บทที่ 580 ต้นไม้ใหญ่ล้ม ฝูงลิงกระจัดกระจาย
ฮ่องเต้ไม่ปริพระโอษฐ์เอ่ยออกมาแม้แต่คำเดียว พระองค์ประทับนิ่งอยู่นาน พระพักตร์และสายพระเนตรเรียบเฉย รู้สึกได้ถึงความแก่ชราที่มาเยือนอย่างกระทันหัน บรรยากาศภายในห้องโถงหดหู่
หลักฐานมัดตัวเช่นนี้ มีอะไรต้องพูดอีก?
พี่สาวของเขามีความทะเยอทะยานมากจริงๆ นางเลี้ยงกองกำลังทหารส่วนตัวเอาไว้ต้องการขึ้นเป็นฮ่องเต้หญิง
ฮ่องเต้โจวหันพระเศียรทอดพระเนตรไปทางอื่น พระองค์ไม่ปรารถนาจะเห็นองค์หญิงใหญ่อีกต่อไป
“ข้าไม่เคยคิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน” องค์หญิงใหญ่เอ่ยออกมา
“อาเยี่ยน…พี่คิดเสมอว่าเจ้าเป็นฮ่องเต้ที่ดี พี่ยินดีที่ได้เฝ้ามองเจ้าปกครองต้าโจวเช่นนี้ เจ้าเป็นคนเก่ง แต่หลายปีมานี้สุขภาพของเจ้าก็แย่ลงเรื่อยๆ…บุตรชายของเจ้าก็ไม่มีใครที่มีคุณสมบัติ ลูกสามอ่อนน้อมถ่อมตน แม้จะดูอ่อนโยนแต่ความจริงแล้วเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ดูเหมือนเฉลียวฉลาดมีไหวพริบ ทว่ากลับเต็มไปด้วยเล่ห์อุบายและไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ส่วนลูกหกเป็นเด็กซุกซนไร้เดียงสา ไม่รู้อะไรเลย..เด็กแบบนี้จะเป็นฮ่องเต้ที่ดีได้อย่างไร?”
“ที่จริงแล้วเขาน่ะเหมือนเจ้าที่สุด” องค์หญิงใหญ่หยุดชะงักเมื่อนึกถึงบางอย่าง
ฮ่องเต้ทรงตระหนักเช่นกัน
เขารู้ว่านางหมายถึงใคร ? บางเวลาเขาก็นึกถึงเด็กคนนั้นขึ้นมา เด็กคนนั้นเหมือนเขามากที่สุด น่าเสียดายที่เขาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของสกุลเซียว
หรือว่านี่จะเป็นเวรกรรมหรือไม่? ลูกชายคนอื่นๆ ของเขาถึงไม่ได้เอาไหนแม้แต่คนเดียว
ทั้งองค์หญิงใหญ่และฮ่องเต้ไม่ทันสังเกตเห็น ในตอนที่พวกเขาพูดเรื่องนี้ เว่ยฉิงหันศีรษะไปมององค์หญิงใหญ่ทันที แววตาของชายหนุ่มเย็นชาก่อนจะจางหายไป เว่ยฉิงก้มศีรษะลงอีกครั้ง
“ลูกสามเป็นเด็กกตัญญูมาก” ฮ่องเต้พึมพำราวกับว่าเขาอยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง องค์หญิงใหญ่พูดต่อด้วยความจริงใจ
“ข้าทนไม่ได้ที่ต้าโจวที่เจ้าทุ่มเทจะต้องล่มสลาย ดังนั้น..”
“ดังนั้นเจ้าจึงต้องการกบฏเพราะเห็นแก่ข้ากระนั้นหรือ? กองกำลังทหารส่วนตัว คลังอาวุธ เก็บภาษีแพงขึ้นเพื่อข้าหรือ?” ฮ่องเต้โจวทรงแย้มพระสรวล สายพระเนตรเย้ยหยัน
พี่น้องที่ไม่สามารถแยกกันได้ ตอนนี้กลายเป็นศัตรูกันเพราะอำนาจ องค์หญิงใหญ่รู้ว่าการแสดงอารมณ์อ่อนไหวของนางนั้นไร้ซึ่งประโยชน์ สายพระเนตรที่มองฮ่องเต้เต็มไปด้วยความเย็นชา
“ดูเหมือนว่าพระองค์จะไม่ยกโทษให้ ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันขอยอมตายเพื่อไถ่โทษ”
องค์หญิงใหญ่ตรัสจบ พระนางพุ่งชนกับเสาในห้องโถงทันที
เสียงดังสนั่นเกิดขึ้น องค์หญิงใหญ่ล้มลงไปที่พื้นพระโลหิตไหลนอง พระพักตร์ซีดเซียวราวกับไร้ซึ่งวิญญาณ
ฮ่องเต้โจวทอดพระเนตรอย่างนิ่งเฉย ไม่ตรัสอะไรออกมา
สุดท้ายองค์หญิงใหญ่ก็ได้รับการช่วยเหลือ นำกลับไปรักษาพระองค์ที่วัง จากนั้นจึงได้ถูกสั่งกักบริเวณ
ฮ่องเต้ยังไม่ได้จัดการลงโทษพระนางอย่างเด็ดขาด แค่โค่นต้นไม้ล้มก็ทำให้ฝูงลิงแตกฮือ อำนาจของพระนางสลายลงไปอย่างรวดเร็ว ในราชสำนักหรือแม้แต่ในสภาขุนนาง หากมีใครมีส่วนรู้เห็นหรือได้เกี่ยวข้องด้วย ย่อมถูกคิดบัญชีทุกคนโดยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องกับองค์หญิงใหญ่ผ่านการแต่งงาน ทุกคนถูกขับไล่และถูกคุมขังในทันที
ที่มณฑลวั่งเซี่ยนยังเป็นสถานที่สำคัญในการสืบสวน มีบุคคลจำนวนมากที่ถูกนำตัวไปยังเมืองหลวงเพื่อพิจารณาคดี ด้วยเหตุนี้ศาลต้าหลี่ กรมอาญา และกรมตรวจการ สามตุลาการของต้าโจวจึงยุ่งวุ่นวายมาก
เว่ยฉิงยุ่งจนเท้าไม่ได้แตะพื้นเลย แม้ว่าเขาจะคิดถึงภรรยาและลูกๆ ของเขามากเพียงใด แต่ก็หาเวลาว่างไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
ในจวนรุ่ยอ๋อง
เมื่อเว่ยฉิงกำลังตรวจสอบมณฑลวั่งเซี่ยนและต่อสู้กับอำนาจขององค์หญิงใหญ่อยู่นั้น จ้าวชู และจินเซ่อก็วางแผนการหลายอย่างเช่นเดียวกัน..
การล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วง
เนื่องจากภายนอกมีข่าวแพร่สะพัดไปว่าองค์ฮ่องเต้มีสุขภาพไม่ดี พระองค์จึงได้เข้าร่วมงานล่าสัตว์เพื่อพิสูจน์สุขภาพของพระองค์ จินเซ่อได้ล่วงรู้จากลิขิตสวรรค์ว่าฮ่องเต้จะทรงถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างงานล่าสัตว์ครั้งนี้ นางจึงบอกจ้าวชูเพื่อให้เขาได้ใช้โอกาสนี้สร้างผลงาน
ระหว่างพิธีล่าสัตว์จ้าวชูจงใจติดตามฮ่องเต้ ไม่ไกลนักเขาก็พบกับนักฆ่า เขาปกป้องฮ่องเต้ขวางกั้นดาบจนทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสจนเกือบเสียชีวิต ด้วยเหตุนี้จ้าวชูจึงได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เป็นอย่างมาก จนได้เข้าร่วมในสภาขุนนางอีกครั้ง ขั้วอำนาจขององค์ชายสามพาถอนหายใจด้วยความโล่งอก เชิดหน้าหยิ่งผยองได้อีกครั้ง
เมื่อสิ่งต่างๆ กำลังเริ่มดีขึ้น ปัญหาเกี่ยวกับองค์หญิงใหญ่ก็ตามมา จินเซ่อเป็นพระธิดาบุญธรรมที่พระนางรักที่สุดจึงได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
แม้ความจริงแล้วจ้าวชูจะอยากตัดความสัมพันธ์กับนางมากเพียงใด แต่เขารู้ว่าจินเซ่อมีลิขิตสวรรค์อยู่ในมือ
นางสามารถทำนายสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นได้ เมื่อเขาได้เคยได้ลิ้มรสสิ่งนี้เขาจึงใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ปกป้องพระชายาของเขาเอาไว้ นางคิดว่าจ้าวชูรักใคร่นางมากจึงอยากที่จะได้รับการโปรดปรานจากลิขิตสวรรค์เพื่อที่จะได้ช่วยจ้าวชูได้ขึ้นครองบัลลังก์ให้สำเร็จอย่างรวดเร็ว
ศาลต้าหลี่ตรวจสอบจินเซ่อหลายครั้งแต่ไม่พบหลักฐานอะไรที่เกี่ยวข้องกับคดีก่อกบฏขององค์หญิงใหญ่ ทำให้จินเซ่อรอดพ้นไปได้ชั่วคราว นอกจากนี้บ่าวรับใช้ขององค์หญิงใหญ่ถูกควบคุมตัวเอาไว้ในกรมอาญา ผู้คนหลายร้อยถูกขังแยกกันหลายแห่ง ทุกคนต่างกลัวจนตัวสั่น รวมถึงบรรดาชายบำเรอคนโปรดขององค์หญิงที่ได้ถูกจับรวมไว้ด้วยกัน หนึ่งในนั้นมีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ในมุมอย่างโดดเดี่ยว เสื้อผ้าสีขาวของเขาสกปรกผมเผ้ายุ่งเหยิง หลายคนผลัดเปลี่ยนเดินมาหาเขาเพื่อยั่วยุ ก่อนหน้านี้สถานะของชายหนุ่มผู้นี้อยู่สูงกว่าพวกเขามาก องค์หญิงใหญ่ปฏิบัติกับเขาเป็นอย่างดีเป็นพิเศษ ชายหนุ่มได้สิ่งที่พวกเขาไม่สามารถขอได้อย่างง่ายดาย ทำให้เขารู้สึกอิจฉามาก
ในตอนนี้พวกเขาเป็นเพียงนักโทษเท่านั้น จึงได้แต่พากันประชดประชันอีกฝ่ายเป็นการใหญ่
ยิ่งกว่านั้นอีกฝ่ายอาจจะช่วยปกปิดและไม่แจ้งเบาะแสเรื่องการกบฏขององค์หญิงใหญ่ ซึ่งอาจจะมีความผิดร้ายแรงกว่าพวกเขาก็ได้ แต่ทว่าเสิ่นชิงหลิวไม่ได้ใส่ใจ เขาเมินเฉยและเงียบขรึม ชายหนุ่มหลับตาไม่แสดงออก แต่ปลายนิ้วที่เคาะต้นขาทำให้เห็นว่าเขากำลังวิตกและรอคอยอะไรบางอย่าง
หลังจากนั้นไม่กี่วันประตูคุกก็เปิดออกผู้คุมคนหนึ่งเดินมาที่หน้าเสิ่นชิงหลิว
“มากับข้า”
เขาลุกเดินตามผู้คุมออกไป การไปครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่ มีสายตาหลายคู่มองมาที่เขาด้วยแววตาสะใจและเห็นใจ
เสิ่นชิงหลิวเดินตามชายคนนั้นไป เดินอ้อมไปอ้อมมาอยู่หลายครั้งจากนั้นจึงได้เข้าไปในห้องหนึ่ง ซึ่งมีคนกำลังรอเขาอยู่ ชายคนนั้นรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าจริงจัง ที่โต๊ะมีชื่อของเขาเขียนเอาไว้อ อู่อวี้ ดวงตาของเสิ่นชิงหลิวเป็นประกาย
“ใต้เท้าอู่”
เสิ่นชิงหลิวรู้สึกเหมือนตนเองกำลังฝัน อำนาจขององค์หญิงใหญ่ช่างมีมากมหาศาล ในตอนแรกที่ฮูหยินอู่บอกว่านางกำลังจะถูกโค่นล้มลง เขารู้สึกว่ามันยากและคงต้องรอคอยอีกเป็นเวลานาน ไม่คิดเลยว่าจะมาถึงเร็วเช่นนี้ การก่อกบฏขององค์หญิงใหญ่ถูกเปิดโปง การเปลี่ยนแปลงนี้สะเทือนไปทั้งวังองค์หญิง รวมถึงเขาที่ถูกกักขังด้วย
เขากังวลอยู่ว่าฮูหยินอู่จะลืมเขาหรือไม่ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับองค์หญิงใหญ่จะทำให้เขาถูกลงโทษด้วยหรือเปล่า? เจียวเจียวของเขาจะสบายดีไหม? เขากับภรรยาจะได้พบกันอีกไหม?
เขาทรมานจมอยู่กับความคิดเหล่านี้เป็นเวลาหลายวัน เขาถึงประหลาดใจเมื่อได้พบกับอู่อวี้
“ข้าจะจัดการให้เจ้าได้พบกับภรรยา” เว่ยฉิงกล่าว
เสิ่นชิงหลิวขมวดคิ้ว
“ขอบคุณขอรับใต้เท้า แต่ข้าออกไปเช่นนี้จะมีปัญหาหรือไม่?”
“คุณชายเสิ่นทำมามากพอแล้ว ที่เหลือข้าจะดูแลเอง” เว่ยฉิงกล่าวก่อนจะตบไหลเสิ่นชิงหลิว
“ไม่ต้องกังวล”
เสิ่นชิงหลิวมองเขาอย่างลึกซึ้ง
“ขอบคุณขอรับใต้เท้า”
“ท่านกับภรรยาอยู่ที่เมืองหลวงไปชั่วคราวก่อน จะออกไปได้ในตอนที่ข่าวเริ่มซาลง” เว่ยฉิงย้ำ เขาพยักหน้ารับ
“ข้าได้ยินจากภรรยาของข้าว่าท่านสอบผ่านเมื่อสามปีก่อน น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของท่านได้” เว่ยฉิงกล่าว
เสิ่นชิงหลิวเป็นบัณฑิตที่พยายามเข้าร่วมในการสอบหน้าพระที่นั่งก่อนที่จะกลายเป็นคนโปรดขององค์หญิงใหญ่ เขาต้องได้รับการอนุญาติจากฮ่องเต้ ถึงองค์หญิงใหญ่จะล้มลงแล้วแต่ฮ่องเต้คงจะไม่ตบหน้าพระนางซ้ำซ้อนอีกครั้งหรอก ทว่าเสิ่นชิงหลิวเองก็ไม่สามารถกอบกู้ชื่อเสียงได้เช่นกัน
“นายท่าน ชื่อเสียงและความมั่งคั่งเหมือนเมฆล่องลอยในท้องนภา ข้าเพียงหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตที่สงบสุขกับภรรยาเท่านั้น” เสิ่นชิงหลิวกล่าว
หลังจากที่เสิ่นชิงหลิวกล่าวคำอำลากับเว่ยฉิงเขาก็เข้าไปในรถม้าที่ชายหนุ่มจัดไว้ให้ เสียงของรถม้าดังเอี๊ยดอ๊าดไปตามถนน แม้เขาจะเคยนั่งมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาไม่เคยผ่อนคลายและเต็มไปด้วยความหวังเช่นนี้มาก่อน
รถม้าคันนี้แล่นออกจากกรงขังสู่อิสระที่กว้างใหญ่ ในที่สุดก็มาหยุดที่บ้านเล็กๆ หลังหนึ่ง
เสิ่นชิงหลิวออกจากรถม้าเดินเข้าไปในบ้านเล็กๆ หลังนั้น เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงได้เช็ดคราบเปรอะเปื้อนบนตัวเอง
เขาเคาะอยู่ไม่นานประตูก็เปิดออก
สวี่เจียวเป็นคนมาเปิดประตู นางอยู่ในชุดของเรียบง่าย ผมถูกมัดไว้อย่างเรียบร้อยแม้แต่การแต่งตัวก็เช่นกันเหมือนกัน
นางชะงักมองสามีอย่างไม่เชื่อสายตาของตนเอง ทั้งสองจ้องตาซึ่งกันและกัน เสิ่นชิงหลิวเผยยิ้มกว้าง ก้าวเข้าไปใกล้รวบนางไว้ในอ้อมแขน พวกเขากอดกันแน่น
นางเดินทางผ่านภูเขาและแม่น้ำมาหลายพันลี้ ในที่สุดก็ได้พบกับสามีอีกครั้งและพวกเขาจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าไม่แยกจากกันอีก
คดีขององค์หญิงใหญ่ไม่เพียงส่งผลกระทบในเมืองหลวงเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงมณฑลวั่งเซี่ยนด้วย ข้าราชการเก่าๆถูกคุมตัวไปยังเมืองหลวง ขุนนางใหม่ที่เข้ามาทำงานก็ลดภาษีทุกอย่างลง
บนภูเขา
ชายชราหลังค่อมผู้หนึ่งกำลังเก็บสมุนไพรที่กระจัดกระจายอยู่ ในตอนนั้นเองร่างเล็กๆ วิ่งไปหาเขาอย่างรวดเร็ว
“ท่านปู่ ท่านปู่” โก่วหวาตะโกนออกมาเสียงดัง
ชายชราหันไปมองเขาดุๆ
“วิ่งมาทำไม? มีเสือไล่ตามเจ้าหรือไง?” โก่วหวาดึงแขนเสื้อของปู่ตัวเองและพูดด้วยน้ำเสียงมีความสุข “ท่านปู่ เราลงจากภูเขาได้แล้วนะ”
ชายชราชะงักไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานหัวหน้าหมู่บ้านก็เดินมา
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ภาษีลดลงแล้วนะ ท่านไม่ต้องซ่อนตัวอยู่บนภูเขาอีกแล้ว บนนี้มีงูพิษเยอะมากอันตรายเกินกว่าจะอาศัยอยู่ ท่านลุงกุยลงไปกับข้าเถอะ” หัวหน้าหมู่บ้านพูดอย่างร่าเริง
“ลดภาษีหรือ?”
“ใช่แล้ว ทั้งได้รับการยกเว้นอีกหนึ่งปีด้วย! เจ้าหน้าที่สองสามคนมาที่นี่เมื่อวานเพื่อซ่อมแซมบ้านเก่าของท่าน เก็บของแล้วลงจากภูเขาได้แล้ว”
ชายชราหันศีรษะไปอย่างมึนงง ลดภาษี? งดเก็บภาษีหนึ่งปี?
“ท่านปู่ เรากินข้าวขาวได้แล้ว” โก่วหวาพูดอย่างมีความสุข
ทันใดนั้นเองเขาก็นึกถึงสิ่งที่ราชทูตเคยบอกเขา โก่วหวาจะต้องไม่มีชะตากรรมเหมือนพ่อตัวเอง!
ราชทูตคนนั้นทำได้จริง!
ชายชราอดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้าไปในห้องอย่างร่าเริง
“เอาล่ะเก็บของลงไปจากภูเขากันเถอะ!”
เขาทั้งมีความสุขและความหวัง!