว แต่เมืองนี้มีร้านค้าน้อยมาก เป็นเพราะการเก็บภาษีที่โหดร้าย ทำให้ราษฎรทุกคนต้องดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด แต่สำหรับเขาแล้วช่างแปลกมาก เขาไม่เคยมาที่นี่เลย
เมื่อผ่านร้านซาลาเปา โก่วหวามองอย่างตื่นเต้นจนน้ำลายไหล ชายชรายัดเนื้อเค็มเข้าไปในปากเขา
“กินนี่แทนไปก่อน”
เขาจะมีเงินซื้อซาลาเปาได้อย่างไร เนื้อดำๆ ชิ้นนี้คือของที่พวกเขานำติดตัวมาจากบ้าน
“ท่านปู่ดูนั่น” โก่วหวาชี้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ชายชราที่ตาเริ่มไม่ค่อยดีแล้ว หรี่ตาสักพักแต่ก็ยังมองไม่เห็นอยู่ดี
ในขณะที่เว่ยฉิงเห็นมาแต่ไกล นั่นคือหมายจับที่มีรูปของเขาติดอยู่ เขาถูกระบุว่าเป็นโจรจากเมืองเจียงหยางหากใครให้เบาะแสจะได้รับเงินสิบตำลึง
โชคดีที่ตอนนี้เขาสวมหมวกไม้ไผ่ไว้ไม่อย่างนั้นใบหน้าของเขาคงถูกเปิดเผย
เว่ยฉิงกระโดดลงจากเกวียนวัว เขาฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีคนสนใจฉีกภาพนั้นออกเก็บไว้ในแขนเสื้อของตัวเอง