จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 566-571

ตอนที่ 566-571

บทที่ 566 : ไม่เอาหวงเสี่ยวหยิงนะ !! (5)
  “เหตุใดเจ้าจึงต้องร้องไห้?” ไป๋หยานตกตะลึง นางทนไม่ได้ที่จะเห็นน้ำตาของคนอื่น
  หาไม่แล้วทุกคราที่ไป๋เสี่ยวเฉินจะร้องไห้ นางจะยอมตามใจเขาง่าย ๆ กระนั้นรึ ?
  ”ฮือ…”วิหคอัคคีเช็ดน้ำตา “หม่อมฉันจะไม่ร้องไห้ หากฝ่าบาทรับปากอยู่ที่นี่ ไม่ไปจากที่นี่จะได้หรือไม่เพคะ ? หม่อมฉันไม่ขออะไรมาก แค่เพียงปรารถนาให้ฝ่าบาทพำนักกับหม่อมฉันสักครึ่งเดือนก็พอจะได้หรือไม่เพคะ ?”
  นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงวิงวอนด้วยเกรงว่าไป๋หยานจะปฏิเสธคำขอที่ไร้เหตุผลของนาง
  หากแต่นาง… รอมาเป็นพัน ๆ ปีแล้ว รอมาอย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง เพราะมีนางเหลือรอดแต่เพียงผู้เดียว
  หลายพันปีที่ผ่านมานอกจากตี้เสี่ยวอวิ๋นที่มาเยี่ยมเยียนนางบ้างเป็นครั้งคราวแล้ว เวลาที่เหลือของนางก็จมอยู่กับความเหงาและความคิดถึง
  บัดนี้นางไม่ขออะไรมากขอแค่ครึ่งเดือน…ครึ่งเดือนก็พอแล้ว …
  ไป๋หยานจ้องใบหน้าที่นองน้ำตาของวิหคอัคคีนางรู้สึกราวหัวใจของนางถูกทะลวง กระทั่งนางถึงกับขมวดคิ้วอย่างปวดร้าว
  ทว่าทีท่าที่สงบเงียบของไป๋หยานทำให้หัวใจของวิหคอัคคีสั่นไหว ที่สุดไป๋หยานก็ค่อย ๆ วาดนิ้วสองนิ้วเป็นสัญลักษณ์ “สิบ” อย่างระมัดระวัง
  ”เช่นนั้นฝ่าบาทก็อยู่กับหม่อมฉันสักสิบวัน… ไม่สิ เก้าวันก็ยังดี”
  น้ำตาแห่งความคับข้องใจของวิหคอัคคีทำท่าจะร่วงหล่นลงมาอีกระลอก
  “อย่าร้องไห้”ไป๋หยานก้าวไปข้างหน้าช้า ๆ นางยกมือขึ้นเช็ดหยาดน้ำตาจากใบหน้าของวิหคอัคคี น้ำเสียงของนางราวปลอบขวัญ “ข้าจะอยู่ที่นี่กับเจ้า หรือไม่เจ้าก็ติดตามข้าออกไปจากภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้”
  วิหคอัคคีเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจน้ำเสียงของนางสั่นเล็กน้อย “จริงหรือ ? … ฝ่าบาทสามารถอยู่กับหม่อมฉันได้จริง ๆ หรือ ? เพราะหม่อมฉันไม่สามารถออกจากภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้”
  ”ไยเจ้าจึงออกจากภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ล่ะ?”
  ”หม่อมฉันจำเป็นต้องปกป้องบางสิ่งที่สำคัญมากในภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์เมื่อใดที่ฝ่าบาทได้พบมังกรเขียว กับเต่าดำ พระองค์ก็สามารถกลับมานำของสิ่งนั้นออกไปได้”
  วิหคอัคคียิ้มรอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยความดีใจ ขอเพียงนางสามารถอยู่กับข้าได้ แม้ไม่ถึงครึ่งเดือนข้าก็พอใจแล้ว
  ไป๋หยานหันไปทางเสี่ยวมี่อย่างไม่รู้ตัวพลางอุ้มมันขึ้นมาจากพื้นดิน “ข้าจำได้ว่าครั้งที่เสี่ยวมี่และข้าทำพันธะสัญญาต่อกัน ข้าฝันถึงพยัคฆ์ขาว หรือว่ามันจะเป็นพยัคฆ์ขาว”
  “ทั้งใช่และไม่ใช่” วิหคอัคคีหันหน้าไปมองเสี่ยวมี่ “เขามีเลือดพยัคฆ์ขาวไหลเวียนอยู่ในร่าง เพียงแต่ … มิใช่พยัคฆ์ขาวตัวจริง”
  พยัคฆ์ขาวตัวจริงนั้นเป็นเด็กหนุ่มที่กล้าท้าฟ้าท้าดิน!
  เพียงแค่ฝีเท้าก็สามารถสั่นคลอนโลกได้ทั้งใบอีกเสียงคำรามเล่าก็เขย่าฝูงชนให้เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก !
  ทว่าตอนนี้เสี่ยวมี่ … อ่อนแอเกินไป อ่อนแอกระทั่งนางสามารถเอาชนะมันได้ด้วยนิ้วมือเดียว
  “รอจนกว่าทุกอย่างคลี่คลายพยัคฆ์ขาวจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน และแน่นอนว่ากว่าจะถึงวันนั้น ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับพระองค์” วิหคอัคคียิ้มอย่างสง่างาม ดูเหมือนนางจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ นางกระทืบเท้าอย่างดุดัน “ราชินี พระองค์ยังไม่รู้สิว่าบรรดาอสูรสาว ๆ ในแดนอสูรนี่ต่างก็หลงใหลองค์ราชาเป็นอย่างมาก หากมิใช่ว่าหม่อมฉันไม่อาจออกจากภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ล่ะก็ หม่อมฉันคงจะลงจากเขาไปฆ่าพวกมันนานแล้ว ! ”
  เมื่อหวนนึกถึงเรื่องนี้วิหคอัคคีก็อารมณ์เสีย โชคดีที่ทุกวันนี้องค์ราชาเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับราชินี เลยไม่ได้เปิดโอกาสให้สตรีเหล่านั้น
  ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้าเล็กน้อย”ใช่แล้ว หญิงเลวเหล่านั้นน่าเกลียดชังมาก หญิงเหล่านั้นต้องการรังแกหม่ามี้ของข้าโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชิงหลวนงูเขียวจากตระกูลอสรพิษ นางลอบออกจากแดนอสูร เพื่อจัดการข้ากับหม่ามี้ นางลักพาตัวสหายข้า ทั้งยังบังคับให้ข้ากินยาสั่ง”
  ”ว่าไงนะ?” แววตาของวิหคอัคคีเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยม “ตระกูลอสรพิษจัดเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำสุดในแดนอสูร กล้าที่จะสร้างปัญหาให้กับราชินี ไอ้งูพวกนี้ช่างไร้ค่าสมควรตายจริง ๆ ! มันไม่สมควรแม้แต่จะเป็นทาสของข้าด้วยซ้ำ !”
  ไม่คาดคิดว่าหลังจากผ่านไปหลายพันปีตระกูลอสรพิษจะกล้ากำแหงถึงเพียงนี้
  ”พี่วิหคอัคคีพี่รู้มั้ยว่าหม่ามี้ของข้าถูกผู้หญิงเลวรังแกอยู่เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้หญิงเลวเหล่านั้นทำร้ายหม่ามี้ข้าอีก พี่มีสมบัติอะไรให้หม่ามี้เอาไว้ใช้จัดการกับพวกนางบ้างมั้ยล่ะ ?” นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินกลอกไปมาสองสามครั้ง พลางจ้องมองหน้าของวิหคอัคคีตาไม่กะพริบ
  ***จบบทไม่เอาหวงเสี่ยวหยิงนะ !! (5)***

บทที่ 567 : ไม่เอาหวงเสี่ยวหยิงนะ !! (6)
  ไป๋หยานหน้าหงิกนี่บุตรชายของนาง … ต้องร้องขอของขวัญจากผู้อื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ ? สมควรมั้ยเนี่ย ?
  ”ขอหม่อมฉันคิดก่อนเพคะ”วิหคอัคคีจับคางของนางด้วยท่าทางครุ่นคิด เพียงครู่ก็หันกลับมา นัยน์ตาของนางสว่างไสวขึ้น “หม่อมฉันจำได้ว่า เมื่อร้อยปีก่อน มีไอ้สารเลวคนหนึ่งกล้าบุกรุกภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ของหม่อมฉัน ! หม่อมฉันจับมันได้ ทั้งยังทุบตีมัน … ทว่ามันก็ยังหลบหนีไปได้พร้อมกับสมบัติอีกด้วย”
  ”พี่วิหคอัคคีผู้ใดกันที่กล้าเข้ามาขโมยของที่ภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์” ไป๋เสี่ยวเฉินเอียงศีรษะ พลางเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
  วิหคอัคคีหันไปจ้องมองเสี่ยวมี่”ดูเหมือนจะเป็นคนจากเผ่าพยัคฆ์นะเพคะ เห็นว่าชื่อหวงฉีอะไรนี่แหละ หากมิใช่เพราะเขาเป็นเสือเผ่าพันธุ์เดียวกับพยัคฆ์ขาวหม่อมฉันก็คงจะไม่ปล่อยเขาไว้หรอก !”
  หวงฉี…เผ่าพยัคฆ์?
  เสี่ยวมี่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ“นั่นมันบิดาของหวงเสี่ยวหยิง มิใช่หรือ ? เขากล้าเข้ามาขโมยของจากภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์เลยหรือ !”
  สมแล้วพ่อเป็นเสือย่อมไม่มีลูกเป็นสุนัขจริง ๆ ! หวงเสี่ยวหยิงคงเรียนรู้ทักษะการขโมยมาจากบิดาเป็นแน่
  ”ดูเหมือนเขาจะมีบุตรสาวชื่อว่าหวงเสี่ยวหยิงตอนที่หม่อมฉันจับเขาได้ เขาคุกเข่าลงร้องขอความเมตตาโดยอ้างว่ามีเสือน้อยตัวเล็ก ๆ กำลังร้องไห้คร่ำครวญรอให้เขากลับบ้าน เขาร้องไห้พร้อมกับตะโกนชื่อ เสี่ยวหยิง ออกมา พลางกล่าว … พร่ำขอโทษบุตรสาว ครานั้นหม่อมฉันเลยปล่อยเขาไป”
  หวงฉีเป็นคนเพียงผู้เดียวที่กล้าลอบเข้าภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์และกลับออกมาทั้งยังมีชีวิตอยู่ได้ เช่นนั้นเมื่อเขากลับไปยังเผ่าพยัคฆ์ และเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปยังชนเผ่าพยัคฆ์ทั้งหลาย เขาจึงกลายเป็นผู้นำเผ่าพยัคฆ์ที่ได้รับการยกย่อง
  เสี่ยวมี่หันขวับ”หมายความว่าหวงเสี่ยวหยิง…อายุเกินร้อยปีแล้วงั้นหรือ ?”
  หากคำนวณตามอายุขัยของมนุษย์หวงเสี่ยวหยิงผู้นี้ก็จัดได้ว่าเป็นหญิงชราแล้ว
  แต่หากนับ… ตามอายุขัยของเสือนางก็มีอายุเพียงห้าขวบเท่านั้น
  “นายหญิง”เสี่ยวมี่ถลาเข้าสู่อ้อมแขนของไป๋หยานอย่างน่าสงสาร “ท่านต้องไม่ทำสัญญากับหวงเสี่ยวหยิง หาไม่แล้ว…หาไม่ข้าจะเอาหัวโขกพื้นตายต่อหน้าท่าน”
  ไป๋หยานยกเสี่ยวมี่ออกจากอกจากนั้นก็หันหน้าไปมองวิหคอัคคี พลางกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “แล้วสมบัติที่เจ้าเฝ้าล่ะอยู่ที่ใด ? ให้ข้าดูหน่อยจะได้หรือไม่ ?”
  สมบัติที่วิหคอัคคีปกปักรักษาย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน …
  ”ได้สิเพคะ”
  วิหคอัคคียิ้มจนตาหยีนางขยับตัว “สมบัติเหล่านั้นล้วนเก็บรักษาไว้ให้ฝ่าบาทนั่นแหละ บัดนี้พระองค์ก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ก็แค่รับของ ๆ พระองค์กลับคืนไป”
  ”ทำไมล่ะ?”
  ”เพราะ… ” วิหคอัคคียิ้ม รอยยิ้มของนางกว้างขวางยิ่งกว่าเดิม “ตัวหม่อมฉันก็นับเป็นสมบัติของพระองค์ เช่นนั้นสมบัติที่หม่อมฉันรวบรวมได้ย่อมต้องเป็นของพระองค์”
  ทันทีที่ถ้อยคำเหล่านั้นหลุดจากปากไป๋หยานก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน นางขนลุกไปทั้งตัว กระทั่งต้องกอดแขนของตัวเองแน่น นางมองวิหคอัคคีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
  ”ราชินี…อย่าได้เข้าพระทัยหม่อมฉันผิด”วิหคอัคคีเงยหน้าขึ้นด้วยทีท่าเขิน ๆ “หม่อมฉันหมายความว่า คราหน้าเมื่อพระองค์กลับมาพร้อมด้วยมังกรเขียวและเต่าดำ พระองค์ก็เสด็จมาทำพันธะสัญญากับหม่อมฉัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับพระองค์มาก ”
  หากมิใช่เพราะตอนนี้นางออกไปไหนไม่ได้บางที … นางอาจจะขอทำพันธะสัญญากับไป๋หยานเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยก็เป็นได้
  สถานที่ส่วนตัวของวิหคอัคคีนั้นอยู่ไม่ลึกนักเพียงเดินเข้าไปในถ้ำไม่นานนักก็ถึง ครั้นไป๋หยานเข้าไปในถ้ำ นางก็รวบรวมส่วนประกอบทางยาที่มีค่าทั้งหมดเท่าที่นางพอจะเก็บได้
  และภายในสถานที่อันเป็นส่วนตัวนั้นนางยังพบสมบัติที่มีประโยชน์อีกมากมาย
  ”กำไลวิญญาณนี้สามารถดูดกลืนวิญญาณของคนที่แข็งแกร่งเข้ามากักเก็บไว้ภายในได้ จากนั้นพระองค์ก็สามารถนำกำไลขอนนี้ไปใช้กับศัตรูของพระองค์ แม้ว่าคนผู้นั้นจะแข็งแกร่งมากกว่าพระองค์ก็ตามที ทว่าหลังจากที่คนผู้นั้นได้รับกำไลวิญญาณขอนนี้แล้ว คนผู้นั้นก็จะเชื่อฟังคำสั่งของพระองค์ !”
  ไป๋หยานรับกำไลวิญญาณไว้”ไว้ข้าจะไปรวบรวมจิตวิญญาณให้ได้เยอะ ๆ ก่อน จากนั้นค่อยส่งต่อกำไลขอนนี้ให้ท่านตาหลาน”
  ***จบบทไม่เอาหวงเสี่ยวหยิงนะ !! (6)***

บทที่ 568 : ไม่เอาหวงเสี่ยวหยิงนะ !! (7)
  สิ่งแรกที่นางคิดถึงคือตระกูลหลาน เพราะอย่างไรเสีย ยามที่นางตกอยู่ในอันตรายตระกูลหลานก็ไม่เคยทอดทิ้งนาง
  ความเมตตาเช่นนี้นางจะไม่มีวันลืม
  ”ชาจิตวิญญาณที่ชงจากกาน้ำชาสามารถเพิ่มพลังให้จิตได้เป็นอย่างดี … มันมีประโยชน์มากสำหรับท่านตาไป๋ และนี่ก็คือ … ”
  เนื่องจากถ้อยคำก่อนหน้านี้ของวิหคอัคคีไป๋หยานเลยไม่เกรงใจในการกวาดสมบัติล้ำค่าทั้งหมด
  หลังจากไป๋หยานค้นทรัพย์สินเสร็จถุงเก็บสมบัติของนางก็เกือบจะเต็มแล้ว นางยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “วิหคอัคคี…ข้าเห็นสมุนไพรล้ำค่ามากมายในภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์นี่ ไม่ทราบว่าข้าสามารถนำสมุนไพรเหล่านี้ออกไปด้วยได้หรือไม่ ?”
  สำหรับไป๋หยานแล้ววิหคอัคคีย่อมยินดีที่จะตอบรับ นางพยักหน้าทันที “ภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นของฝ่าบาท หากพระองค์ประสงค์สิ่งใดก็สามารถนำออกไปได้เลยไม่จำเป็นต้องถามหม่อมฉัน”
  ”เช่นนั้นก็ดีเจ้ากับเสี่ยวมี่ คงมีเรื่องต้องสนทนากันมากมาย ข้าจะทิ้งมันไว้กับเจ้า”
  ไป๋หยานโยนเสี่ยวมี่เข้าสู่อ้อมแขนของวิหคอัคคีจากนั้นก็จูงมือไป๋เสี่ยวเฉินพาเดิน “เฉินเอ๋อ ตามแม่ไปเก็บสมุนไพร”
  ”เฉินเอ๋อรับทราบ หม่ามี้”
  ไป๋เสี่ยวเฉินยิ้มกว้างขณะกล่าวอย่างไร้เดียงสา
  ”ไปกันเถอะ”
  ไป๋หยานรีบออกจากถ้ำไม่แม้แต่จะย้อนกลับไปมองอะไรอีก
  หลังจากที่ไป๋หยานลับตาไปแล้ววิหคอัคคีก็ส่งสายตามองเสี่ยวมี่ พลางถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ “เจ้าไปทำอะไรมา… ไยจึงอ่อนแอถึงเพียงนี้เนี่ย ?”
  เสี่ยวมี่กะพริบตาอย่างไร้เดียงสา”ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องใด ทั้งข้าเองก็ไม่รู้จักเจ้า”
  ”ตอนนี้เจ้าอ่อนแอเกินไป”วิหคอัคคีส่ายศีรษะ “ศัตรูที่ราชินีต้องเผชิญในวันหน้านั้นทรงพลังมาก เจ้าไม่อาจปกป้องนางได้อย่างที่เคยเป็นมา เช่นนั้นยามนี้เจ้าต้องพัฒนาความแข็งแกร่ง…หาไม่…
  ในขณะที่วิหคอัคคีกำลังจะสอนเสี่ยวมี่นั้นนางก็เห็นเสือขาวตัวน้อยคาบคากิออกมา จากนั้นก็กัดคำโต
  “ในที่สุดนายน้อยก็ไปเสียที ข้าไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป เพราะเขาอยู่ด้วยทำให้ข้าต้องซ่อนคากิไว้นานไม่กล้าเอาออกมากิน”
  หากเห็นไป๋เสี่ยวเฉินจะต้องแย่งคากิไปจากเขาอย่างแน่นอน
  ใบหน้าของวิหคอัคคีดำคล้ำนางพยายามอดทน และอดกลั้นไม่ให้ทุ่มเจ้าเสือขาวตัวนี้
  “เจ้ากลายเป็นคนตะกละแบบนี้ตั้งแต่เมื่อใด? เจ้าผู้ที่เคยเอาแต่บ้าฝึกทักษะในอดีตหายไปที่ใด ? นี่ต้องรอกระทั่งจิตวิญญาณแท้จริงของเจ้าจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน เจ้าถึงจะเริ่มฝึกฝนได้ใช่หรือไม่เนี่ย ?”
  เสี่ยวมี่ไม่สนใจวิหคอัคคีแล้วยามนี้มันกำลังมีความสุขกับคากิในปากราวกับได้ล่องลอยบนปุยเมฆ
  ”ลืมมันไปเถอะ”วิหคอัคคีโยนเสือน้อยลงบนพื้นอย่างโกรธจัดพร้อมกัดฟันกล่าว “กินไปเลยกินเท่าที่เจ้าต้องการ กินให้ตายไปเลย !”
  ภายหลังกลับชาติมาเกิดแม้แต่นิสัยก็พลิกผันงั้นหรือ ? ข้าหวังว่า มังกรเขียวกับเต่าดำจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังนักนะ …
  หาไม่นางคงอดไม่ได้ที่จะบีบคอคนทั้งสามส่งพวกเขากลับไปเกิดใหม่อีกครั้งเป็นแน่ !
  *****
  ภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์
  ภายใต้แสงศักดิ์สิทธิ์สีขาวนวล
  ไป๋หยานดึงสมุนไพรขึ้นจากพื้นแล้วเก็บใส่ถุงเก็บสมบัตินางปาดเหงื่อจากหน้าผากพลางเอ่ยว่า “แม่เลือกเก็บเฉพาะสมุนไพรที่แม่พอจะเก็บได้ เฉินเอ๋อเราไปกันเถอะ”
  จำไว้ว่าการเก็บสมุนไพรอย่าดึงรากติดไปด้วยเพราะหากรากขาด จะไม่มีสมุนไพรล้ำค่าเหลือบนผืนแผ่นดินนี้
  ครั้นไป๋หยานหันกลับมาเสียงฝีเท้าเร่งรีบพลันดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้คิ้วของนางขมวดคิ้วโดยไม่ได้ตั้งใจ …
  ”พ่อบุญธรรมนางเป็นใคร ? เหตุใดถึงไม่เชื่อฟังข้อห้าม ทั้งยังรุกล้ำเข้าภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์” เสียงใส ๆ ดังมาจากด้านหลัง “หวังว่า นางจะโชคดี วิหคอัคคีอาจกำลังหลับอยู่ บางทีเราอาจจะพอช่วยนางให้พ้นจากภัยครั้งนี้ได้ หากวิหคอัคคีตื่นขึ้นมานางจะต้องตายเป็นแน่”
  แววตาของจุนหรู่ชิงรู้สึกผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
  วิหคอัคคีไม่ได้สังหารหญิงที่บุกรุกเข้าภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ไปแล้วงั้นหรือ?
  ***จบบทไม่เอาหวงเสี่ยวหยิงนะ !! (7)***

บทที่ 569 : นางเป็นแขกสำคัญของภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ (1)
  สายลมเบาๆ พัดพริ้วทำให้ชายกระโปรงของไป๋หยานเผยอขึ้นเล็กน้อย นางหันหน้ากลับมาช้า ๆ ภายใต้สายลมบางเบา เรือนผมยาวสลวยพลิ้วไหว ช่างสง่างามหาใดเทียบ
  ”มีอะไร?”
  น้ำเสียงของนางเฉยเมยทว่าเจือความหยิ่งยโสดูหมิ่นทุกผู้คน นางจ้องมองผู้ที่อยู่ด้านหลังนางอย่างเยือกเย็น
  จุนหรู่ชิงเหลือบมองสมุนไพรในมือของไป๋หยานที่ยังไม่ได้เก็บใส่ถุงในใจของนางเปี่ยมด้วยความสุข ทว่าสีหน้าของนางกลับไม่แสดงออกใด ๆ นางถอนหายใจพร้อมแววตาสงสาร
  ”แม่นางสมุนไพรบนภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ล้วนเป็นของท่านวิหคอัคคี หากเจ้านำสมุนไพรเหล่านี้ไป คาดว่าเจ้าจะทำให้ท่านวิหคอัคคีขุ่นเคืองได้ ข้าไม่ต้องการให้เจ้าต้องเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต เช่นนั้นจึงนำผู้อาวุโสใหญ่มาช่วยเจ้า”
  สิ่งที่นางทำนับได้ว่าเป็นการลักขโมยไม่ว่าหญิงผู้นี้จะอ้างอย่างไรก็แก้ไขสิ่งใดไม่ได้ !
  ไป๋หยานกวาดตามองจุนหรู่ชิงนางเห็นแววสะใจ และริมฝีปากที่เหยียดเยาะเย้ยของจุนหรู่ชิง “ไม่มีสิ่งใดต้องเป็นกังวล และหากพวกเจ้าไม่มีธุระใดแล้ว ก็อย่ามารบกวนข้า เฉินเอ๋อ พวกเราไปกันเถอะ”
  ครั้นได้ยินถ้อยคำดังกล่าวจุนหรู่ชิงก็ไม่ได้โกรธรอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึันที่มุมปากของนาง นางหันไปมองผู้อาวุโสใหญ่ พลันรอยยิ้มของนางก็จางหาย แววตาของนางแลดูเหนื่อยหน่าย
  ”ท่านพ่อบุญธรรมข้าเตือนแล้วนางไม่ฟังข้า ซ้ำนางยังยืนกรานจะยั่วยุท่านวิหคอัคคี ข้าเองก็ไม่รู้จะทำเช่นไรแล้ว”
  ผู้อาวุโสใหญ่ไม่พูดไม่จานัยน์ตาของเขาจับจ้องใบหน้าของไป๋หยานไม่วางตาราวกับกำลังใคร่ครวญบางสิ่ง
  หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัยว่า “ท่านคือองค์ราชินีใช่หรือไม่ ?”
  ในวันนั้นวันที่พระราชาและราชินีเสด็จกลับมา มีเพียงท่านราชครูเท่านั้นที่นำหัวหน้าเผ่าต่าง ๆ เฝ้ารอรับเสด็จทั้งสองพระองค์ เพราะองค์ราชาผู้สง่างามเกรงว่า หากคนเฝ้ารอรับเสด็จมากเกินไปจะทำให้ราชินี และองค์ชายน้อยหวาดกลัว องค์ราชาจึงไม่อนุญาตให้บรรดาผู้อาวุโสไปเฝ้ารอรับเสด็จด้วย
  เช่นนั้น…
  จนถึงขณะนี้ผู้อาวุโสใหญ่จึงเพิ่งได้มีโอกาสเห็นไป๋หยานเป็นครั้งแรก น้ำเสียงของเขาจึงมีร่องรอยของความไม่แน่ใจ
  ครั้นได้ยินคำเรียกขานฝีเท้าของไป๋หยานพลันชะงัก นางหันกลับมาจ้องหน้าผู้อาวุโสใหญ่ที่ยังคงมีสีหน้าตื่นเต้น ก่อนจะเอ่ยกล่าวอย่างช้า ๆ “เจ้ามีสิ่งใดกับข้าอีกหรือไม่ ?”
  ”ราชินี…กระหม่อมไม่รู้ว่าเป็นพระองค์ที่เสด็จมายังภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์หากกระหม่อมรู้ว่าเป็นพระองค์ กระหม่อมคงจะไม่มาวุ่นวาย”
  ผู้อาวุโสใหญ่ยิ้มพร้อมกับหันไปส่งสายตาปรามจุนหรู่ชิง
  หญิงสาวไม่ได้บอกเขาว่าผู้ที่มาที่ภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์เป็นราชินี!
  ทุกที่ในแดนอสูรนี้เป็นของราชินีหากพระนางปรารถนาจะไปที่ใด ไยต้องขออนุญาตผู้อื่นด้วยเล่า ?
  “ชิงเอ๋อเจ้าต้องอธิบายให้ข้าฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ?” ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยถาม ใบหน้าของเขาทั้งซีด ทั้งหมองคล้ำ
  จุนหรู่ชิงตกใจมากใบหน้าของนางดำคล้ำ ดูเหมือนว่าปฏิกิริยาของบิดาบุญธรรมของนางต่างจากที่นางได้คาดหมายเอาไว้
  แค่เหตุที่ว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาขโมยทรัพย์สินในภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์นี้บิดาบุญธรรมก็น่าที่จะโกรธเคืองมากแล้ว
  หรือเพียงเพราะนางเป็นราชินีจึงสามารถลบเลือนความผิดทั้งหมดได้?
  จุนหรู่ชิงหลุบตาลงเพื่อปกปิดความไม่พอใจ”บิดาบุญธรรม ทุกวันนี้ราชินีไม่ยินยอมให้ผู้ใดเข้าเฝ้า เช่นนั้นข้าจึงไม่เคยเห็นราชินีมาก่อน ข้าจึงไม่รู้ว่านางคือราชินี”
  นางหยุดพลางกัดริมฝีปากตนก่อนจะกล่าวต่อ”แล้วภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์นี้ก็อันตรายมาก ข้าเป็นห่วงความปลอดภัยของนาง นอกจากนี้อารมณ์ของท่านวิหคอัคคีก็ไม่ดีนัก หากปล่อยให้ท่านวิหคอัคคีรู้ว่า พวกเราปล่อยให้มีผู้บุกรุกภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ ท่านวิหคอัคคีอาจจะไม่พอใจเหล่าท่านผู้อาวุโสก็ได้ใช่หรือไม่ ?”
  เหตุที่ภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ถูกเรียกขานว่าเป็นสถานที่ต้องห้ามก็เป็นเพราะ วิหคอัคคีอาศัยอยู่ในภูเขาลูกนี้ เว้นแต่องค์ราชาแล้วก็ไม่มีผู้ใดสามารถบุกรุกเข้ามาในเขตภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์นี้ได้”
  หาไม่แล้วอาจจะพบจุดจบอันเลวร้าย
  ยามนี้ผู้อาวุโสหลายท่านก็มาถึงภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์แล้ว ทันทีที่พวกเขาได้ยินถ้อยคำของจุนหรู่ชิง บางคนก็รู้สึกหวาดผวาขึ้นมาเล็กน้อย หากพวกเขาทำให้วิหคอัคคีโกรธจริง ๆ แล้วล่ะก็ ทุกผู้คนที่เข้ามาในภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์นี้ย่อมไม่อาจหลบหนีได้ !
  ***จบบทนางเป็นแขกสำคัญของภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ (1)***

บทที่ 570 : นางเป็นแขกสำคัญของภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ (2)
  ”ชิงเอ๋อ!” อาวุโสใหญ่ย่นคิ้ว ร่องรอยของความรู้สึกหงุดหงิดปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขา “ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่า เจ้าไม่ต้องเข้าไปวุ่นวายเรื่องขององค์ราชา การที่ราชินีเสด็จมาเยือนภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ ย่อมอยู่ภายใต้การคุ้มครองขององค์ราชา เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้”
  ไม่ต้องพูดถึงว่า…
  ความสัมพันธ์ระหว่างราชินีกับภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ธรรมดา
  จุนหรู่ชิงพยายามสงบจิตสงบใจนางเชิดใบหน้าที่บริสุทธิ์ และงดงามของนางขึ้น
  ”พ่อบุญธรรมเพราะพระนางเป็นถึงองค์ราชินี นั่นก็จะยิ่งอันตราย ! ข้าได้ยินมาว่าท่านวิหคอัคคีก็มีความรู้สึกพิเศษกับองค์ราชา หากสตรีใดต้องการหลอกล่อองค์ราชา สตรีผู้นั้นก็มักจะถูกท่านวิหคอัคคีจัดการ ผลลัพท์ของพวกนาง … ช่างน่าสังเวชยิ่ง ! ท่านวิหคอัคคีรักองค์ราชามาก นางจะทนเห็นราชินีมาปรากฎตัวในภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ได้หรือ ?”
  เจตนาในคำกล่าวของนางนั้นร้ายกาจมากอันดับแรก นางต้องการบอกให้ผู้อาวุโสเหล่านี้รู้ว่าวิหคอัคคีริษยาไป๋หยาน
  ประการที่สองนางต้องการให้ไป๋หยานรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างตี้คังกับ วิหคอัคคีนั้นไม่ธรรมดา
  แน่นอนว่าทันทีที่ถ้อยคำดังกล่าวหลุดจากปาก ไป๋หยานก็หันมามองนางด้วยสายตาแปลก ๆ
  จุนหรู่ชิงยังคงเพิกเฉยต่อสายตานั้นและกล่าวต่อว่า “นอกจากนี้ ในแดนอสูรต่างก็รู้ดีไม่ใช่หรือว่า ? สิ่งมีชีวิตที่พิเศษที่สุดในแดนอสูรนี้จะเป็นผู้ใดไปไม่ได้นอกจากราชินี หากไม่มีราชินี บางที … ตำแหน่งนี้อาจจะเป็นของท่านวิหคอัคคี ข้าเพียงกังวลว่าราชินีจะตกอยู่ในอันตราย … ”
  หุบปาก!
  ผู้อาวุโสใหญ่ยกมือขึ้นตบหน้าจุนหรู่ชิงด้วยความโกรธ
  ทันใดนั้นใบหน้าขาวๆ ของจุนหรู่ชิงพลันปรากฏลายนิ้วมือห้านิ้ว
  “ชิงเอ๋อ…เจ้าทำให้ข้าผิดหวังจริง ๆ !” อาวุโสใหญ่ถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
  เขาคิดว่าชิงเอ๋อจะสามารถข่มกลั้นความรู้สึกได้ หากแต่เขาไม่คาดว่านางจะกระทำผิดพลาดครั้งใหญ่
  ความรักทำให้คนไร้ซึ่งเหตุผลจริงๆ งั้นหรือ ?
  ”ท่านอาวุโสใหญ่ระงับความโกรธก่อน ชิงเอ๋อคงจะไม่ได้ตั้งใจ”
  ครั้นบรรดาผู้อาวุโสคนอื่นเห็นจุนหรู่ชิงถูกตบ พวกเขาต่างก็ปาดหยาดเหงื่อเย็น ๆ บนหน้าผาก จุนหรู่ชิงเฉลียวฉลาด และน่ารักมาก นางกล้าทำเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ได้เยี่ยงไร ?
  กล้าใส่ร้ายองค์ราชาต่อหน้าราชินีเลยหรือ? หากถ้อยคำเหล่านี้ล่วงรู้ถึงหูขององค์ราชาจะต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ
  ”ใช่แล้วแม้ว่าชิงเอ๋อจะกระทำผิดพลาด ทว่าที่นางทำไปก็ด้วยจิตใจที่ดีงามของนาง นอกจากนี้เป็นเพราะนางเข้าใจผิดว่าราชินีเป็นเพียงนางกำนัลในวัง เช่นนั้นนางจึงพยายามเตือนไม่ให้ราชินีเข้าสู่ภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นนางยังรีบมาขอความช่วยเหลือจากพวกเรา… เห็นได้ชัดว่านางคิดถึงความปลอดภัยของราชินีด้วย”
  ”ชิงเอ๋อเจ้าทำผิดต่อราชินี แม้สภาผู้อาวุโสจะปล่อยเจ้าไป หากแต่เจ้าก็ไม่ควรชะล่าใจ นับแต่นี้เจ้าควรต้องทำความเข้าใจเรื่องต่าง ๆ ให้ดีเสียก่อน”
  ครั้นไป๋หยานได้ยินถ้อยคำของบรรดาผู้อาวุโสนางก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ นางมองจุนหรู่ชิงที่ยืนหน้าซีดเซียวอยู่ พลางขมวดคิ้วเอ่ยถามว่า “แม่นาง…เราเคยพบกันมาก่อนงั้นหรือ ?”
  ”…..”
  ผู้อาวุโสทุกคนต่างก็ตกใจ
  ราชินีหมายถึงอะไรจุนหรู่ชิงไม่ได้บอกหรือว่า นางพยายามเตือนราชินีแล้วไม่ให้บุกรุกเข้าภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ หากแต่ราชินีกลับบอกว่าพวกนางไม่เคยพบกันงั้นหรือ ?
  ”เฉินเอ๋อ…เจ้าเคยพบนางหรือไม่?” ไป๋หยานจับมือเล็ก ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉิน พลางยิ้มพร้อมกับเอ่ยถาม
  ไป๋เสี่ยวเฉินเหลือบมองจุนหรู่ชิงพร้อมกับทำปากจู๋ ทันใดนั้นเอง เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ นัยน์ตาของเขาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
  “หม่ามี้นางก็คือนางกำนัลที่กวาดพื้นอยู่ไม่ใช่หรือ ? เฉินเอ๋อจำได้ว่านางเดินไปเดินมาอยู่นอกตำหนักไป๋เยว่ของเรา แต่เฉินเอ๋อไม่คาดคิดว่าจะนางจะเป็นบุตรสาวบุญธรรมของอาวุโสใหญ่” ไป๋เสี่ยวเฉินทำแก้มป่องอย่างโกรธ ๆ พลางมองไปที่อาวุโสใหญ่อย่างไม่พอใจ”ท่านตาอาวุโสใหญ่ ท่านก็ทำเกินไป ให้บุตรสาวบุญธรรมของท่านมาทำความสะอาดพระตำหนักแบบนี้ ป๊ะป๋าวายร้ายของข้ารู้เรื่องนี้บ้างมั้ยเนี่ย ?”
  ***จบบทนางเป็นแขกสำคัญของภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ (2)***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท