บทที่ 590 ช่วยสาวงาม
ตันเหนียงถูกสาวใช้ประคองไป ร่างกายของนางร้อนขึ้นอย่างผิดปกติ หญิงสาวรู้สึกแปลกๆ มีบางอย่างผิดปกติกับร่างกายของนาง ตันเหนียงกระวนกระวายใจ หัวของนางมึนแทบจะระเบิด นางกัดลิ้นตนเอง ความเจ็บปวดทำให้มีสติมากขึ้น หญิงสาวหันมองไปรอบๆ ไม่มีใครอยู่เลยทุกอย่างเงียบมาก
นางอยากจะผลักสาวใช้ออกไป แต่สาวใช้จับแขนของนางเอาไว้แน่น มือของนางแข็งแรงจนแทบจะลากนางไปทั้งตัว
“ปล่อยข้า…”
ตันเหนียงต้องการจะพูดเสียงดัง แต่เสียงของนางกลับออกมาเบามาก สาวใช้เอามือมาอุดปากของนางเอาไว้ ลากนางเข้าไปลานบ้าน สติที่ชัดเจนเมื่อครู่เลือนหายไป ตันเหนียงถูกลากเข้าไปในห้อง สาวใช้ปิดประตูขังนางเอาไว้ ตันเหนียงยืนพิงกำแพง ตอนที่นางดิ้นรน ผ้าที่คลุมหน้าหลุดออก เผยให้เห็นใบหน้าเล็กๆ มีเสน่ห์ ผิวขาวของนางแดงระเรื่อ ผมเผ้ายุ่งเหยิงดูเปราะบาง จู่ๆ ก็มีคนเข้ามาโอบเอวนางเอาไว้ มือที่จับนางเหมือนงูพิษ ทำให้แผ่นหลังของนางสั่นสะท้านด้วยความหนาวเหน็บ ตันเหนียงกัดลิ้นของตนเองอย่างแรงอีกครั้งด้วยความตกใจ นางได้สติคืนมาอีกครั้ง
“ไป! ไปให้พ้น!”
“พี่ไป๋…”
“ไป๋มู่หยางมีอะไรดี ! ตันเหนียง ข้าจะแต่งเจ้าเป็นภรรยาให้สมฐานะ..อ๊ะ!” จางไฉ่ถูกกัดอย่างแรง เขาทั้งอับอายทั้งโกรธ เขาตบหน้านางฉาดใหญ่
“นังสารเลว! หน้าซื่อใจคด อย่าให้นายน้อยเช่นข้าขุ่นเคือง ไม่ต้องพูดถึงเป็นภรรยาเอกหรอก ข้าจะขายเจ้าให้กับหอนางโลม!” จางไฉ่สาปแช่งด้วยความโกรธ
“หากข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกแล้ว ไยเจ้าจะไม่ร้องขอแต่งงานกับข้าเล่า?”
“เชื่อฟังนายน้อยผู้นี้ หากได้ลิ้มลองแล้ว บางทีเจ้าอาจจะติดใจก็เป็นได้”
ไม่นานนัก ไป๋มู่หยางนำผู้คนไปที่จวนตระกูลตู้ ใบหน้าเขาไร้ความรู้สึก ไม่มีความอ่อนโยนเหมือนในอดีตอีกต่อไป แสงเย็นๆ ในดวงตาของเขาดูน่ากลัวเล็กน้อย
ถังหลี่เดินตามหลังมา นางงีบหลับไปเมื่อเมื่อตอนเที่ยง จากนั้นถึงได้ฝันร้ายอีกครั้ง
นางฝันว่าตันเหนียงถูกสัตว์ร้าย…สัตว์ร้ายตนนั้นบังคับให้ตันเหนียงแต่งงานกับเขา นางมีนิสัยไม่ยอมคน นางจึงปฏิเสธ นางจะยอมได้อย่างไร? ผู้ชายคนนั้นเที่ยวทำลายชื่อเสียงของตันเหนียงไปทั่ว แม้ว่าไป๋มู่หยางจะอยู่กับนางตลอดเวลาแต่สุดท้ายตันเหนียงก็ได้ฉวยโอกาสที่ไป๋มู่หยางเผลอ จบชีวิตของนางด้วยผ้าไหมสีขาวผืนหนึ่ง
ในความฝัน ใบหน้าที่สิ้นหวังของตันเหนียงได้ฝังลึกอยู่ในใจของถังหลี่
ถังหลี่รู้ทันทีว่านั่นเป็นฝันทำนายเหตุร้าย ครั้งหลังสุดที่นางฝันว่าสามีของตนตกหน้าผายังสายไปเสียแล้ว ใครจะรู้ว่าความฝันนี้เกิดขึ้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ? หากช้าไปแม้แต่ก้าวเดียว มันจะย้อนกลับมาไม่ได้อีก!
ถังหลี่ไม่รอช้า นางไม่รู้ว่าฉากที่เกิดเหตุอยู่ที่ไหน นางจึงไปที่หอจื่ออวื๋นเพื่อตามหาตันเหนียง หัวใจของถังหลี่ทรุดลง นางจึงไปหาที่จวนสกุลตู้ ถังหลี่ได้เจอกับไป๋มู่หยางที่กำลังตามหาตันเหนียงอยู่เช่นกัน ถังหลี่บอกเขาว่าตันเหนียงกำลังตกอยู่ในอันตราย สีหน้าของไป๋มู่หยางเปลี่ยนไปทันที เขารีบพานางไปที่จวนสกุลตู้ทันที
ระหว่างทางไป๋มู่หยางรู้สึกกังวลไม่น้อยไปกว่าถังหลี่เลย ใบหน้าของเขาซีดเซียว เขากำหมัดแน่น ถังหลี่พูดปลอบใจเขาสองสามคำ เขาได้แต่ฝืนยิ้ม
เมื่อเห็นท่าทางของพี่ชายของนาง ถังหลี่จึงรับรู้ว่าเขาเป็นห่วงตันเหนียงมากเพียงไหนบราวนี่ออนไลน์
เมื่อถึงจวนสกุลตู้ ไป่มู่หยางรีบเดินเข้าไปพร้อมกับคนของเขา ทว่าบ่าวรับใช้กับสกัดพวกเขาเอาไว้ที่หน้าประตู
“นายท่าน มาหาใครหรือ? ข้าจะแจ้งข้างในให้ทราบก่อน” บ่าวรับใช้ที่หน้าประตูถามไถ่ ไป๋มู่หยางไม่อาจรอให้เขาวิ่งไปรายงานได้ เขาไม่รู้ว่าระหว่างนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับตันเหนียง เขาต้องการพบนาง ไป๋มู่หยางผลักบ่าวรับใช้ออกไป เขาเดินนำผู้คนเข้าไปอย่างรวดเร็ว ท่าทางเขาดูน่ากลัว ระหว่างทางเขาถามไถ่ไปตลอดว่าเห็นตันเหนียงบ้างหรือไม่?
บ่าวรับใช้ส่ายหน้า
ไป๋มู่หยางวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ จิตใจของถังหลี่สงบลง พี่ชายนางคงจะสับสนไป เขาน่าจะสนใจตันเหนียงจริงๆ ถังหลี่จึงพยายามที่จะสงบสติอารมณ์เข้าไว้
ตันเหนียงได้รับเชิญจากนางตู้ ถังหลี่จึงไปหานางตู้ หากเกิดเหตุอะไรขึ้นกับตันเหนียงนางตู้จะต้องรับผิดชอบ ไม่ช้าถังหลี่ก็พบกับนางตู้
นางตู้ประหลาดใจมาก
“อาตันกลับไปสักพักหนึ่งแล้ว นางหายไปหรือ?”
“ท่านผู้เฒ่า อาจเกิดบางอย่างขึ้นกับตันเหนียงก็เป็นได้ ขอให้ท่านช่วยส่งคนไปค้นหาที่ในจวนจะได้หรือไม่?” ถังหลี่พูดขึ้น ท่าทางที่แข็งกร้าวของถังหลี่ทำให้นางตู้ไม่สบายใจ นางพยักหน้ารับขอให้บ่าวรับใช้ช่วยกันไปตามหา ไม่นานนักจึงได้รู้ว่ามีบ่าวบางคนเห็นสาวใช้พาตันเหนียงไปที่ลานด้านข้าง หลังจากได้ยินไป๋มู่หยางรีบเดินไปอย่างรวดเร็ว เขาก้าวเท้าเร็วมากจนแทบจะเป็นวิ่ง
หลังจากที่เข้าไปที่ลาน ไป๋มู่หยางได้ยินเสียงบางอย่างดังออกมาจากห้อง เขาเดินไปที่ประตู เป็นเสียงหอบหายใจและดิ้นรนหนีอย่างตระหนก ใบหน้าของไปมู่หยางน่าเกลียดมาก เส้นเลือดที่หน้าผากปูดโป่งออกมา เขาเตะไปที่ประตูแต่กลับถูกลงกลอนไว้อย่างแน่นหนา ไป๋มู่หยางเตะจนกลอนพัง
เมื่อเข้าไปข้างใน เขาเห็นสถานการณ์ภายในห้องอย่างรวดเร็ว เสื้อผ้าบนตัวของตันเหนียงฉีกขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นางยังคงดิ้นรน แขนของสัตว์ร้ายถูกปิ่นแทง เลือดไหลอาบ ตาของมันเป็นสีแดง หากแต่ยังต้องการที่จะข่มขืนตันเหนียง ไป๋มู่หยางโกรธ สติเขาขาดผึง เขาเดินเข้าไปเตะจางไฉ่กระเด็น จากนั้นจึงได้เดินรี่เข้าไปตันเหนียง หญิงสาวหวาดกลัว ใบหน้าของนางแดงเนื่องจากฤทธิ์ยา ดวงตาของเต็มไปด้วยน้ำตา
“ปล่อยข้า…”
“ตันเหนียง..ข้าเองไป๋มู่หยาง” เขาพูดเบาๆ ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกคลุมทับร่างของนางเอาไว้ ห่อตัวนางจนมิด ร่างกายของตันเหนียงสั่น
“ไม่ต้องกลัวข้าอยู่ที่นี่แล้ว” ไป๋มู่หยางตบหลังปลอบโยนนางเบาๆ
“ไป๋? ..พี่ไป๋?” ตันเหนียงลืมตาขึ้นมองเขา
เมื่อถูกไป๋มูหยางจับเอาไว้ อารมณ์ของนางก็มั่นคงมากขึ้น นางค่อยๆ สงบลง เมื่อเขาเหลือบสายตาเห็นจางไฉ่ที่ต้องการจะลุกขึ้น ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ดุร้ายราวกับมีปีศาจเข้าสิง ไป๋มู่หยางลุกไปเตะจางไฉ่อีกสองสามครั้ง แต่ละครั้งรุนแรงมากจนเขาสลบไป ดูราวกับสุนัขจรจัดที่ตายแล้วอยู่กับพื้น เมื่อเห็นตันเหนียงยังมีทีท่าหวาดกลัว ถังหลี่ก็ลุกไปเตะจางไฉ่อีกครั้ง
ผู้ชายคนนี้เป็นสัตว์ร้าย ! ในความฝันเขาทำลายตันเหนียง ผลักนางลงนรก ในตอนนั้นเองที่นางตู้ได้เข้ามาเห็นพอดี นางแทบจะเป็นลม หลานชายคนนี้ทำให้เกิดภัยพิบัติกับตระกูล เขาทำเช่นนี้กับตันเหนียงได้อย่างไร
นางรีบเข้าไปหาตันเหนียง
“อาตัน ..อาตันเป็นอย่างไรบ้าง?” ไป่มู่หยางไม่ให้ความสนใจนางตู้ เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่เขายังอยู่ในอารมณ์โกรธอยู่ เขาพยุงตันเหนียงเดินออกไปจากห้อง
นางตู้มองแผ่นหลังของพวกเขาที่เดินออกไป นางวิงเวียนแทบอยากจะเป็นลม หลังจากระงับอารมณ์ได้
“เหลวไหล เจ้าทำเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“ไป! ไปเรียกนายท่านสกุลจางมาหาข้า!”
…
ไป๋มู่หยางอุ้มตันเหนียงขึ้นรถม้า ถังหลี่ตามเข้ามาด้วย ตันเหนียงเหมือนจะหมดสติไป นางนอนอยู่ในวงแขนของเขา ตาปิดสนิท ไป๋มู่หยางลูบใบหน้าของนางเบาๆ มันร้อนมาก ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความทุกข์ เขาทั้งโกรธทั้งหวาดกลัวจางไฉ่
สกุลจาง…
สายตาเขาทอแสงเย็นเยียบ
“พี่ชาย..” ถังหลี่มองเขาอย่างกังวล ไป๋มู่หยางมองนางพลางฝืนยิ้ม
“ไม่เป็นไร” เขาพูด “โชคดีที่ข้ามีเจ้า” ถ้าน้องสาวของเขาไม่ได้บอกว่าอาจจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับตันเหนียงแล้ว เขาคงไม่ได้ไปที่จวนสกุลตู้เพื่อตามหานาง เจ้าสัตว์ร้ายผู้นั้นคงข่มขืนตันเหนียงจนสำเร็จ และนั่นจะเป็นหายนะ! ยิ่งคิดถึงผลที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ยิ่งทำให้เขาอยากถลกหนังหัวสัตว์ร้ายตัวนั้นมากยิ่งขึ้น
ถังหลี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีเหลือเกินที่แผนร้ายไม่เป็นผล ยังพอจะแก้ไขได้
“พี่ชาย เหตุการณ์นี้จะทำให้ตันเหนียงหวาดกลัวมาก ช่วงนี้พี่ควรจะดูแลนางให้มากขึ้น”
นางมีความรู้สึกว่าพี่ชายเป็นห่วงตันเหนียงมาก และตันเหนียงก็รักพี่ชายมากเช่นกัน หากพวกเขาสองคนไม่ได้ลงเอยกันคงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
ไป๋มู่หยางมองคนในอ้อมแขน เขาพยักหน้า คิดย้อนไปยามที่ตันเหนียงอาศัยอยู่ข้าถนน ไป๋มู่หยางสงสารนางจึงได้พานางกลับบ้าน ในตอนนั้นไป๋มู่หยางไม่สบาย สุขภาพอ่อนแอแทบจะดูแลตัวเองไม่ได้ เขาจึงไม่มีเวลาที่จะดูแลตันเหนียง ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่จึงไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก
ระหว่างที่เขาไม่ค่อยได้เจอนาง ช่วงนั้นตันเหนียงเติบโตขึ้นช้าๆ ทักษะในการตัดเย็บของนางดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้พบนางอีกครั้ง นางก็เปล่งประกายเจิดจรัสออกมาแล้ว
ในเวลานั้น ไป๋มู่หยางยังคงเห็นว่านางเป็นน้องสาวคนเล็ก เขายังไม่ได้รู้สึกพิเศษกับนาง ต่อมาอาการป่วยเขาหายด้วยความช่วยเหลือจากถังหลี่ เขาจึงได้กลับมายังเมืองหลวง ตันเหนียงออกตามหาเขา จากนั้นนางจึงได้กลายเป็นช่างปักผ้าที่หอจื่ออวิ๋น ตันเหนียงไม่ใช่คนช่างพูด นางมีน้ำใจและเป็นคนสุขุม ทำให้ไป๋มู่หยางรู้สึกอบอุ่น บางทีความรู้สึกที่มีต่อนางคงค่อยๆ ก่อตัวขึ้นช้าๆ ทีละเล็กละน้อย ใบหน้าของตันเหนียงเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ นางกระสับกระส่ายในอ้อมกอดของเขา
ไป๋มู่หยางขมวดคิ้ว กอดนางแนบไว้แน่น เห็นได้ชัดจนว่าสัตว์ร้ายผู้นั้นวางยานาง เมื่อคิดแล้วโทสะเขาจึงพุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง
ในที่สุดรถม้าก็มาถึงที่หน้าจวนสกุลไป๋ ถังหลี่คิดว่าตันเหนียงมีไป๋มู่หยางเป็นคนดูแลแล้ว นางจึงได้ให้รถม้าไปส่งยังจวนอู่โหว
ไป๋มู่หยางสั่งบ่าวไปตามหมอ เขาอุ้มตันเหนียงไปที่ประตูด้วยตัวเอง วางนางลงบนเตียง แต่ตันเหนียงกลับไม่ปล่อยเขา นางเอามือโอบแขนเขาเอาไว้ราวกับงูเลื้อย ร่างกายของนางอ่อนนุ่ม
“พี่ไป๋…” ใบหน้าของนางแดงก่ำ ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำ ราวกับปลาที่พบแหล่งน้ำ ก่อนที่ไป๋มู่หยางจะได้ทันคิด ริมฝีปากของเขาก็ถูกปิดผนึกด้วยริมผีปากของตันเหนียง ดอกไม้ไฟระเบิดขึ้นในหัวของเขาเสียงดัง ‘ตูม’
หัวใจของไป่มู่หยางเต้นกระหน่ำอย่างแรง